• ° o . O ขอต้อนรับสู่โลกขำๆ ของคนชอบฝันเฟื่อง O . o ° •
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

หัวใจรสกาแฟ 8



“หมอเขาให้กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้างอั้ม” เสียงแปร๊นของพิริยาพรทักขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาในห้องของอัมพิกา แต่คนที่ตอบกลับเป็นนลินี

“จ้า ก็รักษาฟรีน่ะ เขาไม่อยากเอาไว้นานหรอก เปลืองเตียง”

“จะไปรู้เหรอ นึกว่าอั้มมันอยากเอาให้คุ้มค่าหน่วยกิต ” นลินีอดขำมุขประชดมหาวิทยาลัยของเพื่อนข้างห้องไม่ได้ ก็มหาวิทยาลัยอยากเรียกค่าหน่วยกิตแพงขึ้นทำไมล่ะ ดีหน่อยที่ให้สิทธินักศึกษารักษาฟรีกับโรงพยาบาลในเครือ

“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ความจริงหมอเขาอยากให้นอนอีกสักคืน แต่อั้มขอกลับมาเอง” คนป่วยที่กำลังนอนบนเตียงพูดบ้าง

“ไม่เป็นอะไรที่ไหนกัน อั้มไม่ได้เป็นหวัดธรรมดานะเป็นไข้หวัดใหญ่เลยล่ะ อ้าวอย่าเพิ่งหลับซิ ลุกขึ้นมากินข้าวต้มก่อนจะได้กินยา แล้วค่อยนอน” นลินีเขย่าคนป่วยที่ทำท่าจะหลับ ก็อาจารย์หมอปลูกฝังเธอมาซะดิบดี ‘พวกหนูอยู่หอกันใช่ไหม ดูเพื่อนดีๆนะ ให้นอนมากๆ แล้วก็กินยาให้ครบ จะเปิดเทอมแล้วนี่ จะได้หายทัน ถ้ามีอะไรก็พามาหาอีกได้’

เห็นอัมพิกาฝืนกินข้าวต้มไม่กี่คำก็อิ่ม “โธ่! อั้มกินเข้าไปอีกนิดซิ เอ่อ…หนึ่งอุตส่าห์ซื้อมาฝาก” นลินีรบเร้าเมื่อเพื่อนสาววางช้อนลง

“พูดถึงหนึ่ง เมื่อคืนก็อุตส่าห์พาไปส่งโรงบาล วันนี้ก็ยังไปรับมาอีก แล้วก็อุตส่าห์ออกไปซื้อข้าวต้มมาให้อีกใช่ไหม อั้มก็ไม่ได้ลงไปขอบใจเขาซะด้วย เกรงใจจังเลย ถ้านีเจอเขาอีกฝากขอบใจด้วยนะ”

“ไม่ต้องเกรงใจเขาหรอกรีบๆ ใช้ซะก่อนที่จะไม่ได้ใช้ เดี๋ยวถ้าเจอจะบอกให้แล้วกันนะ” คนรับฝากพูดเสียงปกติจนไม่มีใครจับได้ถึงความไม่ปกติของข้อความ

“แหม! ขอบใจแค่หนึ่งคนเดียวเหรอยัยอั้ม เมื่อวานฉันก็ไปโรงพยาบาลด้วยนะกว่าจะได้กลับมานอนตั้งสามสี่ทุ่ม” แม่คนพูดมากเริ่มทวงบุญคุณ แต่ตาวาวๆบอกชัดว่าไม่ได้จริงจังอะไรนักหรอกกระเซ้าเล่นไปงั้น

“จ้า อั้มขอบใจเปิ้ลกับนีมากเลยนะที่คอยเป็นห่วงเป็นใย” พูดเสร็จคนป่วยก็กลั้นใจเขวี้ยงยากองโตเข้าปากดื่มน้ำตามอึกใหญ่ล้มตัวลงนอน

หลังจากพิริยาพรกลับห้องไปแล้วนลินีก็ก้มลงถามคนป่วยที่เธอไม่แน่ใจว่าหลับหรือยัง ‘แล้วอีกคนล่ะจะฝากเราไปขอบใจหรืออั้มจะไปขอบใจเอง’

หญิงสาวมองเพื่อนร่วมห้องผู้สนิทนิทราเป็นที่เรียบร้อยพลางถอนหายใจ คนป่วยจะรู้ไหมว่า ‘อีกคน’ ของเธอหมายถึงใคร คนป่วยจะรู้ไหมว่านอกจากเธอและพิริยาพรยังมีใครอีกคนที่เป็นห่วงไม่น้อยไปกว่า

คนที่เข้ารับร่างอัมพิกาได้ทันก่อนหัวจะฟาดพื้น ในเวลาที่พวกเธอยังตกใจทำอะไรไม่ถูกก็ได้คนนั้นแหละที่บอกว่าต้องพาอัมพิกาไปส่งโรงพยาบาล โชคดีที่เป็นหนึ่งผู้มาส่งเธอเข้าหอยังไม่ได้ออกรถ เขาคนนั้นเลยอุ้มร่างอัมพิกาเข้ามาในรถ แล้วก็มาโรงพยาบาลด้วย อยู่กับพวกเธอจนแน่ใจว่าอัมพิกาปลอดภัยดี

คิดแล้วนลินีก็โมโหแฟนตัวเองพอจอดรถหน้าโรงพยาบาลปุ๊บก็รีบแจวไปธุระอะไรไม่รู้ ดีที่มีนายนั่นไปด้วยไม่งั้นผู้หญิงสองคนนั่งแท๊กซี่กลับค่ำมืดคงน่ากลัวพิลึก

‘โธ่! ยัยอั้มจะรู้ไหมเนี่ยว่าคนที่น่าขอบใจ มากกว่านายเป็นหนึ่งที่จำใจรับส่งอั้มเพราะถูกเราบังคับเป็นใคร แต่อั้มก็คงไม่รู้ เพราะนายนั่นขอร้องไว้น่ะซิว่าไม่ให้บอก ตอนไหนนะเหรอก็ตะกี้ไง ตอนที่เรารับข้อความในมือถือแล้ววิ่งลงไปข้างล่างพร้อมหิ้วข้าวต้มติดมือมา แต่กลับต้องโกหกไปว่าเป็นหนึ่งซื้อมาฝาก’ “นี ผมรบกวนเอาข้าวต้มไปฝากอั้มหน่อยนะ ไม่ต้องบอกว่าผมซื้อมาให้หรอก อั้มคงจะหายไวขึ้นถ้าไม่ได้ยินชื่อผม”

นึกแล้วก็ขำบทปะทะคารมเผ็ดมันส์ระหว่างพิริยาพรกับนิติรุตต์ระหว่างที่รอผลตรวจอัมพิกา เพราะว่าเพื่อนสาวเธอพูดเอาๆ ยิ่งกว่านกแก้วนกขุนทอง แต่ละคำก็ช่างสรรหามาว่าเขา อย่างกับตัวกำลังโดนแฟนนอกใจเองงั้นแหละ

“ไอ้ผู้ชายหลายใจ อย่าคิดนะว่ามาทำดีด้วยแล้วฉันจะเข้าข้าง เหมือนที่เขาว่าเล้ย สามวันจากนารีเป็นอื่น แล้วเนี่ยจากเป็นอาทิตย์ๆ ไม่รู้จะเป็นอื่นไปกี่ราย”

“เดี๋ยวคุณ ‘สามวันจากนารีเป็นอื่น’ เนี่ยเขาเอาไว้ว่าผู้หญิงที่นอกใจผู้ชายไม่ใช่เหรอ คุณเรียนมนุษย์ฯ มายังไงตีความสำนวนผิดๆ” นิติรุตต์เถียงหน้าตาเฉยตรงกันข้ามกับฝ่ายตรงข้ามที่เดือดพลั่กแทบจะฉีกเนื้อคู่ต่อสู้ออกมากิน

“ไม่ต้องพูดมาก ที่อั้มมันร้องไห้ตาบวมไม่ได้หลับได้นอนก็เพราะนายนั่นแหละ คอยดูนะเพื่อนฉันเป็นอะไรไป นายจะรู้ว่านรกมีจริง ฉันเอานายตายแน่” คราวนี้ฝ่ายชายถึงกับอึ้งหน้าสลด พิริยาพรเลยได้ทีพูดประชดประชันถึงฉากวาบหวิวบ้างล่ะ สมน้ำหน้าที่ของนมร้อนของนายนั่นถูกเพื่อนเททิ้งบ้างล่ะ อะไรต่อมิอะไรยืดยาว หลังจากจบชุดใหญ่ ฝ่ายชายก็ตอบมาประโยคเดียวเท่านั้น

“ผมบอกได้แค่ว่าผมกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรกันเลยจริงๆ”
“เชอะ เห็นวิ่งตามกันออกนอกร้านตั้งนานสองนาน คงไปอำลาอาลัย ทำอะไรๆอย่างว่ามากกว่าที่เห็นใช่ไหมล่ะ อุบาทว์ที่สุด” แม่คนปากมากยังไม่ยอมแพ้ ดีที่คู่ปรับสงบสติอารมณ์ได้ไม่แสดงท่าทางโมโห ขนาดนลินีเองยังหมันไส้เพื่อนตัวเองแทบตาย

“คุณไม่เห็นเรื่องโดยตลอด อย่างสรุปความเองสุ่มสี่สุ่มห้าซิ” คราวนี้พิริยาพรอ้าปากค้างปานว่าถูกนิติรุตต์สอยปลายคางจนน็อคเอ๊าท์ ส่วนนลินีกลับสะใจเงียบๆ เจอซะมั่งเถอะยัยเปิ้ล

นลินีไม่รู้ว่าตัวเองแอบไปเข้าข้าง ‘ไอ้ผู้ชายหลายใจ’ ของพิริยาพรตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูนิติรุตต์ก็น่าสงสารจริงๆ ถ้าเธออยู่ในเหตุการณ์ที่ร้านไออุ่นด้วย เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้ บางทีที่อัมพิกาไม่ได้หลับไม่ได้นอนอาจเพราะคำพูดยุแยงตะแคงรั่วของเพื่อนสาวข้างห้องนั่นแหละ ‘อั้มนะอั้มลืมไปแล้วเหรอว่าคำพูดของยัยเปิ้ลน่ะต้องเอาร้อยหาร‘

คนนอกใจที่ไหนเขาจะทำให้เห็นตำตา มันต้องปิดบังซ่อนเร้นจนจับพิรุธไม่ได้ บางทีเขาแอบคบแอบเลิกจนเราไม่รู้ตัวเลยก็มี หรือหากเขาติดใจผู้มาใหม่มากกว่าเขาก็จะเริ่มห่างเหินจนสังเกตได้ อย่างเรากับเป็นหนึ่งนี่ไง ในสายตาของคนอื่นมันดูปกติมากใช่ไหม แต่ใครจะรู้ดีไปกว่าคนสองคนว่ามันไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว

“เรากับเป็นหนึ่งไม่เคยมองตากันหวานจ๋อยเหมือนอั้มกับนายรุตต์ที่เคยเห็นหน้าหอ เป็นหนึ่งไม่เคยแสดงท่าทางห่วงใยที่แสนอ่อนโยนเหมือนที่นายนั่นให้อั้มเลย สมัยปีสามที่คบกันใหม่ๆโทรหากันทุกวันวันละหลายเวลาแต่ปิดเทอมที่ผ่านมาโทรหากันครั้งเดียว ก็ตอนที่เราวานให้ช่วยมารับที่หมอชิตตอนกลับจากบ้านที่แพร่นั่นแหละเพราะของเยอะขี้เกียจขึ้นรถเมล์นั่งแท๊กซี่ก็กลัว เรียกว่าขอใช้สิทธิ์ก่อนวันหมดอายุหน่อยล่ะกัน“

แอบดูมือถือเพื่อนก็อดอิจฉาไม่ได้นายนั่นอุตส่าห์สรรหารูปกาแฟน่ารักๆส่งมาให้ตั้งสามสี่ครั้ง เอ…แล้วเพื่อนเราที่บอกว่าเกลียดเขาป่าวๆทำไมไม่ลบทิ้งนะ มองไปที่โต๊ะหนังสือเห็นโหลแก้วสุญญากาศสองโหล อันหนึ่งใส่คุ๊กกี้ลูกเกดรูปหัวใจ อีกอันใส่ลูกอมกาแฟ พอจะเดาออกว่าเพื่อนได้มาจากไหน แล้วทำไมไม่กินให้หมดหรือทิ้งไปนะ เก็บไว้ซะอย่างดี นลินีหัวเราะเบาๆอย่างคนที่มีประสบการณ์มาก่อน หญิงสาวเอามือลูบศรีษะคนป่วยอย่างเอ็นดู พึมพำค่อยๆ

“อั้มเอ๊ย.. เคยลองค้นใจตัวเองบ้างหรือเปล่าว่ามันอยู่ที่ไหน เราว่าถ้าอั้มไม่หลอกตัวเองจนเกินไปนะ อั้มก็จะพบว่าใจอั้มมันหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจของตัวเองหรือถูกแอบขโมยทีเผลอก็เถอะ แต่ตอนนี้มันไปอยู่กับคนที่อั้มบอกว่าเกลียดแสนเกลียดนั่นแหละ ที่อั้มยังมีลมหายใจอยู่ได้ เพราะอั้มก็ได้หัวใจครึ่งหนึ่งของคนนั้นมาแทนไง”

“ส่วนเรา” คราวนี้นลินีไม่ได้เปล่งเสียงออกมาหญิงสาวกล้ำกลืนความรู้สึกที่ไม่ประสงค์จะให้เพื่อนรักที่กำลังป่วยไข้รับรู้ กลัวจะพลอยกลุ้มไปด้วย

“เราเริ่มรู้สึกว่าหัวใจตัวเองครึ่งหนึ่งที่เคยไปอยู่กับเขาน่ะ มันค่อยๆทยอยกลับบ้าน พร้อมกับที่เขาก็คงเริ่มมีหัวใจของใครอีกคนเข้ามาแทนที่ เขาคงกำลังอยากทวงส่วนของเขาที่มันเคยอยู่กับเราเพื่อเอาไปแลกเปลี่ยนกับคนใหม่คนนั้น”

เราไม่แน่ใจหรอกนะว่าอย่างไหนมันเกิดขึ้นก่อนกัน

ระหว่างเพราะหัวใจเรามันไม่ยอมอยู่กับเขาต่อไป มันเลือกที่จะกลับมาเป็นตัวของมันเองอีกที เขาเลยว้าเหว่ต้องไปหาที่อื่นมาชดเชย

หรือเพราะเขารู้สึกว่าหัวใจของเราที่ฝากให้เขาช่วยดูแลน่ะมันไม่ได้ดังใจ เลยเริ่มผลักไสอันเป็นเหตุให้มันต้องอพยพมารังเก่า หรือเพราะทั้งสองเรื่องมันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน”

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยผู้ที่พอจะมีประสบการณ์ในเรื่องอันซับซ้อนมากที่สุดในกลุ่ม ก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง

นลินีรู้ดีว่าเพื่อนซี้ถูกดูแลมาอย่างทะนุถนอมขนาดไหน ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเล็ก เป็นน้องสาวของพี่ชายตั้งสองคน แทบไม่มีใครขัดใจเลยมั้ง และอัมพิกาก็เคยประกาศโจ่งแจ้งว่าเธอไม่จำเป็นต้องมีแฟน เพราะมีแค่พ่อแม่และพี่ชายสองคนก็พอแล้ว

จำได้ว่าสมัยปีสองตอนพี่เอพี่ชายคนโตของเพื่อนจะแต่งงานอัมพิกาโวยวายหนักขนาดไหน ที่อยู่ๆจะมีใครมาแย่งพี่ชายเธอไป กว่าจะยอมรับว่าที่สะใภ้คนใหม่เล่นเอาทุกคนหืดขึ้นคอรวมทั้งตัวนลินีเองด้วยที่ต้องคอยเป็นสปายให้พี่เอโดยปริยาย

ส่วนพี่อาร์ทพี่ชายคนกลางของเพื่อนเคยแอบบ่นๆให้ฟังตอนพวกเธอไปงานแต่งงานพี่เอเมื่อปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาว่าไม่กล้าแนะนำแฟนให้อั้มรู้จัก กลัวแม่คุณจะแผลงฤทธิ์อีก ดีหน่อยที่เวลาอัมพิกามาเรียนเขาได้แอบพบแฟนสาวมั่ง ถ้าน้องสาวเฝ้าบ้านตลอดเวลา มีหวังเขาต้องขึ้นคานแน่ๆ

ถ้าอัมพิกาได้มีความรักกับเขาบ้างคงจะดีไม่น้อยใช่ไหม อาจทำให้สาวน้อยคนนี้โตขึ้นอีกขั้น จะได้เป็นสาวเต็มตัวซะที นายนิติรุตต์นั่นท่าทางไม่เลวนักหรอก ดูจริงจังกว่าเป็นหนึ่งซะอีก เป็นเพื่อนร่วมเอกกันยังไงไม่ยักเหมือนกันแฮะ และถ้าดูไม่ผิดยังนิสัยคล้ายๆพี่เอที่ดูเป็นผู้ใหญ่มีเหตุมีผล ผสมกับพี่อาร์ทที่ชอบกวนประสาทหาเรื่องทะเลาะกับยัยอั้มเรื่อย

แม้ความรักของตัวเองดูจะลุ่มๆดอนๆ เพราะใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดเต็มที แต่นลินีก็นึกอยากกระโจนโบกธงลุ้นเรื่องราวของรูมเมตด้วย แต่ขออยู่คนละขั้วกับพิริยาพรแล้วกัน งานนี้น่าสนุกจริงๆ





“อั้ม มากินข้าวต้มเร้ว กำลังร้อนๆ จะได้กินยา” หลังจากลงไปข้างล่างเพื่อรับของเยี่ยมไข้แทนคนป่วย นลินีก็กลับเข้าห้องพร้อมข้าวต้มและปาท่องโก๋ พยาบาลจำเป็นจัดแจงเทใส่ชามนำมาประเคนเพื่อนถึงเตียงนอน ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลเป็นเวลาสี่วันแล้วที่มื้อเช้าของอัมพิกาจะต้องเป็นข้าวต้มกับปาท่องโก๋ ของฝากจากเป็นหนึ่งหวานใจรูมเมตทุกที

“หนึ่งซื้อมาฝากเราอีกแล้วใช่ไหม” คนป่วยที่นอนหันหลังให้ถามเอ่ยถามเสียงเรียบ ที่เรียบก็เพราะคนถามบังคับไม่ให้สั่น แล้วที่ต้องหันหลังคลุมโปงก็เพราะกลัวเพื่อนจะรู้ว่าแอบร้องไห้น่ะซิ

“อือ… รีบหันมากินเถอะ จะได้กินยา วันนี้ไม่ไปต้องเรียนหรอกนะนอนพักให้หายสนิท อาจารย์เขาแค่แจก คอร์ส เอาท์ไลน์ เท่านั้นแหละ ใกล้งานลอยกระทงแล้วไง คนเขาเลยคึกคักเตรียมงานกันใหญ่ ไหนจะทำกระทงประกวดของแต่ละคณะ ไหนจะหานางนพมาศ ไหนจะเตรียมงานออกร้าน อั้มรู้ไหมพวกน้องๆคณะเราน่ะเขาทำสาวรำวงแหละ กะหาเงินตุนเต็มที่ ไว้ไปออกค่ายปิดเทอมใหญ่มั้ง ที่นี้ประชาชีคณะอื่นเลยแซวกันว่า สาวๆคณะเรา ท่าจะ ‘หิวแมน’ จริงๆ”

นลินีพูดแจ๊วๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็นอาการไหวตัวเพราะสะอื้นของคนที่นอนบนเตียง
“อั้ม หลับอีกแล้วเหรอ กินข้าวก่อนซิ” อดรนทนไม่ได้เลยจับตัวเพื่อนพลิกมาซะเลย ที่นี่นลินีเลยได้ประจักษ์ว่าเพื่อนตัวเองกำลังนอนร้องไห้ แม้เจ้าตัวจะรีบเอามือปาดน้ำตาก็เถอะ แต่ขอบตาแดงๆมันก็เป็นหลักฐานที่แน่นหนา

“อ้าว อั้มร้องไห้ทำไม ปวดหัวอีกแล้วเหรอ เป็นอะไรไปไหนบอกเราสิ” พยาบาลจำเป็นร้องถามคนป่วยเสียงรั่วพลางเอามือแนบหน้าผาก อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า ปากบอกว่า ‘เปล่าร้องไห้’ แต่ยิ่งพูดน้ำตามันก็ยิ่งไหลออกมา ด้วยจำนนต่อหลักฐานอัมพิกาเลยต้องสารภาพ

“ทำไมนีต้องหลอกอั้มด้วย เรื่องข้าวต้ม……” คนป่วยเล่าว่า เพราะเกรงใจเป็นหนึ่งที่ซื้อข้าวต้มมาฝากทุกวัน ที่ทุกเช้ารูมเมตเอาแต่สั่งห้ามไม่ให้ลงไปกลัวโดนอากาศเย็นแล้วไข้จะขึ้น ที่นี้คนป่วยเลยต้องใช้วิชาสะกดรอยตาม กะจะไปบอกขอบใจเป็นหนึ่งเท่านั้น แต่พอเห็นว่าใครเป็นคนเอาข้าวต้มมาเยี่ยมไข้จริงๆ อัมพิกาก็รีบวิ่งโครมครามขึ้นห้องลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังไม่สบายอยู่ เรี่ยวแรงก็ไม่รู้มาจากไหน แต่ที่แน่ๆ พอล้มตัวลงเตียงได้ น้ำตาก็ไหลพรากๆ

“แล้วไง แล้วอั้มร้องไห้ทำไม” นลินีถามเสียงขรึม

“ก็…..” อัมพิกานิ่งคิด นั่นน่ะซิ เราร้องไห้ทำไม “ก็ อั้มเกลียดนายนั่น แล้วนีปล่อยให้อั้มกินของนายนั่นได้ไงตั้งสี่วัน” ตอบแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ แต่มันคงเป็นเหตุผลที่เข้าท่าที่สุดแล้วมั้ง

“เกลียดเขาเรื่องอะไรล่ะ ไหนบอกหน่อยซิ” นลินีถามรุกเร้า นึกอยากแกล้งคนชอบหลอกตัวเองเหมือนกัน ดูซิจะไปได้สักกี่น้ำ

“โอ้ย..นับไม่ถ้วนหรอกนี ยียวนกวนประสาทเป็นที่หนึ่ง แล้วก็….แล้วก็……ลามกโรคจิตด้วย ทำประเจิดประเจ้อ กับผู้หญิงกลางวันแสกๆทุเรศมาก” ตอบไปเลือดโมโหก็เริ่มขึ้นหน้าอีกแล้ว นี่ขนาดไม่ได้ยินเสียงไม่เห็นหน้ามาตั้งหลายวัน แค่พูดถึงเท่านั้น ยังมีอารมณ์เลย ร้ายกาจมากนะนายรุตต์

“ หึง เขาเหรอ” คนนึกสนุกแกล้งเพื่อนพูดยิ้มๆ ฝ่ายคนป่วยลุกพรวดพราด หน้าแดงกล่ำตั้งท่าเถียงคอเป็นเอ็น

“บ้า อั้มจะไปหึงนายนั่นทำไม ไม่ได้เป็นอะไร กันซะหน่อย”

“แล้วที่เทนมร้อนเขาทิ้งล่ะจะว่าไง โกรธเขาเรื่องอะไรหา ถ้าไม่ใช่เพราะคิดว่าเขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น อย่างเนี่ยเขาเรียกหึง”

“…!…..” คนเจ้าอารมณ์นิ่งเงียบ รู้ตัวว่าเริ่มจนมุม แต่ใจก็ยังรั้น “เอ๊ะ นีนี่บอกไม่เข้าใจเหรอว่าไม่ได้หึง ไม่ได้หึง ไม่ได้หึง แต่เกลียดขี้หน้าเป็นที่สุด” พูดเสร็จอัมพิกาก็ล้มตัวลงนอนเอาผ้ามาคลุมโปง ไม่อยากสนทนากับรูมเมตอีกแล้ว

“ฟังที่เราจะเล่าก่อนนะ อั้ม แล้วลองคิดดูว่าจะยังเกลียดนายนั่นอีกไหม” แม้จะเห็นคนหัวดื้อเอาหมอนปิดหู แต่นลินีก็ยังเล่า เล่าในสิ่งที่อัมพิกาควรรู้ และเหนืออื่นใดนลินีรู้ดีว่าคนที่ทำท่านอนปิดหูน่ะ ความจริงตั้งใจฟังทุกคำพูดเลยมั้ง พอเล่าเสร็จแว่วเสียงคนฟังแค่ว่า

“บอกนายนั่นด้วยว่าไม่ต้องเอาข้าวต้มมาเยี่ยมอั้มอีกแล้ว เบื่อจะตาย” คนถูกวานให้บอกส่ายหน้าถอนหายใจ เฮ้อ!อั้มเอ๋ย เหลือเกินจริงๆ ว่าแล้วก็แต่งชุดนักศึกษาออกไปเรียนปล่อยคนป่วยอยู่ตามลำพัง

เมื่อรูมเมตออกไปแล้ว อัมพิกาก็นำข้าวต้มตัวปัญหาที่ทำให้อารมณ์เสียแต่เช้ามาพิจารณา พร้อมประมวลคำพูดของรูมเมตเรื่องนายนั่น ‘นี่ ฉันต้องขอบใจนายด้วยหรือเปล่า ที่อุตส่าห์ไปเฝ้าถึงโรงพยาบาล’
‘ฉันต้องขอบใจนายด้วยไหมเรื่องข้าวต้มที่เอามาให้กินทุกวัน?’

จู่ๆคนป่วยก็หน้าแดงไม่ใช่เพราะพิษไข้ แต่เพราะความขวยเขิน เมื่อได้รู้ว่านายนั่นประคองตัวเองไว้ก่อนจะล้มหัวฟาดพื้น ซ้ำยังอุ้มมาส่งที่รถอีก โอ้ย..เกิดมาถ้าไม่นับพ่อกับพี่ชายสองคน ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแตะเนื้อต้องตัวได้ขนาดนี้เลย ฉันต้องขอบใจนายเรื่องนี้ด้วยไหมเนี่ย

แล้วที่บอกว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจะเชื่อได้แค่ไหนเชียว เอาเถอะ ฉันจะไม่เก็บมาคิดเป็นอารมณ์อีกแล้ว เดี๋ยวคนเข้าใจผิด หาว่าฉันหึงนาย แล้วอัมพิกาก็ได้คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอเทนมร้อนทิ้ง ไม่รู้ว่าตอนนั้นเป็นอารมณ์วูบไหนสั่งให้ทำนะ แต่ที่แน่ๆตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ดีเอาซะเลย รู้สึกผิดยังไงไม่รู้

“งั้นข้าวต้มอืดๆชามนี้ของนาย ฉันจะกินให้เกลี้ยงเป็นการทดแทนนะ” คนป่วยยิ้มสดใสก่อนจะลงมือจัดการข้าวต้มตรงหน้า มื้อนี้อัมพิกาเจริญอาหารที่สุดตั้งแต่ป่วยเลยก็ว่าได้ กินข้าวต้มหมดชามเป็นครั้งแรก ตามด้วยยากองโต ก่อนจะล้มตัวลงนอน”






แวะมาแปะเพิ่มค่ะ

ฝากข้อความถึงลูกค้าร้านไออุ่นด้วยนะคะ

คุณเมย์ แวะมาเป็นขาประจำได้เลยค่ะ ยินดีต้อนรับ แต่ first kiss เนี่ย ไม่รู้นายรุตต์เขาสงวนสิทธิ์รึเปล่าล่ะซิ ;)

น้องอ้อ โหดอ่ะ แช่งอั้มหัวฟาดพื้นเลย กะสวมรอยเลยใช่ม๊า

คุณ pimmy ยินดีต้อนรับลูกค้ารายใหม่ค่ะ




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552
5 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 0:57:14 น.
Counter : 504 Pageviews.

 

แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: CrackyDong 29 มิถุนายน 2552 2:10:29 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณพินทุอิ วันนี้ก็แวะมาวนเวียนหลายรอบเลยค่ะ อิอิ

ไม่ได้ first kiss แก้วนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะยังมีเมนูอร่อยๆ ให้ลองชิมอีกเยอะ

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คอยลุ้นน้องอั้มอยู่ค่ะ อยากให้แฮปปี้เร็วๆ

เป็นกำลังใจให้คุณพินทุอิด้วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ

 

โดย: เมย์ IP: 78.69.65.82 29 มิถุนายน 2552 3:48:23 น.  

 

Morning ค่ะ

หนูอั้มนี่น้า

อิอิ

คุนหนึ่งทำอะไรหนูนีเนี่ย

 

โดย: pimmy IP: 125.27.232.24 29 มิถุนายน 2552 5:49:21 น.  

 

ชิ้ รุตต์ไม่น่าซื้อข้าวต้มมาให้ยัยอั้มเลย
(ยังแค้นที่เทนมร้อนทิ้งไม่หาย)

เลิกเลยๆ นลินี ผู้ชายไม่ดีอย่าเก็บไว้ อิอิ

 

โดย: ต้นอ้อสีม่วง IP: 125.26.162.207 29 มิถุนายน 2552 8:45:27 น.  

 

แวะมาทักทาย

 

โดย: phaclam 29 มิถุนายน 2552 9:49:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พินทุอิ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ)
มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ

หมายเหตุ
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง
Friends' blogs
[Add พินทุอิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.