Pitera
ความจริงเคยเขียนเกี่ยวกับ Pitera ไปแล้วครั้งนึง แต่หาไม่เจอ ก็เลยเอามาเขียนใหม่ แปะเอาไว้ Pitera หรือ Saccharomycopsis Ferment Filtrate ถูกค้นพบโดยนักบวชชาวญี่ปุ่น ซึ่งตระเวนไปยังสถานที่บ่มเหล้าสาเกยังทีต่างๆ เพื่อชิมเหล้าสาเก (ไม่ได้ตั้งใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับ skincare แต่อย่างใด) ... ระหว่างที่นักบวชคนนี้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงบ่มสาเกที่เมือง Kobe ... นักบวชคนนี้ได้สังเกตุเห็นว่า มือของคนงานที่มเหล้าสาเกทำไมถึงได้ดูไม่เหมือนคนทำงานหนักเลย ถึงแม้ว่าหน้าตาเค้าจะดูแก่ตัวลงไปแล้ว แต่มือของคนงานพวกนี้ดูเนียนนุ่ม มีสุขภาพดี นักบวชคนนี้จึงได้เริ่มศึกษาร่วมกับนักวิชาการ ... ซึ่งสังเกตุเห็นว่ามีแค่ที่ Kobe เท่านั้นที่มือของคนงานดูอ่อนเยาว์กว่าที่ควรจะเป็น ... และก็พบว่าระหว่างกระบวนการหมักบ่มสาเกของโรงบ่มเหล้าแห่งนี้ (ซึ่งภายหลังถูกจดทะเบียนในชื่อของ Pitera) ... จะมีสารบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับผิว และช่วยให้ผิวคงความอ่อนเยาว์อยู่ได้
หลังจากนั้นไม่นาน เรื่องก็ไปถึงหู Max Factor ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือ P&G จึงได้นำเคล็ดลับความงามนี้มาจดลิขสิ่ทธิ์เป็นของตัวเอง แล้วนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของ SK-II ที่เลื่องลือ (ในเรื่องราคา) นั้นเองskincare ที่มีสารที่ได้ระหว่างการหมักบ่มสาเกนี้ถูกผลิตมาเรื่อยๆ จนพระคนนี้ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว แต่ก็มีข้อตกลงกันว่า ห้ามเปิดเผยชื่อนักบวชท่านนี้
SK-II (P&G) ก็ได้เข้าทำการปลูก เก็บเกี่ยว และ หมักบ่ม ยีสต์ เพื่อผลิต Pitera ตามที่โรงเหล้าที่ Kobe ได้ผลิตมาตั้งแต่ครั้งกระโน้น ... ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ SK-II คงจะหนีไม่พ้น Facial Essence เนื่องจากว่ามีส่วนผสมของ Pitera สูงถึง 90% ... ส่วนตัวอื่นๆ พวก cleansers, toner, moisturizers ก็เป็น moisturizer (ที่มีส่วนผสมเหมือน Olay ยังกับฝาแฝด) แล้วเอา Pitera มาใส่ลงไปใน products ทุกชิ้น
ความจริงเรื่องสาเกไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างที่ SK-II โฆษณาไว้ ... สาเกเป็นเคล็ดความงามที่รู้กันมานานแล้วในประเทศญี่ปุ่น ... เหล่าเกอิชาในญี่ปุ่นสมัยก่อนมีผิวพรรณที่เนียนนุ่มอ่อนวัยกว่าคนธรรมดา นี่ก็เป็นเพราะว่าเหล้าสาเกเป็นเคล็ดลับความงามของเกอิชาเหล่านี้นี่เอง ซึ่งจะนำเอาเหล้าสาเกไปผสมน้ำอาบ บำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์
สำหรับใครที่สนใจจะใช้ Pitera แต่กำลังทรัพย์ไม่มากนัก ... การเริ่มต้นที่ Facial Essence เป็นทางเลือกที่ดี ... เนื่องจากมี Pitera สูงถึง 90% (ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เราเลือกใช้ SK-II แทนที่จะใช้ยี่ห้ออื่น) ... ส่วนมีใครมีกำลังทรัพย์มาก จะซื้อยกชุดก็แล้วแต่ ... หรือใครจะลองซื้อ Olay เอามากวนผสมกับ SK-II ก็แล้วแต่เช่นกัน
หรือใครจะลองวิธีที่ถูกกว่านั้น ... ก็เลียนแบบเกอิชาสมัยก่อน ... เอาเหล้าสาเกมาผสมน้ำ ใช้บำรุงผิว ... สูตรก็ทำไม่ยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ายุ่งยากนิดนึง ... หาซื้อเหล้าสาเกมา ... หาขวดแบ่งขวดเล็กๆ ยิ่งเป็นขวด spray ยิ่งดี ... ผสมสาเก 1 ส่วน ต่อ น้ำ 4 ส่วน ... เขย่าให้เข้ากัน ... แช่ตู้เย็นไว้ ... ทำเก็บไว้ใช้ซัก 1 อาทิตย์กำลังดี ทำมากกว่านั้นโลชั่นจะไม่สด ... เวลาใช้ หลังล้างหน้า แล้วก็เอา sake lotion มาฉีดใส่หน้าซักฟืดสองฟืด หรือใครจะเอาหยดใส่สำลี เช็ดหน้า หรือจะหยดใส่มือ เอามาตบหน้า รอให้ซึมซักครู่ แล้วก็บรุงผิวตามขั้นตอนปกติหากใครกลัวแอลกอฮอล์ จะเอาไปต้มให้แอลกอฮอล์ระเหยก่อนก็ได้ ... แต่จริงๆ แล้วสาเกมีแอลกอฮอล์อยู่แค่ไม่เกิน 15% เมื่อเอาไปผสมน้ำอีก 4 ส่วน ... แอลกอฮอล์ก็เหลืออยู่ไม่กี่ % ก็ไม่น่าจะทำให้ผิวแห้งตึงอะไร
หากใครลองแล้วมันไม่ work ก็เอาที่เหลืออ่ะ มาดื่มๆ ซะให้หมดๆ ^__^ อย่าให้เสียของเชียว
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 173 คน [
SKII สงสัยคงมีกำลังทรัพย์ไ่ม่ถึงนะคะ
แต่ความเป็นมาน่าสนใจดีค่ะ