• ° o . O ขอต้อนรับสู่โลกขำๆ ของคนชอบฝันเฟื่อง O . o ° •
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ดวงไฟในสายฝน 5



พงศ์ประภาเข้ามาใน ‘ร้านไออุ่น’ ก่อนเวลานัดถึงครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มเลือกนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุดซึ่งเป็นที่ประจำ ก่อนจะมองสำรวจร้านกาแฟโปรดที่ดูแปลกตากว่าทุกวัน

ร้านไออุ่นต้อนรับวันคริสต์สมาสและเทศกาลปีใหม่ด้วยการนำเอาต้นกาแฟเป็นพุ่มเขียวชอุ่มสูงประมาณสามฟุตตั้งไว้กลางร้าน ประดับประดาต้นกาแฟด้วยไฟกระพริบพร้อมเหล่าตุ๊กตานางฟ้า ซานต้าคลอส ถุงเท้าไหมพรม กระดิ่ง และที่พิเศษคือแก้วกาแฟจิ๋วสีสันน่ารักน้ำหนักเบาทำจากเศษกระดาษเหลือใช้สร้างสรรค์โดยจิตรกรหน้าตี๋ประจำร้าน

พงศ์ประภาเพลินมองบรรยากาศแปลกใหม่ก่อนจะปล่อยใจให้ลอยไปหาคนที่นัดเอาไว้ ความจริงเขาอยากเป็นฝ่ายไปรับเธอจากบ้านพักมาร้านนี้ด้วยตัวเอง แต่ก็เป็นด้วยอุปนิสัยขี้เกรงใจและค่อนข้างไว้ตัวของเธอนั่นแหละที่บอกว่ามีธุระแถวนี้พอดี จะมาร้านไออุ่นเองหลังจากเสร็จธุระแล้ว

นอกจากจะมีดวงหน้าบริสุทธิ์ของคู่นัดที่ลอยเด่นในความทรงจำเป็นเพื่อนแก้เหงา ชายหนุ่มยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมาทั้งวัน ในเมื่อคิดว่ามันคงถึงเวลาเสียทีที่เธอคนนั้นควรจะรู้ ‘ความจริง’ ที่เขาไม่เคยเอ่ยปากหากแต่ได้พยายามบอกด้วยแววตาและการกระทำตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ได้ร่วมงานใกล้ชิดสนิทสนมกัน อาจเป็นช่วงเวลาไม่นานมาก แต่ก็คงทำให้ทั้งเขาและเธอเรียนรู้กันและกันจนพอที่จะกล่าวคำๆนี้ได้แล้ว

อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธออาจรู้สึกตรงกันก็ไม่สู้แน่ใจบางทีสายตาที่เธอมีให้เขายามเผลอมันสะท้อนความหมายของสิ่งที่อยู่ในใจลึกล้ำกว่าคนรู้จัก เพื่อน หรือ ผู้ร่วมงาน จะมีให้กัน แต่บางคราวและออกจะบ่อยครั้งด้วยซ้ำที่คล้ายเธอสะดุดกับอะไรบางอย่างในใจ ก็จะตีตัวออกห่างสรรหาสารพัดกำแพงมากั้นกลาง ไม่เคยยอมให้ไปรับไปส่งถึงบ้านถ้าไม่จำเป็น ไม่เคยยอมไปไหนมาไหนด้วยนอกจากติดต่อเรื่องงาน และไม่ยอมพูดจาไปทางอื่นนอกจากเรื่องปกติที่คนรู้จักธรรมดาจะปราศรัย

หากไม่อ้างว่าจะฉลองความสำเร็จกับโฆษณาชิ้นโบว์แดงที่ได้ความร่วมมือจากเธอ วัดได้จากยอดขายโคโลญจ์ของลูกค้าที่เพิ่มกระฉูดรวมทั้งเม็ดเงินก้อนโตที่มูลนิธิเด็กตาบอดได้รับบริจาค เธอก็คงไม่รับนัดเขาในวันนี้แน่ๆ จะอ้างว่าอยากฉลองคริสต์มาสเพื่อให้มันฟังดูโรแมนติกหน่อย ชายหนุ่มรู้ดีว่าแม่สาวโบราณจะตอกกลับมาอย่างไร

‘ดิฉันเป็นคนไทยและก็เป็นพุทธศาสนิกชนค่ะ จะต้องฉลองคริสต์มาสไปทำไมคะ’

ฉะนั้นหัวข้อเรื่องงานจึงเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุด ไหนๆก็ใช้งานเป็นสะพานมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่ แต่เมื่องานจบลงพงศ์ประภาก็นึกหวั่นว่าจะหาอะไรไปเป็นข้ออ้างในการโทรหาเธอคนนั้นวันละสองเวลาหรือมากกว่านั้นแล้วแต่ความคิดถึง จะเอาเหตุผลอะไรเพื่อตะลอนไปไหนๆกับเธอตามลำพังโดยอ้างงานแต่เอาเข้าจริงพงศ์ประภาก็แอบพาเธอแว๊บไปเที่ยวดูโน่นนี่ ก็เวลาอยู่กับเธอน่ะรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งๆที่เท้ายังติดดิน

ในเมื่อปรารถนาจะให้ความสัมพันธ์คืบหน้าพงศ์ประภาจึงตั้งใจเอาวันคริสต์มาสนี่แหละเป็นฤกษ์ดี และเลือกเอาร้านกาแฟที่เขาเจอเธอครั้งแรกเป็นสถานที่เผยความในใจ แม้ ‘ร้านไออุ่น’ จะไม่หรูหราฟู่ฟ่าแต่ก็น่ารักอบอุ่นอย่างยากที่จะหาร้านใดมาเทียบ

“สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ เอสเปรสโซ่ร้อนที่สั่งได้แล้วครับ”

เสียงบริกรกล่าวขัดจังหวะชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเห็นเป็นบริกรเด็กหนุ่มผู้ซึ่งพงศ์ประภาไม่เคยถามไถ่ชื่อด้วยปกติเป็นคนไม่ค่อยคุยอยู่แล้ว แต่กระนั้นเวลาสองปีกว่าก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับบริกรคนนี้ไปโดยปริยายอาจเพราะความถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ที่ทำให้เขาต้องเข้ามาชิมกาแฟฝีมือนายคนนี้จนพัฒนาไปในระดับที่เรียกได้ว่า เด็กชงกาแฟร้านโนเนมคนนี้อาจมีฝีมือดีกว่าบรรดาคนชงกาแฟร้านแบรนเนมหลายร้านที่เขาเคยลองชิมมา หากไม่นับถึงคุณภาพที่ผูกติดกับราคาของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ซึ่งแน่นอนล่ะว่าร้านกาแฟเล็กๆราคามิตรภาพร้านนี้ย่อมเสียเปรียบพวกร้านใหญ่ทุนหนัก

“ขยันจังนะครับน้อง คริสต์มาสไม่ไปเที่ยวกับแฟนเหรอ” พงศ์ประภาเอ่ยทักค่อนข้างยาวกว่าปกติด้วยว่าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สร้างความแปลกใจให้คนถูกทักจนชะงักกึกก่อนจะฉีกยิ้มเพียงแค่ริมฝีปากเท่านั้นแต่ดวงตาหม่นๆพิกล

“หน้าแบบผมไม่มีใครเขาอยากเอาไปเป็นแฟนหรอกครับ ถ้าหล่อๆอย่างพี่ก็ว่าไปอย่าง”

คนถูกชมว่าหล่อหัวเราะหึๆกับคำตอบเรียกคะแนนสงสารที่เหยาะลูกกวนนิดๆ “คนหล่ออกหักมีถมไป แต่พี่ว่าคนเราน่ะอย่าดูกันที่หน้าตาเลย ดูกันที่นิสัยดีกว่า ทำดีเข้าไว้เดี๋ยวก็คงมีสักคนเห็นความดีของเราเองล่ะ ทีแรกพี่นึกว่าที่น้องมาทำงานเพราะเลือกไม่ถูกว่าจะออกเดทกับสาวคนไหนซะอีก”

บริกรพูดคุยกับเขาอีกไม่กี่คำก็ขอตัวไปทำงานต่อ พงศ์ประภาจึงได้กลับมาจมลึกอยู่กับโลกส่วนตัวอีกครั้งโชคดีที่มีเสียงเพลงจากวิทยุให้ฟังช่วยให้การรอคอยไม่เงียบจนเกินไป

We wish you a merry Christmas. We wish you a merry Christmas. We wish you a merry Christmas and a happy new year….

กระดิ่งที่ประตูทำหน้าที่ร้องเตือนทุกครั้งเมื่อมีผู้มาใหม่เข้าร้านและบริกรหน้าตี๋คนขยันยังคงเดินไปให้การต้อนรับด้วยดี

“เชิญนั่งครับ ทางนี้มีที่ว่าง”

“ไม่เป็นไรค่ะ เจอเพื่อนพอดี เดี๋ยวไปนั่งกับเพื่อนดีกว่า”

Good tidings to you , wherever you are. Good tidings for Christmas and a happy new year…

“สุขสันต์วันคริสต์มาสจ๊ะโคม นั่งด้วยคนนะ” เสียงหวานใสกังวาลตรงหน้าทำให้พงศ์ประภาที่กำลังนั่งสเก๊ตภาพอะไรเรื่อยเปื่อยลงสมุดต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องแปลกใจอย่างหนัก เพราะภาพที่เห็นคือ

หญิงสาวร่างโปร่งระหงในชุดกระโปรงสั้นรัดรูปยาวเหนือเข่าอวดความงามสะพรั่งของเส้นโค้งเว้า ดุจรูปปั้นที่ศิลปินเอกบรรจงสรรค์สร้างไว้อย่างลงตัวทุกส่วนสัด สีม่วงเปลือกมังคุดของชุดประโปรงช่วยขับผิวขาวให้ผุดผ่องเหมือนหิมะต้องแสงจันทร์ อีกผ้าคลุมไหล่ไหมเนื้อบางสีงาช้างยิ่งเพิ่มความหรูหรา ใบหน้ารูปไข่ถูกตกแต่งไว้ด้วยเครื่องสำอางเนื้อเนียนละเอียด ริมฝีปากอิ่มทาทับด้วยลิปสติกสีแดงกำมะหยี่ดูคล้ายกลีบกุหลาบทั้งเย้ายวนร้อนแรง และลึกลับน่ากลัว

ความสวยสดของเธอคนนี้สะกดสายตาของคนในร้านตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาและเช่นกัน ในยามนี้พงศ์ประภารู้สึกมึนงงราวต้องมนต์ ไม่ใช่ด้วยความสวยของเธอเพราะเขาเคยเห็นมามากต่อมาก แต่เพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจชายหนุ่มหวั่นไหวหรือถ้าจะให้ถูกคือหวั่นหวาด ‘แกมพลอย มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาทำไม?’

“ทำไม? ตกใจอะไรหรือ ไม่ได้เจอกันแค่สามสี่เดือนลืมหน้าพลอยแล้วหรือไง” หญิงสาวลงนั่งโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของโต๊ะ

“โคมน่ะมีความผิดติดตัวรู้ไหม? ทำไมไม่ไปงานแต่งพลอย โทรหาก็ยกเลิกบริการ แล้วย้ายอพาร์ทเม้นท์ไปไหนทำไมไม่บอก พลอยเคยไปหา เก้อเลยนะ”

“สบายดีไหมพลอย? แล้วทำไมมาที่นี่ได้” พงศ์ประภาพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทักทายตามมารยาท...คนเคยรู้จัก

“พอดีพลอยผ่านมาน่ะ นึกขึ้นได้ว่าโคมชอบเข้ามานั่งร้านนี้ ก็เลยลองแวะดูเผื่อเจอ” แกมพลอยเจรจาด้วยกิริยาอย่างคนคุ้นเคย “วันนี้เป็นวันคริสต์มาสพลอยเลยขอพรจากลุงซานต้า เนี่ยพลอยไม่ขอพรให้ตัวเองเลยนะ พลอยขอให้เจอโคม แล้วลุงซานต้าก็ใจดีจริงๆด้วย”

“มีธุระอะไร?”

“ธุระ?…” หญิงสาวเลิกคิ้วทำเสียงสูง ..“นี่แน่ะ…นี่ๆๆๆ….. ธุระงั้นเหรอ” สาวสวยเอานิ้วมือเรียวยาวมาบีบจมูกชายหนุ่มตรงหน้าส่ายไปมาอย่างสนิทสนม เป็นทั้งการลงโทษและหยอกเอิน

“รู้ไหม? คนใจร้าย พลอยคิดถึงโคมมากนะ” หลังจากลงโทษชายหนุ่มจนสาแก่ใจหญิงสาวก็เลื่อนมือเรียวงามมาวางทับบนหลังมือของผู้ที่เธอกล่าวหาว่าใจร้าย คำตัดพ้อพร้อมสายตาที่มองมาอย่างเว้าวอนของสาวสวยผู้นี้คงสามารถดึงดูดหรือผลักไสชายใดก็ตามให้เป็นไปตามปรารถนาของเธอ พงศ์ประภารู้ดีเพราะเคยกับตัวมานักต่อนัก แต่ในเวลานี้ดูท่าเขาจะมีภูมิคุ้นกันดีพอที่จะไม่หลงอีกต่อไป

ชายหนุ่มแกะมือหญิงสาวออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยพลางชักมือตัวเองมาวางไว้บนหน้าขาเป็นการป้องกันหากนิ้วมือดุจลำเทียนนั่นจะไต่มาเกาะกุมมือเขาอีกครั้ง

“พลอยอย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมขอเตือน อย่าทำอีกเป็นอันขาด ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี พลอยนั่นแหละที่จะเสียหาย” ชายหนุ่มพูดอย่างเฉียบขาดในใจนึกไปถึงคนที่นัดไว้จะมาหรือยังนะ เขาไม่อยากให้เธอคนนั้นมาพบกับเธอคนนี้เลยทำไมก็ไม่รู้

“แหม! อย่างกับไม่เคยทำแบบนี้กันนี่ อะไร๊โคม จู่ๆทำเป็นคนหัวโบราณไปได้”

“พลอยมีสามีแล้วเขาอาจเข้าใจผิดได้ ถึงเขาจะไม่รู้ไม่เห็นพลอยก็ควรจะให้เกียรติเขาทั้งต่อหน้าและลับหลัง” พงศ์ประภารู้สึกถึงประกายแปลกๆในดวงตาของแกมพลอยเมื่อเอ่ยพาดพิงไปถึงผู้เป็นสามีหมาดๆของเธอ ซึ่งเขาไม่สามารถอ่านออกได้ มันแว๊บมาชั่วประเดี๋ยวหญิงสาวก็ตีหน้ารื่นชวนคุยต่อ

“วันนี้เดี๋ยวเราไปกินข้าวฟังเพลงที่อื่นกันนะ ฉลองคริสต์มาสให้ฉ่ำไปเลย เดี๋ยวพลอยเป็นเจ้าภาพเอง โทษฐานเบี้ยวงานแต่งพลอยฉะนั้นโคมห้ามปฏิเสธ”

“ไม่ได้หรอกพลอย ผมมีนัดสำคัญ”

“งั้นพรุ่งนี้ก็ได้”

“พรุ่งนี้ก็ไม่ได้”





หลังจากพยายามนัดหมายเวลากับชายหนุ่มซึ่งดูจะไม่มีวันไหนว่างสำหรับเธอ แกมพลอยเริ่มอารมณ์เสียเพราะสาวสวยอย่างเธอมีหรือที่จะถูกขัดใจโดยเฉพาะเมื่อเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวน

“เอ๊ะ…อะไรกันโคม เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วเหรอ แล้วไอ้ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมันไม่มีความหมายเลยหรือไง เสียแรงที่พลอยอุตส่าห์คิดว่าโคมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”

“ผมยังเป็นเพื่อนพลอยนะ เหมือนที่พลอยยังเป็นเพื่อนผม แต่พลอยต้องเข้าใจซิ ตอนนี้เราไม่ใช่นักศึกษาแล้ว เราต่างก็โตกันแล้ว ผมมีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ พลอยเองก็มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน”

“โคมเปลี่ยนไปมากนะ”

“พลอยก็เปลี่ยนไปมาก เวลาเปลี่ยนอะไรๆก็เปลี่ยน มันเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือที่คนเราจะเปลี่ยนไป ใครๆก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เรื่องอะไรจะต้องไปจมปรักอยู่กับสิ่งเก่าๆโดยเฉพาะเรื่องที่มันเลวร้าย”

แกมพลอยเกือบเผลอปล่อยกรี๊ดด้วยความโมโหที่ถูกยอกย้อน โชคดีที่บริกรร่างอวบนำคาปูชิโน่ร้อนที่เธอสั่งไว้มาเสริฟเสียก่อน เหมือนระฆังพักยกทำให้หญิงสาวได้มีเวลาคิดแก้เกมส์ หากเป็นเมื่อก่อนพงศ์ประภาจะไม่มีวันพูดกับเธอแบบนี้เด็ดขาด แกมพลอยแน่ใจได้เลยว่าเธอสามารถสั่งให้เขาเดินหน้าถอยหลังหันซ้ายขวาหรือตีลังกาได้โดยที่เขาจะไม่ปฏิเสธเลย

แต่ตอนนี้หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจในเมื่อทุกคำพูดของเขาช่างเลือกสรรมาย้อนยอกได้เจ็บแสบ

‘พลอยต้องเข้าใจซิ ตอนนี้เราไม่ใช่นักศึกษาแล้ว เราต่างก็โตกันแล้ว ผมมีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ พลอยเองก็มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน’

ทำไมแกมพลอยจะจำไม่ได้ว่าเขาเอาประโยคนี้มาจากคำพูดที่เธอเป็นฝ่ายพูดไว้เอง เมื่อแกมพลอยเปลี่ยนที่ทำงานใหม่และกำลังเป็นที่ติดใจของเจ้านายซึ่งก็คือสามีคนปัจจุบันของเธอ ช่วงนั้นเธอไม่ค่อยมีเวลาให้พงศ์ประภาเท่าไหร่ไม่เหมือนช่วงที่เรียนด้วยกันหรือสมัยที่เธอยังทำงานที่แรกหลังเรียนจบซึ่งงานไม่หนักมากแต่เงินเดือนนิดเดียวแล้วก็มองไม่เห็นความก้าวหน้า

ในเมื่อเธอมีโอกาสสามารถเข้าทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่าและเจ้านายให้ความสนใจเป็นพิเศษ ทำไมแกมพลอยจะทิ้งโอกาสดีๆเสียล่ะ ฉะนั้นเวลาที่เจ้านายชวนไปดินเนอร์ เต้นรำ ฟังเพลง ข้ออ้างที่ดีที่สุดที่ใช้บอกพงศ์ประภาก็คือเรื่องงาน

‘โคม เราไม่ใช่เด็กๆกันแล้วนะ พลอยมีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เขาให้เงินเดือนเยอะก็จริงแต่งานมันก็เยอะขึ้นเหมือนกัน’

หรือแม้แต่คำพูดที่เขาบอกว่า

‘ใครๆก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เรื่องอะไรจะต้องไปจมปรักอยู่กับสิ่งเก่าๆ’

แรกทีเดียวแกมพลอยเกือบจำไม่ได้แต่เมื่อนึกไปนึกมา เขาก็เอาคำพูดที่เธอเคยพูดเอาไว้นั่นแหละมาย้อนอีกแล้ว เป็นตอนที่เธอกล่าวเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนกับเขาให้กลับไปเป็นเพียงเพื่อน ด้วยเหตุที่ว่าเจ้านายผู้เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทขอคบหากับเธอจนถึงขั้นวางแผนแต่งงาน

‘ใช่! พลอยเปลี่ยนไปแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่ใครๆก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น พลอยอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อยากมีเงินเยอะๆ อยากเที่ยวรอบโลก แล้วที่สำคัญพลอยคิดว่าพลอยรักเขา เขาเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้มีหลักฐานมั่นคง แล้วโคมล่ะ พลอยเห็นโคมลอยไปลอยมา ไอ้งานโฆษณาที่ทำมันจะยั่งยืนเท่าไหร่กันเชียว แล้วที่สำคัญพลอยรู้ใจตัวเองแล้วล่ะว่าที่ผ่านมาพลอยเข้าใจตัวเองผิดทั้งหมด จริงๆแล้วพลอยรักโคมแบบเพื่อนมากกว่า’

หลังจากบริกรร่างอวบจากไปแกมพลอยเปิดฉากรุกใหม่โดยหวังใช้นโยบายเรียกร้องความเอื้ออาทร หญิงสาวปรับเสียงให้อ่อนลง “นั่นซิเนอะ ช่วงใกล้ปีใหม่โคมคงยุ่ง แล้ววันนี้ที่ว่ามีนัดสำคัญ นัดใครเหรอ อย่าบอกนะว่านัดลูกค้าตอนค่ำๆพลอยไม่เชื่อเด็ดขาด” หญิงสาวทำตาวาวล้อเลียนโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย

“ก็เอ่อ…ไม่ใช่ลูกค้าหรอก เป็น…เอ่อ…พะ…เพื่อนร่วมงาน”

“เพื่อนเหรอ…เอ…หญิงหรือชายจ๊ะ พลอยเคยรู้จักไหม”

“ผู้หญิงน่ะ ...พลอยไม่รู้จักหรอก” พงศ์ประภาตอบคำถามพร้อมจุดรอยยิ้มตรงมุมปาก

“แหม! อยากรู้จักจัง สาวคนไหนนะที่ทำเอาโคมตาเป็นประกายเวลาพูดถึง” แม้น้ำเสียงที่ออกไปจะเป็นแบบคนกันเองและทีเล่นทีจริง แต่ความจริงแล้วหัวใจคนพูดเริ่มเดือดพล่านจนต้องข่มเอาไว้ ก่อนวางมาดเพื่อนเก่าเจรจาต่อ “งั้นเดี๋ยวโคมแนะนำให้พลอยรู้จักมั่งซิเพื่อนพิเศษของโคมคนเนี่ย รับรองพอเขามาปุ๊บพลอยก็จะไปปั๊บ ไม่อยู่นานเป็นก้างขวางคอหรอกน่า แค่อยากทำความรู้จักไว้”

“เอ่อ…วันเทศกาลอย่างนี้พลอยไม่ต้องไปออกงานปาร์ตี้หรือไง” ชายหนุ่มเริ่มแสดงอาการ ‘ไล่’ อย่างสุภาพ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวกลับลอยหน้าตอกกลับว่า

“ไม่ล่ะ...พลอยอยากอยู่กับเพื่อนที่ดีที่สุดมากกว่า” แกมพลอยรู้ทันว่าเขาไม่อยากให้เธออยู่ต่อแต่มีรึที่เธอจะไม่ได้ในสิ่งที่หวัง หญิงสาวตีหน้าซื่อแม้ใจจะคิดไปอีกแบบ อยากรู้จังแม่คนนั้นเป็นใครจะสวยขนาดไหนนะ ถึงถูกใจโคมได้

ด้วยมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนเดียวในใจเขามาตลอด แม้จะแต่งงานไปแล้วแกมพลอยก็ยังแน่ใจว่าเมื่อเธอต้องการพงศ์ประภาเธอต้องได้ทุกเวลา แล้วจู่ๆใครที่ไหนจะมาแทนที่เธอ มีหรือคนที่ไม่เคยแพ้อะไรจะยอมง่ายๆ โดยเฉพาะของที่เธอเคยครอบครองแม้จะสลัดทิ้งแล้วก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครมาคว้าเอาไป แล้วยิ่งตอนนี้เริ่มเห็นค่าว่าเธอทิ้งสิ่งที่ดีที่สุด หากเป็นไปได้อยากเอาคืนซะด้วยซิ

“กลับไปก่อนเถอะนะพลอย ขอผมคุยกับเขาก่อนแล้ววันหลังจะแนะนำให้พลอยรู้จักอย่างเป็นทางการ”

“วันหลังน่ะวันไหน วันแต่งงานเลยหรือไงจ๊ะ พลอยไม่ยอมหรอกนะ ต้องวันนี้จะได้ช่วยโคมดูไงว่าสาวคนนั้นเหมาะสมกับเพื่อนรักของพลอยขนาดไหน” ใช่ ใครจะยอมถ้าวันที่ได้เห็นเธอคนนั้นเป็นครั้งแรกคืองานแต่งของพงศ์ประภา โดยเธอคนนั้นใส่ชุดเจ้าสาวยืนข้างๆเขา ไม่มีทาง แกมพลอยรู้ดีว่าเธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด

ปี๊บ ๆๆๆ มีเสียงมือถือรับข้อความซึ่งเป็นของพงศ์ประภาหลังเปิดอ่านใบหน้าของชายหนุ่มถึงกับซีดสลด

แกมพลอยสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าและแววตาของเพื่อนเก่าจึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย “เป็นอะไรไปโคม ของคนที่นัดไว้เหรอ”

“ฮือ…เขาส่งข้อความมายกเลิกนัดน่ะ บอกว่ายังไม่เสร็จธุระคงมาไม่ทัน” ชายหนุ่มตอบคำถามด้วยเสียงอ่อนล้าลองกดมือถือไปหาก็ปรากฏว่าฝ่ายนู้นปิดมือถือเสียแล้ว นี่มันอะไรอีกล่ะกำแพงชั้นที่เท่าไหร่กันที่เธอสร้างขึ้น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านิสัยคู่นัดเป็นอย่างไรขี้เกรงใจขนาดนั้น เท่าที่ร่วมงานกันมาสองเดือนไม่มีสักครั้งที่เธอจะยกเลิกนัดกะทันหันหรือผิดเวลา หรือถ้าฉุกเฉินจริงๆเธอก็น่าจะโทรมาบอกขอโทษด้วยตัวเอง

“อะไรกันโคม ใช้ได้ที่ไหน มายกเลิกเอาในเวลานัดอย่างนี้ก็แย่ซิ คนคอยก็คอยไปแถมยังปล่อยให้คอยเก้อซะด้วย บ้าจริง เขาไม่รู้จักเกรงใจคนเลยหรือไงนะ” สาวสวยเป็นเดือดเป็นร้อนแทน จะไม่ให้เดือดร้อนได้อย่างไรล่ะก็ถ้าการไม่มาตามนัดของผู้หญิงคนนั้นทำให้พงศ์ประภาหน้าซีดได้ขนาดนี้ มันบอกชัดว่าแม่นั่นมีความสำคัญกับเขามากแค่ไหน

“อย่าไปว่าเขาเลย คงติดธุระจริงๆนั่นล่ะ” พงศ์ประภาแก้ต่างแทนผู้ถูกกล่าวหา

“ข้ออ้างรึเปล่าก็ไม่รู้...โคมน่ะไม่ทันเล่ห์ผู้หญิงหรอก พลอยจะบอกให้เอาบุญ....อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่เห็นความสำคัญของโคมต่างหากล่ะ....” แกมพลอยได้จังหวะตัดคะแนนคู่ต่อสู้ “คนแบบนี้อย่าไปสนใจเลยนะ...พลอยว่าไปเที่ยวกับพลอยดีกว่า จะได้สบายใจขึ้น”





“ขอโทษนะพลอย...ผมอยากอยู่คนเดียว พลอยกลับไปเถอะป่านนี้สามีพลอยไม่เป็นห่วงแย่แล้วหรือ”

คราวนี้แกมพลอยนิ่งอึ้งกับเสียงขุ่นๆของคู่สนทนาอยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาราวสั่งได้หรือหญิงสาวจะ ‘สั่ง’ จริงๆก็ไม่รู้ “คุณรังสิมันต์น่ะเหรอ เขาไม่มาสนใจพลอยหรอก”

เสียงสั่นพร่าพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรูของหญิงสาวทำเอาพงศ์ประภาตกใจ ไอ้ที่ทำเสียงแข็งขันหายไปทันที กลายเป็นอ่อนยวบเพื่อหวังปลอบประโลม “พลอยเป็นอะไรไป...ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ภรรยาใคร ใครก็ต้องรักต้องห่วงอยู่แล้ว”

“ฮื่อๆ….โคมรู้ไหม ตั้งแต่แต่งกันมาเขามีเวลาให้พลอยที่ไหนกัน ทำแต่งานไม่ก็ออกตามงานเลี้ยงต่างๆ พลอยก็เป็นแค่ตุ๊กตาหรือเครื่องประดับช่วยให้การปรากฎตัวของเขาเด่นขึ้นเท่านั้นแหละ วันนี้พลอยก็เลยเบี้ยวเขาซะเลย พลอยเบื่อ แต่บอกไปก็คงไม่มีใครเข้าใจหรอก เว้นแต่โคม….พลอยรู้ว่าโคมเข้าใจพลอย” หญิงสาวทอดเสียงที่ใจความสุดท้าย

แกมพลอยพูดถูก พงศ์ประภาเข้าใจว่าทำไมเธอถึง เบื่อ หรือ รับไม่ได้ กับการที่ถูกทำให้เป็นเพียงตุ๊กตาที่ช่วยเพิ่มรัศมีให้สามีตัวเอง แกมพลอยชินกับการเป็นผู้ใช้อำนาจให้ทุกคนสยบแทบเท้าโดยเฉพาะผู้ชายเหมือนที่เขาเคยโดนมาแล้ว นางพญาที่มีความงามเป็นอาวุธเช่นเธอคงไม่ชินกับการที่ต้องเป็นช้างเท้าหลังคอยแต่รับฟังคำสั่งสามีแน่นอน ความงามของเธอไม่ใช่อาวุธที่ใช้ประหัตประหารได้อีกต่อไป เมื่อมันถูกเปลี่ยนสภาพเป็นเพียงดอกไม้ประดับที่สามีเศรษฐีใช้เชิดหน้าชูตา

เมื่อรู้ว่าน้ำตาของตัวเองอาจสามารถเรียกร้องอะไรๆให้กลับคืนมาแกมพลอยเลยสั่งให้มันไหลออกมาเรื่อยๆ “ฮื่อๆ…บางทีนะโคม พลอยคิดว่าพลอยอาจจะมีความสุขกว่านี้...ถ้า......” หญิงสาวสบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แม้จะพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำแต่แกมพลอยก็ยังพยายามส่งความวิงวอนฝ่าออกไป “ถ้า...พลอยแต่งงานกับโคม”

ชั่วขณะทีเดียวที่ประโยคสุดท้ายของแกมพลอยกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของพงศ์ประภา
‘ถ้าพลอยแต่งงานกับโคม’
‘ถ้าพลอยแต่งงานกับโคม’

ชายหนุ่มยังจำได้แม่นยำก็ในร้านนี้ไม่ใช่หรือที่แกมพลอยนัดหมายเขามาพบเพื่อที่จะ...ใช่...เชิญเขาไปร่วมงานแต่งของเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่า เธออยากเห็นเพื่อนที่ดีที่สุดในวันที่เธอมีความสุขที่สุด และพงศ์ประภาคือเพื่อนคนนั้นของเธอ

พงศ์ประภาไม่ได้ไปร่วมงาน...ยังทำใจไม่ได้คือเหตุผลสำคัญ วันที่แกมพลอยแต่งงานเขาจมปลักอยู่กับขวดเหล้ารู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง เหมือนคนบ้า...ขนาดเพ้อฝันไปว่าเจ้าบ่าวที่เข้าประตูวิวาห์กับหญิงสาวคือตัวเขาเอง...

หากในวันนี้เมื่อแกมพลอยเอ่ยปาก ‘พลอยคิดว่าพลอยอาจจะมีความสุขกว่านี้ถ้า...พลอยแต่งงานกับโคม’ พงศ์ประภากลับไม่แน่ใจ...เขาจะมีความสุขจริงๆหรือถ้าได้แต่งงานกับแกมพลอย ...

ไม่...นั่นคือข้อสรุป แกมพลอยทะเยอทะยานมากเกินไป...ไม่เคยพอทั้งในด้านวัตถุและจิตใจ

“ไม่หรอก ถ้าพลอยแต่งกับผมพลอยจะไม่มีความสุขเลย ผมไม่มีปัญญาพาพลอยไปฮันนีมูนรอบโลกได้หรอก” แม้จะมองหน้าแกมพลอยหากในใจพงศ์ประภากลับนึกถึงผู้หญิงอีกคน...แล้วเธอคนนั้นล่ะ...เธอจะอยากไปฮันนีมูนที่ไหน...เธอเคยพูดว่าถ้ามีเวลาว่างอยากไปปีนภูกระดึง ภูเรือ ภูหลวง หรือภูไหนก็ได้ เธอชอบทะเลหมอก ชอบดูดาวดวงโตๆ ชายหนุ่มยิ้มในใจ... อย่างนี้เขาคงพอมีปัญญาอยู่บ้างล่ะน่า...

“หึ.. ฮันนีมูนรอบโลกอะไรกัน เขากะเดินทางไปติดต่อธุรกิจอยู่แล้วน่ะซิ เลยหนีบพลอยไปทิ้งไว้ในโรงแรม ได้เที่ยวซะเมื่อไหร่ล่ะ” สิ่งที่แกมพลอยพูดมาไม่ได้โกหกเลยสักนิด รังสิมันต์สามีเธอเป็นพวกบ้างานจริงๆ และหญิงสาวก็กำลังอึดอัด เธอมีเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ ซึ่งเคยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นน่าจะทำให้เธอมีความสุข แต่เอาเข้าจริง มันไม่ใช่เลย

แกมพลอยกลับถวิลหาฝ่ามืออบอุ่นที่เคยลูบไล้แผ่วเบาพร้อมน้ำเสียงปลอบโยนยามที่เธอเหนื่อยล้าหรือมีเรื่องไม่สบายใจ คิดถึงอ้อมแขนแข็งแรงที่กระหวัดรอบตัวพร้อมคำกระซิบรักแผ่วหวานที่คนกระซิบพร่ำบอกไม่รู้เบื่อ คิดถึงเสียงกีต้าร์ที่พ่อคนอารมณ์ศิลปินเคยใช่ขับกล่อมยามนอนกางเต้นท์นับดาวอยู่บนยอดดอย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เธอไม่เคยได้จากสามีผู้ร่ำรวยเลย

“ฮื่อๆ…พลอยอยากหย่ากับเขาจังเลยโคม แล้วถ้าเป็นไปได้พลอยอยากเริ่มต้นใหม่กับ….” ก่อนที่แกมพลอยจะพูดจบประโยคพงศ์ประภาชิงเอื้อมมือมาบีบมือเรียวขาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน.....คล้ายๆที่เขาเคยปฏิบัติต่อเธอในวันวาน

“พลอยเพิ่งแต่งกับเขาแค่สามเดือนเองอาจยังปรับตัวไม่ค่อยได้เลยสับสนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมขอแนะนำพลอยอย่าง ‘เพื่อนคนหนึ่ง’ ว่าให้พลอยกับเขาลองพูดคุยปรับความเข้าใจกันอะไรๆมันอาจจะดีขึ้น อย่าลืมซิเขาเป็นคนที่พลอยเลือกแล้วนะ ถึงพลอยจะเลิกกับเขาก็ใช่ว่าอะไรๆในชีวิตมันจะกลับมาเหมือนเดิม ในเมื่อพลอยเป็นคนเปลี่ยนมันเอง ก็จะไม่มีอะไรกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว”

“พลอยน่าจะเข้าใจคนระดับผู้บริหารนะว่าภาระเยอะ เขาต้องรับผิดชอบปากท้องลูกน้องและครอบครัวลูกน้องอีกเป็นพันชีวิตก็เป็นธรรมดาที่เขาจะจริงจังกับเรื่องงาน จะให้เขามัวแต่สนใจพลอยคนเดียวตลอดเวลามันก็คงไม่ได้ มีสามีเป็นคนใหญ่โตก็ต้องใจกว้างหน่อยล่ะนะ ผมคงพูดได้เท่านี้แหละมันเป็นเรื่องระหว่างพลอยกับสามี อย่าให้คนนอกอย่างผมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเลย” พูดเสร็จชายหนุ่มก็ชักมือกลับอย่างสุภาพแต่ว่องไวก่อนที่เธอจะเอามือมายึดไว้ได้ทัน

ในที่สุดแกมพลอยก็ต้องยอมจำนนเพราะพงศ์ประภาไม่ยอมล้ำเส้นความเป็นเพื่อนกับเธอเลย ทั้งที่ทอดสะพานเปิดทางโล่งซะขนาดนั้น เขาพยายามปฏิเสธการเข้ามามีเอี่ยวในชีวิตของแกมพลอยทุกวิถีทางด้วยวิธีการพูดที่เหมือนให้คำปรึกษาแต่ขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันตัว.....ประกาศชัดว่าเขาจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอเป็นอันขาด

“พลอยกลับล่ะนะ แล้วใจคอโคมจะไม่ให้เบอร์โทรกับที่อยู่ใหม่พลอยเหรอ”

“เอาเป็นว่าไว้ผมมีข่าวดีเมื่อไหร่จะโทรไปบอกดีไหม?” จนแม้ไม้สุดท้ายพงศ์ประภาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป

แกมพลอยเดินออกจากร้านไออุ่นอย่างสง่างามเช่นเคย...หากซ่อนแววเจ็บร้าวในดวงตาคู่สวย แต่เมื่อได้อยู่ตามพังในรถยนต์ส่วนตัวผู้ที่เคยงดงามยิ่งกว่าดอกไม้ได้ฝนกลับฟุบศีรษะร้องไห้กับพวงมาลัยรถสะอึกสะอื้นจนตัวโยง ไหล่ทั้งสองลู่อย่างอ่อนล้า...โศกสลดยิ่งกว่าดอกไม้ต้องพายุ

ในเมื่อเธอเลือกดวงตะวันกลมโตซึ่งเป็นสมบัติของมหาชน เธอก็ต้องยอมรับกับการอยู่ที่มีแสงสว่างเจิดจ้าแต่อาจไม่สามารถส่องถึงได้ทุกซอกมุม บางคราวอบอุ่นจนร้อนเร้าเธอก็ไม่สามารถควบคุมได้และด้วยระยะห่างทำให้ไร้สัมผัสคงได้เพียงเฝ้าดูด้วยสายตาเจ็บร้าว ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับคบไฟ แม้จะมีขนาดเล็กกว่าและให้ความอบอุ่นได้ไม่เท่า แต่อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจตรงที่ว่าเธอสามารถควบคุมจุดหรือดับคบไฟในมือได้ตามต้องการและพกพาไปไหนต่อไหนตามสะดวก แกมพลอยพลาดที่ทิ้งคบไฟไปด้วยมือของเธอเอง





ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
สำหรับใครที่เพิ่งแวะเข้ามา หรือลูกค้าที่ลืมๆเรื่องระหว่าง พลอย กับ โคมไปแล้ว อ่านได้ที่ ดวงไฟในสายฝน 1 เลยนะคะ







Create Date : 12 กรกฎาคม 2552
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 2:46:55 น. 4 comments
Counter : 397 Pageviews.

 
ว้าว

พี่โคมเจ๋งสุดๆเลย
อิอิ
ชอบมากค่า


โดย: pimmy IP: 125.27.235.36 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:41:56 น.  

 
แหม ตอนแรกนึกว่าคุณโคมจะใจอ่อนปวกเปียกแล้วนะนั่น

แต่ก็แอบสมน้ำหน้านะ นัดสาวแล้วสาวไม่มา ชิ้

งอนแทนคนถูกนัด


โดย: ต้นอ้อสีม่วง IP: 125.26.166.112 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:02:11 น.  

 
เอา 2 เรื่องมารวมกัน แล้วตัวละครทั้งหมดจะเป็นญาติกันด้วยเปล่า
สนุกดี มาลงอีกเร็วๆนะคะ


โดย: ฟ้าเคียงเดือน IP: 58.9.103.212 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:51:11 น.  

 
พี่เก๋ เอานายรุตต์กลับมาด่วน มารักษาอาการป่วยอ้อด้วย

ขอนมร้อนใส่มิ้นต์เหมือนที่ทำให้ยัยอั้มอ่ะ อิอิ


โดย: ต้นอ้อสีม่วง IP: 113.53.112.241 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:09:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พินทุอิ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ)
มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ

หมายเหตุ
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง
Friends' blogs
[Add พินทุอิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.