ประเดิมหัวข้อ Cooking ด้วยการโชว์อาหารเช้าของเรา ... ทำง่ายๆ แต่ต้องใส่ใจเท้าความก่อนนิดนึง ... เมื่อก่อนเราจะมาอยู่แคนาดา นน เราประมาณ 47 - 48 กินแค่ไหนก็ไม่เคยมากไปกว่านี้ ... อาหารโปรด ... อาหารทุกอย่างที่ใส่กะเพรา ... ชอบดื่ม Coke ... Regular one! .... ของหวานก็ชอบชอบกิน icecream เป็นชีวิตจิตใจ ... icecream อะไรก็ได้มีมี almond ... snack ก็ชอบกิน Lay's มากๆพอมาอยู่แคนาดา ก็เริ่มสนุก และมีความสุขกับการลองกินของแปลกๆ ใหม่ ชอบกิน cheese ... พวก cheddar โอย ... กินเข้าไป ... ประกอบกับการไม่ได้ออกกำลังกาย (อากาศไม่ร้อน ... เหงื่อแทบไม่ออกเลย) ... น้ำหนักก็ค่อยๆ ทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ ... ไม่เคยใส่ใจที่จะชั่ง ... เสื้อผ้าที่ขนมาจากเมืองไทยก็เริ่มใส่ไม่ได้ ... ก็ต้องซื้อใหม่ ... size ก็ค่อยๆ เพิ่มไป ... จาก S ก็เพิ่มเป็น M แล้วก็เปลี่ยนเป็น L ... วันเดือนผ่านไป ... ย้ายบ้าน ... ขุดเสื้อเก่าๆ มาดู (ไม่อยากทิ้ง) ... เฮ้ย ... เมื่อก่อนใส่ได้ไง ... ตอนนี้เอาส่วนตัวมาใส่แขน ก็เกือบเต็ม ... ในที่สุดก็ตัดสินใจ ซื้อเครื่องชั่ง นน มา ... ทีนี้ละ ฉันจะชั่งทุกวัน ... นน ขึ้นขีดนึงก็จะได้รู้ ... ซื้อมาเสร็จก็กระโดดขึ้นสเกล ... หัวใจดวงน้อยๆ แทบหยุดเต้น ... นน ปาไป 60 kgs ... โอย ลมจะจับ
... 4 ปีที่ผ่านมาไม่เคยสนใจกับ นน ตัวเองเลย ... สนุกกับการกิน การลอง เป็นอย่างยิ่ง ... พวกบัฟเฟ่ เนี่ย ชอบนัก คุ้มดี ... pizza ก็อร่อย ... ทีนี้ก็เริ่มเครียด (เริ่มรู้ตัว) ... บอกกับตัวเองว่า ... ฉันจะลดน้ำหนักให้กลับเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ... เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (เฮอะๆๆ)พยายามว่ายน้ำทุกวัน (ได้ 1 เดือน) น้ำหนักลดไปได้ 2 kgs ... รู้สึกท้อแท้อย่างที่สุดเลย ... โอย นี้เราจะกลายเป็นหมูตอนแบบถาวรเลยเหรอ ... เอาล่ะ ... ว่ายน้ำไม่ได้ผล (ประกอบกับขี้เกียจตื่นไปว่ายน้ำแต่เช้า ... สระมันเปิดเป็นเวลาให้นักเรียนว่าย) ... ก็คิดว่า ... ลองอดดูดีกว่า ... กินพวกแครอทปั่นอะไรพวกนี้ มันคงจะลดซักวันแหล่ะน่าและแล้วก็ไปจัดการหา blender แครอท ... ปั่นเปล่าๆ มันไม่อร่อย ... ก็ปั่นกับ skim milk ละกัน ... ไขมันไม่สูง ก็โอเค ... เช้าแครอทปั่น กลางวันแอปเปิ้ลเขียว เย็นปลานึ่งกับผัก ... กินแบบนี้ไปได้ 1 อาทิตย์ ... น้ำหนักลดฮวบไป 4 kgs ... แต่ตัวยังบวมเหมือนเดิม (แต่เนื้อจะเละๆ) ... ทนไม่ไหว ... ก็กลับมากินเหมือนเดิม ... สองวันน้ำหนักก็กลับมาที่เดิม ... จากนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจจะลดอีก
เวลาผ่านไปอีกเกือบปีนึงเห็นจะได้ ... เวลาที่เรียนหนักมาก ... ตั้งใจจะสอบจบให้ทันปลายปี 2005 ... เลยไม่ค่อยได้มีเวลา นั่งเขียน thesis ทั้งวัน ... ขึ้เกียจทำกับข้าวกิน ... ก็เลยเออ หาอะไรที่มันอยู่ท้องกินดีกว่า ... เอาเป็นว่า soy milk และ cereal ละกัน ... ก็เลือกอันที่มัน low carb ละกัน ... เพราะไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่งั้นเดี๋ยวฉุอีก ... ระหว่างทำงานก็ดื่มชาเขียวร้อนๆ ... วันๆ ไม่รู้กี่สิบแก้ว (japanese green tea) ... เอาใส่เครื่องชงกาแฟ (ขึ้เกียจ) ง่ายดี ... วันๆ ก็เดินไปฉี่เป็นสิบๆ รอบตื่นเช้ามาก็กิน cereal กับ soymilk ... แล้วก็ดื่มชาเขียว ... เพราะว่า cereal ที่ซื้อมามี fibre สูงมาก ... เลยอยู่ท้องทั้งวัน ... ไม่หิว แล้วก็ไม่อยากกินอะไร ... ตกเย็นก็กินข้าวตามปกติอย่างที่เคยพอเวลาผ่านไปซัก 3 เดือน (ไม่เคยออกกำลังกายเลย) ... น้ำหนักลดฮวบไป 5 kgs ... thesis ก็เขียนเสร็จเรียบร้อย ... รอสอบจบ ... ก็เลยมาจัดการอาหารสำหรับลดความอ้วน ... จะเอาให้ลดลงไปเหมือนเดิมให้ได้เลย
จากนั้นก็เริ่มนั่งนับ calories เลย ... จนในทีสุดได้ออกมาเป็นสูตรที่ใช้อยู่ทุกวัน จนตอนนี้น้ำหนักลดลงไป 11kgs แล้ว โดยไม่ออกกำลังกายเลย ... แต่ก็ใช้เวลา 3 เดือนจึงลดได้อีก 5 - 6 kgs ... แต่เราก็ถือว่าเร็วนะเริ่มต้นที่ส่วนผสม1 cup (250ml ) Silk Soy Beverage Organic (100 Calories)1 cup Kellogg's All-Barn Original (90 Calories)1 tsp Benefibre (0 Calorie)
1 cup (250ml ) Silk Soy Beverage Organic (100 Calories) Fat 4 g (6% daily value) Carbohydrate 3 g (8% daily value) Fibre 1 g (4% daily value) Protein 7 g
1 cup Kellogg's All-Barn Original (90 Calories) Fat 1 g (4% daily value) Carbohydrate 27 g (18% daily value) Fibre 12 g (48% daily value) Protein 4 g
1 tsp Benefibre (0 Calorie) Fat 0 g (4% daily value) Carbohydrate 0 g (18% daily value) Fibre (50% daily value) ถ้าจำไม่ผิด Protein 0 g
วิธีทำ ... เท Kellogg's All-Barn 1 ถ้วย ลงไปใส่ชาม ตามด้วย Benefibre 1 ชช เท soymilk ประมาณ 1 ถ้วย ... ไปผสม ... กวนๆ ... ตักใส่ปาก ... อร่อยดีนะ
มือเช้า ... เราก็กินไปทั้งหมด 100 + 90 + 0 = 190 Calories ... ได้ fibre ไป เกือบๆ 100% ของปริมาณ fibre ที่ร่างกายต้องการภายใน 1 วัน ... ปริมาณ Calories ที่กินเข้าไปเท่ากับกิน Lay's 20 ชิ้น ... หรือกิน KitKat 1 แท่ง ... แต่โอโห ... อิ่มไปทั้งวันเลย ... ตกเย็นก็กินทุกอย่างที่อยากจะกิน ... แต่จะกินข้าน้อยๆ หน่อย กับข้าวเยอะๆ หน่อย พวกไขมันก็กินเต็มที่เลย ... ไม่รู้สึกว่าทรมานที่ต้องต้องอดอาหาร ... เพราะว่ามันไม่ค่อยหิว ... นี่ก็เพราะ fibre ยังหนักท้องอยู่เลย ... เลยทำให้กินอะไรไม่ได้มากนัก ... ทำอย่างนี้รู้สึกมีความสุขมากเลย ... ได้กินอาหารที่เราชอบ (ไม่ต้องมาทนกิน carrot ปั่น ... กินแต่ผักผลไม้ หิวจนมือสั่นไส้กิ่ว) ... น้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆ ... ขนาดกะเพาะก็ลดลงด้วยจนถึงตอนนี้ น้ำหนักเราต่ำกว่า 50 kgs แล้ว ... คิดว่าเท่านี้ก็โอเคดี ... น้ำหนักก็ไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นอีก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะลดอีก น้ำหนักคงที่มาได้ 3 เดือนแล้ว ... กินก็ปกติ ... แต่ก็เลิกกินพวกบัฟเฟ่โดยเด็ดขาด ... ไม่จำเป็นไม่ไปเด็ดขาด ... ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
เล่ามาย้าวยาว ... ก็เผื่อว่าใครอยากลดความอ้วน ... ลองเอาวิธีเราไปใช้ดูนะคะ ... หันมอง Nutrition Facts ข้างภาชนะ ... products หลายๆ อันโฆษณานักหนาว่า fat-free ... แต่หารู้ไม่ ... ขนใส่ carbohydrate เข้าไปซะ ... อย่างเช่น icecream อันนึง เดิมแบบที่มีไขมัน จะให้พลังงานอยู่ที่ 300 calories ... ตัว fat-free (อร่อยก็ไม่อร่อย) ให้พลังงาน 280 caloriesพวก fat-free เนี่ย ตัวดีนักเชียว ตัวทำให้อ้วนเลย ... จะให้มั่นใจ ... จะ fat-full หรือ fat-free ... ดูที่พลังงานว่ากี่ calories ดีที่สุด ... กินไขมันมากเกินร่างกายจะบอกเราเองว่า ... เอียนจะแย่อยู่แล้ว แต่กินพวกน้ำตาลและแป้งมากๆ เนี่ย ... ไม่ค่อยจะรู้สึกเอาล่ะ ... ลองนับ calories ดู ... กิน fibre เยอะๆ (แต่ปริมาตรน้อยๆ) กระเพาะอาหารจะไม่ได้ขยาย ... ดื่มน้ำเยอะๆ ... ลดได้จริงๆ นะเออ ... แต่ก็อย่าให้ผอมจนเกินงามล่ะ อ้อ ... ลืม ... แล้วก็ต้องตบท้ายด้วยกาแฟลุงทิมก่อน ... แบบไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาลนะ ... ร้อนๆ ขมๆ