มิถุนายน 2550

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
All Blog
แก๊งป่วนปะทะก๊วนเก๋า... ;\.0./; [ปีสอง] ตอนที่ ๑ .. พบกัน ณ บางกอก





สำหรับท่านที่ไม่เคยอ่านภาคแรก คลิกดูในบล็อคได้นะคะ ลงไว้ครบแล้ว 4 ตอนจบ




เกริ่น..

หลังจากลาจอไปนาน ก็กลัวว่าท่านผู้ชมจะลืมเสียก่อน แก๊งป่วนขอกลับมาสู่สายตา
ท่านผู้ชม(อ่าน) อีกครั้ง พร้อมกับเรื่องราวสนุกสนาน เฮฮา ปนน้ำตาแห่งความปิติ ยินดี
ก่อนอื่นต้องขอโทษกับคำผิดที่หลุดไปเยอะ เพราะเป็นการเขียนสด ตอนต่อตอน..ไม่ได้ทบทวน
ให้ดีก่อนส่งขึ้นจอ แถมพอเอาไปรวมเป็นเล่มภาษาก็หลุดไปพอสมควร ก็ขออาราธนา.. เอ๊ย
อารัมบทถึงตัวละครเดิมจากตอนที่แล้ว เรียงตามอาวุโส (หรือเปล่า ?)

1. เฮียชัย......อริญชัย หนุ่มใหญ่ ร่างสูงยาวเข่าไม่ค่อยดี (ก็อายุอานามมากกว่าใครเพื่อนนี่นา)
2. พิพัฒน์.....พัฒน์ น้องที่ทำงานของกวิสรา ที่หลุดเข้ามาในกลุ่ม ตอนโค้งสุดท้ายก่อนทุกคนจะ
แยกย้ายกันไปทำงานตามแต่วิถีชีวิตจะดำเนิน
3. เกรียงศักดิ์...เกรียง หนุ่มหล่อประจำก๊วน แต่มักจะไม่ว่าง ไม่ค่อยได้เข้ามาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากนัก
(จนเกือบจะตกขอบจออยู่แล้ว)
4. พสิกา.......พิม สาวเกือบใหญ่ ตัวกลม น่ารัก อารมณ์ดี จากจังหวัดกระบี่ (ขาอำประจำแก๊ง)
5. กวิสรา.......ตัวเล็ก สาวร่างเล็ก มาดนิ่ม ๆ เงียบ ๆ แต่อย่าให้เธอ “ปล่อย” ไม่งั้นจะได้เป็นหัวหน้าแก๊งเรอะ
6. ชีวาพร.......พร สาวสวย หน้าหมวย มาดนิ่ม เจ้าเสน่ห์ อารมณ์ขันเหลือเฟือ
7. ขวัญจิรา....ขวัญ สาวเซ็กซี่ ผมยาว เคยผอมบางร่างเล็ก ตอนนี้เริ่มจะอวบอั๋น จนต้อง เรียกตัวเองว่าหมูขวัญ
สาวเชียงใหม่ แสบ ซ่า..ก๋ากั่น
8.. กรวี......วี (วีวี่) เจ้าหนูตัวแสบ ประจำแก๊ง อายุน้อยสุด แต่ก็ป่วนได้มากสุด เข้าขากันได้ดีกับขวัญจิรา

โอ๊ะโอ.. เพิ่งนึกขึ้นได้ยังมีหมอคริษฐ์ผู้เคร่งขรึมด้วย เนื่องจากหมอหายไปจากจอนานมาก ๆ
มากจนต้องมาแก้ไขเพิ่มเติมให้หลังจากเขียนไปเกือบจบตอนที่หนึ่ง หมอคริษฐ์เป็น สัตวแพทย์ ที่น้อง ๆ
ทุกคนให้ความเคารพยำเกรง รวมไปถึงให้เป็นที่ปรึกษา สารพัด ปัญหาของน้องหมา น้องแมว
และแน่นอน..

เมื่อทั้งหมดโคจรมาพบกันอีก..โลกจะเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามชมกัน ต่อไป เฝ้าหน้าจอ
อย่าให้มีหลุด..เพราะแต่ละฉากเด็ดแท้แน่นอน.. รวมทั้งดารารับ เชิญอีกมากมาย
อาทิ..หนุ่มนักขายมือหนึ่งประจำบูธของคุณพจนาถ พจนาพิทักษ์.. หรือจะเป็นตัวเป็น ๆ ของคุณพจนาถเอง
คุณศุ บุญเลี้ยง คุณพิบูลย์ศักดิ์ ละครพล พี่ ๆ ในวงการนักเขียน ที่ได้พบปะพูดคุยกันตัวเป็น ๆ
หลังจากที่ทุกคนแอบปลื้ม แล้วเอามาชื่น ชมกับลับหลังในห้องสนทนาออนไลน์ “วงล้อมนักอยากเขียน”
กันบ่อย ๆ เชิญติดตามได้แล้วจริงๆ ค่ะ และต้องขอเลียนแบบคำพูดของคนดังท่านหนึ่ง...

”ไม่ ได้โม้...นะ”

----
อ้อ.. เกือบลืมค่ะ.. เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว ๔ ตอนจบ อย่าลืมแวะมาคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
---


ตะแลม..ตะแลม ตะแลม.. เชิญติดตามรับชม..กันได้แล้วนะบัดนี้..




แก๊งป่วนปะทะก๊วนเก๋า...;\.0./; ปีสอง ตอนที่ ๑ .. พบกัน ณ บางกอก



บนโลกไร้พรมแดน ในขณะนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ตั้งอยู่แต่ละสารทิศกำลังถูก เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตพร้อม ๆ กันดังเช่นเคยทุกค่ำคืน เป้าหมายเดียวกันก็คือเพื่อคลิกเข้าไปยังห้องสนทนาออนไลน์ของ เว็บไซต์ชื่อดัง หลังจากนั้นพวกเขาจะเข้าสู่ห้องสนทนาย่อย “วงล้อมนักอยากเขียน”

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : คุณจะมาอีกเมื่อไหร่

พิม says : ก็เมื่อเห็นน่ะซีเฮีย ถามได้

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : เออ..ดี งั้นก็อย่าไปร่ง ไปรับมันเลยฟระ

ตัวเล็ก says : อ้าว..ถ้าเฮียไม่ไปรับใครจะช่วยพี่พิมถือของ

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : ก็แหม..ฟัง she ตอบสิ กวนน้ำโหไหม

ตัวเล็ก says : ไม่รู้ล่ะ เฮียต้องรับหน้าที่ไปรับพี่พิม

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : อ้ายรับก็พอไปได้อยู้....

ตัวเล็ก says : เออ ๆ เดี๋ยวตัวเล็กเลี้ยงเอง

พิม says : ไม่เป็นไร เดี๋ยวพิมไปถึงเรียกแท็กซี่ไปบ้านน้องสาวเอง

ตัวเล็ก says : ไม่เป็นไรไม่ได้หรอกพี่.. เพราะเฮียจะได้ช่วยยกของด้วย

พิม says : เอา..ถ้างั้นจะไม่ขัดศรัทธาล่ะ เพิ่งจะผ่าตัดครั้งที่สามไป เมื่อไม่นานมานี่เอง
หมอห้ามยกของหนักขอใช้บริการเฮียล่ะ

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : เอางี้ ทันทีที่ก้าวเท้าขึ้นรถทัวร์ก็โทร มาบอกกระผมก็แล้วกัน จักไปรับ ถึงกรุงเทพฯ ตีห้านะ สายใต้นะ

พิม says : ค่ะ พิมถือหนังสือไปสอง-สามลังเอง ไม่มากหรอกเฮีย

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : ก็ว่ากันไป.. เอาล่ะผมจะออกไปข้างนอกแล้ว แค่นี้นะ

ตัวเล็ก says : ออกไปก๊งอีกล่ะซี นัดพี่เกรียงไว้เหรอ

พิม says : นั่นดิ.. สงสัยแล้วไมวันนี้พี่เกรียงไม่มาแช้ทล่ะ

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : ฮึ่ย .. ไม่ใช่เรื่องของเดะ เดะ.. ไปนะ

กระผมมารายงานตัวแล้วขอรับ says : ออกจากห้องแช้ท..

ตัวเล็ก says : อ่ะนะ หนีไปซะงั้น

พิม says : นั่นดิ.. เราก็แยกย้ายกันดีกว่า พี่มีงานค้างอยู่นิดหน่อย

ตัวเล็ก says : ค่ะ ตัวเล็กก็จะไปทำงานเหมือนกัน

พิม says : แล้วพบกันค่ะ บาย

ตัวเล็ก says : เดี๋ยว ๆ พี่พิม ตัวเล็กจะเมล์รูปเฮียไปให้นะ วันนั้นจะได้ ไม่สับสน ไปทักถูกคนแน่นอน

พิม says : ได้ ๆ ขอบคุณมากค่ะ แล้วพบกันนะคะ

---------- -----------


ตีห้าของวันที่สามกุมภาพันธ์ ณ สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ชายหนุ่มร่างสูง วัยสี่สิบต้น ๆ กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านกาแฟที่อยู่ติดกับ สถานีขนส่ง ตาก็คอยมองรถที่ผ่านเข้า-ออกในตรงช่องจอดรถ

อากาศของกรุงเทพฯ วันนี้ค่อนข้างเย็น จากปกติกางเกงยีนส์ เสื้อยืดคอโปโล เขาจึงสวมแจ็คเก็ตสีดำ ทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง นาน ๆ ทีเขาจะยกมือขึ้นลูบผมที่ผูกไว้ นานเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ที่ได้ตัดผม ทำให้ผมทรงลากไทร มันก็เลยยาวลงมาประบ่า นี่เขารวบไว้ด้วยยางรัดง่าย ๆ บางทีเขาก็ยกมือขึ้นลูบหนวดเฟิ้มเหนือริมฝีปาก หนวดนี่เขาว่ามันช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมีสง่าราศีตามวัยของหนุ่มใหญ่ แม้ว่า
อายุปูนนี้น่าจะเป็นพ่อคนได้แล้ว หากแต่เขาก็รักความโสด กอดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ยิ่งกว่าเหงือกกับฟันเสียอีกแน่ะ

เพราะจ่ายเงินไว้ก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว เฮียชัยจึงผุดลุกและขยับตัวออกจากที่นั่ง ทันทีที่เห็นรถทัวร์เขียนว่ากระบี่-กรุงเทพฯ เข้ามาจอดเทียบช่องทาง ตามที่เขาไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่มาแล้ว

ที่รีบเพราะต้องไปไปยืนทำหน้าเด่นอยู่ตรงหน้ารถพอดิบพอดี หากพสิกามาถึงจะมองเห็นได้ง่าย เขาชะเง้อชะแง้ได้ครู่ใหญ่ ก็ทำหน้าขรึม ๆ เมื่อเห็นสาวร่างกลม ๆ ผมรวบเรียบตึง เป็นหางม้า เดินตัวสั่นงันงก เข้ามายกมือไหว้ เขารับไหว้ ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะคุยกันจนทะลุปรุโปร่งแล้ว แม้ว่าหนนี้จะเป็นการพบกันครั้งแรก

“หนาวมากเลยค่ะ” เธอกล่าวประโยคแรกกับเขาเช่นนั้น เหมือนไม่ใช่คนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
ก็จะแปลกไปทำไม ในเมื่อคุยกันมาตั้งนาน เขาก็เปรียบเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของเธอไปโดยปริยายอยู่แล้ว

“นั่นสิ แอร์ในรถก็เย็นมากด้วยสิท่า”

“ค่ะ รบกวนเฮียช่วยยกลังกระดาษอีก 3 ลังที่ท้ายรถได้ไหมคะ”

“เอา ๆ ไปกัน” เธอเดินนำไปยังจุดท้ายรถ ตัวเองก็ยกกระเป๋าเดินทาง แล้ว ดึง ๆ ลาก ๆ เข้ามาเก็บไว้ที่ตัวอาคารที่ยกพื้นสูงจากถนนที่รถจอด ทยอยขนของกันจนหมด ก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป

“งั้นเฮียไปถามแท็กซี่ รอตรงนี้นะ” ชายหนุ่มรีบสาวเท้าไป เขาก้มตัวคุยกับคนขับที่จอดรอลูกค้าอยู่ในซอยเล็ก ๆ ข้างสถานีขนส่ง คันแล้ว คันเล่า แล้วก็เดินตัวปลิวกลับมา

“มันไม่ไป หรือถ้าไปมันจะปิดมิเตอร์ร้อยยี่สิบ แพงไป ๆ” พสิกายิ้ม ๆ ส่ายศีรษะอย่างเดียว นับจากไปอยู่เกาะพีพี จังหวะกระบี่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีกว่า ๆ ที่เธอกลับเข้ากรุงเทพฯ จึงไม่ออก
ความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น

“เอางี้..” เขาตัดสิน

“ไปบ้านเฮียก่อน แล้วตอนสาย ๆ เราค่อยออกไปงานอะไรที่คุณว่า คุณจองแผงไว้แล้วนั่นน่ะ”

“งานทีบีทีบุ้คเฟสติวัล ที่ตึกไทยแลนด์บุ้คทาวน์เวอร์ ที่สาทรค่ะ”

“นั่นแหละ ๆ “

“ก็..แล้วแต่ค่ะ ไม่มีความเห็น ขึ้นเขา-ลงห้วย ก็ต้องตามเฮีย เพราะตอนนี้ให้พิมเดินทางเอง คงไปไม่ค่อยถูก แท็กซี่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ” อริญชัยยืนเท้าสะเอว เอียงคอมองกองมรดก คิดหนัก

“เอ้อ...แล้วแท็กซี่ว่าไงคะ ที่ไปถามมา”

“มันแพงไป มันจะปิดมิเตอร์ไปตั้งร้อยยี่สิบ”

“ค่ะ” พสิกาได้แต่มองเขา เพราะไม่รู้เหมือนกันเท่าไหร่ถึงเรียกว่าแพง

“เอางี้ไหมคะ เราให้คนเข็นของช่วยเข็น แล้วไปเรียกแท็กซี่ด้านหน้าสถานีขนส่งดู คงมีบ้างหรอก”

“น่าจะเป็นอย่างนั้น” เธอหันไปพบชายชราคนหนึ่งใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตเก่าๆ กำลังเข็นรถเข็นสี่ล้อเก่าๆ ผ่านมา มองสภาพจากล้อของรถเข็นที่แบะออกไปคนละทาง เป็นการยืนยันว่ามันคงถูกใช้งานมาหนัก เรียกว่าเก่าพอกันทั้งคน ทั้งรถเข็น

“คุณลุงคะ” ชายชราหยุดเดิน หันมามองหน้า

“ช่วยเข็นลังหนังสือ สามลังกับกระเป๋าเดินทางนี้ไปด้านหน้าสถานีด้วยค่ะ” เขาพยักหน้า..เข็นรถมาจ่อ ยกลังกระดาษขนาดที่ใส่กระดาษเอสี่ได้ห้ารีม ท่าทางเขางกๆ เงิ่นๆ อริญชัยกุลีกุจอเข้าไปช่วยยกของใส่รถเข็น แล้วทั้งสามก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น

-------------------------


แสงสีทองของตะวันเช้าขยับตัวไล่ม่านฟ้าสีเทาดำให้จางลง ๆ ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยน ตะวันเจิดจ้าเต็มที่ ฟ้าเป็นสีฟ้าใส หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งสาวนั่งสนทนากันจิปาถะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที อริญชัยก็บอกให้รถเลี้ยวเข้าซอย ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง พลางอธิบายทางให้พสิกาฟัง ซึ่งก็เข้าทางหูซ้ายผ่านฉลุยออกทางหูขวาโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็แหม..ซอยเล็กขนาดนั้นใครจะไปจำ ยิ่งเส้นทางในกรุงเทพฯ อีกต่างหาก เอาเป็นว่าถ้าจะมาใหม่ค่อยถามอีกทีก็ได้

รถแท็กซี่จอดสนิทที่หน้าปากซอยกว้างประมาณสักวา ปรากฏว่ามิเตอร์ขึ้นห้าสิบแปดบาท ชวนให้นึกถึงราคาเหมาร้อยยี่สิบบาที่เฮียบอกว่าแพง

“จริงของเฮียแฮะ” เธอรีบควักกระเป๋าจ่ายค่าแท็กซี่เพราะเกรงใจ หากคนไปรับจะต้องเสียเงินเพราะเธอ

ชายหนุ่มทยอย ยกลังหนังสือ พร้อมกระเป๋าเดินทางไปจ่อไว้ที่ประตูเหล็กบานใหญ่ มีเสาปูนตั้งขั้นไว้ก่อนจะเป็นประตูเล็ก ป้ายพลาสติกที่น่าจะเป็นสีน้ำเงินแต่มีอายุยาวนานหลายปี จึงมองเห็นเป็นสีฟ้าจาง ๆ ตัวหนังสือนูน ๆ สีขาวเป็นเลขไทยเห็นเด่นชัดสามสองสอง พสิกาเห็นแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ มิน่าบางครั้งเฮียถึงได้ใช้ชื่อล็อกอินลงท้ายด้วยเลขสามสองสอง เป็นแบบนี้นี่เอง ว่าแล้วก็หยิบกล้องถ่ายรูปมากดไว้หนึ่งแชะ

มองจากด้านนอกไม่เห็นอะไร จมูกสัมผัสกลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่ง หอมอ่อน ๆ ชวนชื่นใจ พยายามมองผ่านประตูเหล็กดัด หากแต่ตัวเธอเตี้ยเกินกว่าจะมาองผ่านประตูที่สูงใหญ่ ก็เลยเห็นแต่แผ่นเหล็กสีแดงซีด ๆ มีเหล็กเส้นแต่งเป็นกรอบสี่เหลี่ยม ดัดให้เป็นรูปดอกไม้ สูงกว่าแผ่นเหล็กเป็นซี่ลูกกรงแต่เธอก็มองไม่เห็นอยู่ดี เห็นแต่กิ่งก้านของไม้ยืนต้นของดอกไม้เล็กๆ ที่ส่งกลิ่นอบอวลอยู่ตอนนี้เท่านั้น มองเลยไปก็เป็นกำแพงปูนที่กั้นอาณาเขตระหว่างบ้านกับถนนสาธารณะเล็ก ๆ นี้เชื่อมกับถนนใหญ่ ซึ่งหากเมื่อกี้เข้ามาทางถนนอีกด้านที่เธอกำลังมองอยู่คงไม่ต้องเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาให้เวียนหัว


เธอยืนรอจนเจ้าของบ้านขนของจากแท็กซี่ครบแล้ว เขาไขกุญแจประตูเล็ก เผยให้เห็นว่าหลังประตูเหล็กมีอะไรบ้าง พสิกายืนอึ้ง ๆ อยู่ตรงประตูก่อนจะก้าวผ่านประตูเข้ามา ซึ่งต้องยกขาข้ามซีเมนต์ที่เป็นกรอบล่าง ของประตู ซึ่งมองแล้วสันนิษฐานว่าคงจะทำไว้กั้นน้ำไม่ให้เข้าบ้านช่วงหน้าฝนแถวนี้คงมีน้ำเจิ่งนองสูง พอสมควรล่ะ

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาผู้มาใหม่ เป็นบ้านไม้สองชั้น มีอาณาบริเวณกว้างขวาง คำนวณเล่น ๆ จากสายตาประมาณสองร้อยกว่าตารางเมตรเป็นอย่างต่ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านแบบนี้ ซ่อนตัวอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร มองสูงขึ้นไปมีหน้าต่างเปิดอ้าอยู่ มองเห็นลูกกรงเหล็กชัดเจน ไม้ยืนต้นนี้พราวพร่างไปด้วยดอกเล็ก ๆ เห็นได้ชัดเจนกว่าข้างนอก ลำต้นของมันสูง ใหญ่ อยู่ริมกำแพง เจ้าของบ้านเทซีเมนต์วางล้อมกรอบลำต้นไว้ มีเศษใบไม้แห้งกองสุมอยู่รอบ ๆ ลำต้น แมวสีน้ำตาลไหม้ นอนหลับขดอยู่บนกองใบไม้ ท่าทางมันน่าจะมีความสุข ไม่ได้ตื่นมาเหลือบแลผู้มาใหม่แม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะนอนใบไม้คงอุ่นกว่านอนบนพื้น ใกล้ ๆ กันนั้น แมวอีกตัวเป็นสีเทา นอนขดอยู่เหมือนกัน มันปรือตามามอง คนกับแมวสบตากัน แมวเป็นฝ่ายเมินก่อนมันกลับไปซุกหน้ากับขาตัวเองหลับต่อ

ไม้ต้นนี้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาจนเลยหลังคาบ้านที่อยู่ถัดจากประตูเข้ามาเพียงสองก้าว เจ้าบ้านเทปูนหยาบ ๆ บนลานดินก็แลสะอาดสะอ้านดี เช้านี้รู้สึกว่าเขาคงกวาดลานบ้านกันไปรอบหนึ่งแล้ว เพราะเห็นมีแต่กลีบดอกที่หล่นโรยตัวเกลื่อนบริเวณ ไม่มีใบไม้แห้ง ๆ สักใบ

สูดลมหายใจเต็มปอดอีกครั้ง เช้าวันใหม่วันนี้เป็นวันที่สดชื่นมาก ๆ จริง ๆ สำหรับพสิกา

“เอ้า..ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวเฮียยกของเข้ามาเอง เธอน่ะนั่งเฉย ๆ “

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เลยต้องรบกวนเฮีย”

“เออน่า..ไม่ต้องเกรงใจ นั่งๆ”

“เฮีย”

“อะไร”

“นี่ดอกอะไรนะคะ พิมไม่ค่อยรู้จักชื่อดอกไม้”

“ดอกแก้ว..”

“อ๋อ ค่ะ.. ขอบคุณค่ะ”

“...............”


ระหว่างที่ชายหนุ่มเดินกลับไปที่ประตู เพื่อยกของ พสิกาก็ถือโอกาสสำรวจพื้นที่ด้วยสายตาต่อไป โต๊ะที่นั่งอยู่ทำจากไม้ปูโต๊ะด้วยผ้าพลาสติกมีลวดลายดอกไม้ก็ดูสวยงามดี ส่วนเก้าอี้ทำจากไม้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเรียกไม้อะไร แต่น้ำหนักพอสมควรเลยล่ะ เบาะนวมตั้งอยู่หัวโต๊ะ ด้านใน แถบที่ติดกับตัวบ้าน และมีเก้าอี้พลาสติกวางไว้ฝั่งละสามตัว สอดเก็บเข้าใต้โต๊ะ ดูก็เป็นระเบียบดี

พอยกของเสร็จ เขาเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านแล้วปิดประตูดังเดิม พสิกามองตาม ก็แหม...มันน่าสงสัยไหมล่ะ ว่าหลังประตูนั่นจะมีอะไรอีก

เมื่อไม่ได้เข้าไป เธอนั่งพิจารณาตัวบ้านต่อ ดู ๆ ไปแล้วเหมือนบ้านนี้เคยเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ยกพื้นสูง แล้วคงมาต่อเติมภายหลัง บนศีรษะเธอเดาว่าคงเป็นห้องนอนของใครสักคน และคงมีอีกหลายห้อง เพราะบ้านนี้นอกจากเฮีย ก็มีบิดา-มารดาของเขาด้วย บ้านนี้แลดูอบอุ่น พื้นที่ว่างทั้งสองปลูกไม้ยืนต้น หอมกลิ่นดอกไม้เล็ก ๆ นั่น ในช่วงอากาศกำลังดีแบบดีนี้ ให้ความรู้สึกสดชื่นสุด ๆ จนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกเข้าไปในปอด แล้วค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกมาช้า ๆ

บานประตูที่ทำจากไม้ค่อย ๆ เปิดออกมา และปล่อยให้มันเปิดกว้างจนบานประตูไปชนกับชั้นวางรองเท้าที่ทำจากไม้ วางห่างจากประตูนิดหน่อยความยาวประมาณหนึ่งเมตร วางชิดฝาบ้าน อริญชัยก้าวนำออกมาก่อน นำน้ำดื่มมาวางไว้ให้สามที่ พสิกายกน้ำมาจิบ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ชายสูงวัยสวมกางเกงขาสั้นสีกรมท่า ยาวประมาณหัวเข่าและเสื้อเชิ้ตสีเทา เดินตามออกมา ชายที่อายุน้อยกว่ารีบขยับลุก เพื่อขยับเก้าอี้ให้ชายสูงวัยนั่ง ก่อนตัวเองจะนั่งลงใกล้ ๆ หญิงสาวรีบยกมือไหว้ ชายสูงวัยยิ้มในหน้า ดวงตาฉายแววอาทรอย่างเห็นได้ชัด

“สวัสดีๆ เป็นไงการเดินทาง”

“ก็สะดวกดีค่ะ ก็จะติดต่อกับเฮียและน้อง ๆ ในกลุ่มตลอดการเดินทาง คุณปู่สบายดีนะคะ” เธอตัดสินใจเรียกชายสูงวัยว่าคุณปู่ ตามน้อง ๆ ในกลุ่มแก๊งป่วนที่รู้จักกับคุณปู่มาบ้างแล้ว และคุณปู่ไฮเทคก็มีเข้าไปสนทนาออนไลน์กับพวกเธอในวงล้อมนักอยากเขียนบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่บ่อยนัก

“สบายดี เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักคุณย่า กับคุณอาของนายชัยเขา” พสิกาพยักหน้า ยิ้ม ๆ ไม่ได้กล่าวอะไร

“นี่ทานอะไรมาหรือยัง” เธอยิ้มอีก

“พอดี............ มาถึงยังไม่สว่างเลยน่ะค่ะ รถเข้าสถานีตอนตีห้ากว่า ๆ ก็เลยยังไม่ทันได้รับประทานอะไร”

“อ้าว.. งั้นเดี๋ยวให้นายชัยเขาเลี้ยงโจ๊กสิ หรือจะทานข้าวก็ได้นะ ตรงแถว ๆ ปากซอยมีร้านประจำที่อร่อย อยากทานอะไรล่ะ”

“อะไร....ก็ได้...กระมังคะ” เสียงตอบกระตุกเป็นห้วง ๆ เพราะไม่มั่นใจรวมไปถึงเกรงใจเจ้าบ้านอยู่มาก

“ไปสิ ยังเช้าอยู่เลย หลังจากนั้นค่อยกลับมาวางแผนกัน ว่าจะไปที่ไหนกันต่อ อ้อ.. แล้วเรื่องที่พักล่ะเป็นไง”

“คือ.. ที่พักที่เคยคุยกันไว้ก่อนมาเต็ม เดี๋ยวพิมเขาจะไปพักบ้านน้องสาวที่รัตนาธิเบศร์น่ะครับ ป๋า”

“เอ้า ๆ งั้นเดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำ ห้องท่าก่อน เดินเลาะไปทางนี้นะ ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง แล้วไป ไปหาอะไรทานกันก่อน แล้วค่อยกลับมาวางแผนกัน”

“ค่ะ.. ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ เลยรบกวนคุณปู่เลยค่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ ไป ๆ เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย” คุณปู่ขยับตัวลุกไปเปิดประตู คราวนี้เปิดทิ้งไว้ แล้วก็เปิดอีกประตู ที่อยู่แถบขวามือ

“................”

พสิกาขยับตัวลุกไปค้นของใช้จำเป็นที่กระเป๋าเดินทางแล้วถือเดินไปตามทาง ไม่ได้ไปตามทางที่คุณปู่บอก แต่เดินตามเจ้าบ้านอีกคนที่เดินเข้าไปชี้ทางให้ว่าเดินทะลุจากในตัวบ้านไปก็ได้ มองแว่บหนึ่งฝั่งขวามือ คุณปู่เปิดประตูทิ้งไว้ มีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปชั้นสอง ข้างบันไดมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ชุดหนึ่ง

‘อ้อ.. โลกออนไลน์ของฟากฝั่งนี้เริ่มต้นที่นี่นั่นเอง‘

ด้านซ้ายมือเป็นชุดรับแขก เก้าอี้ไม้วางชิดข้างฝาสามตัว แต่ละตัวมีเบาะรองนั่ง และหมอนอิงวางอยู่ ที่น่าแปลก แมวสีขาวปนดำนอนขดตัวอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง

“นั่นลุงซ่า เป็นขาโจ๋และเป็นตัวโปรด เลยเข้ามานอนเล่นในบ้านได้”

“ค่ะ........”

“เอ้า..เดินตรงไปนะคะ แล้วทะลุไปหลังบ้าน”

“ค่ะ”

ยังเป็นเพราะยังเช้าอยู่มาก แสงสว่างในบ้านก็เลยยังดูทึมทึบไปหน่อย โผล่พ้นประตูหลังไปด้านนอกจึงดูสว่างจ้า แตกต่างกันชัดเจน ระหว่างในบ้านกับตัวบ้าน คุณปู่ยืนแกว่งแขนไป-มา อยู่ตรงเชิงบันได พสิกาจึงค้อมตัว..ส่งยิ้มให้คุณปู่แล้วเลี่ยงเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ซึ่งแยกออกจากตัวบ้าน เป็นเหมือนเรือนแถวชั้นเดียว ดีว่าเมื่อกี้แว่ว ๆ มาแล้วเฮียบอกว่าห้องซ้ายจะเป็นห้องอาบน้ำ ห้องทางขวาจะเป็นห้องสุขาโดยเฉพาะ

'อืม.. บ้านนี้น่ารักดีจัง มีประตูด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็มีบันไดทอดขึ้นไปสู่ตัวบ้านอีกทางหนึ่ง เชิงบันไดยกสูงด้วยซีเมนต์ และมีตุ่มน้ำวางไว้ มีอ่างเล็ก ๆ เป็นกรอบสี่เหลี่ยม ทำให้นึกถึงบังกะโลแถวชายทะเล ที่มีอ่างอย่างนี้ไว้สำหรับให้ลูกค้าที่ไปพักล้างทราย'

บ้านนี้ดูไทย ๆ มาก ๆ ในความคิดของพสิกา ส่วนเจ้าบ้านก็น่ารักและรู้สึกได้ว่า คุณลูกจะค้อมตัวตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณพ่อ ดีจัง..จู่ ๆ ก็ได้มาพบอะไรดี ๆ ในกรุงเทพฯ เมืองศิวิไลที่นับวัน นับจะเปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ อย่าง

-------------------------
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ก็กลับมาที่บ้านที่เธอแอบตั้งชื่อในใจว่า... บ้านหอมกลิ่นแก้วอีกครั้ง นั่งคุยกันสรรพเพเหระ จนเกือบเก้าโมง คุณปู่บัญชาให้อริญชัย ไปเรียกแท็กซี่ เพื่อยกของทั้งหมดขึ้นรถ แล้วคุณปู่ก็นั่งกำกับไปด้วย เพราะอาศัยพสิกาซึ่งไม่เข้ากรุงเทพฯ นานเป็นปี ๆ กับอริญชัยที่ไม่ได้เดินทางไปแถวถนนสาทรนานแล้ว คงจะต้องหลงทาง เสียค่าแท็กซี่กันอานแน่ ๆ

วันนี้รถบนท้องถนนจึงไม่มากนัก จากบ้านหอมกลิ่นแก้ว ถึงถนนสาทร ตึกสูงใหญ่ที่เรียกว่าไทยทาวเวอร์บุ้ค
จึงใช้เวลาเพียงยี่สิบนาที แต่เป็นเวลาที่ตึกยังไม่เปิดทำการ ต้องรอให้ถึงสิบโมงเช้า ด้วยความเกรงใจ พสิกา
จึงบอกคุณปู่กับอริญชัยกลับก่อน เธอยินดีรออยู่ที่ตึกเพียงคนเดียว แม้จะห่วงใยแต่ทั้งสองก็มีภารกิจ ดังนั้นจึงต่างให้คำแนะนำเรื่องเส้นทางเดินรถตามความต้องการของเธอหลังจากเสร็จจากการอบรมและนำหนังสือทำมือมาขายที่นี่แล้ว จะได้กลับบ้านได้สะดวก ซึ่งพสิกายิ้มรับด้วยความปลาบปลื้ม

สองคนพ่อกับลูก มิตรที่น่ารักของเธอเดินจากไป พสิกายืนมองจนทั้งสองลับหายไปกับฝูงชนที่คลาคล่ำอยู่บนท้องถนน เธอถอนหายใจ ก่อนจะกลับมานั่งที่ชายคาตึก เหม่อมองออกไปสุดสายตา ความอ้างว้างเข้ามายึดอำนาจหัวใจอีกจนได้

ท่ามกลางผู้คนมากมาย.. ทำไมต้องเหงา..ไม่เข้าใจ....



----จบตอนหนึ่งแล้วอย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ..---

ขอบคุณค่ะ




Create Date : 30 มิถุนายน 2550
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 11:53:54 น.
Counter : 699 Pageviews.

19 comments
  
มาเยี่ยมแก๊งป่วนครับ ฮ่า ๆ คนแรก
โดย: ย.ยิ้มแย้ม วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:21:16:31 น.
  
โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:21:25:25 น.
  
แวะมาราตรีสวัสดิ์ฝันดีนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
แวะหากันเสมอ
แก็งป่วนน่ารักดีนะค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:21:58:54 น.
  


รออ่านตอนต่อไป . . .
โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:23:08:13 น.
  
แวะมทักทายแก๊งป่วนค่ะ เอ... ไม่ทราบว่าอยู่ อ. อะไรคะ พอดีมีเพื่อนและญาติๆ อยู่อ่าวลึกน่ะค่ะ
โดย: ศศิกัณห์ วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:50:18 น.
  
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

ตอนที่สองกำลังปั่นอยู่ค่ะ คิดว่าวัน-สองวันนี้น่าจะเสร็จ

และตั้งใจไว้ว่าจะทำเป็น 4 ตอนจบค่ะ

โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:46:36 น.
  
มาเยี่ยมครับ
โดย: Pichsud วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:55:59 น.
  
แวะมาดูน้องเหมียว
โดย: knightwin ไม่ได้ล๊อคอินครับ IP: 61.91.221.229 วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:47:15 น.
  
Good Night จ้า
โดย: ความรักของลูกหมา วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:13:06 น.
  
แวะมาเยี่ยมๆ มองๆ ค่ะ...

นกขุนทองร้องกรู๊......


บ้านสวยนะคะ...
โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.142.185 วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:48:36 น.
  
โฮะ...โฮะ...โฮะ
ในที่สุด การเดินทางของสาวสวยเพื่อผจญโชคตามลำพังก็เริ่มต้นขึ้นอย่างน่า...น่าอะไรดีล่ะ
เธอขยับเป้แนบหลังแล้วก้าวเดินอย่างมุ่งมั่น...โครม!!!!!!
สีน้ำฟ้าสะดุดเชือกฟางที่มัดลังของตัวเองล้มคว่ำลงกลางสานสายใต้ท่ามกลางสายตาประชาชนนับพัน
เฮ....ฝูงชนปรบมือถูกใจกับการแสดงอันสมบทบาทของหญิงสาว

ไปดีก่า...ท่าทางจะป่วนเขาผิดเรื่องสิเรา ลืมนึกไปว่าเขาไปเจอคนเยอะ แก๊งส์ใหญ่ขนาดนั้น ขาโจ๋ภูธรอย่างปลายแปรงกลับมาแอบหลังต้นสะตอดีกว่าแฮะ

ตกลงสายใต้เขาย้ายไปอยู่พุทธมณฑลหรือยัง เป็นสายใต้ใหม่(กว่า) หรือยัง
โดย: ปลายแปรง วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:35:50 น.
  
ปลายแปรงเขาถามเล่นหรือถามจริงว่าสายใต้อยู่ที่ไหน พี่ไม่ได้ไปสายใต้มาเกือบสิบปีแล้ว เพราะส่วนใหญ่กลับบ้านโดยรถไฟ หรือไม่ก็ติดรถเขาไป ที่กำลังจะกลับก็ติดรถพี่หญิงจุฑามาศไป
จึงไม่รู้ว่าสายใต้เขาย้ายหรือยัง
ชีวิตเริ่มไกลจากจุดเริ่มต้น เข้ารุงเทพฯครั้งแรกพวกปักษ์ใต้ก็จะเช่าบ้านแถวสามแยกไฟฉาย พรานนก

อ่านจบตอนแล้ว บทสนทนาเยอะจังสงสัยจะถนัดใช้บทสนทนา

สวัสดียามบ่าย
วันนี้พี่ตื่นเช้า
โดย: แพรจารุ วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:36:16 น.
  
วิวที่เห็นในโพรไฟล์ ไม่ใช่เมืองไทยคร้าบ กรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อนบ้านเรานี่เองคร้าบ มองเห็นตึกแฝดอยู่ลิบๆด้วยน๊า..


เดี๋ยวตามไปอ่านตอนแรกๆก่อนคร้าบ..
โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:33:04 น.
  
โดย: random-4 วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:26:56 น.
  
คุณพิสุทธิ์ ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมเยียนกัน

คุณ knightwin น้องเหมียวน่ารักเหมือนเจ้าของกระทู้ไหมคะ คุณ ความรักของลูกหมา เมื่อคืนไม่ทันกล่าวราตรีสวัสดิ์ ด้วย เดี๋ยวคืนนี้ถ้าไม่นอนก่อน..จะแวะไปทักทายค่ะ

คุณฮอลล์ ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาชม ไว้คุณฮอลล์หาบล็อกที่ผู้จัดการพบแล้ว วางลิ้งค์ไว้ให้อ่านต่อบ้างนะคะ

คปป. แม๊.. รู้ทันเชียวนะ ว่าเราน่ะ น้องซุ่ม อิอิ

สายใต้ใหม่ที่สุด ล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาที่ผ่านมายังไม่เปิดใช้เลยค่ะ.. ต้องไปกระซิบ ๆ ถามลุงบูลย์ คนที่เพิ่งกลับมาดีกว่า


โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:49:59 น.
  
เรื่องสั้นที่ทันสมัยดีแท้ พูดถึงงานเขียน เมื่อหลายปีก่อนเคยเขียนไว้นิดหน่อย ปัจจุบัน หุหุ...เขียนไม่ออกแล้วครับ
โดย: เขาพนม วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:52:36 น.
  




สวัสดีตอนหัวค่ำของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


ส่งถ้อยคำดี-ดี มาฝาก
หวังว่าอ่านแล้วคงแจ่มใส
สี่คำง่ายๆ แต่จริงใจ
ว่า คิดถึง ห่วงใย เธอ





** มีความสุขมากๆนะจ้า **



มาอ่านเรื่องกวนๆๆจ้า แล้วก็รออ่านตอนต่อไปนะจ้า
โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:11:35 น.
  
(ตอบคอมเม้นท์ ต่อ)
พี่ยาย
เมื่อวานอายมาก.. ตอนที่นั่งตอบความเห็นของเพื่อน ๆ จังหวะนั่งรอสัญญาณเน็ต สัปหงกไปด๊าย..

ฮี่ฮี่.. ก็รีบอาบน้ำ นอนเลยดีกว่า .. นอนตั้งแต่ยังไม่มืดแน่ะ ตื่นมาดูนาฬิกาตอนห้าทุ่ม.. ก็เลยปล่อยเลยตามเลย

นอนดึก ๆ ติดกันมาหลายคืนมักจะเป็นอย่างนี้แหละค่ะ.. ยิ่งช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่เฝ้าร้านเองนี่ก็จะเป็นแบบ นอนดึกตื่นเร็วและต้องนั่งทำงานทั้งวัน

น่า..อภัยกันได้เน๊าะ..

น่าสงสารออก.. แจมเป็นคนประเภท เวลากิน เวลานอน ไม่ปกติเหมือนชาวบ้าน

คุณสมาร์ท แหะ แหะ ขอบคุณค่ะ ที่ตามมาบอก แบบว่าวิวสวยดี ก็เลยอยากรู้อยากเห็น

คุณสุ่มสี่ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

พี่เขาพนม ถ้ากลับไปอ่านตอนเก่า ๆ จะทราบว่าจริง ๆ แล้วเรื่องใกล้ตัวกว่านั้นอีกค่ะ.. แจมจับเพื่อน ๆ ในห้องกวีของพันทิปนี่แหละเป็นตัวละคร

พี่จอมแก่น สวัสดียามเช้าของเมืองไทยค่ะ.. ขอให้มีความสุขตลอดวันด้วยเช่นกันค่ะ

โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:17:01 น.
  
• นี่ๆตัวเองอ้วนมากไปแล้วขาก็ใหญ่พุงก็โย้แขนยังกะนักมวยปล้ำมาที่นี่นะเราช่วยได้//goodlife.blog.ac
โดย: Sirikarm IP: 125.24.43.181 วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:7:10:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สีน้ำฟ้า
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



MY VIP Friend