• ° o . O ขอต้อนรับสู่โลกขำๆ ของคนชอบฝันเฟื่อง O . o ° •
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
หัวใจรสกาแฟ 12



‘มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ’ เพราะความคิดนี้ฝังอยู่ในหัวมาตั้งแต่เมื่อคืนวานกระทั่งวันนี้อีกครึ่งวันเข้าให้ก็ยังไม่ได้รับการไข หลายครั้งที่พยายามสอบถามจากรูมเมตแต่รายนั้นก็แสนจะปากแข็ง อัมพิการู้ตัวดีว่าเธอคงไม่สามารถง้างปากนลินีได้ เพราะทั้งคมและรอบคอบ คนง้างต่างหากรังแต่ละเจ็บตัว

นับว่าโชคดีที่ช่วงเช้าหมดเรียนเมื่อสิบเอ็ดโมงจะมีเรียนอีกทีก็บ่ายสาม เพื่อนๆพากันแยกย้ายไปชอบปิ้งบ้าง กินข้าวบ้าง เล่นเน๊ตบ้าง บางรายเดินกลับไปงีบที่หอ เช่น พิริยาพร เป็นต้น ส่วนนลินีนั้นเห็นว่าจะเข้าห้องสมุด

หญิงสาวตัดสินใจบุกเดี่ยวไปคณะรัฐศาสตร์ทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะย่างกราย เพราะคณะนี้ตั้งอยู่คนละฟากมหาวิทยาลัยกับคณะมนุษย์ฯของเธอ ตลอดสี่ปีอัมพิกาแค่เคยเดินผ่านไปมาเท่านั้นแต่ไม่เคยแวะซอกซอนไปตามตึกต่างๆ แค่เดินผ่านยังนานๆครั้งเลย แต่เมื่อมันมีความจำเป็น

ไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากเห็นหรอกนะ แต่เพราะเป็นห่วงเพื่อนมากกว่า ตั้งแต่คบนลินีมามีแต่ตัวเองนั่นแหละที่สรรหาเรื่องให้เพื่อนต้องเดือดร้อนคอยปลอบประโลม ตั้งแต่เข้าหอวันแรก อัมพิกาผู้ที่ถูกเลี้ยงอย่างกับไข่ในหินก็ได้เพื่อนใหม่ที่เป็นสาวเหนือคอยดูแล จำได้ว่าเธอคิดถึงบ้านขนาดนอนร้องไห้ทั้งคืนโวยวายจะไม่ยอมเรียน นลินีนั่นแหละที่ช่วยปลอบใจหาเรื่องคุยสนุกๆชวนทำนั่นทำนี่ ทำให้ลืมคิดถึงบ้านไปได้บ้าง

ไหนจะตอนที่พี่ชายคนโตแต่งงาน ถ้าไม่ได้นลินีคอยเตือนสติป่านนี้อัมพิกาคงยังไม่มีหลานอาน่ารักๆให้ชื่นใจ ก็เธอเล่นวางแผนสารพัดป่วนว่าที่พี่สะใภ้ พอคิดถึงอีกทีก็อดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าตอนนั้นคิดเข้าไปได้ยังไงพี่สะใภ้เขาก็ออกดี๊ดี

แล้วพอระแคะระคายว่าเพื่อนรักมีเรื่องทุกข์ใจจะให้อัมพิกานิ่งเฉยได้ไงล่ะ นลินีไม่เคยเป็นแบบนี้ถึงจะไม่ดี๊ด๊าขนาดพิริยาพร แต่ก็ไม่ใช่เงียบเฉยเย็นชาเหมือนภูเขาหิมะอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย แววตาของเพื่อนรักแห้งผาด แล้วก็เหม่อลอยหลายครั้ง อ้อ..ยังชอบถอนหายใจบ่อยๆอย่างกับอะไรทับอกอยู่งั้นแหละ แต่พอถามนลินีเป็นต้องฝืนยิ้มกลบเกลื่อนทุกที

สิ่งแรกที่อัมพิกาตั้งใจจะทำคือ หารุ่นน้องสาวคนที่เธอชนจนโทรศัพท์มือถือหล่นเมื่อวานให้เจอ แสร้งทำเป็นถามไถ่ว่าได้มือถือหรือยังเพื่อจะได้สังเกตปฏิกิริยาของเธอคนนั้น ความจริงมันน่าสงสัยตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่อยู่ๆรุ่นน้องคนนั้นก็วิ่งหนีพวกเธอไปซะเฉยๆ ไหนจะท่าทางตอนนลินีกดโทรศัพท์ของน้องคนนั้นอีกล่ะ แล้วยิ่งตอนพูดกับนิติรุตต์ยิ่งชวนสงสัยเข้าไปใหญ่

อัมพิกาก็เริ่มสับสนกับตึกน้อยใหญ่ที่มีตั้งสามสี่ตึก แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าน้องคนนั้นอยู่ตึกไหน ตอนแรกว่าจะมาหาดักหน้าตึกเอา เพราะยังไงซะพอเที่ยงน้องเขาต้องเดินออกไปกินข้าว แต่จะดักหน้าตึกไหนล่ะ หลังจากหันรี่หันขวางหญิงสาวก็ตัดสินใจถามเอากับนักศึกษาชายที่เดินสวนมาพอดี

“ขอโทษนะคะ คือ เอ่อ….ปีหนึ่งเขาเรียนตึกไหนกันคะ” คนถูกถามทำหน้างง ก็ปีหนึ่งแบ่งเป็นหลายกลุ่มแล้วแต่ละกลุ่มก็มีชั่วโมงเรียนไม่ตรงกัน แล้วเขาจะรู้ไหมเนี่ย

“วิชาอะไรล่ะครับ ถ้าเป็นวิชาเรียนรวมก็ตึกโน้น ถ้าเป็นวิชาย่อยเรียนเฉพาะกลุ่มก็ตึกนั้น แล้วคนที่คุณหาอยู่กลุ่มไหนล่ะครับ” เพราะปีหนึ่งยังไม่ได้เลือกสาขาจึงต้องถามเป็นกลุ่มที่เรียน ถ้าขึ้นปีสองแยกเป็นสาขาแล้วเขาอาจจะช่วยตอบได้ง่ายขึ้น

อัมพิกาส่ายหน้ายิ้มฝืดๆ เพราะที่เธอรู้เกี่ยวกับน้องคนนั้นก็แค่เป็นเด็กรัฐศาสตร์เท่านั้นเอง
“คนที่คุณตามหาชื่ออะไรล่ะครับ” คนถูกถามยิ่งรู้สึกหน้าแตกเข้าไปใหญ่ นั่นน่ะซิยัยอั้ม น้องคนนั้นชื่ออะไรยังไม่รู้เลย เมื่อวานทั้งนลินีและนิติรุตต์ก็ไม่ได้หลุดออกมาด้วยซิ

เจ้าของท้องที่เห็นแขกผู้มาเยือนส่ายหน้าทำตาปริบๆ ก็ยิ่งแปลกใจ ‘แปลกแฮะ มาตามหาใครแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้จักชื่อ รู้แค่อยู่ปีหนึ่ง’ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกติดใจกับตากลมบ้องแบ๊ว แก้มใสๆสีชมพูระเรื่อของหญิงสาวแปลกหน้าขึ้นมา ลอบมองผิวเนื้อเนียนละเอียดสีน้ำตาลอ่อน ตั้งแต่วงหน้าเรื่อยมาถึงอกช่วงบนที่อยู่นอกเสื้อขาว ไล่ลงไปถึงช่วงขาเรียว

เธอคนนี้ไม่ได้ใส่เสื้อรัดติ้วเน้นสัดส่วนกระโปรงสั้นจู๋ซึ่งเสมือนเป็นเครื่องแบบของนักศึกษาสมัยนี้ไปแล้ว แต่มองจากเสื้อขนาดพอดีตัวที่ใส่กับประโปรงยาวระดับเข่าก็พอจะทราบถึงสรีระขนาดกระทัดรัด
‘ถึงจะติ๊งต๊องไปหน่อยแต่ก็น่ารักเป็นบ้า น่าหม่ำไปทั้งตัว’ ชายหนุ่มคิดในใจ

“งั้นไม่รบกวนคุณแล้ว ขอบคุณมากนะคะ” อัมพิกาเอ่ยลา ตั้งใจว่าจะลองซุ่มๆหาเอง จะเจอหรือไม่เจอแล้วแต่เวรกรรมแล้วกันนะ ก้าวเท้าห่างออกมาไม่เท่าไหร่ก็ต้องประหลาดใจที่ผู้ชายคนเมื่อสักครู่วิ่งมาดักหน้า

“เดี๋ยวผมช่วยคุณตามหาดีไหมครับ ว่างอยู่พอดี”
“อุ้ย…ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เกรงใจ ” หญิงสาวเริ่มรู้สึกแปลกๆ จะใจดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ท่าทางคุณจะมาจากคณะอื่นใช่ไหมครับ คงไม่ค่อยคุ้นเคย ผมจะเป็นไกด์ให้ไงครับ เดี๋ยวจะหาว่าเด็กรัฐศาสตร์ไม่มีน้ำใจ”

“ขอบคุณมากนะคะ แต่ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” อัมพิกายังปฏิเสธเสียงแข็ง ชักจะเริ่มรำคาญตะหงิดๆแล้วด้วย อีตานี่จะมาไม้ไหนเนี่ย เดินตามอยู่ได้ เด็กรัฐศาสตร์อันตรายอย่างนี้ทุกคนรึเปล่านะ ตอบเสร็จก็ออกเดินมุ่งหน้าไปตึกใหญ่สำหรับเรียนรวมก่อน

“สงสัยคุณจะไม่ไว้ใจผม ผมชื่อ รามฤทธิ์ เรียก ราม เฉยๆก็ได้ครับอยู่ปีสี่ แล้วคุณล่ะครับมาจากคณะไหน ชื่ออะไร เรามาทำความรู้จักกันเถอะนะครับจะได้ไม่เป็นคนแปลกหน้ากัน” รามฤทธิ์ ยังคงเดินตามหญิงสาวต้อยๆ เขาตั้งใจไว้แน่วแน่ว่ายังไงเสียจะต้องรู้ชื่อ รู้คณะ หรือถ้าโชคดีอาจได้เบอร์โทร

“ปีสี่เหมือนกันค่ะ” ทนเซ้าซี้ไม่ไหวอัมพิกาเลยตอบไปแค่นั้น เลือกระบุเฉพาะชั้นปีให้ นายรามฤทธิ์ อะไรนี่รู้ว่าเธอไม่ใช่รุ่นน้องเขาที่จะมาใช้ความเป็นซีเนียวางอำนาจได้

“แหม! ตอนแรกคิดว่าปีสองหรือปีสาม หน้าเด็กจังเลย เกือบเผลอเรียกน้องแล้วนะครับเนี่ย” รามฤทธิ์ยังคงป้อนคำหวานต่อ หวังผูกไมตรี ยิ่งเห็นเธอคนนี้ไม่ง่ายยิ่งท้าทาย

“เอ่อ คุณไปทำธุระของคุณเถอะค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้” ใจจริงอัมพิกาอยากตะโกนใส่หูว่า ไปไหนก็ไปเลยไป๊ ตามอยู่ได้รำคาญ

“ผมบอกแล้วไงครับว่าว่างพอดี ให้โอกาสผมเป็นเจ้าบ้านที่ดีหน่อยซิครับ ยังไม่ได้บอกผมเลยนา ว่าคุณชื่ออะไร แล้วมาจากคณะไหนครับเผื่อวันหลังผมจะได้ไปเที่ยวหา”

คนถูกถามชื่อชักเดือดๆ ฝันไปเถอะ แค่นี้ฉันรำคาญนายจะแย่ เรื่องอะไรจะให้นายเจอตัวอีก โอ้ย…วันนี้ถ้าจะซวยแล้วอั้มเอ๊ย…ไม่น่าหาเรื่องไปถามอีตาบ้านี่เล้ย

“ไม่เป็นไรค่ะ คือ มีเพื่อนเรียนที่นี่เหมือนกัน นัดไว้แล้วด้วย” หญิงสาวพยายามหาทางสลัด รามฤทธิ์ ให้ไปไกลๆ ไม่ได้นัดใครสักหน่อยลักไก่ไปก่อนล่ะกัน

“ใครครับ เผื่อผมรู้จัก” รามฤทธิ์รู้ทันว่าเธอหาข้ออ้างไล่เขามากกว่า ก็ถ้ามีเพื่อนอยู่จริงจะมาเดินดุ่มๆ ซุ่มถามทางชาวบ้านเขาทำไม

“เอ่อ…เป็นหนึ่งที่อยู่ปีสี่น่ะค่ะ” อัมพิกาเลือกเอาชื่อ เป็นหนึ่ง เพราะเขาออกจะกว้างขวางขออาศัยบารมีขับไล่นายนี่หน่อยนะหนึ่งนะ แต่ความจริงแฟนของเพื่อนก็ต้องเหมือนเพื่อนของเราด้วยซิ

“อ้อที่แท้ก็รู้จัก เป็นหนึ่ง แหม! ไม่น่าปล่อยให้คุณมาเดินคนเดียวเลย แต่ก็อย่างว่านะครับคบกับหมอนี่ต้องทำใจ” รามฤทธิ์ชะงักที่สาวต่างคณะที่ตัวเองกำลังสนใจดันมารู้จักกับ คู่ปรับซะได้ มิน่าทำเชิดใส่เรา ที่แท้ก็ ‘เด็กไอ้หนึ่ง’ นี่เอง

ส่วนอัมพิกาเริ่มรู้สึกถึงสายตาเหยียดๆของนายนั่นที่มองมา ‘คิดว่าฉันกับหนึ่งเป็นอะไรกันเนี่ย’ หญิงสาวตวาดกลับ “นี่คุณ พูดแบบนี้หมายความว่าไง ฉันกับหนึ่งเป็นเพื่อนกันนะ เข้าใจไหมเพื่อนเฉยๆน่ะ” เสียงที่ใสๆในตอนแรกเปลี่ยนเป็นขุ่นขึ้นมาทันที ชักเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ

“อ้าวเป็นแค่เพื่อนเหรอครับ แหม! งั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะหมอนี่มันมีแฟนเป็นตัวตนแล้วเป็นสาวเหนืออยู่คณะมนุษย์ฯ แต่ก็ยังเห็นมันแอบหวานชื่นกับสาวๆอีกหลายคน ที่เห็นคบกันนานหน่อยก็น้องในคณะนี่แหละครับ โชคดีที่คุณเป็นแค่เพื่อนไม่งั้นช้ำใจตาย” รามฤทธิ์ ทำทีเป็นเชื่อว่า เธอคนนี้เป็น ‘เพื่อนเฉยๆ’ กับนายเป็นหนึ่ง เพื่อที่จะสาธยายความกะล่อนของนายนั่นให้ฟัง เป็นการตัดคะแนนฝ่ายตรงข้าม เผื่อแม่สาวตากลมจะได้หันมาสนใจเขาบ้าง

ความจริง รามฤทธิ์ก็นับว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง เป็นถึงลูกนายพล หลานรัฐมนตรี แต่ก็บ่อยครั้งที่สาวซึ่งเขาหมายตาไว้ไปเข้าสังกัดเป็นหนึ่ง เหตุนี้จึงทำให้รามฤทธิ์เขม่นเป็นหนึ่งในทีตั้งแต่เรียนปีแรกมาแล้ว

ข้อมูลที่ฝ่ายตรงข้ามพูดเกี่ยวกับเป็นหนึ่งทำให้อัมพิกาหูผึ่ง น้องในคณะ คนไหนกันนะที่หมอนี่อ้างว่าแอบคบกับเป็นหนึ่งอยู่ จะเป็นคนเดียวกับที่เธอตามหาหรือเปล่า
“เอ่อ…น้องในคณะที่คุณว่าหนึ่งเขาแอบคบอยู่ คนไหนเหรอคะ”

‘เอาแล้วไงเริ่มเข้าแผน’ รามฤทธิ์คิดในใจว่าเธอคนนี้คงเป็นเหมือนใครหลายคนๆที่แม้รู้ว่า เป็นหนึ่งมีแฟนก็ยังเสนอตัวให้เลือก ที่นี้พอรู้ว่ามีเด็กที่เป็นหนึ่งคบนานกว่าตัวนึกอยากรู้ล่ะซิ เอ…รึเด็กปีหนึ่งที่เธอกำลังตามหาอาจเป็น เมขลา ชักเข้าเค้าแฮะ

“แหม! เรื่องของคนอื่นนี่มันพูดยากนะครับ แต่เห็นว่าคุณเป็นเพื่อนหนึ่งมัน คงไม่เป็นไรมั้ง เชิญนั่งก่อนดีกว่าครับ คุณยังไม่บอกชื่อเลยนะ ผมจะได้เรียกถูก”

อัมพิกายอมนั่งที่โต๊ะใต้อาคารเรียนรวมแต่โดยดี หญิงสาวพยายามฝืนใจพูดดีๆกับผู้ชายตรงหน้า เพื่อหวังสืบข้อมูล แต่พอเขาถามชื่อกับคณะ จะให้บอกของจริงนะเหรอ ถ้ารู้ว่าเราอยู่คณะมนุษย์ฯหมอนี่อาจระแวงกลัวเรารู้จักนีแล้วอาจไม่ยอมให้ข้อมูล
“ชื่ออัม เออ…..อัมราค่ะ เรียกอัมก็ได้ อยู่บัญชี”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับอัม” รามฤทธิ์เอื้อมมือหวังจะสัมผัสมือตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่อีกฝ่ายทำไมรู้ไม่ชี้ จนเขาต้องถอยมือกลับในที่สุด

“ผมละก็ลำบากใจที่จะพูดจริงๆ ถ้าคุณเป็นสาวในสังกัดของนายหนึ่งผมไม่เล่าให้ฟังหรอกนะเนี่ย แต่เห็นบอกว่าเป็นเพื่อน ก็ดีเหมือนกันครับ รู้เอาไว้คุณจะได้หยุดความสัมพันธ์กับนายนั่นแค่เพื่อน แล้วคนอื่นๆที่เขาสนใจคุณ จะได้มีโอกาสบ้าง” ไม่พูดเปล่ารามฤทธิ์ยังส่งสายตาหวานเชื่อมน่าสะอิดสะเอียนมาให้

อัมพิกาพร่ำเตือนตัวเองอยู่ในใจ ‘อดทนไว้อั้มเอ๊ย ได้ชื่อแม่สาวนั่นเมื่อไหร่ จะเปิดแนบเลยล่ะ’ หญิงสาวแสร้งยิ้มหวานเยิ้ม เร่งเร้าให้ฝ่ายตรงข้ามเล่าเรื่องราว

“เด็กคนนั้นเห็นว่าเป็นน้องสายเทคของนายหนึ่งเอง คล้ายพวกสมภารกินไก่วัดใช่ไหมครับ น้องเทคตัวเองยังไม่เว้น ชื่อเมขลาครับ สวยเชียวแหละ แฟนนายหนึ่งนี่สงสัยจะเป็นประเภทเต่าๆ โง่ๆ หน่อยมั้งครับ ไม่เคยจับได้เล้ย”

“นี่คุณไปว่าผู้หญิงเขาทำไม เพราะไว้ใจเลยไม่คิดว่าแฟนจะนอกใจ แล้วฝ่ายชายตั้งใจปิดใครจะไปรู้ล่ะ ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงโง่นะ แต่ผู้ชายเลวต่างหาก” หน๊อยอยู่ดีๆมาว่าเพื่อนฉันโงเง่าเต่าตุ่นเหรอ เสียดายถ้ายัยเปิ้ลมาด้วยคงสวยกว่านี้แน่ โมโหสุดๆ อัมพิกาลุกพรวดตั้งท่าเดินหนี ได้ข้อมูลแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวค่อยมาสืบใหม่ ขอไปให้พ้นๆหน้านายนี่ก่อนล่ะกัน

“ใจเย็นๆซิครับอัม” รามฤทธิ์ทำท่าตกใจที่เห็น ‘อัมรา’ หัวเสีย แต่ความจริงเขาแอบสะใจลึกๆ ‘ฮึๆ คงกำลังโกรธนายหนึ่งแน่ๆ’

“ฉันจะกลับล่ะ ขอบคุณมาก” พูดเสร็จอัมพิกาสาวเท้าสวบๆ เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ แต่นายนั่นก็ยังตามมาทันอยู่ดี

“ความจริงผมยังมีเรื่องของนายหนึ่งอีกมากที่คิดว่าอัมยังไม่รู้” รามฤทธิ์ใช้ไม้ตาย ได้ผลเธอคนนั้นยอมหยุดหันมาจ้องหน้าเขาจริงๆด้วย

“เล่าตอนนี้อัมก็คงยังโมโหอยู่ อัมมีเบอร์ไหมครับ ไว้ผมโทรไปนัดอีกทีให้อัมอารมณ์เย็นก่อนดีไหมครับ แล้ววันนี้ผมจะไม่เดินตามรังควาญอัมอีกแล้ว” รามฤทธิ์กระหยิ่มยิ้มหย่องในใจ ตอนแรกคิดว่าได้แค่ชื่อกับคณะก็ดีแล้ว นี่ฟลุ๊คได้เบอร์อีก ‘อัมรา ผมกล้ารับประกันว่าจะทำให้คุณลืมนายหนึ่งนั่นไปเลย’ ชายหนุ่มยอมเดินจากไปแต่โดยดี








เฮ้อ…..อัมพิการะบายลมหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดนายกะล่อนนั่นก็ไปพ้นๆซะที ง่ายๆแค่ซุ่มตัวเลข 7 ตัวมาเรียงต่อจาก 089 ก็เท่านั้น

หวังว่าไอ้เบอร์นั่นมันคงยังไม่เปิดให้บริการนะ สงสารคนรับแย่เลย แค่รู้ว่า เป็นหนึ่ง แอบนอกใจนีจริงๆ พร้อมทั้งได้ชื่อแม่สาวคนนั้นก็คงไม่ยากที่จะสืบแล้วล่ะ จำเป็นอะไรที่จะต้องไปนั่งให้ ‘อีตาลามโรคจิต’ ใช้สายตาแทะโลม

เมขลา น่าจะเป็นคนเดียวกับน้องคนเมื่อวาน แล้วเบอร์ที่นีโทรออกแล้วถึงกับอึ้งอาจเป็นเบอร์ของเป็นหนึ่ง แล้วไอ้ที่เป็นหนึ่งผิดนัดอีกล่ะ มันต้องเกี่ยวกันแน่ๆ แต่เกี่ยวกันยังไงอย่างไร สายลับอัมพิกา ยังคงต้องขบคิดอีกมาก

หนึ่งนะหนึ่ง เห็นท่าอย่างกับเจ้าชายกลายร่างเป็นซาตานไปซะแล้ว สงสารก็แต่นีไม่เคยวอกแวกกับใครที่ไหน คงเสียใจมากที่ถูกทรยศ แล้วภาพของนาย ‘ลามโรคจิต’ ก็แทรกเข้ามา เวลาอยู่กับนีคงปลอมตัวเป็นเจ้าชาย พอเกี้ยวสาวอื่นก็คงทำท่าอุบาทว์แบบนายนั่นเมื่อครู่แน่ๆ

ผู้ชายกะล่อน ผู้ชายเห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบ ไว้ใจไม่ได้ ไม่มีแฟนอย่างที่เราเป็นอยู่ดีที่สุดแล้ว ในเมื่อนอกจากพ่อกับพี่ อัมพิกาไม่คิดว่าจะมีผู้ชายหน้าไหนจริงใจกับเธออีก เก็บหัวใจไว้กับตัวดีกว่า เห็นไหมเผลอให้ใครเขาไปแบบนีก็ถูกเอาไปปู้ยี่ปู้ยำ

ด้วยคิดอะไรเพลินจึงไม่ได้สังเกตว่าตัวเองไม่ได้เดินในทิศทางที่เดินเข้ามา แต่ดันเดินวนมาด้านหลังตึกเก่า ของคณะรัฐศาสตร์มีแต่ต้นไม้รกริมกำแพงไม่มีคน ‘โธ่! ยัยอั้ม อย่าบอกนะว่าเธอหลงทาง’ เพราะตั้งใจจะเดินคนละทางกับนายลามโรคจิตแท้ๆเชียว ถ้าไปทางที่นายนั่นไปป่านนี้ก็คงออกไปแล้ว เลยกลายเป็นว่าเดินลึกเข้ามาอีก หันหน้าหันหลัง เห็นช่องระหว่างตึกใกล้ๆพอจะทะลุไปข้างหน้าได้ ไปทางนี้ล่ะกันจะได้ไม่ต้องเดินอ้อมอีก

เมื่อก้าวเข้ามาในช่องนี้อัมพิการู้สึกราวกับหลุดสู่หุบหมาหอน เพราะเป็นทางยาวอยู่ระหว่างตึกใหญ่สูง 7 ชั้น กับตึกเก่าๆสูง 2 ชั้นได้ กว้างประมาณสี่เมตร แต่มีวัสดุพวกเศษไม้เศษเหล็กกองขยะเรียงรายเลยเหลือทางให้เดินจริงๆไม่ถึงเมตร

แถมไอ้ที่พอจะเดินได้ยังเป็นทางระบายน้ำ บางช่วงปิดฝาท่อไว้หมิ่นเหม่ ซ้ำปากทางด้านนู้นยังมีต้นไทรขนาดใหญ่บังไว้จนมองไม่เห็นผู้คนที่อยู่หน้าตึก หญิงสาวพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่เธอกลัวที่สุด ‘คงไม่มีเจ้า ปีเตอร์ หรอกนะ’

อัมพิกาพยายามกวาดสายตาไปแถวกองขยะอย่างระแวง เธอตั้งใจว่าจะไม่ทำสุ่มเสียงไปปลุก เจ้าปีเตอร์ ให้ตื่นขึ้นมากระพือปีกได้เลย เลยต้องเดินระวังหน่อยกลัวเหยียบมันเข้าด้วย ใจเต้นตึกตัก แล้วเพียงชั่ววินาทีมันก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม

“กรี๊ด...”

เพราะรู้สึกว่ามีอะไรมาจับ หรือมาเกาะ ที่ข้อมือจากด้านหลัง หญิงสาวหวีดร้อง แต่ส่งเสียงออกไปได้แป๊บเดียวเท่านั้น ปากก็ถูกตะปบด้วยฝ่ามือลึกลับรู้สึกว่าศรีษะของตัวเองชนกับแผ่นอกของใครคนนั้น งั้นไอ้ที่เกาะมือก็ไม่ใช่เจ้าปีเตอร์อย่างที่คิดไว้แต่แรก

แต่ใครล่ะ พวกโรคจิตรึเปล่า อัมพิกาพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ แล้วก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อที่ข้างหู ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระ

“อั้ม ผมเอง” ผมน่ะผมไหน เมื่อเป็นอิสระอัมพิกาหันกลับไปมอง แล้วก็ต้องโมโหตวาดกลับ

“โอ้ย เล่นอะไรน่ะรุตต์ อั้มตกใจหมดเลยนะ”

“ก็สะกิดเรียกแล้ว อั้มกรี๊ดทำไมล่ะ ผมตกใจเสียงกรี๊ดอั้มก็เลยปิดปากไว้ก่อน”

“ทำไมไม่ส่งเสียงเรียก วันหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ” โธ่! วันนี้วันซวยจริงๆด้วยเจอแต่ผู้ชายบ้าๆ นายนี่จะเหมือนเป็นหนึ่งกับนายลามโรคจิตด้วยหรือเปล่า แต่จากการกระทำเมื่อครู่ มันเอาเปรียบกันชัดๆ เห็นว่าตัวเองมีแรงเยอะกว่าเหรอ หญิงสาวเอ็ดอึงในใจ ก่อนจะเดินหน้าแบบไม่เหลียวหลัง แต่แล้วก็ไปไหนไม่รอดเมื่อข้อมือถูกยึดไว้อีกครั้ง

“จะรีบไปไหน คุยกันก่อนซิอั้ม” นิติรุตต์เสียงแข็งเมื่อเห็นอัมพิกาตั้งท่าเดินหนี ความจริงเขาเห็นเธอมานานแล้ว ตั้งแต่นั่งทำตาหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรามฤทธิ์ใต้ตึกใหม่ ชายหนุ่มแอบมองเงียบๆจนเห็นทั้งคู่ลุกขึ้นเดินไปด้วยกันสักพักก็แยกทาง เขาจึงสะกดรอยตามอัมพิกามาที่นี่

นิติรุตต์ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกตอนนั้นว่าอะไร จะว่าโกรธ อัมพิกาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ หรืออาจจะน้อยใจเพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นอัมพิกาคิดจะมาเหยียบรัฐศาสตร์ ซ้ำยังไม่เห็นเคยยิ้มให้เขาแบบที่ให้รามฤทธิ์เลย เจอหน้าเป็นต้องแยกเขี้ยว

แล้วไอ้ที่อยากตะบันหน้ารามฤทธิ์อีกล่ะจะเรียกว่าอะไร ปกติแม้จะรู้ว่านายนั่นไม่กินเส้นกับเป็นหนึ่ง แต่นิติรุตต์กับรามฤทธิ์ก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรกันนายนั่นจะทำตัวแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกัน จนเมื่อสักครู่นี่แหละที่อยากสาปให้นายรามฤทธิ์หายสาบสูญ ไม่อยากให้มาทำเฟริตกับอัมพิกา พอๆกับไม่อยากให้อัมพิกาคุยกับนายนั่นด้วย

‘หวง’ กับ ’หึง’ คงจะเป็นคำตอบที่ใกล้กับความรู้สึกมากที่สุด แต่ถ้าจะบอกเธอตรงหน้าว่า เขาหวง เขาหึง ไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับผู้ชายคนไหน ก็คงเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เอาสิทธิ์อะไรมาอ้าง ก็เธอเล่นพูดอยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

“ปล่อยนะ ถือดียังไงมาจับมืออั้ม” อัมพิกาขู่ฟ่อ ตอนนี้เธอกลายแม่เสือสาวที่เลือด ‘เฟมินิสต์’ ขึ้นสูงปรี๊ด ผู้ชายกะล่อน ผู้ชายเห็นแก่ตัว หลงตัวเอง ไว้ใจไม่ได้ ชอบกดขี่ เอาเปรียบผู้หญิง หญิงสาวคิดไปว่านิติรุตต์ก็คงไม่ต่างจากคนพวกนั้น

“อั้มไปรู้จักสนิทสนมกับ รามฤทธิ์ ตั้งแต่เมื่อไหร่” คราวนี้ชายหนุ่มรวบมือทั้งสองข้างของอัมพิกาไว้เพราะถ้าจับแค่ข้างเดียวเธอก็จะเอามืออีกข้างมา จิก หยิก ข่วน เพื่อตัดปัญหา นิติรุตต์จึงไม่ยอมให้มือของหญิงสาวเป็นอิสระ

“รุตต์บอกอั้มก่อนได้ไหมล่ะว่า เมขลา เป็นใคร?” เจอเข้าไม้นี้นิติรุตต์ถึงกับอึ้ง นี่อัมพิกาไปรู้ชื่อจริงของเมขลามาจากไหน เอ รึจะจากนายราม หนึ่งเอ๊ย เอ็งแย่แน่ นึกถึงหน้าจ๋อยๆของเพื่อนตอนเช้าที่เขาเอามือถือไปฝากคืนเมขลาพร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟัง แม้จะรู้ว่าเพื่อนตัวเองผิดเต็มประตู แต่เมื่อมันบอกว่ามันตกลงเลิกกับเมขลาเป็นที่เรียบร้อย ทุกอย่างคงราบรื่นถ้าไม่มีเรื่องราว ‘จับได้’ ซะก่อน

“โธ่! นั่นมันเรื่องของคนอื่นนะอั้ม อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เอาเรื่องของอั้มดีกว่า ผมขอเตือนนะว่าอย่าไปยุ่งกับนายราม ให้มากนัก รามฤทธิ์เป็นคนที่อันตรายมาก โดยเฉพาะกับผู้หญิง”

“แล้วเป็นหนึ่งเพื่อนรุตต์ล่ะ ดีนักเหรอ?”
“อั้มใจเย็นๆ แล้วฟังเหตุผลกันบ้างซิ อย่าเอาแต่อารมณ์” เขายอมรับก็ได้ว่าเป็นหนึ่งเจ้าชู้แต่ก็เป็นแบบเจรจาพาทีไปเรื่อยอาจมีควงสาวไปเลี้ยงข้าว ดูหนัง ดูคอนเสิร์ต แต่ไม่ใช่หลอกพาขึ้นเตียงแบบรามฤทธิ์ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอยากเตือนเธอคนนี้

“ว่าอั้มยุ่งเรื่องคนอื่น ว่าอั้มไม่มีเหตุผล มีอะไรจะว่าอีกไหม”

“โธ่ ผมไม่ได้จะว่าอั้ม แค่เตือนเท่านั้น”

“ทำไมไม่เตือนตั้งแต่ตอนเป็นหนึ่งแอบคบน้องคนนั้นล่ะ เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ มักมาก ชั่วร้ายที่สุด ทั้งรุตต์ทั้งหนึ่งนั่นแหละ”

“คงมีแต่ นายรามฤทธิ์ มั้งที่ดูดีในสายตาอั้ม” หลังจากพยายามข่มอารมณ์มานาน นิติรุตต์ก็หมดความพยายาม ชายหนุ่มลืมตัวตวาดเสียงห้วน

“ก็ดีกว่าคนกะล่อนหลายใจอย่างนายหนึ่งเพื่อนรุตต์แล้วกัน อย่างน้อยเขาก็ไม่เข้าข้างปกป้องผู้ชายด้วยกันเหมือนรุตต์” ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามดังมา อัมพิกาเลยแว๊ดกลับด้วยเสียงแหลมสูง ทั้งที่รู้ตัวเองอยู่หรอกว่าไม่มีทางจะไปข้องเกี่ยวกับรามฤทธิ์อีกแล้ว แต่มีรึคนอย่างอัมพิกาจะยอมแพ้

“หึ..ดีกว่า ให้ผมเดานะ อั้มคงรู้จักนายนั่นได้ไม่นานใช่ไหม อั้มไม่รู้เหรอ นายรามน่ะมันเสือผู้หญิง”

“แล้วหนึ่งล่ะ เรียกว่าอะไร มีนีอยู่ทั้งคนก็ยังหาเล็กหาน้อยไปทั่ว ก็ไม่ต่างกันหรอก อย่าเอาแต่ว่าคนอื่นเขาอย่างเดียวซิ เพื่อนตัวเองน่ะหัดดูซะบ้าง”

“ไอ้หนึ่งมันไม่เคยเที่ยวไปหลอก..เอ่อ….ใคร แต่หมอนั่นไม่ใช่” นิติรุตต์เลี่ยงที่จะไม่เอ่ยคำว่า ‘ฟัน’ ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นการสุภาพหรือเปล่าถ้าจะพูดเรื่องแบบนี้กับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องคาวๆอย่างคนตรงหน้า

“ก็หลอกนีอยู่นี่ไง สนุกกันนักเหรอ ร่วมมือกันสวมเขาให้เพื่อนอั้ม รุตต์ก็คงเป็นเหมือนหนึ่ง กะล่อนปลิ้นปล้อน ชอบทำร้ายเอาเปรียบผู้หญิง อั้มว่าทั้งรุตต์และหนึ่งนั่นแหละที่ไม่น่ายุ่งด้วย” อัมพิกายังคงเถียงไม่ลดละ

นิติรุตต์ถอนหายใจเฮือก กับความไม่ยอมฟังอะไรของเธอ ชายหนุ่มแค่อยากเตือนอัมพิกาเรื่อง รามฤทธิ์ และไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับนลินีและเป็นหนึ่งให้มากนัก เขาจะรักเขาจะเลิกก็ปล่อยเขาไปให้เป็นเรื่องของคนสองคนตัดสินใจกันเอง

“ผมไม่ได้ร่วมมือกับใครน่ะ ทำไมอั้มพูดไม่รู้ฟังบ้างเลย”

“ว่าอั้มพูดไม่รู้เรื่อง แล้วมาพูดกับอั้มทำไม ปล่อยนะ ปล่อยอั้มเดี๋ยวนี้” อัมพิกาบิดข้อมือตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายยึดไว้แน่นหนาส่ายไปมาแรงๆนับครั้งไม่ถ้วนจนเจ็บข้อมือตัวเอง ฝ่ายคนจับก็เจ็บเหมือนกันแต่เจ็บที่หัวใจ จนในที่สุดนิติรุตต์ก็ยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ

“จำไว้ด้วยต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับอั้มอีก” อัมพิกาตะโกนใส่หน้าก่อนจะออกวิ่งไปทิศทางหน้าตึก แต่หญิงสาวก็วิ่งไปได้เพียงห้าก้าวเท่านั้น



“ว๊าย…”



นิติรุตต์ได้ยินเพียงเสียง ว๊ายสั้นๆและไม่ดังมาก หลังจากนั้นคนร้องก็ยืนนิ่ง ทั้งที่ถ้าเป็นปกติอัมพิกาน่าจะวิ่งหนีเขาแบบไม่เห็นฝุ่นไปแล้ว นึกสงสัยเลยเดินเข้าไปดู

แล้วชายหนุ่มก็ยิ้มออกอีกครั้ง ซ้ำยังกลั้นหัวเราะแทบตาย ตะกี้ยังตวาดแว๊ดๆเป็นแม่เสืออยู่เลย พอตอนนี้ไหงกลายเป็นกระต่ายน้อยติดกับได้ล่ะ สภาพของอัมพิกาที่เขาเห็นคือ หน้าแดงถึงแดงจัดตั้งแต่คอไปถึงหู ปากเม้มส่งเสียงอู้อี้จากในลำคอ หลับตาปี๋จนหน้าย่น มือสองข้างกำแน่นส่ายไปมาในอากาศ

อัมพิกากำลังตกใจสุดขีดจนสั่นไปทั้งตัว ก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่พอมองเจ้า ‘ตัวการ’ มันก็น่าขำ ‘อั้ม นะอั้ม เห็นเก่งกล้าสารพัด กลัวอะไรกับไอ้แมลงสาปตัวนิดเดียว’ ตอนนี้เขาไม่เหลือความขุ่นข้องหมองใจกับเธอคนนี้อีกแล้ว กลัวแต่เธอจะช็อคไปน่ะซิ

“อื้อๆๆๆ”
หญิงสาวพยายามจะบอกว่า ‘เอามันออกไปให้ที’ อัมพิกาไม่กล้าเปิดปากร้อง เหมือนกับที่ไม่กล้าลืมตากลัวเจ้า ‘ปีเตอร์’ มันจะไต่เข้าไป แค่มันบินหลามาเกาะหน้าตำตาก็แทบจะบ้าแล้ว รู้สึกขยะแขยงขนลุกขนพองเมื่อเจ้าปีเตอร์เอาขาหนามๆของมันออกเดินเล่นบนแก้ม ไหนจะกลิ่นฉุนน่าสะอิดสะเอียนของมันก็ทำให้เธอต้องกลั้นลมหายใจ

“อยู่เฉยๆ นะอั้ม” พูดเสร็จปุ๊บนิติรุตต์ก็เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ดีดเจ้าวายร้ายอย่างแรง พอพ้นมือเจ้าตัวแสบก็กระพือปีกบินหลา มุ่งหน้าไปที่กองขยะ

“มันไปแล้วอั้ม ไม่มีอะไรแล้ว” สิ้นเสียงนิติรุตต์ อัมพิกาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นแต่ยังไม่กล้าสูดลมหายใจ ความรู้สึกสกปรกยังติดอยู่ที่แก้มทั้งสัมผัสที่น่าขยะแขยงไหนจะกลิ่นอีก ป่านนี้แก้มเราคงเหม็นเป็นกลิ่นเจ้านั่น หญิงสาวแทบอยากเอามีดมาเฉือนส่วนนั่นทิ้งเสียจริงถ้ามันจะงอกใหม่ได้นะ

“เอามือไปบีบจมูกทำไมอั้ม แล้วทำไมเอาผ้าไปขยี้แก้มซะแรงเลยล่ะ เดี๋ยวก็ถลอกหรอก” นิติรุตต์ร้องถามเมื่อเห็นอัมพิกาเอามือบีบจมูกตัวเองจนแดงกล่ำ ซ้ำยังควักผ้าเช็ดหน้ามาขัดถูแก้มตัวเองแรงๆ

“มันเหม็น อั้มเกลียดกลิ่นมัน” หญิงสาวพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะยังไม่ยอมใช้จมูกหายใจ แม้เจ้านั่นจะจากไปแล้วแต่ก็ยังขนลุก เธอต้องการจะเช็ดจนแน่ใจว่าสะอาดเกลี้ยง พอดีคนถามเหลือบเห็นก๊อกน้ำที่ริมกำแพง จึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาบ้างเดินไปเปิดน้ำใส่จนชุ่ม

“ไหนดูซิ” ชายหนุ่มจับมือทั้งสองข้างที่อัมพิกาใช้ทารุณตัวเอง เข้าใจอยู่หรอกว่าหญิงสาวกำลังลืมตัว สงสัยจะเกลียดแมลงสาปขนาดหนัก เพราะหวังจะให้อัมพิกาหยุดการกระทำที่รังแต่จะเจ็บตัว จึงนำเอาผ้าเปียกน้ำเช็ดวนทั่ววงหน้าของหญิงสาว

หลังจากเช็ดเสร็จ นิติรุตต์ก้มหน้าลงมาใกล้แก้มแดงๆ หยุดปลายจมูกโด่งของเขาให้อยู่ห่างผิวเนียนใสสีชมพูเข้มเพียงครึ่งเซนเพื่อพิสูจน์กลิ่น คนพิสูจน์ต้องคอยระวังไม่ให้จมูกตัวเองไปโดนบริเวณที่ต้องการพิสูจน์ เดี๋ยวมันจะไม่ใช่การ ‘ดม’ ก่อนตีขรึมบอกเสียงเรียบ

“ไม่เห็นเหม็นเลยอั้ม” แก้มอัมพิกาไม่เหม็นสักนิดมีแต่กลิ่นแป้งเหมือนนมเด็ก หอมชื่นใจดีออก รู้สึกรักเจ้าแมลงสาปขึ้นมาซะแล้ว

ฝ่ายคนเกลียดแมลงสาปเอาแต่ยืนตัวแข็งใจเต้นโครมคราม ตั้งแต่ที่นายนั่นเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ ไหนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ โชคดีหน่อยที่เขายืดตัวกลับไปแบบเก่า หญิงสาวสะบัดหน้าหนีออกวิ่ง ความจริงตอนนี้ไม่ได้โมโหเท่าไหร่แล้ว แต่เขินอายมากกว่า อยู่ๆนายนั่นก็มา ‘ดม’ แก้มเรา

นิติรุตต์ลืมคิดไปว่ากระต่ายติดบ่วงน่ะพอเขาช่วยให้หลุดออกมา ก็สามารถกระโดดหนีได้ จะตามก็อาจทันแต่ไม่ดีกว่าปล่อยให้อัมพิกาไปสงบสติอารมณ์ แล้วค่อยว่ากันใหม่ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น เราเองก็กลายเป็นคนใจร้อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดขนาดอยากตะบันหน้า รามฤทธิ์ ตอนที่เห็นนั่งคุยกับอัมพิกา แต่ก่อนไม่เห็นเราเป็นแบบนี้เลย

คนปล่อยกระต่ายหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำขึ้นมาแนบจมูกนึกไปถึงดวงหน้าที่ผ้าผืนนี้ได้รับใช้เมื่อครู่ “อั้มรู้ไหม? ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้อั้มเลย ขนาดเวลาโกรธยังน่าดู แล้วถ้าเขาเห็นเวลาอั้มอ้อนๆ เขินๆ ล่ะ ผมไม่อยากให้ใครเข้ารู้ว่าอั้มน่ารักขนาดไหน”







สวัสดีค่ะ ลูกค้าที่น่ารัก

วันนี้นำเสนอกาแฟอีกแก้วที่ใครๆก็ถามถึง เป็นกาแฟร้อนเหมาะกับสภาพฝนตก หวัด 2009 ระบาด ของช่วงนี้จริงๆเลย

(แต่ไม่รู้จะเข้ากับตอนที่ลงรึเปล่า เพราะเรื่องราวอยู่นอกร้านไออุ่นและไม่มีกาแฟสักแก้ว แต่รับประกันว่าหวานและมันไม่แพ้กัน อิๆ)

ขอให้ลูกค้าร้านไออุ่นมีสุขภาพดีนะคะ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ




Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2552 1:09:08 น. 7 comments
Counter : 371 Pageviews.

 
ชายแปลกหน้ามาหลงเสน่ห์น้องอั้มอีกคนแล้ว

รุตต์มีคู่แข่ง


โดย: pantee IP: 124.120.235.222 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:45:09 น.  

 
โอ้ย คบกับยัยอั้ม มีแต่เรื่องปวดหัวจริงๆเลยนะเนี่ย

มามองทางนี้มั่งดีกว่า อิอิ

มันก็จริงนะ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ ก็แค่เป็นห่วงและหวังดีนี่นา


โดย: ต้นอ้อสีม่วง IP: 125.26.166.30 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:08:32 น.  

 
555

ตกลงว่าไอ้เจ้า"ปีเตอร์"เนี่ย
มันคือตัวเเมลงสาบอ่ะหรอ

ตั้งชื่อซะหรูเลย

นายรุตต์เราก็เนียนนะเนี่ย
"ดม"กลิ่นหนูอั้มเราเขิลเลย


โดย: pimmy IP: 125.27.242.104 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:24:58 น.  

 
ติดตามนายเป็นหนึ่งอยู่ แต่เกลียดมาก
น่าสงสารผู้หญิงจัง นีและน้องเทคหนะ


โดย: ji IP: 202.149.25.225 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:32:28 น.  

 
น่าร้ากกกก
อัพบ่อยๆนะคะ รอนานๆแล้วจะลงแดง


โดย: ... IP: 58.8.187.162 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:54:31 น.  

 
กาแฟน่ากินจัง
เมื่อไรอั่มกับรุตต์จะเข้าใจกันนะ


โดย: ฟ้าเคียงเดือน IP: 58.9.105.136 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:57:02 น.  

 
อัลโหล พี่เก๋ ยังไม่พานายรุตต์มาอีกเหรอคะ
คิดถึงแล้วอ่า


โดย: ต้นอ้อสีม่วง IP: 125.26.175.187 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:14:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พินทุอิ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ)
มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ

หมายเหตุ
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง
Friends' blogs
[Add พินทุอิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.