Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
สวัสดี Thailand ภาค 2

• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


ว่างมาเล่าต่อละ ... ถึงไหนแล้วนะ ... อ้อ ... ออกจากสนามบิน ... หายใจไม่ออก ... พอจากสนามบิน ไปถึง ที่จอดลด ก็เล่นเอาเราแย่เหมือนกัน ... พอขี้นรถ ... นั่น จะไปนั่งฝั่งคนขับซะงั้น (ประจำเลย) ... คือ ที่แคนาดามันพวงมาลัยคนละข้างกับเมืองไทย

ไปถึงโน่นก็เที่ยงคืนกว่า ... หมดแรง ... ยังอุตส่าถ่อสังขารไปหา ข้าวกะเพราไข่ดาวกินตอนตีหนึ่งนะ ไม่งั้นลงแดงดิ้นกระแด่วๆ แน่ ... แบบว่า อยากกะเพราสดๆ มาก ... กินเสร็จ ... ก็ got high กับกะเพรา พอหอมปากหอมคอ ... ได้เวลานอนพักผ่อน

ต่อละกัน ... โปรแกรมเที่ยว เนี่ย ไม่ค่อยมีหรอก ... เพราะมีทัวร์คอนเสิร์ต ... ไม่ใช่ ... มีเดินสายเยี่ยมญาติน่ะ ... ก็ไปซะทั่ว ไม่ได้มีเวลานอนอยู่บ้านซักเท่าไหร่

วันแรกเนี่ย ก็ได้ออกไปตะแล็ดแต๊ดแต๋คนเดียว ... ไม่มีใครว่างพาไป ... ต้องรอพรุ่งนี้เค้าถึงจะมีคนว่างพาไปเที่ยว ... งั้นก็ไปใกล้ๆ แถวๆ นี้ละกัน ... ก็ไปมันเรื่อยๆ ... ตอนเที่ยง มีนัดกินข้าวกัน ... จะไปกิน MK อันนี้ก็อยากมาก (ลงแดงไปหลายรอบแล้ว) ... เราไปยังไงเหรอ ... ขึ้นรถเมล์ค่ะ ... ระดับไหนแล้ว ... พอขึ้นไป ... เออ ลืม ถามไปเลย ว่าค่ารถเมล์มันเท่าไหร่ ... อ่ะ วางท่าซะหน่อย (เดี๋ยวเค้าจะหาว่าบ้านนอกเข้ากรุง) ... ก็ควักแบ้งค์ยี่สิบมาจ่ายซะก็หมดเรื่อย ... จ๊ากกระเป๋าเงินทอนเงินมา 10 บาท ... (เอ หรือ 12 บาทนะ) ... คือ แบบว่า เมื่อก่อน ค่ารถเมล์ครีมแดงมัน 3.50 เอง ... ไหงมันขึ้นไปขนาดน้าน (กะว่าซัก 5 บาท) ... ปาดเหงื่อ ครั้งแรก ระหว่างนั่งรถเมล์ ก็ รู้สึกรำลึกถึงความหลังตะหงิดๆ ... เออ ก็ดีนะ (แต่ร้อนว่ะ) ... ดีนะ รถไม่แน่น



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


พอไปถึงห้างที่นัดเจอกันตอนเที่ยง ... ก็ลงรถเมล์ ... พอลงไปถึง ... ดีนะ มีสะพานลอย (เดี๋ยวค่อ่ยเล่าเรื่องข้ามถนน) ... พอเดินเข้าห้าง ... โหย หัวใจเต้นระรัว ... ฉานจะ shop ให้แหลก เลย ... แต่วันนี้เล็งๆ ไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ทะยอยซื้อ

เราก็เดินดูโน่นดูนี่ ... โดยเริ่มต้นที่ดูเสื้อผ้า ... คือกะว่าจะเปลี่ยนทั้งตู้เสื้อผ้าเลยว่างั้น ... เพราะเราเพิ่งเริ่มทำงาน จะเอาชุดกะโปโลที่ใส่ตอนเรียนก็ยังไงอยู่ ต้องใส่ให้มัน "โอ" ดี (เดี๋ยวนี้เห็นของพุดกันจัง ... แต่ขัดหูเรานิดหน่อย ... ทำไมไม่พูด "โอเค" ให้มันรู้แล้วรู้รอด) ... เราก็เดินดูไปเรื่อยๆ ... แบบว่า ... อะไรวะ ... ทำไมเสื้อผ้ามันมีแต่ราคา 1000 บาท up เลยวะ ... มันเกิดอะไรขึ้น ... 1,000 บาท เนี่ย ยี่ห้ออะไรเราก็ไม่รู้จักเลย คุ้นๆ ว่าเมื่อก่อน 300 บาท ก็พอซื้อเสื้อในห้างได้แล้วนะ ... 1000 นึง เนี่ย โคตรหรูแล้วนะ (สำหรับเรานะ) ... แต่นี่ ... ซุ้มไหนๆ ก็ 1,000 up ... 1,000 เนี่ย มัน 33 CAD เลยนะเนี่ย ... ก็พอๆ กับซื้อที่นี่เลยซิวะ ... เห็นแล้วซื้อไม่ลงเลย ... เริ่มกลุ้ม

ได้เวลานัดแล้ว น้องเราโทรเข้ามาว่า มาถึงแล้วนะ ... ไปกิน MK กัน ... ไปเจอกัน ... ก็กินกัน 4 คน ... ก็สั่งโน่น สั่งนี่ ตามปกติที่เราเคยกินสมัย 7 ปีที่แล้ว ... กินเสร็จ ... จ่ายเงิน ... จ๊าก ... 1,xxx บาท ปลายๆ ... นี่มันปล้นกันรึเปล่าวะ ... โอย จะเป็นลม ... เมื่อก่อนเนี่ย กินกันทีไรก็จ่ายกันคนละ 100 กว่าๆ ก็อิ่มจะแย่ ... นี่มันคนละ 4xx เลยเหรอเนี่ย ... ดีนะ มีคนจ่ายให้ ... หุๆๆ



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


เสร็จแล้วเราก็ไปเดินดูของด้วยกัน ... เราก็ถามว่า ... ที่ห้างอื่นมันราคาแบบนี้รึเปล่าเนี่ย ... คำตอบที่เราได้คือ 1000 เนี่ย ราคามาตรฐานมาก ... เราก็เดินไป บ่นไป ... สงสัยคนแถวๆ นั้นท่าจะรำคาญเรามาก ... เห็นราคาแล้วก็หารด้วย 30 ตลอด ... หารเสร็จ ทำหน้าตาบูดเบี้ยว แล้วก็เดินออกมา แล้วก็บอกบ่นพึมพำว่า ... "ไม่คุ้ม" ... "ไปซื้อที่โน่นดีกว่า (หมายถึงแคนาดานะ)" น้องเราก็เลยบอก ... เออ (ท่าจะรำคาญเรามาก) ... งั้นไปดูอันที่มัน on sale ละกันนะ ... เราก็ประกาศเลยนะ ... ถ้าไม่ 50% ฉานไม่ซื้อนะ ... น้องเราบอก ... เออ คงได้ที่ถูกใจหรอกนะ ไหนจะรองเท้า ชุดชั้นใน ผ้าเช็ดตัว ถุงเท้า ชุดนอน ... โอย ... หัวจรดเท้าเลย ... กรูจะเอาอะไรใส่วะเนี่ย

ซักพัก ... น้องและเพื่อน ก็ปล่อยให้เราเดินต่อคนเดียว (เพราะต้องกลับไปทำงานกัน) ตอนเย็นนัดเจอกันอีกที ทีนี้จะไปกันข้าวกันกับญาติๆ ไม่กี่คน (เอ ... 10 คนมั๊ง ... ไม่ได้นับ) ... คือเรารีเวสตว่าอยากเห็นสะพานพระราม 8 ... ก็เลย เออ มานั่งเรือกินข้าวกันดีกว่า ... ระหว่างนั่งเรือก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ... อาหารไทยนี่มันอร่อยจริงๆ ... แล้วก็กินลมชมวิว ... สวยยยยยยยยยยยยยยมาก ต้องยอมรับเลย ... พอกินเสร็จ ... จ่ายเงิน ... บิลมา ... จ๊าก ... ซัดไปเฉียด 4,xxx ... นี่มันปล้นเราอีกแล้วเหรอ ... อะไรกันเนี่ย ... นี่มันกินอาหารมื้อนึง มันล่อไปครึ่งหมื่นเลยเหรอ ... แต่ไม่ต้องจ่ายอีก รอดตัวไป



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


วันถัดมา ... นัดเจอกับน้องเราที่ทำงาน ... พอไปถึงหน้าที่ทำงาน ก็ต้องข้ามถนน ไปอีกฝั่งนึง ... ไม่มีสะพานลอย ... รถก็เยอะมากๆๆ ... เรายืนจดๆ จ้องๆ อยู่ เกือบ 10 นาทีก็ไม่กล้าข้าม T_T กลัวรถชน ... แอบคิดในใจ ... ทำไมคนขับรถใจร้ายจัง ... ไม่จอดให้คนข้ามเลย คือที่นี่เนี่ย รถมันมีแต่จะจอดรอให้เราข้าม ขนาดบางทีเรายังอีกไกลกว่าจะเดินถึงถนน รถก็จะจอดกันให้คนข้าม (ประมาณว่า หลับตาเดินข้ามถนนก็ยังไม่โดนรถชน ... เราก็เว่อร์ไปซะ) ... คิดอีกที ... เออ เมื่อก่อนเราก็ข้ามถนนได้นี่หน่า เดี๋ยวนี้ไม่กล้าข้าม ... 10 นาทีผ่านไป ... ความจริงมีคนยืนอยู่ไกลๆ ข้ามกันไปหลายคนแล้ว แต่ใจไม่กล้าพอ (จังหวะไม่ได้) ... จนในที่สุด มีชายหนุ่มรูปงาม (ความจริง ไม่ได้เห็นหน้าหรอก) เหมือนพระมาโปรด ... เดิมข้ามถนนใกล้ๆ ... เราก็เลยวิ่งตามเลย ... ไปถึงเกาะกลางถนน ไปยืนรอพักนึง ... แล้วชายหนุ่มรูปหล่อก็ดันวิ่งข้ามไปซะก่อน ทิ้งเราขาตาย ไว้กลางถนนคนเดียว ... ฮือๆ T_T ... เราก็ยืนรออยู่พักใหญ่ (อีกแล้ว) ... จนน้องเรากับเพื่อนของน้องเราเดินออกมาพอดี ... มายืนหัวเราะเยาะเรา ... ซักพัก ... ก็ช่วยเราดูรถให้ข้ามถนน ... T_T

ข้ามถนนในกรุงเทพมันช่างยากซะจริง T_T

จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงกัน ... วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวเรือ อย่าให้พูดถึงราคาเลยนะ ... แล้วก็เดิน shopping ด้วย ทีนี้ก็ไปอีกห้างนึง ... แล้วก็มีคนช่วยขับรถไปโน่นไปนี่ด้วย (ไม่งั้นแย่แน่เลยเรา) ... ไปเดินหาของลด 50% เดินจนเมื่อย ก็ได้เสื้อผ้ามาแค่ 3 ชุด ... แล้วก็ได้ไปเดินตามประตูน้ำ (ร้อนโค้ดๆ) ... ได้เสื้อผ้าใส่เล่นมานิดหน่อย ... ตกเย็นแม่เราให้ซื้อผลไม้ เตรียมไปไหว้เช็งเม้ง ... ไอ้เราก็เดินหยิบโน่นหยิบนี่ไปเรื่อยๆ ... เสร็จแล้วก็มาที่แคชเชียร์ ... ปรากฎว่า ... 2,xxx บาท ... นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกัน ... เกิดอาการรับไม่ได้แล้ว ... คือมันมากเกินไปแล้ว (อารมณ์ตอนนั้นเนี่ย จริงๆ นะ ... อารมณ์ต่อต้านอย่างแรง) ประเทศไทยเราเป็นอะไรไป ... ทำไมค่าครองชีพมันแพงกว่าที่แคนาดาอีกล่ะเนี่ย ... รายได้ที่แคนาดาเดือนนึง เทียบกับรายได้คนไทยบางคนเป็นปีๆ กว่าจะได้มา



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


ย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้ว ... ตอนเรามาเรียนอยู่แคนาดาใหม่ ... เวลาจะไปกินนอกบ้าน ... 10 cad เนี่ย คูณแล้วคูณอีก ... กินอาทิตย์ละไม่เกิน 1 ครั้ง (คูณแล้วมันตั้ง 300 บาท) ... กินแบบ stake house เนี่ย ... 30 cad เนี่ย ... คือไม่ special ก็ไม่กิน ... แต่นี่อะไรกัน ... กิน MK กินอาหารตามสั่งในร้านอาหารเมืองไทยดีๆ หน่อย ... แพงกว่ากินที่นี่อีก ... อะไรๆ ทุกอย่าง (ยกเว้นค่าเช่าบ้าน) ดูจะแพงกว่าที่แคนาดาไปซะหมดแล้ว

เราก็คิดๆ อยู่ว่า ... แล้วคนที่เงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท เค้าอยู่กันได้ยังไง ... จะกินอยู่แบบนี้ได้ เงินเดือนไม่ต้องเป็น แสนหรอกเหรอ ... ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

ส่วนชุดชั้นในอีก ... ไม่ต้องพูดถึง ... แพงโค้ดๆ ... คือแบบราคาเต็มเนี่ย ไม่กล้าจ่ายเลย ... ซื้อแบบอันที่กองๆ เท่านั้น ... ก็ซื้อไปงั้นแหล่ะ เพราะไม่มีใช้ (ก็กะจะมาขนจากที่นี่ไปนิ) ... ก็เลยจำใจต้องซื้อแบบที่ไม่สวย แต่ถูกๆ ... เอาไว้กลับมาแคนาดาแล้วค่อยซื้อ ... ราคาเต็มที่นี่ก็ไม่แพงกว่าซักเท่าไหร่ ... ส่วนตามร้าน Winners (คล้ายๆ outlet) เวลามันลดๆ นะ ... เราซื้อพวก CK (สวมสบายมากๆ) ได้ในราคาแค่ ร้อยกว่าบาทเอง แบบก็สวยกว่าเยอะ



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


พูดถึงเรื่องขับรถหน่อย ... คือแบบว่า ... มีคนอาสาขับรถพาเราเที่ยว ... คือแบบว่า เวลาเค้าขับ ... ปาดซ้าย ปาดขวา ... หัวใจจะวาย ... แถมเวลาแบบเค้าเลี้ยว ... หลายๆ ทีตกกะใจ นึกว่าจะชน (เพราะว่าเค้าขับชิดซ้าย ... คือนึกว่าขับผิดด้าน ... เพราะที่นี่ขับชิดขวา) ... แถมเวลาเค้าขับรถแบบว่า เวลาคนจะเดินข้ามถนน แล้วเค้าไม่จอด กลับเร่งรถด้วยความรวดเร็ว ... เราแบบว่า แอบด่าในใจเลย ... ใจดำ! ... คือแบบ มันผุดออกมาจริงๆ ... แต่พอกลับมาคิดอีกที ... เออ ชีวิตที่นี่ มันแก่งแย่งแข่งขันกันมาก ... ถ้าปล่อยใก้คนเดินข้าม กว่าจะไปถึงที่หมายก็คงจะกินเวลานานโข ... แต่ความรู้สึก negative ลึกๆ มันก็ผุดขึ้นมาจริงๆ ยังไม่หายไปไหน

บางคนอาจจะคิดว่า ... เอา ไปอยู่เมืองนอกมา แล้วไปรับเอาวิถีการดำเนินชีวิตของฝรั่งมา แล้วมาทำเป็นรับไม่ได้ ... ง่ายๆ ก็คือ กระแดะว่ะ ... จะว่าจริงมันก็จริงๆ นะ ... พอเราคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนึงนานๆ มันก็ค่อยๆ ซึมเข้าไปอย่างที่เราไม่ค่อยจะรู้ตัว ... มารู้ตัวอีกที ก็รู้ว่า ชั้นคนนี้ ไม่ใช่ชั้นคนก่อนเมื่อ 7 ปีที่แล้วอีกต่อไป ... เป็นคนที่แก่ลง แถมมี attitude อีกต่างหาก! ... I'm a girl with attitude!! เหอะๆๆ

ความรู้สึกว่า I don't belong here บางทีมันก็โผล่ขึ้นมา ... อะไรมันก็ดูจะไม่คุ้นเลย ไม่ถนัดไปซะหมด ... รู้สึกเหมือนเรามาต่างบ้านต่างเมือง ... กินอะไรก็ท้องเสียหมดเลย ... กินอะไรนอกบ้าน ร้านที่เราเคยกิน เผ็ดไม่เผ็ด ก็ท้องเสียจู๊ดๆ ตลอด ... คือกินได้แต่ข้าวต้มหมูทอด ไข่เจียว อะไรพวกนี้ ท้องจึงจะไม่เสีย



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


ช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่เราอยู่เมืองไทย ... ก็ตะลอนไปเยี่ยมญาติ เยอะแยะมากมาย ... ได้ไปเที่ยวทะเล ไปเหยียบทะเล สูดกลิ่นอายทะเล ซะชุ่มปอด ... ปกติเราชอบทะเลมากๆ ... แต่ 7 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้เดินเล่นตามชายหาดเลย ... เอาเป็นว่า ช่วงนี้มีความสุขดี ... ก็ขอไม่เล่าละกัน ... อิๆ ... เน้นเรื่อง shopping ดีกว่านะ

เอ้อ ... อีกอัน ที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ... คือ ทุกคนในประเทศ ตั้งแต่เริ่มพูดอ้อแอ้ได้ ... ก็จะมี cellphone กัน อย่างน้อยคนละ 1 อัน ... เฮ้อ! บางคนขี่เจ้าทุยในท้องนายังพก cellphone เลย ... สุดยอด

เราก็เดินสายไปโน่นไปนี่ตลอด ... มามีเวลา shop อีกทีก็ช่วงไม่กี่วันตอนใกล้จะกลับแล้วหล่ะ



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


วันนึง ... เราฉายเดี่ยวอีกแล้ว ... ก็ไม่มีใครว่านิ ... เดินไปหาซื้อพวกต่างหู ที่หนึบผม ... เทือกๆ นี้ ... ไม่ใช่ในห้างนะ ... เห็นที่หนีบผมอันเล็กขนาดเท่าหัวแม่โป้งเอง ... จะเอามาหนีบผมข้างหน้า ... ก็เลยถามว่า "เท่าไหร่คะ?" ในใจก็เออ ... ถ้าเค้าบอก 30 เราต่อเหลือ 20 ได้ป่าวหว่า ... คนขายตอบสวนมาว่า "75" ... ในหัวเรา "เห้ย ... อะไรวะ ... อย่ามาโก่งราคาซะให้ยากเลย ... กรูไม่ซื้อก็ได้วะ" แล้วเราก็วาง แล้วก็ทำเป็นยืนมองๆ ... ซักพัก มีสาวแต่ชุดนักศีกษาคนนึงเดินมา ... หยิบแบบเดียวกับที่เราหยิบ ... เธอก็ถามว่าเท่าไหร่ ... คนขายก็ตอบอีกว่า "75" เธอก็หยิบเงินจ่ายทันที ... เราก็แบบ อึ้ง ... อะไรวะ ... กะอีแค่ที่หนึบผมตัวเท่ามด ... มันราคาเท่านี้เลยเหรอ ... ไม่เห็นชั้นจะต้องถ่อมาซื้อถึงที่นี่เลย (คือคิดแบบนี้จริงๆ นะ) ... เราก็เลยถามอันใหญ่ขึ้นมาหน่อย ... ร้อยกว่า ... โอย แพงโค้ดๆ ... ยังทำใจไม่ได้เลย ... แต่เราก็ซื้อมาอันนึง ตอนแรกกะจะซื้อซัก 10 อัน T_T ... ส่วนต่างหู ... ไม่ต้องพูดถึง กะจะขนซื้อซัก 30 คู่ ราคาแพงมาก เลยซื้อมาแค่ไม่กี่คู่เอง ... สู้กลับมาซื้อที่นี่ 2-5 cad แถมซื้อ 2 แถม 1 ดีกว่า ... แถมพวกที่มียี่ห้อ ลด 50% บ่อยซะด้วย ไอ้พวก guess รึไม่ roots ไรพวกนี้



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


แต่การกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ก็ไม่ได้เสียเที่ยวไปซะทีเดียว (พูดในแง่ shopping นะ) ... ตอนแรกกระเป๋าเดินทางเรา 3 ใบ (ขึ้นเครื่องใบนึง) ใบใหญ่ที่ลากมาใบนึง ... แล้วก็ใบที่คลอดออกมาอีกใบนึงทีหลัง ควรจะเต็มไปด้วย ... เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ชุดชั้นใน เครื่องสำอาง ... กลับกลายเป็นของกินไปซะงั้น ... เต็มไปด้วย instant noodles สาระพัด ... คือ ที่นี่มันมีแต่มาม่าต้มยำกุ้ง กับมาม่าหมูสับ แล้วมาม่ารสไก่ ... แค่นี้จริงๆ ... น่าเบื่อโค้ดๆ ... เราก็เลยขนพวกนี้มาซะเต็มกระเป๋า ... รวมไปถึงพวก เซียงไฮ บ๋วย ขนมขบเคี้ยวสารพัด ... ดีนะ ของพวกนี้ราคาไม่สูง (ค่อยยังชั่วหน่อย) ... อ้อ พูดถึงซื้อของใน supermarket ทำให้เรานึกถึงอาการใน food court... ปกติเวลากินอาหารตาม food court เนี่ย ... แบบว่าแลกตัง 50 ก็กินได้อิ่มแล้ว ... แต่นี่ 100 นึง แน่ะ ... แพงจัง

เอาเป็นว่า ... กระเป๋าเรา 2 ใบที่โหลดลงท้องเครื่องเลยมีแต่ของกินไปซะงั้น

ความหวังก็ยังมี ... กระเป๋าที่ carry on ก็จะเตรียมไว้ซื้อ เครื่องสำอางที่ duty free เตรียม zip lock แบบว่างเปล่า มาขนโดยเฉพาะ ... ไหนจะพวก makeup อีก



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


วันเดินทาง ... พอผ่าน custom แล้วก็ ... สบัดหัว 3 ที ... เปลี่ยนโหมด ... จาก Thai เป็น English ... แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลด ... ดีใจจะได้กลับแคนาดา ... แล้วก็กะจะ shop ใน duty free ให้หนำใจ ... เดินเข้าไป ... เจอร้านเครื่องสำอางขนาดพองาม ... แอบดีใจ ... คิกๆๆๆ ... ก็ดูโน่น ดูนี่ ... จะซื้อโน่นซื้อนี่ ... เอ ทำไมราคามันแบบ 3,xxx ทั้งนั้นหว่า ... ซึ่งมันก็แบบว่า 1xx cad เลยนะ ... ราคานี่เนี่ย ... มันแพงแบบเว่อร์ๆ มากเลย ... overprice สุดๆ ... จะซื้อแป้ง LM ดูราคาผ่านๆ ... 3,xxx บาท (ถ้าจำไม่ผิด) ... อึ้งเลย ... คือมันควรจะแค่พันต้นๆ ไม่ใช่เหรอ ... เราก็แบบว่า ทำใจไม่ได้มากๆ เลย (แอบผิดหวังอย่างแรง) ... สรุปคือ เราก็ไม่ซื้ออะไร เดินผ่านร้านนี้ไป ... กะว่าจะไปดูร้านอื่น ... สรุป ... หมดแล้วครั้บ มีอยู่แค่นี้ ... เซ็งจิตเลย ... ไม่ซื้อก็ได้วะ ... เอาไว้ไปซื้อที่ Narita เอาก็ได้



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


พอมาถึง Narita ... เซ็งอีก ... คือแบบสนามบินที่ Narita มันงงมากเลย ... ขามาเราได้ boarding passes ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นทาง เลยไม่ค่อยมีปัญหา ... แต่พอขากลับมาแคนาดา ... เค้าไม่ได้ให้ boarding pass เราทั้งหมด ... ให้มาอันเดียว ... แถม information อะไรที่สนามบินก็แบบว่า งงมาก ... เดินหลงทางไปซะงั้น ... คือเดินออกมา ถามที่เค้ามี security check แล้วมันบอกว่าเราต้องมี boarding pass ก็มันยังไม่มีนี่หว่า ... เราก็เดินเลยไป ... เดินไปเรื่อยๆ ... อ้าว นี่มันจะออกไป domestic แล้วนี่หว่า ... เดินก็ไกลโค้ดๆ ... ต้องเดินกลับมา ... ขากลับก็เจอ security check อีกจุดนึง ... ไปถามมันว่า ตรูไม่มี boarding pass แต่จะต่อเครื่องไป canada ทีนี้มันให้เราผ่าน ... อะไรวะ ... ทีอีจุดแรกใกล้ๆ มันไม่ให้เราผ่าน ... ความจริงเราเห็น canadians สองคน ก็แอบงงเหมือนเรา (หลงทางเหมือนกัน) ... พอเดินเข้าไป ... เฮ้ย มันเป็น duty free area แล้วนี่หว่า เรายังไม่มี boarding pass ซักกะหน่อย ... เดินวนอยู่นาน กว่าจะเจอ information service ก็ถามเค้า ... เค้าก็เลยบอกว่า ไปเอา boarding pass ได้ตรงโน้น ... T_T ... แล้วจะรู้มั๊ยเนี่ย

หลังจากนั้นก็เดินไปซะไกล ไปต่อแถวอีกยาวเฟื้อยเพื่อเอา boarding pass ... พอได้เสร็จ ... เอ่อ เหลือเวลาแค่ 30 นาที จะเป็น general boarding แล้ว ... ส่วน gate ที่เราจะ board ก็ไกลโคด ... ที่นี้ เราวิ่งแจ้นเลย ... ไปถึง ... เหลือ 10 นาที จะ board ... แถมแถวๆ นั้น ไม่มีร้านเครื่องสำอางใหญ่ๆ อีก ... คือมีแต่พวก ขนม กับ anessa นิดหน่อย ... แล้วก็มีแป้งฝุ่น ยี่ห้อที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ... ไหนๆ ก็ ไหนๆ ... ซื้ออะไรติดมือซักหน่อยละกัน ... อ้อ แล้วก็ซื้อปลาไหลย่างติดมือมาด้วย (อร่อยโค้ดๆ) ... สรุปคือ ... ไม่ค่อยได้อะไรเลยจาก Narita ... เซ็ง



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


พอขึ้นเครื่อง ... เซ็งแล้วนิ ... กว่าเครื่องจะบินได้เนี่ย .. ต้องรอต่อคิว 40 นาทีแน่ ... แถมเราจะถึง Vancouver ช้าไปอีก ... ไม่แค่นั้น .. เรามีเวลาที่โน่นแค่ชั่วโมงครึ่ง ... แถมจะต้องผ่าน custom ที่โน่น ซึ่งแถวมักจะยาวเฟื้อย ... พอไปถึงก็จริง ... แถวยาวเป็นงู ... แถมต้องไปเคลม luggages ก่อนด้วย ... กว่าจะผ่าน custom ได้ ... ก็แบบว่า ถึงเวลา board พอดี (เราต้องต่อเครื่องอีก) ... ที่นี่ก็วิ่งแจ้นไปยกกระเป๋าใบยัก 2 ใบที่เต็มไปด้วยของกิน ... แล้วก็วิ่งไป check in อีกที ... หลังจากนั้นก็วิ่งข้ามโลกไปที่ส่วน domestic ไป ถึงช้าไป 5 นาที ... สรุป ... เครื่องมัน delay ... ถึงแล้วเค้ายังไม่เรียก general boarding ... เราก็ไปยืนหอบแฮกๆๆ อยู่พักนึง แล้วก็ได้ขึ้นเครื่องพอดี



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


และแล้วในที่สุดก็กลับถึงที่นี่ด้วยความปลอดภัย เหนื่อยสุดๆ ... ดีใจที่ได้กลับเมืองไทย ... แต่ก็ผิดหวังอย่างแรงที่ไม่ได้ shop อย่างที่คิดไว้ ... ทิ้งคำถามที่ค้างคาใจไว้ ... เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยของเรา ... รายได้คนไทยก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย เมื่อเทียบกับคนที่นี่ ... แต่ทำไมอะไรๆ มันช่างแพง แพงกว่าที่นี่ด้วยซ้ำ ... เฮ้อ

แย่ไปกว่านั้น ... เมื่อก่อน เราค่อนข้างจะประหยัดทีเดียว ... เพราะคิดว่า ของที่นี่อะไรๆ ก็แพงกว่าเมืองไทย ... แต่หลังจากกลับมาจากเมืองไทย ... รู้สึกว่าตัวเองจะ shop มากกว่าเดิม เพราะความคิดเราเปลี่ยนไป คือ ... วุ้ย เมืองไทยแพงกว่านี้อีก ... ซะงั้นไปเรา ... กลับมาถึง เราก็เลย shop ซะกระจาย ... อัดอั้นมาก ... ไม่งั้นอกแตกซะก่อน



• สวัสดี Thailand ภาค 2 •


เขียนยาวจังเลย ... จะอ่านกันหมดรึเปล่าเนี่ย ... สรุปแล้วก็ดีใจนะ มีความสุข ถ้ามีเวลามากกว่านี้ คงจะได้พบป่ะเพื่อนฝูงเก่าๆ ด้วย เสียดายจัง

... ก่อนจบเรื่องนี้ ... ก่อนหน้านี้ ... ปักใจ 100% ว่าจะกลับไปเมืองไทย ทำงานให้ประเทศชาติไทยของเรา ... ตอนนี้ เรายอมรับว่า เราลังเลมากๆ ... เราจะอยู่ไหนดี ... เราจะอยู่นี่ เป็นพวกแม้ว ที่ไปไหนก็จะเป็น second class คือใครๆ ก็เห็นเราเป็นคนพวกเอเชียนผิวเหลือง ... พอออกนอกมหาลัย ... ไปสู่โลกภายนอก ... ก็ยังมีพวกคนใจแคบบางคนที่ยังดูถูกและเหยียดหยามอยู่ ... ไปเจอไอ้พวกวัยรุ่นปากหมา บางทีมันก็ bully เห่าหอนของมันไป ... อารมณ์ดีๆ ก็ไม่ถือสา ... หงุดหงิดขึ้นมาก็ทำให้เรา have a bad day ได้ ... แต่ยังไงซะ วันนึง เราก็คงจะกลับเมืองไทยแหล่ะนะ




Create Date : 10 พฤษภาคม 2550
Last Update : 10 พฤษภาคม 2550 10:15:15 น. 19 comments
Counter : 1170 Pageviews.

 
สวัสดียามเช้าคะ
แวะมาทักทาย
ว่าง ๆ เชิญที่ blog goodpeople na ka
แล้วจะมาเยี่ยมใหม่คะ


โดย: goodpeople วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:45:36 น.  

 
หุ หุ ๆ ทักทายค่ะ

อ่านแล้วหนุดีค่ะ พอเวลาต่อเครื่อง ยุ่งยากจังเลยนะคะ

คิดว่าถ้าเป็นตัวเราจะ ทำไงดีเนี่ยกรู ...



โดย: ฝาชีฝรั่ง วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:49:56 น.  

 
55 สนุกดีค่ะ นี่แหล่ะ ไทยแลนด์ อิอิ


โดย: i am tabo วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:17:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ เราแอบอ่าน สวัสดี thailand ของฟีบี้ ตั้งแต่ภาค 1 แล้วก็รอๆๆๆเมื่อไหร่ภาค 2 จะออก เพราะสนุกดี

เราเคย discuss เรื่องค่าครองชีพในเมืองไทยกับเพื่อนเหมือนกัน คือ เวลาเราไปเที่ยวเมืองนอก เมืองที่เค้าว่าค่าครองชีพสูงๆทั้งหลาย โตเกียวเอย, ลอนดอนเอย, ปารีสเอย ถ้าเราแค่คิดว่าเราทานอาหารในร้านอาหารที่เมืองไทยทุกวัน เราก็จะไม่ได้รู้สึกแพงมากอ่ะค่ะ (แต่ร้านอาจจะไม่ดีเท่าเมืองไทย ที่สำคัญ service ของคนไทยดีที่สุดเลย) แต่ที่เมืองไทยดีกว่า คือ เราเลือกได้ อาหารเจ้าประจำเวลาเราทำงานคืออาหารตามสั่ง กระเพราะไก่ไข่ดาวจานละไม่ถึง 30 บาท อิ่มไปทั้งวันค่ะ

อยากให้ฟีบี้กลับมาเมืองไทยจัง เราเป็นคนที่ไม่มีโอกาสไปเรียนเมืองนอกเมืองนา นึกอิจฉาคนที่ได้ไปเสมอ ว่าเค้าได้เห็นโลกกว้างๆ ไม่เป็นกบในกะลาแบบเรา น่าจะมาสอนกบอ๊บๆแบบเราให้ออกจากกะลาที (โน้มน้าวสุดฤทธิ์)


โดย: ไอริน วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:44:05 น.  

 
แวะมาอ่านภาค 2 แล้วค่ะคุณฟีบี้

เราเองกลับไทยอยู่บ่อยๆ บางทีเลยไม่สังเกตุเท่าไหร่ว่าตอนนี้อะไรแพงมั่ง เพราะของบางอย่าง นู่นเลย เราไปซื้อแบบตลาดนัดสำเพ็งก็จะได้ราคาส่งถูกลงนิดนึง

แต่ยอมรับจริงๆว่า ค่าครองชีพบ้านเราตอนนี้แพงมากขึ้นเรื่อยๆ จำได้ว่าก่อนเรามาเมกาปีแรก ค่าน้ำมัน 13-14 บาทต่อลิตรไม่เกินนี้ หมูโลละ 60 ผักเอยอะไรเอยก็ถูก เดี๋ยวนี้กลับไปแอบมึนเล็กน้อยว่ามันแพงขึ้นมาก

แต่ยังไงซะ เราก็จะกลับไทยค่ะ อยู่ที่ไทยเราไม่ต้องเสียค่าบ้านค่ารถค่าอะไรแล้วอ่ะค่ะ ของชิ้นใหญ่ๆมีครบหมดแล้ว เหลือแต่กินอยู่ไปวันๆ ยังไงคงถูกกว่าจ่ายค่าเช่าบ้านค่าใช้จ่ายที่เมกาแน่ๆ และที่สำคัญเราคิดถึงคนรอบข้างมากๆเลย อยู่นี่มัน independent สุดๆ บางทีมันมากจนรู้สึกว่ามากไปด้วยซ้ำ


ขอให้คุณฟีบี้ตัดสินใจได้เร็วๆนี้นะคะ .. เผื่อจะมีหัวกะทิกลับมาที่ไทยอีกสักคน


โดย: สะพานดาว วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:01:02 น.  

 
จริง ของแพงขึ้นมาก
อาหารอ่ะ แพงขึ้นอย่างน่าตกใจ เห็น McDonald ชุดละเกือบร้อยเป็นลม
เสื้อผ้าก็ซื้อไม่ลง pattern ห่วย แต่ราคาเท่า ๆ กับเสื้อผ้าที่นี่หรือไม่ก็แพงกว่า นี่ว่าถ้าจะกลับเมืองไทย จะกวาดให้หมดทั้งชุดทำงาน รองเท้า etc.


โดย: vamos_ferrero วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:06:59 น.  

 
อ่านแล้วเห็นใจคนที่ไปอยู่ตปท.นานๆเลยอ่ะค่ะ เข้าใจเลยว่าความรักบ้านเกิดเมืองนอนอ่ะมีอยู่เต็มเปี่ยม...แต่ความคุ้นเคยในชีวิตประจำวันมันต่างกันมากกก เรื่องค่าครองชีพเราก็ว่ามันแย่จริงๆอ่ะแหละ ซื้อของในห้างทีต้องคิดแล้วคิดอีก


โดย: ningpotter IP: 125.24.18.93 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:53:13 น.  

 
อืม...เห็นด้วย....อะไร....อะไร....ก็แพง...........

ตาสีตาสาเข้ามาทำงาน กินข้าวนอกบ้านไม่ได้เลย....... เงินเดือนต่ำกว่าหมื่นห้า สองหมื่นถ้าต้องเช่าบ้านด้วย......โห......บ้าไปเลย......

แต่ไงได้....ก็ต้องทนอยู่ต่อไป.....ทำตัวให้ชิน.......เฮ้อ........


โดย: skyrocket IP: 58.9.188.10 วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:07:16 น.  

 
สงสารคุณฟีบี้จังเลยกะมาชอปซักหน่อย
แต่ว่าไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านเรานา
ซักวันนึง ... ของคุณฟีบี้มันนานแค่ไหนหว่า ??


โดย: MochaSundae วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:29:08 น.  

 
อ่านจบ 2 ภาค แล้วค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าข้าวของเมืองไทยแพงมากกกกกกกกค่า ยิ่งถ้ามียี่ห้อ สักนิด ราคาสูงเว่อร์ๆ เครื่องสำอางจากนอก พอมาขายในไทยแพงมาก ไม่รู้บวกอะไรบ้าง?
(เที่ยวตะลอนอย่างอุตลุดมากเลยนะคะ) แล้วคุณฟีบี้ ได้พวกสกินแคร์ maid in thailand ติดมือไปลองใช้บ้างหรือเปล่าคะ ****บางอย่างก็ดีและถูก***


โดย: love me again IP: 203.113.67.69 วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:00:18 น.  

 
รู้สึกเรื่องของแพงเหมือนกัน ตั้งแต่่สองปีก่อนที่กลับไป รู้สึกว่าเงิน 1000 บาทนี่แทบช้อปอะไรในห้างไม่ได้เลยค่ะ แพงจริงๆ ..เพื่อนพาไปกิน Vanilla industry กิน apple crumple ชิ้นขนาดประมาณ 2x2" แล้วก็เครื่องดื่มคนละแก้ว เช็คบิลมา 500 กว่าบาท งงเลย คือไม่ได้อร่อยขนาดนั้นด้วย

เห็นด้วยเรื่องคนขับรถ รู้สึกเค้าดุดันกันจริง การข้ามถนนก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีรถหยุดให้ แต่รถแทกซี่จะหยุดๆแบบรอผู้โดยสาร ขวางทางกินเลนก็ไม่สนใจผู้ขับคนอื่น....คราวที่แล้วกลับไปดันซวยขับรถแล้วโดนมอเตอร์ไซค์ชนแล้วหนีเลย ได้แต่นั่งเซ็ง...

...ไม่ค่อยอยากบ่นมากเดี๋ยวคนหาว่าดัดจริต ฮา....


โดย: Little Red Riding Hood วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:24:21 น.  

 
เห็นด้วยมากๆเรื่องค่าครองชีพสูงค่ะ นี่ขนาดไปๆกลับๆเมืองไทยบ่อยกว่าคุณฟีบี้เยอะยังงงเหมือนกัน แต่คิดว่าคนที่อยู่เมืองไทยจริงๆก็ไม่ได้ออกจากบ้านช็อปปิ้งทานข้าวร้านดีๆกันบ่อยๆนะคะ คือถ้าตอนที่อยู่เมืองไทยก็ทานข้าวแกงก๋วยเตี๋ยวชามละ 20-30 บาทตอนกลางวัน ตอนเย็นซื้ออาหารใส่ถุงมาทานที่บ้าน ถ้าอยู่อย่างนี้ค่าครองชีพก็ไม่ได้แพงไปกว่าหรือแพงเท่าเมืองนอก แต่เรื่องของในห้างแพงนี่เห็นด้วยมากๆค่ะ ไม่ได้ซื้อของในห้างมานานมากๆแล้วนอกจากจะลดกระหน่ำจริงๆ ส่วนใหญ่จะเดินจตุจักรหาซื้อของดีไซน์แปลกที่หาไม่ได้ที่เมืองนอกมากกว่า อาจจะไม่ถูกแต่คิดว่าซื้อดีไซน์ก็แล้วกัน ส่วนเครื่องสำอางก็ซื้อใช้เท่าที่จำเป็นเพราะซื้อไม่ลงเนื่องจากรู้ราคาที่เมืองนอก


โดย: Thai Wahine วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:21:31 น.  

 
หวัดดีจ้า goodpeople แวะไปเยี่ยมแล้วจ้า ^_^

ฝาชีฝรั่ง ... มันก็ยุ่งงี้แหล่ะ ต้องวางแผนดีๆ เวลาต่อเครื่อง

i am tabo ... ใช่เลย ประเทศไทย

ไอริน ... จริงอย่างที่ไอรินบอก ... คือ เราอยู่นี่ เราก็จะเลือกกินใช้อย่างประหยัด เพราะคูณเป็นเงินไทยแล้วมันราคาสูงอยู่ ... ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลิกคูณแล้วแต่ก็ติดเป็นนิสัย ... แต่เมืองไทย ... ไม่ว่าจะเป็นร้านดี ไม่ดี ... คือราคามันสูงขึ้นไปจากเดิมเยอะมากๆ ... บางอย่างแพงกว่าที่นี่ ก็ทำให้เราตกกะใจน่ะ ... ส่วนกะเพราไข่ดาว ... เรากิน ไหงตั้ง 50 แน่ะ

สะพานดาว ... ขนาดกลับบ่อยๆ ยังรู้สึกได้เลยนะ ... แต่จริงเลย คือ ค่าเช่าบ้านที่นี่แพงมาก ... แม้แต่ซื้อบ้าน ... ค่าดูแลบ้านก็ไม่ได้น้อยไปกว่าค่าเช่าอพาร์ทเมนต์เลย แพงกว่าด้วยซ้ำ ... เมืองไทยก็ดีตรงนี้แหล่ะ บ้านไม่ต้องเช่า

vamos_ferrero ... กลับเมืองไทยแล้วยังจะไปกิน McDonald เหรอจ๊ะ ... เสื้อผ้าเนี่ย สุดยอด ... เสียดายไม่ได้ไปเดินดูตามที่ขายเสื้อคุณภาพราคาถูกๆ หน่อย

ningpotter ... ใช่ไง เราเดินห้างแล้วกุมกระหมับ หลายรอบเลย ... แพงมากๆ

skyrocket ... เรายังคิดๆ อยู่เลย คนไม่มีบ้านในกรุงเทพ เข้ามาทำงาน จะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ ... แต่ก็ยังดีนะ เห็นหลายๆ คนบอกว่าแพงแต่ในห้าง

MochaSundae ... T_T อด shop เลย ... ไอ้อันที่อยู่ใน wish list นะ แทบจะไม่ได้มาเลย ... เสียดายมาก

love me again ... ตอนแรกนะ เรานึกว่าเราไปไม่ถูกที่ซะอีก .. ราคาแบบว่าเว่อร์มากเลย ... ถ้ากลับไปเมืองไทย เราจะทำไงดีเนี่ย ... พวก thai skincare เนี่ย ... อยากซื้อมากเลย ... แต่หาที่ซื้อไม่เจอ ... เดินวนในห้างตั้งหลายรอบ แต่ไม่ได้อะไรมาเลย ... แล้วก็ไม่มีเวลาไปหาซื้อตามคลีนิคด้วย (ความจริงอยากซื้อมากเลย)

Little Red Riding Hood ... คือไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เงิน 1000 บาท กินอาหารในห้างมื้อสองมื้อก็หมดแล้ว ... ส่วนเรื่องการจลาจร เราคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ (เดี๋ยวก็ชิน ... นะ)

Thai Wahine ... ก็จริงนะคะ คนอยู่เมืองไทย เค้าก็คงไม่กินร้านดีๆ หรือกินในห้าง แทบทุกวัน ... ส่วนที่ซื้อของในห้าง เราซื้อแต่ที่มันลด 50% จริงๆ เลย ... ราคาเต็มซื้อไม่ลงจริงๆ ... ส่วนเครื่องสำอางเนี่ย ราคาเว่อร์มากๆ เลย


โดย: Phoebe Buffay วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:47:01 น.  

 
ตรงข้ามกะเราเลยคะ เราอยู่แคนาดาเหมือนกัน ให้ตายยังไง เราก็จะกลับเมืองไทย เราไม่ชอบการใช้ชีวิตของคนที่นี้มาก ถึแม้บ้านเมืองเค้าสะอาด น่าอยู่ ยังก็ไม่ชอบที่นี้เอามากๆ ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำเหมือนกัน ถึงแม้ประเทศไทยจะร้อน ไม่เป็นระเบียบ มลพิษเยอะ เราก็จะกลับไปตายอยู่ที่ไทย ไม่เคยที่จะลังเลกับความคิดนี้เลย


โดย: tula14 IP: 125.24.27.169 วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:36:32 น.  

 
เห็นด้วยกะคุณฟีบี้ที่สุดเลย
เออ.. คิดๆ ไป ชั้นอยู่ได้ไงเนี่ยกะค่าครองชีพแบบนี้

คิดจะช้อปให้มันส์ ต้องรู้แหล่งจ้า
ช้อปในห้างฯ ดีอย่างเดียว คือรูดการ์ดได้

คุณฟีบี้จ๋า ทำงานที่โน่น เบื่อแล้วก็กลับมาเมืองไทยนะ
เดี๊ยวก็ชินไปเอง หุหุหุ
ยังไงที่นี่ก็เป็น... บ้านเรา



โดย: be_NgaM IP: 203.121.162.73 วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:40:31 น.  

 
มาแอบอ่าน 55ตลกดี เป็นเหมือนเราเลย เมื่อไทยของแพงสุดยอด เราก็ไปหยิบแล้วหยิบอีก ยิ่งต่อราคาโคตรยากเลย


โดย: conan IP: 172.176.163.62 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:03:57 น.  

 
ความรู้สึกเดียวกับที่เรากลับเมืองไทยเมื่อปลายปี 2005 รู้สึกว่ามันแพงกว่าความคาดหมายของเรามาก ขนาดเราจากบ้านมา 3 ปีเท่านั้น แล้วเมื่อหารกลับเป็นเงินฝรั่งก็พอๆ กัน.. ก็อาศัยว่า shop ในแหล่งของถูกน่ะค่ะ อย่างเช่น platinum พวกเครืองประดับก็ไปโน่นเลยสำเพ็งอะไรอย่างนี้..


โดย: กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย IP: 141.24.43.40 วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:3:15:07 น.  

 
เรามาอยู่ีอังกฤษจะเจ็ดปีแล้ว สองสามปีก่อน เป็นช่วงที่เราเรื่มจะเข้าใจประเทษอังกฤษมากกว่าเมืองไทย คือเราเริ่มคุ้นเคยชีวิตที่นี่มากกว่า เรากลับไทยต้องทะเลาะกับแม่ประจำ เรื่องข้ามถนน เราก็เหมือนคุณฟีบี้ รอแล้วรออีก ไม่มีใครจอดให้เราข้าม เรื่องลัดคิว เรื่องน้ำใจ เรื่องการขอบคุณ ถึงแม้ที่อังกฤษ จะขอบคุณแบบที่เรารู้ว่า มันเป็นเรื่องคุ้นเคยที่ไม่ได้ออกมาจากใจก็ตาม

เอ็มเค ก็แพงขึ้นจริงๆค่ะ เรื่องสนามบินใหม่ เราคิดเหมือนกับคุณฟีบี้สุดๆ คนมาออกันเกะกะมาก แล้วที่ทางมันแคบ ตรงคนออก แถมร้านเต็มไปหมด กลับบ้านทีไร ได้เซ็งจิตตั้งแต่ขาออก

เรารู้สึกว่าของที่อังกฤษ ยังไงก็แพงอยู่ดีค่ะ ตอนไปใหม่ๆ เราก็คูณค่าเงินแล้วซื้อไม่ลง พอกลับเมืองไทย เราก็คิดเงินกลับ บางอย่างเราก็ดีใจ โหห ได้ของถูก แต่เสื้อผ้าเนี่ย ไม่ถูกจริงๆค่ะ มีแต่จะแพงขึ้น เข้าใจคุณฟีบี้สุดๆค่ะ


โดย: ส้มโอ IP: 91.104.40.158 วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:1:56:20 น.  

 
เพิ่งกลับไปเมืองไทยเหมือนกัน หลังจากไม่ได้กลับไป หกปีกว่าๆ ตกใจมากกก ที่ของแพงเหลือหลาย จะไปช้อบ ก็ไม่ได้ช้อบ เพราะบวกลบไปแล้ว บางอย่างที่เมกาถูกกว่าแยะ

สงสารคนที่เมืองไทยเหมือนกัน คนที่รายรับน้อย จะทำยังไง เพราะของใช้ต่างๆ ไม่ใช่ราคาคนไทยเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้เนี่ย



โดย: พี IP: 68.41.146.188 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:12:50:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Phoebe Buffay
Location :
ทุ่งหญ้า Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 173 คน [?]




"It's Phoebe! That's, P as in Phoebe; H as in hoebe, O as in oebe; E as in ebe; B as in bebe; and E as in ... Ello there mate." Friends

There is no copyright here, unless otherwise specifically mentioned. If you find it useful, just take it. Thanks!

CHAT BOX



LAST UPDATES
LOSEING WEIGHT (BBC)
SKINCARE MINI SERIES
FAVORITES

Friends' blogs
[Add Phoebe Buffay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.