ธันวาคม 2549

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
25
26
28
29
31
 
 
All Blog
[ตอนที่ ๔..จบแล้วจ้ะ ] แก๊งค์ป่วน ปะทะ ก๊วนคนเก๋า




ขออนุญาตคุยก่อน : เรื่องสั้นเรื่องนี้เขียนด้วยความรักและคิดถึงเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งที่เราผูกพันกันอยู่ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์นี่เอง
บางท่านที่ผ่านเข้ามาเจอ อาจจะสงสัย เรื่องราวบางตอนอาจจะกระโดดไปบ้าง ก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนะจ้ะ

ตอนนี้จบสนิทแล้วค่ะ แต่อย่าเพิ่งส่ายหน้านะ นึกเสียว่าสงสารนักอยากเขียนเถอะค่ะ

ยิ้มสักนิด เพื่อเป็นกำลังใจกันสักหน่อยนะคะ

^_________^


-------


“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ...ก็ใครมันจะไปเข้าใจ..” โทรศัพท์มือถือที่ตั้งไว้เป็นเสียงเพลงของพิพัฒน์ดังขึ้นอีกรอบ

“คร้าบ..พี่พิม”

“พี่ลืม ว่าจะส่งเพลงไปให้เพื่อน แต่มันยังไม่มีทำนองอ่ะนะ”

“อะไร ไม่เข้าใจ”

“คือพี่เขียนกลอนไว้ แต่อยากให้เป็นเพลง ว่าจะให้เพื่อนเอาไปใส่ทำนองให้น่ะ”

“อ๋อ ที่ให้ผมเอากีต้าร์ไปเนี่ย เพราะจะให้เขาร้องเพลงพี่เนี่ยเหรอ”

“อือ ฮึ”

“มันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ยังงั้นนะพี่ แหม ๆๆๆ”

“อ้าว..ไม่รู้อ่ะ คิดว่าเพื่อนเก่ง”

“เอาเหอะ เพลงพี่ผมว่าเก็บไว้ก่อนดีกว่ามั๊ง” พสิกาเขินจนหน้าแดงก่ำ จนอดไม่ได้ที่จะเราะกับความโก๊ะของตัวเอง นะ..ช่างฝัน อยากซึ้งเสียจนไม่นึกถึงความเป็นจริงเล้ย

“กริ๊ง..กริ๊ง..” เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานพิพัฒน์ดังขึ้นมาขึ้นจังหวะ

“เดี๋ยวนะฮะ ผมรับอีกสายพี่พิมอย่าพึ่งวางก่อนนะ”

“จ้ะ”

“สวัสดีครับ .. พิพัฒน์รับสายครับ”
“อ๋อ..ครับ”

“ครับ”

“ครับ”

“ได้ครับ เดี๋ยวถ้าคุณอเนกสะดวกก็ค่อยแจ้งมาก็แล้วกัน ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ” พิมยิ้ม ประโยคสุดท้ายดูจะจับใจความได้เพราะเขาพูดยาวที่สุด

“ลูกค้ายกเลิกนัดแล้วหรือ”

“ครับพี่”

“แล้วมีที่อื่นต่ออีกหรือเปล่า”

“ไม่ครับ วันนี้ผมนัดไว้แห่งเดียว ว่าจะเลยไปซื้อของขวัญให้ป๊ากับม๊าด้วย”

“อือ..ถ้างั้นก็อยู่ร่วมงานมิทติ้งนั่นสิพัฒน์ ที่พี่ให้เอากีต้าร์ไปให้น่ะ เพื่อน ๆ พี่ที่เล่นเน็ตด้วยกันน่ะ”

“มีสาว ๆ สวย ๆ หรือเปล่าพี่”

“อ่ะนะ เป็นหนุ่มแท้ ๆ เลยเชียว ต้องถามหาสาวก่อน”

“ครับ” เขาตอบมาเสียงกลั้วหัวเราะ พิพัฒน์ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่ถึงกับร้างคนควง เพราะเขาเป็นคนสมาร์ท หน้าตาดีคมเข้ม คิ้วดกดำ และยังแต่งตัวเรียบร้อย บุคลิกเขาน่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจมากกว่าเซลส์แมนธรรมดา

“ก็พอมี ลองดูนะ ถ้ายังไงก็ไปร่วมในงานถือว่าเป็นตัวแทนพี่ก็แล้วกัน”

“ดูเชิงก่อนนะครับพี่..ผมไม่รับปาก”

“งั้นก็ออกไปได้แล้ว อย่าลืมเอากีต้าร์ไปด้วยก็แล้วกัน”

“ครับ จริง ๆ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ก๊งกันหลังเลิกงานเหมือนเมื่อก่อนแล้วพี่ เจ้านายงึม ๆ งำ ๆ พวกผมก็เลยออกไปข้างนอก นี่ก็คงจะเลยถือกลับบ้านไปเลย ว่าจะ ๆ หลายหนแล้ว” เขาพูดถึงนายจ้างและเล่าสถานการณ์ของบริษัทในปัจจุบันให้อดีตเพื่อนร่วมงานฟังน้ำเสียงราบเรียบ สบาย ๆ

“อ้าวเหรอ.. อือ..ก็สมควรที่แล้วล่ะ สมัยพี่อยู่ก็เล่นตั้งโต๊ะกันทุกวันนี่นา เพลา ๆ เสียบ้างแหละดี”

“เป็นงั้นไป”

“เอ้า..ไป.. ไปได้แล้ว”

“ครับผม”

.....
สิบห้านาทีต่อมาพิพัฒน์เดินถือกระเป๋าใส่กีต้าร์เดินเข้าไปในร้านอาหาร สองหนุ่มกับสี่สาวหันมามอง สาว ๆ ต่างแอบเหล่หน่อย ๆ เพราะหนุ่มหน้าตาดีเดินคนเดียวมันน่าสนใจน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ เฮียลุกขึ้น..

“เพื่อนเฮียมา เดี๋ยวนะ” เขาตีขลุมหน้าตาเฉย รีบเดินเข้าไปดักก่อนที่พิพัฒน์จะเดินมาถึงโต๊ะ สองหนุ่มยืนสนทนาเบา ๆ แล้วก็เดินตรงมาที่โต๊ะอาหาร ขณะนี้ลูกค้าที่มีอยู่ทยอยออกไปหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่มของเฮียชัยครองเมืองอยู่ พิพัฒน์ตัดสินใจร่วมด้วย

“คนนี้หมอคริษฐ์ น้องพร น้องวีวี่ น้องขวัญ และตัวเล็กครับ” เฮียเป็นเจ้าบ้านที่ดีอยู่แล้ว ทุกคนยกมือไหว้ทักทายกันตามธรรมเนียม

“พิพัฒน์ครับ” เขาไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะยังเป็นคนใหม่ของกลุ่ม

“เฮียครับ ผมเอากีต้าร์มาให้ เห็นว่าเฮียจะเล่นโชว์เพลงเด็ด ๆ “ สาว ๆ ตาโต หันมามอง

อริญชัยถูมือไปมา ท่าทางเขิน ๆ เหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ผุดพรายเต็มหน้าผาก

“แบบว๊า กระผมไม่มีฝีมือทางนี้ครับ”

“แป่ว !”

“โธ่ นึกว่าจะทำซึ้ง เซอร์ไพรส์น้อง ๆ ฮี่โธ่”

“ง้านหนูวีวี่เล่นให้เฮียฟัง บ้างได้ไหมล่ะ” แฮ่..พอถูกสวนกลับ ม๊านก็ทำทางครือกัน

“วีวี่ก็ไม่เป็น” กรรม.. พสิกายิ้มขำอยู่คนเดียว ดีนะได้พิพัฒน์ไปกู้สถานการณ์ เธอก็เลยรอดตัวกับการออกหัวคิดเรื่องให้เอากีต้าร์ไปเล่นในการนัดพบครั้งนี้

“หมอล่ะคะ” คริษฐ์สั่นศีรษะ ตัวเล็กสั่นศีรษะ ลามติดต่อมาถึงชีวาพร

“ขวัญเป็นแต่เอากีต้าร์ฟาดศีรษะคนน่ะค่ะ” ขวัญสารภาพอ่อย ๆ

“พอดีกิ๊กเก่าเป็นนักดนตรี” เฮียทำท่าสยอง พองขนได้สมจริงมาก ๆ

“ผมพอจะมีฝีมือบ้างครับ ว่าแต่จะชอบแนวไหนกันล่ะ” พิพัฒน์อาสาเพราะรู้ตัวมาก่อนล่วงหน้าแล้วจากพสิกา ทุกคนยิ้มแต้ โล่งอกกึ่ง ๆ ดีใจ ที่งานเลี้ยงนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไป เฮียชัยถือโอกาสยึดร้านเพื่อน โดยการแอบเดินไปกลับป้ายจาก “Open” เป็น “Close” ตอนที่ลุกมาเข้าห้องน้ำ

พสิกายิ้มพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกับเฮีย เพราะหนังเรื่องนี้จะได้กลายเป็นหนังม้วนยาวให้เธอดูเสียฉ่ำใจ ในวันเหงา ๆ ก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส นึกขอบคุณเพื่อนคนไกลที่อนุเคราะห์ ก็เห็นทีจะต้องเลิกซุ่มอยู่อย่างนี้เสียทีแล้วมั๊ง เธอกดเบอร์โทรออก ซึ่งเป็นของตัวเล็ก

“ค่ะ พี่พิม”

“มือถือของตัวเล็กกดสปีคเกอร์โฟนได้ไหมคะ”

“ค่ะ.. “

“งั้นเดี๋ยวพี่ขอคุยกับทุกคนนะคะ”

“ค่ะ.. เอ้าเฮีย มานั่งประจำที่เร็ว พี่พิมโทรมา” ตัวเล็กเร่งให้เฮียเดินเข้าไปนั่งที่เดิม ทุกคนประจำตัวแหน่ง จากหัวโต๊ะฝั่งข้างนอก ชีวาพร หมอและพิพัฒน์ผู้มาใหม่ ส่วนข้างในแถบที่ติดข้างฝา.. มีขวัญ วีวี่ ตัวเล็ก แล้วก็เฮียชัย

“เปิดเสียงนะคะ.. พี่พิม”

“สวัสดีค่ะทุกคน ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เหมือนเอาเปรียบเลย มีโอกาสได้เห็นทุกคนแต่ทุกคนไม่ได้เห็น”

“เห็น ?.. ยังไงคะพี่พิม” เจ้าขวัญไม่เก็บอาการสงสัยไว้นาน

“มองไปที่กล้องวงจรปิดซี.. เจ้าตัวเล็กนั่นล่ะ สมัยนี้เขาสามารถติดตั้งระบบให้มันต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตได้ด้วย”

“นั่น..เอาเข้าไป ใครไฮเทคขนาดนั้นคะ” ตาหนูวีวี่มั่ง

“แหะ แหะ พี่ดูจากหนังฝรั่งไง”

“อ่ะนะ แล้ว...” หลายคนหันไปทางคนเตรียมสถานที่ ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“น่า...อย่าไปโทษเฮียเลย พี่เป็นขอเองแหละ .. สนุกกันไหมคะวันนี้”

“สนุกค่ะ” และอีกหลายคนพยักหน้า

“ขอบคุณทุก ๆ คนมากนะคะ ขอบคุณคนที่คิดจัดมิทติ้ง หนูวีวี่ทำให้พี่คิดถึงนางเอกละครสุดเฮี้ยวเลยจ้ะ และก็อีกหลาย ๆ คน อยากบอกทุกคนว่าขอบคุณมาก ๆ ที่ผ่านมาให้รู้จัก มิตรภาพเป็นของขวัญปีใหม่ชิ้นที่ดีที่สุด ที่ทุก ๆ คนจะมีให้แก่กันค่ะ พิพัฒน์เป็นน้องชายพี่เอง เคยทำงานด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน ฝากด้วยนะคะ”

“อ่ะ ไหนว่า....”

“แหม.. ทีพวกเธออำเฮียล่ะ” เฮียกะลิ้มกะเหรี่ย เกลี่ยไกล่ ตัวเล็กแยกเขี้ยวให้

“เอาล่ะค่ะ เชิญกันตามสบายเลย โปรแกรมสุดท้ายก่อนจบ อย่าลืมให้แต่ละคนพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อการนัดพบครั้งนี้นะคะ เอาล่ะพิมขอเป็นผู้ดูที่ดีต่อไปค่ะ บ๊าย..บายค่ะ”
“บาย...”

“ตึ้ด ๆ ๆ ..” เสียงสัญญาณตัดไป ตัวเล็กเก็บโทรศัพท์มา.. และเริ่มดำเนินรายการต่อ

“เอาล่ะทีนี้เรามาว่ากันต่อ นี่บ่ายสองแล้วนะคะ ใครรีบกลับไปไหนบ้างหรือเปล่า” ไล่สายตาไปหาแต่ละคน.. ไม่มีใครตอบรับ แสดงว่าว่าง

“เราไปต่อคาราโอเกะกันไหม”

“หวา.. กลัวอย่าเลยร้องไม่เป็นเพลงครับ” หมอทำสีหน้ากลัว ๆ นิด ๆ

“จริง ๆ แล้วเราก็มีกีต้าร์แล้ว.. คนเล่นก็มีแล้ว แล้วจะไปคาราโอเกะให้เสียเงินทำไม”

“เกรงใจร้านเค้าสิ เฮียก็” อริญชัยชี้ให้ดูป้ายที่ติดอยู่หน้าร้าน ตอนนี้ข้างในโชว์คำว่า Open แสดงว่าข้างนอกต้องโชว์คำว่า Close ล่ะสิ

“อ่ะนะ จะดีหรือเฮีย”
“ไม่เป็นไร เฮียเคลียร์ได้ เพื่อนเฮียใจดี”

“อือ..จริ๊ง” เหงื่อซึมตามไรผมจนเปียก ขณะที่แอร์คอนดิชั่นในเย็นเฉียบ เขายิ้ม

“แน่นะ”

“ได้น่า..ไม่เป็นไร”

“เกรงใจคนเล่น..เอางี้คุณพัฒน์มาทีหลังเชิญรับประทานอาหารเลยนะคะ รับอะไรเพิ่มอีกไหม” ตัวเล็กซึ่งถือเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสาว ๆ ถาม

“ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายดีกว่า..ผมขอเป็นผู้ดูที่ดีก็แล้วกัน”

“เอาล่ะ.. พรช่วยเดินไปกลับป้ายให้ทางร้านเขาหน่อยไป.. เกรงใจเพื่อนเฮีย” ตัวเล็กซึ่งนั่งอยู่ข้างในร้องขอ ชีวาพรพยักหน้า กลับป้ายให้ร้านเขาเปิดปกติต่อไป แต่ก็ไม่มีลูกค้า อาจจะเป็นเพราะเลยช่วงเวลาอาหารกลางวันแล้วก็ได้

“เล็กว่า เรารบกันมาก็สมควรแก่เวลาแล้วล่ะ.. ทีนี้เมื่อกี้ตอนก่อนมาเราได้แนะนำเพื่อนไปแล้ว..ตอนนี้เราพบกัน ช่วงเวลานิดหน่อยนี้คงพอได้รู้จักกันมากขึ้น ใครมีอะไรจะพูดถึงใครเป็นพิเศษ หรือมีข้อความพิเศษ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกไหม ถ้าไม่มีจะทวนประโยคเก่าที่พูดไปแล้วตอนต้นก็ได้นะ” น้านแหละ... ตัวเล็กของจริง เริ่มมาแล้ว เฮียกับหมอสบตากันยิ้ม ๆ พรกลับมานั่งประจำที่เดิม

“ใครอาสาไหม”

“......”

“หมอล่ะคะ ต้องรีบกลับไปทำงานต่อที่บ้านไหม”

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้งานผมไม่เยอะถึงขนาดต้องนำกลับไปทำต่อ ตามสบายครับ ผมมีเวลา” เขาส่งสายตา.. ต๊ะไว้ก่อนนะเจ้าตัวดี..

“งั้นตัวเล็กอาสาเองก็ได้ค่ะ งานนี้เล็กดีใจมาก ๆ เลยที่มีโอกาสได้มาพบทุกคน และที่แน่นอนกว่านั้นก็คือ ดีใจที่พี่พิมกลับมามีบทบาทอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายไปนาน ถ้าพี่พิมฟังอยู่นะคะ เล็กดีใจมาก ๆ ที่พี่มีความสุขค่ะ ส่วนหมอ..ต้องขออภัยนะคะ ที่เอาเรื่องของหมอมาเผาในที่สาธารณะ เฮีย..ตัวเล็กดีใจค่ะที่ได้รู้จัก ดีใจมาก ๆ ถึงแม้ว่าจะถูกยำใหญ่ใส่สารพัดไปบ้างเฮียก็ไม่เคยถือโกรธ ขอบคุณจากใจของตัวเล็กนะคะ” กวิสรายิ้มประจบ

“ตามสไตล์เลยค่ะ.. ต่อให้รบกันแค่ไหน เราก็ยังเป็นมิตรกันเสมอ จริง ๆ ไหน ๆ ก็ได้พูดสักที ก็ขอต่อเลยนะคะ อาจจะยาวหน่อย ถึงพรก่อนเลย แม้ว่าเราไม่สนิทกันมากนัก แต่ถ้าวันไหนไม่ได้คุยด้วยก็เหมือนชีวิตจะขาดอะไรไปสักอย่างนั่นแหละ” เธอหันไปทางเจ้าแสบซ่าสองคนข้าง ๆ

“พี่ดีใจนะคะ ที่ได้รู้จัก ยินดีที่น้อง ๆ วางใจให้พี่เป็นพี่สาว พี่เรียนรู้ว่าการจะผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกำลังใจ ทั้งจากการได้รับจากคนอื่นและจากการสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งประการหลังนี้ สำคัญมากที่สุด” น้องสาวที่เคยแสบซ่าทั้งสองจับมือพี่สาวคนเก่งไว้คนละข้าง..ไออุ่นจากร่างกายที่ถ่ายทอดสู่กันอบอุ่นยิ่งนัก

“นะคะ.. สองสามวันที่ผ่านมาก่อนจะที่จะเจอกัน รู้สึกจะเหนื่อย ๆ กันมาใช่ไหม เป็นไง วันนี้ดีขึ้นหรือยังจ้ะ” สองสาวพยักหน้า.. หนูวีวี่ทิ้งมาดสาวแสบโผเข้ากอดตัวเล็ก ขวัญเลยโผเข้ากอดอีกคน .. สามสาวกอดกันแน่น..น้ำตาคลอ ซาบซึ้งในมิตรภาพที่มีต่อกัน
ไม่เว้นแม้แต่เฮีย หมอ หรือชีวาพรที่นั่งอยู่คนละฝั่ง..ก็ยิ้ม มีบางคนแอบร้อนผ่าวที่หัวตา นี่ไงล่ะคือสิ่งที่ผูกพันให้ทุกคนอยู่คนละแห่งเหมือนใกล้กันตลอดเวลา

“เอาล่ะครับ.. ผมขอขัดจังหวะบ้างก็แล้วกัน” สามสาวคลายตัวจากการกอดรัดซึ่งกันหันมายิ้ม.. ฮั่นแน่ะ.. วีวี่เห็นร้าย ๆ อย่างนั้นก็เถอะ แอบป้ายน้ำตาทิ้งยิ้มเขิน ๆ

“สำหรับผม ถ้าย้อนกลับจากวันที่เรายังไม่รู้จักกัน ผมว่ามันค่อนข้างจืดชืดนะ มาถึงวันนี้พอได้มารู้จักทุกคน ขอบคุณนะครับที่สนทนาด้วย ขอบคุณที่ให้รู้จักและเข้าถึง ยิ่งกับตัวเล็ก เปิดทางให้ผมเข้ามาในกลุ่มได้ ผมได้รู้ได้เห็นอะไรตั้งมากมาย เพิ่มพูนอยู่ในสังคมไซเบอร์ ขอให้น้อง ๆ หรือคุณชัยคิดว่าผมเป็นพี่ชายและเป็นเพื่อนนะครับ ยินดี เต็มใจและไม่รู้สึกเป็นภาระ อย่างที่บอกนะครับธรรมชาติคงจะสร้างน้ำใจให้คนเราไว้เผื่อแผ่กัน ได้รู้จักกันแล้วก็เหมือนชะตาชีวิตพาดผ่านกันแล้วนี่นะ ปีใหม่นี้ผมคงไม่ต้องการของขวัญอะไรอีกแล้ว เพราะมิตรภาพจากทุกคนมีค่ายิ่งสำหรับผมครับ”

“แปะ แปะ ...” เสียงปรบมือยอมรับจากทุกคน หมอลุกขึ้นยืนและโค้งให้

“ด้วยความขอบคุณจริง ๆ ครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นอีก

“ตอนนี้ก็คงเป็นพรนะคะ.. ของพรอาจจะดูห่าง ๆ สำหรับกลุ่มไปบ้าง เพราะงานค่อนข้างยุ่ง บางทีก็แค่โฉบมาคุยได้ประเดี๋ยวเดียว แต่ก็ดีใจที่ได้รู้จักทุกคนเช่นกันค่ะ ชีวิตไม่เงียบเหงานักเมื่อได้รวมอยู่ในกลุ่มด้วย สำหรับเฮีย อันนี้ขอโทษเป็นพิเศษที่เผากันซะ..”

“ไม่เป็นไรน้อง..” เอ๊..ยิ้มอะไรดังกรอด ๆ เนี่ย ยิ้มของเฮียเลยเรียกเสียงหัวเราะรอบวง

“แหะ แหะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ นะคะ ขอต่ออีกสักนิดนะ..” เธอหันไปพยักหน้ากับอริญชัย ชายหนุ่มผู้ซึ่งชื่อแปลว่าผู้ชนะ ทำท่าคอพับลิ้นห้อย..อย่างปลง ๆ

“จริง ๆ แล้วพรกับเฮียเคยพบกันมาก่อนหน้านี้แล้ว และเคยร่วมงานกับเฮียน่ะค่ะ ก็ไม่ถึงกับปิดบังอะไรนะคะ แบบว่าเราเคยมีเรื่อง คุมแค้น คั่งค้าง แต่ปางหลังกันนิดหน่อย เราเป็นกลุ่มคนอาสาไปอัดละครวิทยุให้เด็กพิการทางสายตาน่ะค่ะ ตอนนั้นเฮียเป็นผู้เขียนบทและผู้กำกับ ถ้าหากว่าเฮียบอกว่า ซื้อ นั่นก็หมายถึงเราผ่านฉลุยกับซีนนั้นน่ะค่ะ ความเป็นมาก็เป็นเช่นนี้แล ฉะนั้นงานนัดพบกันวันนี้เป็นไงบ้างคะเฮีย ซื้อไหม”

“....” ผู้ถูกถามอมพนำยิ้ม ๆ พยักหน้าไปทางสองสาว

“วีวี่ขอบคุณพี่ตัวเล็ก พี่ขวัญ พี่พร ป๋าคริษฐ์ เฮียชัย และพี่พิม ขอบคุณมาก ๆ นะคะ คือวีวี่ตื้นตันนะ พูดไม่ออก”

“ทรงไม่ลงไม่ประทับรึ วีวี่” น๊าน... ให้ทุกข์แก่ท่าน..ทุกข์นั้นเริ่มคืนสนอง น่า..นาน ๆ เฮียแกจะได้สักซีนหนึ่ง.. แต่ก็อดค้อนเสียไม่ได้ สักหน่อย...แหม..มีขอสักหน่อยด้วย
“วีวี่รักพี่ ๆ ทุกคนค่ะ” จู่ ๆ ก็ประนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยซะงั้น

“ขวัญก็ดีใจนะคะ แม้ว่าจะมาทีหลังใครเพื่อน รู้จักทุกคนน้อยเต็มที แต่ขวัญก็ดีใจที่มีพี่ให้ป่วน ฮิฮิ” นี่ก็ประนมมือไหว้ด้วยอีกคน แล้วหนึ่งสาวแสบกับหนึ่งสาวซ่าก็หันหน้าเข้าหากันชนมือกันเบา ๆ กลางอากาศ

“เล่นกันง่ายจริง ๆ นะแม่คุณ” เฮียค่อนจนเกือบค้อนเข้าให้

“สำหรับกระผมนะขอรับ ดีใจครับที่มิตรภาพระหว่างเรา ๆ ท่าน ๆ สวยงามได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าต้องเจ็บตัว เจ็บใจ กระผมก็ยินยอมพร้อมใจนะ เขาว่ากันว่าคนอ่อนไหวน่ะ ค่อนข้างความรู้สึกไวในเรื่องของความรัก ถ้าภาษาของกระผมไปดลหัวจิตหัวใจใครแล้วหลงรักกระผมหัวปักหัวปำนี่อย่ามาโทษกันนะ”

“โห่...” สาว ๆ ประสานเสียงกัน หัวเราะคิกคัก

“อ้าว พูดเป็นจริง..กระผมเป็นคนมีเสน่ห์ขอรับ”

“ฮะ ๆๆๆ” คราวนี้เสียงหัวเราะประสานกันครื้นเครง

“เอ้า ๆ ยอมค่ะ ยอม เฮียไม่มีสาเหน่แล้วใครจะมี” ตัวเล็กพูดกลั้วหัวเราะ

“ทุกคนสัญญากับเฮียได้ไหมว่าจะไม่ลืมกัน และเราจะมีกันและกันเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกันอย่างนี้ตลอดไป”

อริญชัยยื่นมือออกมาข้างหน้า ตัวเล็กยิ้มวางมือลงบนมือของเฮีย..ชีวาพร หมอคริษฐ์ หนูวีวี่ น้องขวัญ ทุกคนยื่นมือออกมา..วางซ้อนกัน

“..... (ดนตรี)..... อย่ากลับคืนคำ เมื่อเธอย้ำสัญญา.....” พิพัฒน์นั่นเอง.. ไหน ๆ ก็ถือกีต้าร์มาแล้ว ก็ไม่ให้เสียเที่ยว เขาแกะกีต้าร์ออกมาจากซองหนัง เตรียมพร้อมไว้นานแล้ว มองคนโน้นที คนนี้ที.. หนนี้เลยได้แสดงฝีมือเต็ม ๆ เขาเริ่มบทเพลงซึ้งของศิลปินล้านนาชื่อดังคับฟ้าเมืองไทย จรัล มโนเพ็ชร ทุกคนร่วมกันร้องด้วยหัวใจที่พองโตคับอก..

“..จะปลอบดวงใจ ให้เธอหายร้าวราน จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน.. จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน..คอยอวยพรให้เธอสมดังหวังได้...นิรันดร์”...

.....

- จบ -


-----------------------------------
งานนี้ขออนุญาตจบด้วยบทเพลงของ คุณจรัล มโนเพ็ชรค่ะ

อย่างที่บอก.. ว่าบทที่กำหนดไว้เดิมเตลิดเปิดเปิงไปหมด เพราะสีน้ำฟ้ายังฝีมือไม่ "แม่น" พอ

โครงเรื่องที่พล็อตไว้ หลวม ๆ มาก ๆ

แต่จะสบายใจที่ได้เขียนถึงทุกคนนะคะ ขอบคุณที่หลายคนที่ยินยอมพร้อมใจถูกเปิดโปงกันโดยดี

เบื้องหลังการพิมพ์ก็คือ ช่วงนี้เฝ้าร้านเอง ภาพถ่ายที่ร้านนะคะ.. สำหรับคนที่ยังไม่เคยเห็น

แจมจะนั่งพิมพ์อยู่ตัวที่สอง บางทีพิมพ์ไปหัวเราะไป บทจบนี่แอบน้ำตาซึม ๆ ด้วย เหะ เหะ ท่ามกลางลูกค้าขนาบข้างด้วยแหละ

ผิด ตก บก พร่องไปบ้าง จะเก็บไปแก้ไขค่ะ

ยกตัวอย่าง พิม - พสิกา ตอนแรกที่ชื่อพิมพ์ชนก พอตอนสอง สาม สี่... เปลี่ยนชื่อเฉยเลยก็มี

^___^

แก้ไขแล้วนะคะ และจะพยายามหัดเขียนอีกค่ะ เพราะยังฝันที่จะเป็น "นักเขียน" ให้ได้ในสักวัน

หนทางต่อให้ยาวไกล แต่ถ้าเราไม่ท้อ
คงพอจะนึกภาพปลายทางออกบ้าง

ขอบคุณค่ะ ที่สละเวลามาอ่าน




Create Date : 30 ธันวาคม 2549
Last Update : 1 ธันวาคม 2550 14:36:08 น.
Counter : 486 Pageviews.

1 comments
  







สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้คุณจขบและครอบครัวมีแต่ความสุข
โรคภัยไม่มี
มีโชคมีลาภมีเงินมีทอง
รวยๆ เฮงๆ ตลอดปีและก้อตลอดไปค่ะ

โดย: icebridy วันที่: 30 ธันวาคม 2549 เวลา:21:40:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สีน้ำฟ้า
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



MY VIP Friend