|
หัวใจรสกาแฟ 4
เป็นเรื่องปกติมากที่ระหว่างเวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. โรงอาหารในมหาวิทยาลัยจะสับสนวุ่นวาย แม้เสียงหึ่งๆจะดังกวนโสตประสาทแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถทำให้เพื่อนสาวที่อยู่ตรงหน้าตื่นจากภวังค์ได้เลย หลังจากสังเกตอากัปกิริยาเพื่อนซี้ได้สักพัก พิริยาพร ก็อดรนทนไม่ไหว นี ไปซื้อผลไม้เป็นเพื่อนฉันหน่อยดิ
ก็เดินไปเองซิ แค่นี้เอง นลินีผู้กำลังกำซาบกับข้าวราดแกงเผ็ดของโปรดทำหน้างงๆ ก็ทุกทียัยเปิ้ลมันเดินไปเองนี่นา ไม่เห็นจะต้องแห่กันไปเป็นขบวนให้เกะกะหน้าร้านผลไม้เลย
เออน่า
บอกว่าไปด้วยกันก็ไปซิ พิริยาพรไม่รอช้าออกแรงฉุดคร่า อีกฝ่ายแม้ยังทำหน้าเป๋อ แต่ก็ลุกเดินมาตามแรงฉุดของเพื่อน นี่นีแกไม่สังเกตเหรอว่าไอ้อั้มมันแปลกๆ ทันทีที่หลุดพ้นรัศมีการได้ยินของเพื่อนอีกคนที่ยังนั่งโต๊ะ พิริยาพรก็เปิดฉากซัก
แปลก!... แปลกยังไง อีกฝ่ายยังทำหน้าเฉย
สองวันมาแล้วนะ ที่มันกินแต่บะหมี่เกี๊ยวทั้งเช้าทั้งกลางวัน แล้วแกไม่เห็นเหรอว่ามันมองบะหมี่เกี๊ยวหวานจ๋อยขนาดนั้น ทำท่ากระลิ้มกะเหลี่ยตาเล็กตาน้อยกว่าจะละเลียดกินแต่ละคำเงี้ย โอโห้! แกเอ๊ย
.ยิ้มแล้วยิ้มอีกอยู่นั่นแหละ ถ้ามันไม่ปัญญาอ่อนเกินไปนะ ฉันว่าไอ้อั้มมันอาจพยายามบรรจงจุมพิตเกี๊ยวให้เป็นเจ้าชายขึ้นมา
คราวนี้นลินีหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่กับตำนานเจ้าชายเกี๋ยว บ้าแล้วเปิ้ล เกี๊ยวนะไม่ใช่กบ แล้วเปิ้ลคิดว่าไงล่ะ
ก็ถ้าตามตำราท่านว่าอาการแบบเนี้ยเขาเรียกคนกำลังมีความรัก...แต่ พิริยาพรนิ่วหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ถึงไอ้อั้มมันจะติ๊งต๊องไปหน่อย...รึจะไม่หน่อย...ช่างมันเถอะ หญิงสาวโบกไม้โบกมือก่อนจะพูดต่อโดยไม่เว้นวรรค ...แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันหลุดโลกถึงขนาดอินเลิฟกับกบ...เอ๊ยเกี๊ยว
ก็จริงใครจะอินเลิฟกับเกี๊ยวล่ะถ้าคนก็ว่าไปอย่าง นลินีเห็นด้วยกับทฤษฎีของแม่คนช่างสงสัย
คน
.อย่าบอกนะว่า
..เอ่อ
.. พิริยาพร ชะเง้อไปมองหน้าลุงคนขายบะหมี่เกี๊ยวประจำโรงอาหาร ส่ายหน้า โธ่! สงสัยไอ้อั้มมันคงโดนเสน่ห์ยาแฝด ก็ลุงแกแก่ขนาดนั้น
บ้าอีกแล้วนะเปิ้ล นี่ มีไรจะเล่าให้ฟัง นลินีไขข้อข้องใจเพื่อนซี้ด้วยการเล่าถึงเรื่องที่มีชายหนุ่มซึ่งคุ้นๆว่าจะอยู่คณะรัฐศาสตร์มาส่งอัมพิกาถึงหน้าหอตอนสองทุ่มกว่าเมื่อวานซืน ซ้ำในวันรุ่งขึ้นยังได้รับการยืนยันจาก เป็นหนึ่ง แฟนของเธอที่เรียนรัฐศาสตร์อีกว่า เห็นรูมเมตของเธอนั่งกินบะหมี่เกี๊ยวกับเพื่อนเขาสองต่อสองตอนทุ่มครึ่ง
โอ้โห ไม่เบาเลยนะยัยอั้มเนี่ย...ริอาจมีกิ๊กไม่ปรึกษาเพื่อนฝูง ว่าแต่..นายคนนั้นน่ะ..หล่อไหมนี พิริยาพรทำหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างเข้าถึงอารมณ์คนชอบสอดสุดๆ ด้วยความที่ตัวเอง ไม่เค้ย ไม่เคยจะมีแฟนกับเค้าสักที เที่ยวกรี๊ดคนโน้นทีคนนี้ที จนอกหักข้างเดียวมาหลายครั้ง กามเทพก็ไม่ยักเห็นใจประทานคู่มาให้ แต่อัมพิกาที่วันๆเอาแต่เรียนตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ไม่เคยจะไปชอบใครที่ไหน ทำราวกับว่าต่อมรักไม่มีในตัวเจ้าหล่อนงั้นแหละจนเพื่อนแซวว่าเธอดาวน์หมู่บ้านคานฯเอาไว้แล้ว แล้วจู่ๆกลับตาลปัตรลงคานมาได้ไงเนี่ย
เราว่าเปิ้ลคงเคยเห็นนะ หน้าเรียวๆหน่อย ผมตั้งๆ ตัวสูง ผิวสองสี จมูกโด่งๆ เห็นหนึ่งว่าเขาทำพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟตรงซอย 12 ด้วยนะ
ร้านไออุ่นนะเหรอ อืมม์ อาจจะเคยเห็นมั้ง ไม่แน่ใจ ฉันไปที่นั่นครั้งสุดท้ายหลายอาทิตย์อยู่นะ พิริยาพรลำดับความคิด ครั้งสุดท้ายเธอไปนั่งกินไอศครีมกับยัยยุ้ยรูมเมต แล้ววันนั้นฝนตก ฟ้าร้อง แล้วก็ไฟดับ แล้ว...หน้าคมๆคิ้วเข้มๆ ของบริกรที่เอาเทียนมาวางบนโต๊ะให้ตอนไฟดับก็วาบขึ้นมา
อ้อ
.น่าจะใช่นายนั่น เฮ้ย อย่างนั้นเค้าเรียก ดาร์ค ทอลล์ แอนด์ แฮนด์ซั่ม โว้ย ฉันยังว่าจะแอบกรี๊ดเลย แต่พอดีตอนนั้นสี่ห้องหัวใจมีแต่อาจารย์พี่อ๊อด หึ
ว่าแล้วก็เจ็บใจรีบแต่งงานทำไมไม่รู้ อยู่เป็นอาหารตาอาหารใจให้ลูกศิษย์นานๆหน่อยก็ไม่ได้
นลินีส่ายหัว ความจริงก็ปลงได้ตั้งนานแล้วไอ้นิสัยใจง่ายของพิริยาพรเนี่ย เห็นใครดูดีเป็นตกหลุมรักเขาไปหมด ตั้งแต่รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน ยันรุ่นน้อง กระทั่งอาจารย์ก็ไม่เว้น ไหนจะนิสัยที่ชอบสาระแนเขาไปทั่ว แล้วได้รู้เรื่องยัยอั้มอย่างนี้ ก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เห็นประกายตาวาวๆไม่รู้ว่ามีแผนกระทำการ สอใส่เกือก อะไรไว้มั่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าในที่สุดแล้วพิริยาพรไม่มีอะไรที่เป็นพิษเป็นภัย อาจพูดมากไปหน่อยแต่ก็จริงใจ แล้วไอ้เรื่องกรี๊ดๆ ก็ไม่ได้หวังไปแย่งชิงของของใครเขา แค่กรี๊ดพอให้หัวใจกระชุ่มกระชวยเท่านั้นเอง
หลังจากเลือกซื้อผลไม้พอเป็นพิธีทั้งสองก็ชวนกันกลับโต๊ะ อัมพิกากินเส้นบะหมี่หมดแล้วยังเหลือเพียงเกี๊ยวก้อนสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งตอนนี้หญิงสาวกำลังจินตนาการไปว่า นายคนที่เคยแย่งทั้งเกี๊ยวและหมูแดงทำตาปริบๆ อยู่ตรงหน้า เพราะเกี๊ยวก้อนสุดท้ายอยู่ในมือเธอและกำลังเดินทางเข้าปากรอมร่อ วันนี้ฉันเป็นผู้ชนะนะนายรุตต์ นายไม่มีวันมาแย่งเกี๊ยวจากฉันได้ตลอดหร๊อก เหอะๆๆ
หวานไหมจ๊ะ เกี๊ยวน่ะ เสียงแจ๋นๆของพิริยาพรขัดจังหวะขึ้น ทำเอาสะดุ้ง เฮ้อ! เสียงอารมณ์หมดยัยเปิ้ลนะยัยเปิ้ล
ไงอั้ม ได้ข่าวว่าเมื่อวานซืนไปออกเดทมาเหรอย่ะ ไม่เห็นบอกเล่า พิริยาพรเริ่มงานของเธอตามนิสัย
อัมพิกาสะดุ้งหันขวับไปจ้องหน้ารูมเมตผู้ที่ตอนนี้ทำตาละห้อยยิ้มแหยๆเพราะระลึกถึงความผิดที่พลั้งปากของตัว... บ้า เดทอะไรกัน ไม่ใช่สักหน่อย หญิงสาวปฏิเสธลั่นนึกไม่ออกว่าไอ้ที่จำใจไปร้านกาแฟเอย นั่งกินบะหมี่เอย มันเป็นเดทตรงไหน เพราะเดทในจินตนาการของเธอมันต้องดูหนังเดินห้างกินอะไรที่หรูๆหน่อย แล้วที่สำคัญต้องไปกับชายหนุ่มในฝันผู้แสนจะสุภาพ นุ่มนวล อ่อนโยน และเป็นสุภาพบุรุษ ต่างกับนายนั่นยิ่งกว่าอีกากับพญาหงส์...แน่ล่ะวาสนานายนั่นน่ะเป็นได้แค่อีกาหน้าดำ
แหม! ก็เดทกับหนุ่มรัฐศาสตร์ที่ทำงานอยู่ร้านไออุ่นไง ชิงมีแฟนก่อนฉันได้ไงย่ะ
ไม่ใช่ นะ ไม่ใช่ๆ อัมพิการู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงทั้งเขินทั้งโมโห อุตส่าห์ยืนยันเสียงแข็งขนาดนั้น ดูซิยัยเปิ้ลยังทำตาล้ออยู่ได้...โมโหยัยนีด้วยปกติก็ไม่เห็นเป็นคนพูดมากไหงต้องไปเล่าให้ยัยเปิ้ลฟังด้วยก็ไม่รู้ หญิงสาวรวบรวมสัมภาระแล้วลุกพรวด ยังไม่อิ่มกันใช่ไหม อั้มอิ่มแล้ว จะกลับคณะเดี๋ยวนี้แหละ ไปล่ะนะ ไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนพอๆกับนายนั่นนั่นแหละ ทำไมนะตั้งแต่ฉันเจอนายถึงมีแต่เรื่องซวยๆทั้งนั้นเลย หญิงสาวเดินถือชามไปวางที่ไว้ภาชนะ มือขวาถือชามมือซ้ายอุ้มหนังสือกองโต กำลังเดินก้มหน้างุดๆกระฟัดกระเฟียดสารพัด จนกระทั่งเกือบถึงที่วางภาชนะ
ตุบ!!!
ไม่รู้ชนใครเข้าให้ โชคดีนะที่มือซ้ายยอมสละหนังสือมาช่วยมือขวาประคองชามก๋วยเตี๋ยว ไม่งั้นเป็นได้หกราดคนที่เดินชนนั่นแหละ แต่กลายเป็นว่าหนังสือของเธอตกซะเอง วางชามก่อนล่ะกันแล้วค่อยเก็บหนังสือ
ขอโทษค่ะ เห็นผู้ชายที่ถูกชนยังมีน้ำใจก้มเก็บหนังสือ ทำให้อัมพิการู้สึกว่าโลกนี้ยังมีสุภาพบุรุษดีๆอยู่ เฮ้อ! ค่อยใจชื่นหน่อย อุ๊ย
ขอบคุณนะคะที่ช่วยเก็บ
รีบไปไหนน่ะอั้ม ไม่มองทางเลย ดีนะเนี่ยน้ำก๋วยเตี๋ยวไม่ราดผมเข้าให้
ไอ้เสียงดุๆ ห้าวๆแบบนี้มัน
นาย!
โอ้ย! ขอถอนความคิดเมื่อครู่ อีตานี่คงไม่ได้ยินหรอกนะ เอาหนังสือฉันมานะ อัมพิการีบตวาดขอคืนหนังสือ เมื่อเห็นว่าคนเก็บให้ถือเอาไว้ซะเอง
บอกมาก่อน จะไปไหน
กลับคณะ หญิงสาวตวาดห้วนๆให้มันสนน้ำสมเนื้อกับอีกฝ่าย
เดี๋ยวเดินไปส่ง
ไม่ต้อง
. แต่เสียงร้องห้ามของหญิงสาวคงจะช้าไปเสียแล้ว เพราะอีกฝ่ายพาร่างสูงหอบหนังสือกองโตเดินตัวปลิวไปทางคณะมนุษย์ฯ ในเมื่อห้ามไม่ได้ อัมพิกาก็ได้แต่ซอยเท้าตาม ซึ่งนั่นอาจเป็นการดีกว่าที่จะอยู่โรงอาหารต่อและได้ยินเพื่อนซี้นาม พิริยาพร พูดว่า เชอะ ม่ายช่าย ม่ายช่าย บอกว่าจะรีบกลับคณะ ที่แท้ก็นัดแฟนไปเดินจู๋จี๋
เอามานะ แล้วไม่ต้องไปส่งกลับรัฐศาสตร์ไปเลย ทันทีที่ตามทันอัมพิกาก็ออกปากไล่
หนังสือหนักจะตายอั้มถือไงไหว คนเค้าอุตส่าห์มีน้ำใจจะขอบใจสักนิดไม่มี นิติรุตต์พูดหน้าตาย แต่หัวใจกำลังอมยิ้ม ไม่รู้ทำไมเห็นผู้หญิงคนนี้ตาเขียวๆทีไรมีความสุขทุกที
เขามีปัญญาถือของเขาก็แล้วกัน โมโหๆๆๆๆๆ ถ้าให้ตานี่ไปส่งถึงคณะฯ โอ้ย! ถ้าคนอื่นๆเห็นอีกล่ะ จะไม่ซวยไปกันใหญ่เหรอเนี่ย
เห็นเขาว่า สาวมนุษย์ฯมีแต่สวยๆ ขอไปเยี่ยมๆมองๆหน่อยนะ
ทะลึ่ง คิดแต่เรื่องลามกซิในสมองน่ะ จะบอกให้รู้ไว้เลยว่า ไม่มีสาวมนุษย์ฯคนไหนสนใจนายหร๊อก
อืมม์
.ไม่รู้ซินะ
.. นิติรุตต์หันมายักคิ้วใส่ตาเขียวๆของคนข้างหลังก่อนจะหันกลับไปมองทาง อย่างน้อยก็มีคนหนึ่ง เห็นวิ่งตามยิกๆ ตั้งแต่โรงอาหารมาแล้ว
อี ต า บ้ า สุดที่จะทน ไม่เพียงตะโกนลั่นเท่านั้นกำปั้นน้อยๆทั้งสองของอัมพิกาก็รั่วใส่แผ่นหลังคนที่เดินนำข้างหน้าเป็นการใหญ่
โอ้ย! ทุบผมทำไม เจ็บนะอั้ม ใช่เจ็บ เจ็บที่หลังแค่กลับคันๆที่ใจ ชายหนุ่มไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆจะทุบได้แรงขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามือทั้งสองหอบกองหนังสืออยู่นะ ไม่มีทางซะหรอกที่จะปล่อยให้กำปั้นน้อยๆนั่นแผลงฤทธิ์ซะจุก แต่ในเมื่อมือไม่ว่างเร่งเดินอีกนิดดีกว่าจะได้ทิ้งระยะห่าง
หลังจากรั่วกำปั้นจนเหนื่อย ที่เหนื่อยไม่ใช่แค่ออกแรงทุบเท่านั้นยังออกแรงเท้าที่เรียกว่าต้องวิ่งตามจึงจะทัน อัมพิกาก็ยืนหอบฮักๆ ปล่อยให้เหยื่อกำปั้นทิ้งระยะห่างออกไป คราวนี้หญิงสาวไม่ได้เร่งเดินตามอีกแล้ว เดินไปเรื่อยๆ เมื่อถึงคณะก็เห็นบริกรตัวป่วนวางกองหนังสือตรงม้าหินอ่อนหน้าคณะ
เรียนห้องไหน เดี๋ยวจะหอบขึ้นไปส่งให้
โอ้ย! นายนี่ชักจะไปกันใหญ่แล้ว อัมพิกานึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเพื่อนๆนั่งอยู่เกือบเต็มห้องเพราะนี่มันก็ใกล้จะบ่าย แล้วเห็นเธอพร้อมบริกรขนหนังสือไปวางให้ถึงที่จะเป็นอย่างไร
อย่านะ ขอร้องล่ะ เอาวางไว้นั่นแหละเดี๋ยวฉันเอาขึ้นไปเอง หญิงสาวขอร้องเสียงอ่อน แบบที่ไม่เคยอ่อนให้คู่ปรับมาก่อน กลับทำให้อีกฝ่ายเริ่มได้ใจ
อุตส่าห์หอบมาตั้งนานก็ต้องบริการให้ถึงที่หมายซิ
โธ่! นายรุตต์ขอร้องล่ะแค่นี้ก็ถูกล้อจะตายอยู่แล้ว
เห็นหญิงสาวทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้จริงๆ อีกฝ่ายก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่ก็ยังอยากแกล้งอยู่น่ะซิ ล้อเรื่องอะไรเหรอ บอกผมได้ไหม ชายหนุ่มเอ่ยถามตาใสซื่อ
ตาบ้าเอ๊ย ก็นายนั่นแหละต้นเหตุสำคัญ แต่คงป่วยการถ้าจะต่อว่า พูดไปก็รังแต่จะเข้าเนื้อเปลี่ยนแผนดีกว่า อัมพิกาแสร้งยิ้มหวานที่ดูยังไงก็เหมือนแยกเขี้ยวอยู่ดี อั้ม ขอบใจ รุตต์ มากนะที่มาส่ง แต่ใกล้บ่ายแล้วรุตต์เดินกลับคณะฯเถอะนะเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน ใกล้ๆแค่นี้อั้มหอบไปเองได้ รุตต์ไม่ต้องห่วงหรอก นะนะนะ กลับไปเถอะนะ หญิงสาวทำหน้าอ้อนวอนสุดๆ กัดฟันพูดแบบที่คิดว่าชาตินี้จะไม่พูดเพราะๆกับนายนี่เป็นอันขาด แต่คราวนี้กรณียกเว้น ขอเอาตัวรอดไปก่อนล่ะกัน
ก็ได้ถ้าอั้มต้องการแบบนั้น เอ่อ
ผมมีของจากร้านไออุ่นมาฝาก เมื่อวานมีคุ๊กกี้ตัวใหม่มาให้ลูกค้าลองชิมฟรี เอาไปกินเล่นๆล่ะกันนะ เป็นคุ๊กกี้ลูกเกดรูปหัวใจ ออกเปรี้ยวๆหวานๆ ลองชิมดูล่ะกัน ผมไปล่ะนะ
ครั้นจะง่ายก็ง่ายแฮะ อัมพิกาคิดในใจ เพราะพ่อตัวดีวางห่อคุ๊กกี้บนกองหนังสือแล้วก็ก้าวสวบๆออกไปเลย หญิงสาวหยิบเอาห่อคุ๊กกี้มาพิจารณา ดูๆก็น่าหม่ำเหมือนกันเอาไว้กลับไปกินแกล้มกาแฟที่หอคืนนี้ดีกว่า แต่พออ่านฉลากที่ปิดมากับห่อเท่านั้นแหละ เล่นเอาหน้าร้อนวูบวาบ ใจเต้นหวิวๆ เฮ้อ! ใครนะช่างตั้งชื่อ
Sweet Heart หวานอมเปรี้ยว
ฮั่นแน่! หนูอั้มของเรามีหนุ่มมาส่ง
เสียงปี๊ดแสบแก้วหูทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง แล้วก็แทบอยากแทรกแผ่นดินหนีหาย เนื่องจากเสียงนั้นมาจากบรรดากลุ่มเพื่อนร่วมเอกที่เป็นชายไม่แท้
ต๊าย นี่ไปแอบมีกิ๊กตั้งกะเมื่อไหร่
ใครน่ะอั้ม หล่อน่าหม่ำม๊าก
ดูเหมือนบรรดาผองเพื่อนจะยิงคำถามไม่หยุดปาก เล่นเอาอัมพิกาตั้งหลักไม่ทันได้แต่อ้ำอึ้ง อย่างไม่รู้ตัวหญิงสาวเหลียวหานายต้นเหตุทันที แปลก!หมอนั่นมีวิชาหายตัวได้รึไงนะ ไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเองอีกแล้ว รบกวนผู้ผ่านมาอ่านท่านใด เห็นความผิดพลาด ช่วยทิ้งข้อความบอกกันด้วยนะคะ บางทีแปะไปตามันก็ลาย
Create Date : 17 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 22:46:47 น. |
|
6 comments
|
Counter : 373 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ต้นอ้อสีม่วง (ต้นอ้อสีม่วง ) วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:8:19:13 น. |
|
|
|
โดย: เชอร์เบต จี๊ดด ด IP: 58.8.27.34 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:12:50:07 น. |
|
|
|
โดย: พินทุอิ วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:16:28:24 น. |
|
|
|
โดย: เชอร์เบต จี๊ดด ด IP: 61.90.13.86 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:23:09:46 น. |
|
|
|
โดย: เก๋ IP: 66.27.114.75 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:16:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ) มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ
|
|
หมายเหตุ |
| งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง
|
|
|
|
| | |
ฮ่าๆ (ตามมารังควาญพี่เก๋อ่ะ)