ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
แก๊งป่วนปะทะก๊วนเก๋า... ;\.0./; ปีสอง ตอนที่ ๒ .. เกาะเกร็ดซิตี้







สวัสดีค่ะ.. โพสเรื่องนี้ตั้งแต่เมษายน..จนป่านนี้ธันวาคม ทำสถิติดีมากจริงๆ ใครที่ลืมไปแล้ว กลับไปอ่านตอนที่หนึ่งได้นะคะ ปีสองตอนหนึ่ง ^^

และกำลังปั่นตอนต่อไป ก่อนที่ “องค์” จะไม่ประทับ แล้วจะได้มีตอนต่อไปตุนไว้ให้อ่านกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอุดหนุนจ้า..






เข็มสั้นเลขสิบ เข็มยาวเลขสิบสอง ตรงเป้ง ! ตึกเปิดให้เข้าไปใช้บริการ พสิกาฝากของไว้ที่เคาน์เตอร์ และสอบถามหาเจ้าหน้าที่ ที่เคยติดต่อกันไว้ เมื่อได้ความว่า เขาจะเปิดให้ขายหนังสือทำมือช่วงบ่าย โดยการวางขายตรงที่หน้าตึกได้เลยใครสะดวกจะปูผ้าก็ปู ใครนำโต๊ะญี่ปุ่นมาด้วยก็วาง ให้พื้นที่ด้านข้างตึกทั้งหมด ไม่ต้องจับจอง ไม่ต้องแย่งกัน แบ่งๆ ปันๆ กันไป พสิกาพยักหน้าแม้จะยัง งง ๆ แต่ก็ยิ้มสู้ โลกในกะลาครอบของเธอดูเหมือนจะเปิดเผยอให้แสงสว่างเข้ามามากขึ้น

มองไปมุมหนึ่งใกล้ ๆ ประตูทางเข้าอีกฟากหนึ่งของประตูหนึ่ง สงสัยเขากำลังเตรียมเปิดงาน กิจกรรมงานทีบีทีบุ้คเฟสติวัล ที่ประกาศโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ชายหลายคน สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ กำลังต่อปลั๊กไฟ ยกลำโพงมาตั้ง เดินสวนกันไปมา เขาจัดเวที มีเก้าอี้วางไว้ราว ๆ 50 ที่นั่ง เรียบร้อยแล้ว เขียนชื่องานและป้ายเว็บ

“เปิดให้ขายบ่ายโมง ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมง” เธองึมงำ เริ่มอยู่ไม่สุข สาวเท้าเดินสำรวจไปทั่วๆ บริเวณ จากชั้นแรกสู่ชั้นสอง และชั้นสาม ปวดที่เท้าตุบๆ เพราะก่อนมาซื้อรองเท้าใหม่เป็นแบบคัตชูส้นเตี้ย เพราะกลัวว่าต้องไปสถานที่ต่างๆ หากลากแตะเหมือนอยู่บ้านก็เกรงจะไม่สุภาพ ก่อนจะเดินวนลงกลับมานั่งแหมะอยู่ตรงเก้าอี้ที่เขาตั้งหลบมุมไว้ให้นักอ่านที่ชั้นแรก ถอดรองเท้าปล่อยให้เท้าเปลือยเปล่าได้สัมผัสกับพื้นหินอ่อนเย็นๆ จึงรู้สึกดีขึ้น

เธอกวาดสายตาไปรอบๆ นี่เป็นอีกมุมมองของชีวิตเมืองหลวงที่มาสัมผัสหนนี้ก็แปลกดี บรรยากาศเงียบเหงาในตึกสำหรับขายหนังสือโดยเฉพาะ แต่ชั้นจะแบ่งมุมเป็นสัดส่วน แต่ละส่วนจะจัดโชว์หนังสือของแต่ละสำนักพิมพ์ไว้โดดเด่น หากแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเวลายังเช้าไปไหม สำหรับคนกรุงเทพฯ จึงทำให้หนังสือมากกว่าคนอยากอ่านหนังสือ ทั้งที่ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นตึกสำหรับหนังสือไทย โลกแห่งหนังสือไทยที่น่าสนใจมากมาย น่าเสียดายที่หนังสือสวย ๆ เอาไว้โชว์ประดับร้าน มากกว่ามีคนสนใจจับจองเป็นเจ้าของ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป กิจกรรมงานทีบีทีบุ้คเฟสติวัล ที่ประกาศโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ คงกำลังจะเริ่ม เพราะเห็นมีเจ้าหน้าที่ชายหลายคน สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ กำลังต่อปลั๊กไฟ ยกลำโพงมาตั้ง เดินสวนกันไปมา เธอก็เพิ่งสังเกตเห็นมุมหนึ่งเขาจัดเป็นซุ้ม มีเวที มีเก้าอี้วางไว้ราว ๆ 50 ที่นั่ง เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้ตรงประตูทางเข้า เหมือนมีแค่ชั้นวางหนังสือขวางอยู่เท่านั้นเอง

“พี่คะ ลงทะเบียนหรือยัง” สาวเจ้าเนื้อร่างสูงใหญ่ หน้าตายิ้มแย้ม ส่งเสียงมาทักทาย

“ลงทะเบียนอะไรคะ” เธอถามกลับ งง ๆ

“อ๋อ.. ลงทะเบียนเพื่ออบรมการทำหนังสือทำมืออย่างสร้างสรรค์ค่ะ เดี๋ยวจะมีคุณชิตะ วันวันเจ้าของบริษัทตรงประเด็นแม็กกาซีน เป็นวิทยากรค่ะ”

“แล้วลงทะเบียนต้องทำอย่างไรบ้างคะ”

“พี่ช่วยกรอกแบบฟอร์มนี้ค่ะ ชำระเงินหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาท แล้วเราก็จะให้อุปกรณ์สำหรับทำหนังสือทำมือ และการเข้าเล่มแบบปกแข็งให้น่ะค่ะ”

“ดีจัง.. งั้นก็ดีค่ะ ขอลงทะเบียนค่ะ พี่กรอกแบบฟอร์มให้นะ”

“เชิญนั่งทางนี้เลยค่ะ”

-------------------------

การอบรมผ่านไปอย่างเชื่องช้า วิทยากรที่ชื่อชิตะ วันวัน เป็นหนุ่มไทยอายุราวๆ ยี่สิบปลายๆ อารมณ์ดี น่ารัก แจ่มใส และเป็นมิตร พสิการับเอามิตรภาพที่เขาสื่อมาให้อย่างเต็มใจ เขาพูดและอธิบายให้ฟังถึงการจัดการประกวดอินดี้บุ้คประจำปีนี้ ที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า งานที่พสิกาตั้งใจมาร่วม แต่ไม่ได้ส่งผลงานเข้าประกวด เพียงแค่อยากนำหนังสือทำมือที่ทำไว้มาร่วมออกบูธเท่านั้นเอง
“พี่มีที่วางขายหรือยังล่ะ” ชิตะถาม

“ยังค่ะ ทุกอย่างของงานเป็นดำมืดปริศนาของพี่ ที่ต้องผจญล่ะ”

“งั้นเอางี้สิพี่..ผมจองเต้นท์ไว้ พี่ไปวางรวมกับของผมก็ได้”

“อืมม.. รบกวนหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก ผมจองไว้ทุกปี เต้นท์เรามีกิจกรรมด้วย ก็จะสอนทำหนังสือทำมือแบบนี้ การวาดภาพทำเป็นโปสการ์ดขาย อะไรทำนองนี้ครับ”

“ค่ะ..แล้วเดี๋ยวไปไม่ถูก หรือติดขัดอะไร ขออนุญาตโทรหาคุณได้ไหม”

“ครับ” เขายื่นนามบัตรให้

“ถ้าเบอร์ผมโทรไม่ได้ พี่โทรเบอร์น้องๆ ในทีมงานก็ได้นะ”

“ปุยให้เบอร์พี่เขาไว้ซิ” เขาเรียกน้องในทีมงาน

“ขอบคุณมากนะคะ” สายตาสองคู่ประสานกัน ดอกมิตรภาพเบ่งบาน โลกในกระลาครอบของพสิกามีแสงสว่างเรืองรองสวยงาม
-------------------------

หนูวีวี่วางสายจากการคุยโทรศัพท์จากพี่ตัวเล็ก หลังจากนัดแนะกันเรื่องการเดินทางไปเที่ยวเกาะเกร็ดในวันรุ่งขึ้น เธอกดเบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง

“พี่พิม........”

“อือ...”

“อ้าว..นอนแล้วหรือนั่น เพิ่งจะสามทุ่มเองนะพี่”

“อือ..พี่พักบ้านน้องสาว พอดีนอนกับเด็กๆ ลูกสาวเขาน่ะ ก็เลยนอนเร็วตามไปด้วย”

“เจ๊ใหญ่ตกลงจะไปเกาะเกร็ดแน่นอนแล้ว นอกจากนี้ก็มีเฮียชัย เพื่อนหนู รูมเมทน่ะค่ะ เพื่อนอีกคน พี่นัทไม่รู้จะไปไหม ส่วนคนอื่นๆ คงไม่ได้ไป”

“พรุ่งนี้สิบโมง เมเจอร์ใช่ป๊ะ..”

“ค่ะ... ตามนั้นเลย”

“จ้ะ..พรุ่งนี้พบกันนะ”

“สวัสดีค่ะ”
-------------------------

ณ จุดนัดพบนอกจากหนูวีวี่ ซึ่งถือเป็นคนบ้านเดียวกันไปแล้ว กับเฮียชัยที่เพิ่งพบเมื่อวาน พสิกายังไม่ได้พบเพื่อนออนไลน์คนอื่นๆ เลย เคยคุยกันผ่านระบบออนไลน์ แต่ก็สนิทสนมกันระดับหนึ่ง ระดับเปิดหัวใจและความจริงใจให้กัน..

เฮียชัยมาถึงก่อน หลังจากยกมือไหว้แล้วต่างก็ไม่สนทนาอะไรกัน ยืนรอเพื่อนร่วมก๊วนอยู่เงียบๆ ตรงชายคาของอาคารห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“พี่พิมอยู่ไหน”

“ตัวเล็ก..อยู่ไหนล่ะ”

“ร้านโดนัทในเมเจอร์ค่ะ”

“พิมอยู่หน้าห้าง งั้นเดี๋ยวเดินไปหานะ” เธอพยักหน้าให้เฮีย เดินเข้าไปที่ร้านโดนัท ในร้านค้าที่เปิดโล่งให้เห็นเคาน์เตอร์ขายของ กับโชว์

ตัวเล็กซึ่งตอนนี้แผ่อิทธิพลเป็นเจ้ใหญ่ของเพื่อนๆ ในระบบออนไลน์ เพราะน้ำใจอันดีงาม และอัธยาศัยชนิดที่ว่าประชาสัมพันธ์ของบริษัทใหญ่บางบริษัทอายได้ก็แล้วกัน มองเข้าไปเห็นผู้หญิงตัวเล็ก ไม่สูงมากนัก ผมดัดหยิกเป็นลอนปล่อยยามลงมาเคลียไหล่ สวย.. ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาว สดใส สวมกางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีดำ สีของเสื้อยิ่งขับผิวออกมาขาวนวลอย่างแจ่มชัด..สวยจริงๆ คนชื่นชมก้มหน้าบอกตัวเองในใจ

พอเงยหน้าสบตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม แววหวานด้วยน้ำใจใจจริงก็ยิ่งเขินๆ คิดถึงตัวเองที่พักหลังๆ เธอคุยกับตัวเล็กบ่อยมาก รู้ใจกันมากขึ้น เป็นว่า..ตัวเล็กรู้เธอเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะตัวเล็กมีหัวใจของความเป็นพี่สาว ในขณะที่เรียกเธอว่าพี่พิมทุกคำ แต่พิมก็แพ้หัวใจของตัวเล็ก ยินยอมให้เธอแผ่อิทธิพลมาครอบคลุมหัวใจ เรียกได้ว่า “หลงรัก” ตัวเล็กก็ไม่ผิดนัก.. รักในความเป็นพี่สาวของตัวเล็กเหลือเกิน

เดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีแก่กัน..ตัวเล็กเอื้อมมือมาบีบมือกลมป้อมของเธอ

“เธอกันซะทีนะคะ เรา” โอย..เสียงอบอุ่นบาดใจจริงๆ สบตาแล้วก้มหน้า เขินเข้าไป..พสิกา..เขินเข้าไป ลืมเฮียชัยไปเลยอีกต่างหาก สองสาวดื่มด่ำกับอารมณ์แรกพบหน้ากันจนพอใจ

“ทานอะไรหรือยัง กาแฟไหม” พิมส่ายหน้า แอบมองนาฬิกา

“อืม..เจ้าวีวี่ตัวดียังมาไม่ถึง เดี๋ยวให้พิมโทรตามนะ”

“อือ..ลองดูซิแม่นี่สายทู้กงาน” จากตัวเองกลายเป็นตัวประกอบแถมไม่ได้รับค่าตัวงวดนี้เพิ่งจะส่งเสียง .. พสิกากดโทรศัพท์

“หนูกำลังจะถึงแล้ว” ปลายสายรีบชิ่งบอกก่อนที่จะได้พูดอะไร

“จ้ะ”

“หนูกำลังลงรถตู้ พวกพี่อยู่ไหนอ่ะ”

“ร้านโดนัทค่ะ”

“เดี๋ยวหนูเดินไปน๊า..จุ๊บๆ” .. พสิกาวางสายแล้วยิ้มๆ นาทีถัดมาเจ้าตัวดีก็โผเข้ามาหา ยกมือไหว้ทักทายกันแล้วก็แนะนำอีกสองสาวที่มาด้วย นัทและหนูนา สองสาวตระกูล น.หนู ความรู้สึกดีฉายชัดในแววตาของทุกคน แล้วพยักหน้าย้ายแหล่งเม้าท์กันออกจากสถานที่นั้น
-------------------------

ทุกคนทยอยลงจากรถตุ๊กๆ ที่จอดนิ่งสนิทอยู่หน้าวัดสนามเหนือ หนูวีวี่คนเก่งรีบเดินนำพี่ๆ ดูท่าทางเธอตื่นเต้นมากๆ แต่ดวงตาวิบวับเกินเหตุ ไม่ค่อยจะน่าไว้ใจเอาซะเลย แต่ทุกคนก็เดินตาม สาวๆ เกี่ยวก้อยคุยกันไป จะมีเฮียชัยที่ออกจะโดดเดี่ยวเพราะไม่มีใครยอมร่วมทริปมาด้วยสักคน แม้แต่เพื่อนสุดเลิฟ ท่องกันทั่วคุ้งคลองผดุงเกษม อย่างพี่เกรียงก็ไม่ยอมมาเปิดเผยตัวสักที เดินกันไปรอที่ท่าน้ำ สักพักเรือข้ามฟากก็มาจอดเทียบท่า ทุกคนก้าวลงไปในเรือ พสิกายืนนิ่งๆ มองเรือข้ามฟากเพราะตั้งแต่เธอประสบเหตุภัยพิบัติจมอยู่ใต้น้ำ สมัยที่เกิดเหตุการณ์สึนามิปี 2547 ทำให้เธอค่อนข้างหวาดผวาอยู่ในใจอยู่เสมอ

ตัวเล็กยื่นมือมาให้อย่างรู้ใจ เธอยิ้มวางมือลงไปในมือเล็กๆ นั้นอย่างเต็มใจ สองมือกระชับมั่น ดุจดั่งเป็นสัญญาณเชื่อมมิตรภาพที่ดีต่อกัน

“ยังไม่หายกลัวหรือพี่”

“ก็ไม่เชิง..คือมันยังฝันถึงอยู่บ่อยๆ ถามว่ากลัวไหม..ตอบว่าไม่ได้กลัวจนเกินเหตุ แต่มันเป็นความจำที่ฝังแน่นแกะไม่ออก ไม่รู้สิ.. บอกไม่ถูกจริงๆ ว่ารู้สึกอย่างไร”

“ไม่เป็นไรนะ .. ไม่เป็นไร” สองมือกระชับกันแน่น.. พอเรือออกก็มองหาที่ยึดเพื่อไม่ให้ล้มเวลาคลื่นมากระทบเรือ

“แล้วนี่งานที่ร้านเป็นไงมั่ง”

“ก็อย่างที่บอกค่ะ ได้น้องนิด เด็กสาวอายุยี่สิบกว่าที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาจากที่เกาะมาช่วยงานคนหนึ่ง ก็ถือว่าได้คนดีมาช่วยค่ะ เขาน่ารัก ทำงานช่วยเราทุกอย่าง บางทีก็ทำงานบ้าน ซักผ้าอะไรให้ด้วย หมายถึงหย่อนผ้าลงเครื่อง แล้วตากให้อ่ะนะ..ค่ะ บางทีก็ทำความสะอาดห้องนอนให้ น้องเขาดีจริงค่ะ”

“เพราะพี่เป็นคนดีไง..ถึงได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ เพื่อนดีๆ “

“อือ..พิมก็ว่าพิมใช้ชีวิตได้คุ้มมาก ๆ หลังจากรอดตายครั้งนั้นมาได้”

“ถึงแล้วค่ะ..ป่ะ..ให้ตัวเล็กขึ้นก่อนนะ เดี๋ยวจะได้รับพี่พิมขึ้นไป”

“ขอบคุณค่ะ” สองคนสบตากันลึกซึ้ง โลกทั้งโลกสว่างไสว อบอุ่น ท่ามกลางแดดสายของวันอาทิตย์ที่พสิกามีความสุขกับเพื่อนที่แสนดีทุกๆ คน

“เอ้าๆ เจ้ๆ ซึ้งกันเข้าไป หนูรอรับประทานดอกไม้ทอดอยู่นะคะ เร็วๆ ด้วย” แป่วแหว่ว... แม่นางวีวี่ พสิกาทำมือเป็นรูปปืนส่องเปรี้ยงเข้าให้ แม่ตัวดีทำท่ากุมหัวใจ ตัวงอ.. เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน

ตัวเล็กเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายคนละสองบาท ค่าเรือข้ามฟาก ก่อนแม่ไกด์จอมแสบ จะนำเข้าวัด จัดให้ทุกคนไหว้พระ แต่เธอยืนรออยู่ด้านนอกเนื่องจากนับถืออีกศาสนาหนึ่ง ทุกคนก็เลยพร้อมใจกันไปหยอดเงินใส่ตู้ หยิบดอกไม้ ธูป เทียน ทอง เข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ ไม่เว้นแม้แต่พสิกาซึ่งเป็นคนที่นับถือศาสนาพุทธแต่ไปโบสถ์ของคริสชนเป็นประจำ

ออกมาโบสถ์มาหน้าวัด วีวี่กำลังโซ้ยขนมทอด ๆ อย่างเอร็ดอร่อย คนอื่นกรูกันเข้ามา แบ่งกันคนละชิ้น สองชิ้นพอหมด วีวี่ก็รีบไปชี้ๆ อยู่หน้าร้านแผงลอยที่ขายพวกดอกไม้ชุบแป้งทอด ตัวเล็กในฐานะพี่ใหญ่เป็นคนควักกระเป๋าตามเคยเดินผ่านร้านที่ขายขนมสมัยที่ทำให้หลายคนย้อนอดีตไปเป็นเด็ก ซื้อพวกขนมที่เป็นบุหรี่หมากฝรั่ง บ้างก็ซื้อขนมลูกอมไข่รสส้ม กิมจ้อ ซื้อขนมเสร็จก็ปลีกตัวไปซื้อน้ำซึ่งใส่หม้อปั้นดินเผา ราคาไม่แพง

หนูนาเป็นตากล้อง คอยเก็บภาพทุกบรรยากาศ อาจจะเป็นเพราะไปกันหลายคน ดูเป็นกลุ่มใหญ่ เสียงของแก๊งป่วนจึงดังคับถิ่น เมื่อจับจ่ายใช้เงินซื้อขนมกับเสร็จทุกคนก็ไปจับจองที่นั่ง ตรงหน้าเจดีย์ทรงรามัญ ซึ่งจำลองมาจากพระธาตุเจดีย์มุเตา เมืองหงสาวดี

หลังจากถ่ายรูปกันจนฉ่ำใจ สาวๆ ก็เดินมานั่ง นกกระจอกเริ่มเข้ารัง พสิกาเริ่มก่อน โดยการโทรไปหาหมอคริษฐ์ที่ไม่ยอมมาด้วย

“ไหนๆ หนูคุยด้วยๆ “

“ทำไมพี่ไม่ยอมมาล่ะ คราวนี้เพื่อนพี่ตายแห้งหยังเขียดอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบเลย ไม่สงสารเหรอคะ”

“ใช่ ๆ แล้วไหนขนมหนูล่ะ อะไรนะ ให้เจ้ใหญ่จ่าย โธ่..ทั้งปีแหละ เมื่อไหร่หนูจะได้กินไอติมที่หมอเลี้ยงจริงๆ อีกล่ะ”

“ก็ได้ๆ ทดไว้นะ อ่ะๆ เดี๋ยวเพื่อนพี่จะคุยด้วย” วีวี่ส่งโทรศัพท์ให้เฮียชัย

“คร้าบ..”

“ไหนฮะ..”

“คร้าบ ก็ผมคนเดียวเลย รู้งี้ผมพกกาวตราช้างมาด้วยก็ดี จะได้เย็บปากตัวเองให้สนิทไปเลย”

“ครับ ชีแย่งซีนผมไปหมดครับตอนนี้”

“ครับผม ถ้ายังไงพบกันนะครับ.. สวัสดีครับ”

“เอ้า...อิ่มยังๆ “ เจ้ใหญ่เริ่มออกโรง

“หนูยังไม่อิ่ม หนูจะไปกินข้าวแช่”

“แหม..หล่อนตัวก็ไม่โต กะเพาะก็นิดเดียวจะใส่อะไรไปนักหนาฟระ”

“เฮียชัย” วีวี่ทำแก้มป่อง สะบัดหน้าหนี เชิดคางขึ้น

“เฮียพูดยังงี้กะน้องได้ไง”

“อ้าว..ตรูผิดอีก” เฮียชัยโอดครวญ

“ไปๆๆๆ เดินต่อๆ ถ้าเดินได้สักครึ่งทางหิวอีก พี่จะเลี้ยงเอง” เจ้ใหญ่สงบศึกเล็กๆ นั่น

“ค่า....”
“นี่ตกเฟรมไปสองคนเลยนะ นัทกับหนูนาไม่เห็นคุยอะไรเลย” พิมเดินให้ทันสองสาว รองเท้าเริ่มออกฤทธิ์อีก แต่เธอไม่ได้ปริปาก แดดสายเริ่มเปรี้ยง

“หนูไม่รู้จะคุยอะไรอ่ะ พี่พิม” นัทตอบ

“ส่วนหนู เขาใช้มาเป็นตากล้องค่ะ”

“ว่าไปนั่น..”

“แล้วตอนนี้จะพาไปไหนต่อ”

“ไปหอไทยนิทัศน์ เครื่องปั้นดินเผาค่ะ”

“หนูนาเคยมาแล้วหรือ”

“ค่ะ เคยมาครั้งหนึ่งกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย ส่วนหลายคนคงเป็นครั้งแรก ยิ่งแม่วีวี่นั่นนะ เธอหยิบหนังสือมากางเลย เธออ่านนวนิยายเรื่องหนึ่ง แล้วพระเอกกับนางเอกเขามาเที่ยวที่นี่ เธอจึงอยากเป็นเหมือนนางเอกเรื่องนั้น”

“อืม.. เรื่องอะไรนะ”

“จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ”

เสียงคุยเงียบลงเมื่อถึงหอศิลป์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเรือนไม้สองชั้น พสิกาเลือกขึ้นชั้นบนก่อน เพราะจะได้ถอดรองเท้าเดิน ปล่อยให้เท้าได้พักสบายๆ หันหลังมามองเห็นตัวเล็กปลีกวิเวกไปกับโลกส่วนตัว เสียบหูฟังและคุยโทรศัพท์ พอขึ้นถึงชั้นบนก็แอบหามุมเล็งโทรศัพท์มือถือ ใช้ฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูป ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเสียสอง สามภาพ

แต่ไม่ทันจะได้ชมทั่ว เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังบ้าง ก็เลยแอบนั่งลงกับพื้นเรือนซึ่งเป็นไม้กระดาน ยกมือไหว้พระพุทธรูปที่อยู่ในตู้โชว์ ก่อนจะรับโทรศัพท์บ้าง คุยได้ไม่กี่คำ เพื่อนๆ ก็สะกิดให้ลงไปดูที่ชั้นล่าง เธอจึงเดินผ่าน มองของเก่า ของสะสมต่างๆ อย่างผ่านตา หวังแต่ว่าครั้งหน้าหากมาอีกคงได้ชื่นชมมากกว่านี้

เดินลงมาตัวเล็กก็ยังไม่เลิกคุย ก็เลยเดินเข้าชมในตัวอาคารอีกครั้ง เป็นรูปเครื่องปั้นดินเผาทั้งเก่าและใหม่ ที่ใส่ตู้กระจกโชว์ไว้สวยงามตระการตา ออกจากอาคารก็เดินกันไปตามซอกซอยต่างๆ พสิกาเริ่มล้าและรั้งท้ายมากขึ้น กว่าจะตามทันเพื่อนๆ ก็โซ้ยขนมถ้วยกันไปหลายถ้วย ขนมถ้วยที่ด้านล่างเป็นแป้ง มีหน้าเป็นกะทิ ซึ่งไม่ใช่ของโปรดจึงได้แต่ขอนั่งพักเอาแรง จากนั้นก็เดินกันต่อ ไม่ทันจะอะไรก็ถูกหนูวีวี่ลากแขนเข้าไปตามทางเดิน น่าจะเป็นร้านที่ขายเครื่องปั้นดินเผา เขาจัดแต่งบรรดาโอ่ง และตุ๊กตาเด็กไทยไว้อย่างสวยงาม

“นี่ ๆ นี่ไงๆ พี่พิม” วีวี่ล้วงหนังสือออกมาแล้วอ่านอะไรไม่รู้ผ่านหูไป โดยที่เธอไม่ทันจะได้ฟัง นอกจากยืนมองท่าทางกรี๊ดกร๊าด ตื่นเต้น ตะลึงตาของสาวน้อยวีวี่ เหมือนพบของเล่นที่ถูกใจ จึงยืนมองยิ้มๆ ไม่ได้เข้าร่วมวงไปด้วย เพราะล้าเต็มที

จนกระทั่งหนูนาเดินเข้ามาตามนั่นแหละ จึงจะออกจากร้านนี้กันไปได้ หลายคนเริ่มมีของติดไม้ติดมือ ไม่เว้นแม้กระทั่งเฮียชัยที่ได้ดอกไม้สีม่วงมาก้านหนึ่ง เป็นดอกไม้ใยบัวประดิษฐ์ เริ่มมีเสียงแซว

“ฮั่นแน่ แม่สายใจชอบสีม่วงเหรอเฮีย” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เพราะหัวเดียวกระเทียมลีบขืนตอบไปก็อาจจะได้แผลเลือดซิบๆ เอาได้ เพราะแน่งน้อยแต่ละนาง..ล้วนแต่วาจาเฉือดเฉือนทั้งนั้น

เดินกันไป แวะกันไป พบวัดก็แวะไปกราบไหว้ บูชาพระ พบของกินก็ติดไม้ ติดมือ แดดบ่ายของเกาะเกร็ด กอรปกับรองเท้าเริ่มทำพิษจนพสิกาหน้าซีดแล้ว ซีดอีก แต่ไม่ได้บ่นอะไร นอกจากรั้งท้าย พักตามจุดต่างๆ ที่แต่ละคนแวะซื้อของ ความตื่นเต้นเริ่มลดน้อยถอยลงไป

หลังจากออกจากวัดสุดท้ายที่ดูเหมือนจะสุดทางเดินแล้ว ทุกคนก็เดินกลับ และแวะชมการสาธิตการปั้นหม้อ ของชาวบ้านในหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นจุดขาย หลายคนนิยมชมชอบ ไม่ว่านักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ต่างก็ต้องแวะเข้ามชมทุกครั้งไป สุดท้ายทุกคนบอกลาเกาะเกร็ดด้วยห่อหมกปลาช่อน ซึ่งมีคนรุมซื้อกันมากมาย ก็เลยติดมือมาคนละห่อสองห่อ พสิกาเองน้องจากซื้อไปฝากน้องสาว ก็ยังซื้อขนมมาและฝากเฮียชัยเอากลับไปให้คุณปู่ที่บ้านด้วย
(จบตอน..โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)




Create Date : 01 ธันวาคม 2550
Last Update : 1 ธันวาคม 2550 18:04:49 น.
Counter : 533 Pageviews.

24 comments
  
เข้าเรื่องละ..และสวยขึ้น
โดย: tucarryon วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:23:28:45 น.
  
บล็อกของคนเก่งคอมท์นี่แหล่มจริง
หายไปไหนมานานล่ะท่าน
โดย: พราน (ตาพรานบุญ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:2:30:17 น.
  
สวัสดีค่ะ

เหมือนนิตยสารวิทยาลัยหนูเล่ยนะค่ะ
ปีละสองตอน กับปีละสองเล่ม
ว่าแล้วก็ขอกลับไปอ่านตอนที่ 1 ก่อนนะค่ะ
โดย: เบญจวรรณ IP: 61.7.231.130 วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:10:13:33 น.
  
แนะ แรกคิดว่าเขียนนิดเดียว อ่านไปเลื่อนไป โอ...ไม่จบ ยาวทีเดียว แล้วยังมีตอนต่อไปอีก เอ้า...

นี่นะแม่หนูน้อย จะมาบอกว่าตอนนี้บ้านยายแพรมีอินเตอร์เน็ทความเร็วสูงเข้ามาถึงแล้วจ๊ะ และนี่ก็เป็นวันแรกทีได้ใช้ และส่งข้อความถึงแม่หนูเป็นคนด้วยนะจะบอกให้
โดย: แพรจารุ วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:14:57:26 น.
  
สวัสดีค่ะ พี่ตุ๊, ตาพราน, น้องเบญและพี่ยาย

..คุยหน้านี้ก่อนห้องกลอนดีกว่า..เพราะว่าสะดวกโยธิน โดยมิต้องหาข้ออ้าง อิอิ ..

..เมื่อวานไปโบสถ์กลับมา ขากลับติดรถคนที่โบสถ์ไปลงโลตัส ก็เลยแช่แป้งอยู่ที่ร้านซีเอ็ด
ได้หนังสือมาหลายเล่ม.. ที่แน่ๆ ไปได้หนังสือที่เตรียมข้อมูลไว้สำหรับงานเขียนใหม่ๆ

..ประมาณว่าอยากเขียนเรื่องหมา ๆ แมวๆ เพราะว่าช่วงที่ผ่านมาประมาณเดือนกว่าๆ
สีน้ำฟ้าเรียกอาการตัวเองว่า "จิตตก" ซึ่งก็บ่อยครั้งที่เรียมจิเป็น พอเป็นเนี่ย ก็จะซ่อมแซม
ส่วนสึกหรอด้วยตัวเองเสมอ ตลอดชีวิตหลังช่วงสึนามิที่ผ่านมามักจะทำเช่นนี้เอง วิธีก็คือมักจะหา
หนังแผ่น หรือไม่ก็หาหนังสืออ่าน อ่านดะไปเรื่อยเจื้อย ทำเหมือนมีงานหนักหนาสาหัสเกินจะทำซะงั้น

..จนกว่าจะฟื้น ค่อนลุกขึ้นมาเขียนใหม่.. จนกระทั่งเจอหนังแผ่นเรื่องหนึ่ง บังเอิญ
"เอ๋อเหรอ" (เออเร่อ-error ไม่รู้เขียนภาษาอังกฤษถูกไหมอ่ะนะ) จำชื่อเรื่อง
ไม่ได้ แต่เนื้อหาประมาณว่า พระเอกเป็นหุ้นส่วนกิจการ เหมือนกับจัดคิวให้ดาราอ่ะค่ะ ไม่ทราบเขา
เรียกอะไร เขาได้เข้าเรียนเสริมพิเศษเพิ่มเติม ครูที่สอน.."ซู้ดยอดเลย" เข้าชั้นเรียนวันแรก
พี่ท่านก็สั่งให้ทุกคนเขียนรายงานส่ง สั้นๆ ง่ายๆ สั่งให้ทุกคนมีสมุดบันทึกเป็นของตัวเอง แล้วก็เขียน
เข้าไป เขียนทุกอย่างที่ต้องการ ด้วยคำถามเริ่มต้น Who are you? พี่ท่านบรรยาย
แค่นั้นแล้วเขียนติดบนกระดาน แล้วสวัสดี บ้าย..บาย จากนักเรียนไป พ่อพระเอกคนนี้เป็นคนปิด
ตัวเอง แต่ก็อยากเรียนต่อ และไม่ยอมรับตัวเองว่าต้องการจิตบำบัดจากหมอ ก็เลยเริ่มเขียน เริ่มตั้งแต่
วัยเด็ก ไปเรื่อย.. แล้วหนังก็ดำเนินตามเรื่องไป...จนจบ

..พฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้น อิช้านน..ก็ไปซื้อมามั่ง..สมุดปกแข็ง ริมลวด ปกสีชมออน ..
หน้าตาน่าใช้ เขียนมั่วๆ ไปเรื่อยเจื้อย จนกระทั่งค้นพบวิธีบำบัดอาการจิตตกของตัวเอง และมีแรงใจ
เขียนเรื่องนี้ต่อ..

..ใครที่หวั่นไหวไปบ้าง จะลองวิธีนี้ก็ไม่เสียหายนะคะ คุณจะเขียนให้คนอ่าน หรือเขียนให้ตัวเอง
อ่านก็แล้วแต่.. แต่ในที่สุดจะค้นพบวิธีที่ทำให้ตัวเองสดใสขึ้นได้ค่ะ

ลองดูค่ะ..

ลองดู

สีน้ำฟ้าขอเป็นกำลังใจ ให้สำหรับคนที่ท้อแท้ในวันนี้

แหะ แหะ ถ้าหลายคนกำลังใจดีอยู่แล้วขอโทษที่มาพร่ำบ่นให้ฟังแต่หัววัน พอดี ดีใจน่ะค่ะ ที่สามารถ
บำบัดจิตให้ตัวเองด้วยตัวเองได้อีกครั้ง ไม่ต้องเดือดร้อนหลวงพี่ทิวฯ (จริงๆ ทิวลิปฯ เขาก็ไม่ได้
บ่นหรอก แต่แบบว่า..แอบเกรงใจนิดๆ แม้ว่าเพื่อนจะมีไว้บำบัดทุกข์และสีน้ำฟ้าอยากบำรุงสุข
ให้ซะล่ะมากกว่าค่ะ)

^__^

ปล. ถือว่านี่เป็นคำรายงานตัวให้พี่น้องทุกท่านทราบว่าสีน้ำฟ้าหายไปไหนมาก็แล้วกันเน๊าะ...
โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.165.172 วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:9:07:52 น.
  
ผมเคยดูหนังแผ่นเรื่อง นางสาวกำไ่ก่
มีประโยคหนึ่งที่อีตัว(ตัวเอก)พูด
ประมาณว่า เรื่องร้ายๆน่ะเทลงท่อระบายน้ำให้หมด...
การดูหนัง อ่านหนังสือ หรือทำอะไรก็ได้
ที่ไม่เป็นการรังควาญคนอื่น ดีทั้งนั้นครับ
ผมก็ผ่านเรื่องทุกข์มาแล้วพบทางออกว่า
ทุกข์ของแต่ละคน ก็เป็นองแต่ละคน หนทางออกย่อมแตกต่างกันด้วยนะ แม้ว่าจะทุกข์เหมือนกัน
โดย: ธารดาว IP: 202.149.24.177 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:5:01:50 น.
  
เย้ๆๆ พี่แจมกลับมาแล้ว
โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:10:27:05 น.
  
จริงๆแล้วที่นี่ก็มีเครือข่ายของนักเขียนอยู่
แต่เรามัน...ก็อย่างว่าแหละ
เข้าไม่ติด
พยามแซกซึมอยู่ หุหุ
หาสมัคพรรคพวก
แล้วก็ยึดซะเลย
ตอนนี้ได้สองคนแล้ว
แจมกับผม
โดย: พราน (ตาพรานบุญ ) วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:14:51:11 น.
  
สงสัยจะเป็นเช่นนั้นแหละค่ะ ตา..

ไปตระเวนบล็อกมาค่ะ..กลับมาทันได้ทักตาพราน กับน้องเบญพอดี

แจมไปต่อล่ะ..เมื่อกี้เครื่องแฮงก์ จู่ๆ ก็ดับไป ควันขึ้นเลย

น้านพเปลี่ยน power supply ให้แล้ว คิดว่าคงใช้ได้ ล่ะ

ไปทำงานต่อนะคะ
โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.165.98 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:15:08:48 น.
  
ขอบคุณ..คุณธารดาวนะคะ
ที่แวะเวียนมาให้กำลังใจ

เฮ้อ..มันเป็นเช่นนี้แหละชีวิต

(ยิ้มเหงาๆ แต่เศร้าไม่นาน)
โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.165.98 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:15:10:14 น.
  
มาแอบห่มผ้าให้สีน้ำฟ้า
ห่มทะเลเบื้องหน้านั้นด้วยไหม
รัตติกาลห่มนิทราข้าห่มใจ
ห่มรักให้ทุกดวงใจในนิทรา
โดย: พราน (ตาพรานบุญ ) วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:3:32:20 น.
  
นอนดึกเหมือนกันนะคะตา..
เพิ่งกลับจาก "ห้องก๊ง" รึ

แหะ แหะ...

มาปลุกตาพรานและสวัสดีทุกท่านก่อนไปทำงานค่ะ
โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.165.243 วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:8:53:16 น.
  
หุหุหุหุ
แวะมาแต่ไม่ได้อ่าน
เพราะวันนี้เล่นเนตคาเฟ่
ดูค่าเนตไปร้อยกว่าบาทเลี้ยว
ในห้างมันแพงฉิบ



มาแจ้งว่า ศุกร์นี้ หนูไปเชียงราย
ไปดอยแม่สะลอง ล่อง ล๊อง
แล้วไงจะเก็บภาพมาฝาก
หนูจะไปตามหาความอบอุ่นคืนสู่หัวใจ



ป.ล. พูดยังกับจะเขียนนิยายเลยเนอะ เขียนยังไม่จบอีกหลายเรื่อง มีแต่ตอนแรกอยู่ 2 เรื่อง มีแต่ตอนจบอยู่ 1 เรื่อง ถ้าจะให้ดีทำยังไง รวมมันไว้ด้วยกันได้ คงจะดีเนอะ อิอิอิ
โดย: aMp IP: 125.24.193.165 วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:17:18:46 น.
  
นักเขียนที่ดี..ต้องหยิบข้อมูลที่มี
มาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน

เพียงคำเชื่อมไม่กี่ประโยค

แอมเก่งอยู่แล้ว...

แล้วพี่จะรอดูรูป..โชคดีค่ะ
โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.150.254 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:8:01:33 น.
  
แอบเขียน นิยายเรื่องแรก ก็ หาเรื่องซะยาก ขอบคุณ เจ้าของบ๊อก นะครับที่เข้าไปคอมเม้นท์


ฝากแนะนำตัวกับเพื่อนๆนักเขียนด้วย ขอเป็มิตรสหายที่ดีๆด้วยขอรับ

โดย: คุณพระนายไวยวงศา IP: 203.113.57.8 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:10:33:51 น.
  
สีน้ำฟ้ายุ่งอะไรหนักหนา อยากรู้จริง ๆ
โดย: แพรจารุ วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:21:27:52 น.
  
ไม่เป็นไรอะไรค่ะป้ายาย..แหม..

แหะ แหะ หนูแค่ไม่ค่อยได้ใช้เน็ตเท่านั้นเอง

ใช้เน็ตน้อยลง อ่านหนังสือได้มากขึ้นนะคะ จริง..จริ๊ง
โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.163.27 วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:9:05:29 น.
  
สวัสดีค่ะพี่แจม

ตอนนี้อ่านหนังสือเรื่องอะไรอยู่ค่ะ
มีเคล็ดลับอ่านหยังสือเรียนให้ไม่ง่วงและจำได้แม่นเวลาทำข้อสอบไหมค่ะ
ถ้ามี จะขอเอาไปใช้บ้าง
ตอนนี้กิจกรรมเริ่มลดลงแล้ว
แต่การสอบก็เริ่มเข้ามาแล้วเหมือนกัน
ทำยังไงดีค่ะ แต่ละวิชาต้องท่องทั้งนั้นเลย
แล้วแต่ละชื่อนะค่ะแปลกๆทั้งนั้น
โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:19:47:42 น.
  


คุณแจม..

ไม่ค่อยได้คุยกับคุณแจมเลย นกเอง ก็วุ่นๆ กับงานนะคะ ใช้เวลางานนี่แหละ แว๊บๆ เข้ามาบ้าง คุณแจมสบายดีนะคะ ยังคงมาให้กำลังใจค่ะ

พอเข้ามาบล็อกคุณแจม หันไปหันมา มีแต่แวดวงนักเขียน นกดูเหมือนตัวเองจะหลงๆ เข้ามาไงก็ไม่รู้ค่ะ คุณแจม อิอิ

โดย: Nok_Noah วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:10:14:29 น.
  
สวัสดีค่ะ น้องเบญ กับคุณหนูนก..
พักนี้ก็เล่นอยู่ห้องกวี

และเอ๋อเร่อ..เอ๋อเต๋อ อยู่แถวหน้าเว็บ

ว่าง..ก็ไปเยี่ยมกันนะ..
-----------------------------------------------------
คุณนก..แจมกำลังทำเว็บวัดที่ชลบุรีอีก ถ้าคุณนกได้ไป ถ่ายรูป + เรื่องเล่ามาบ้างนะคะ

แวะไปดูตัวอย่างเว็บที่

//www.phiphionline.com//watrungsrisoontron/html/index.html

(ลากแถบคลุมไปเปิดหน้าใหม่นะ ไม่ได้ทำลิ้งค์ url ให้)

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.149.139 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:9:19:28 น.
  
ข้างบนนั่นบทละครหรือแจม
ลุงยังไม่ว่างอ่านเลยนะ ว่าง ๆ (ถ้าว่าง)จะมาอ่านใหม่

แบกกราวนด์ เหงามากไปนะแจม หารูปสวย ๆ มาใส่บ้างซี
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:13:49:52 น.
  
เปล่าค่ะลุง... เรื่องยาวที่พยายามเขียน
ภาคหนึ่ง มี 4 ตอน
อันนี้ภาคสองค่ะ..กะจะมี 4 เหมือนกัน
เพิ่งจะได้แค่สอง

ต้องเร่งงานอีก..เอาไว้ค่อยเขียนใหม่
---------------------------------------

ขอรับเจ้าค่ะ..ปะเดี๋ยวจิเปลี่ยน bg ให้
แหม..เดี๋ยวลุงมานั่งเหงาแถวนี้



โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.149.139 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:19:30:40 น.
  
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รุจักเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ไว้ว่างก็ทักทายกันที่บอร์ดคุณประภัสสรนะค่ะ
บัฟบาย...
โดย: liz IP: 125.24.47.252 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:20:31:45 น.
  
ในที่สุด...
การชิงดำของเรา...ปลายแปรงก็ชนะอานู๋แจมนซะแหล่วววว

ลุงบูลย์...บ่รนว่าสาวกระบี่จะมาเยือน
กะปลายแปรงจะมาเยือน
วันนี้สาวกระบี่ก็ยังไม่มา..ชะเอิงเอย

เช้านี้นินทาถึงเลยแวะมาบอก
จะกลับบ้านแล้วจ้า...

ถึงบ้านแล้วจะมาอีกทีจ้า

คิดถึง
คิดถึง
คิดถึง
โดย: ปลายแปรง วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:9:52:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สีน้ำฟ้า
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



MY VIP Friend