อยุธยา หาไร้สิ้นซึ่งคนดี
แม้ต้นตระกูลบ้านท่าตะเภาแขกจะมิใช่คนกรุงศรีโดยกำเนิด แต่เพราะคุณแผ่นดินกรุงศรีที่ให้ทุกอย่างแก่ชาวแขกเทศ ทายาทแห่งบ้านท่าตะเภาแขกจึงพร้อมใจมอบกายแด่แผ่นดินแห่งนี้จนหมดใจ ลุล่วงสู่ยุคสมัยของแสน นายน้อยผู้เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ชะตาแห่งบุพเพ นำพาแสนสู่ชีวิตที่ผกผัน
แต่ทุกอย่างหาใช่สิ่งที่แสนจะลิขิตได้ เมื่อเจ้านายพระองค์แรกที่เขาถวายตัวลงเป็นค่ารับใช้กลับแพ้ภัยของกระแสกรรมบันดาล นกกาที่ไร้รังจึงต้องหาที่ฝากกายใหม่ แต่ที่มิเคยเสื่อมคลายคือสายสัมพันธ์อันล้ำลึกของแสนและพี่ชายสายสกุลยิ่งใหญ่ทั้งสามคน พร้อมด้วยคำทำนายอันลี้ลับ ทวีความผูกพันให้มากยิ่ง
หากสัจธรรมที่แท้จริง มิมีสิ่งใดมั่นคงยั่งยืน แผ่นดินเปลี่ยน เจ้านายเปลี่ยน แม้มิอยากเป็นข้าหลายเจ้า บ่าวหลายนาย แต่เพราะมิอาจขัดขืนต่อหนทางสวรรค์ แสนจึงต้องเปลี่ยนเจ้าเหนือหัวใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้นำพาความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ชีวิตของแสน
จากมิเคยคิดรักสาวน้อยหน้าแฉล้มที่หยิ่งยโสและไม่ยอมลงให้ใคร แต่เพราะได้เห็นน้ำใสใจจริงของเรณูนวล กลับบันดาลให้รักแรกเป็นรักที่ยิ่งใหญ่ เหนือกว่าเวลา ระยะห่างหรือสิ่งใดจะขวางกั้นได้
ความรักที่เต็มไปด้วยขวากหนามเมื่อยอดดวงใจเป็นนางในต้องห้าม มิอาจจะคว้ามาเชยชมได้อย่างง่ายดาย ก็กลับทวีความลำบากเมื่อกรุงศรี ใกล้ถึงเวลาชะตาขาด ทั้งจากอาถรรพ์และการกระทำของคนเนรคุณและเมื่อกระแสกรรมซัดสาดให้ความรักมิอาจได้เคียงคู่กัน มีเพียงสัญญาเท่านั้นที่เป็นเครื่องรางชูใจให้ฝืนสู้ต่อความทุกข์ทน
แม้จะเนิ่นนานเพียงใด แต่ในใจของทั้งแสนและเรณูนวล มิอาจมอบให้ใครได้อีกแล้ว เวลาที่ห่างแม้จะมีอุปสรรคพิสูจน์ความรักอันมั่นคง แต่เมื่อถึงเวลาที่สวรรค์เป็นใจ ความสุขแห่งสมรักนั้นมากล้นยิ่งกว่าที่วาดฝันเอาไว้
ส่วนตัวเล่มนี้แนวมากในเรื่องความรู้ สาระต่างๆค่ะ เพราะละเอียดในระดับหนึ่งเลยค่ะ ภาษาก็สุดยอดมากค่ะ อ่านไปเปิดพจนานุกรมไปแม้จะช่วยได้นิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีค่ะ ไม่งั้นอึ้งกับคำศัพท์เก่าๆหลายคำที่ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย แถมคำพูดของตัวละครกระแทกใจฟีน่าตลอดค่ะ บางช่วงถึงกับร้องไห้เพราะอินจัด แต่ถ้าใครจะอ่านเอาหวานรักของพระเอกนางเอกต้องบอกเลยค่ะว่าอาจจะผิดหวัง เพราะพระเอกนางเอกจากกันนานมากๆ
โดยปกตินิสัยฟีน่าจะอ่านนิยายตั้งแต่คำนำเลยค่ะ ไม่พลาดสักหน้า เพราะถ้าอยากรู้ว่าคนเขียนเป็นเช่นไร คำนำ คำทักทายของนักเขียนจะบอกให้เราเห็นค่ะ เล่มนี้คุณศุภร บุนนาคท่านแสดงออกให้ฟีน่าเห็นเลยว่าท่านเป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงานมากๆ และมีจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบต่อการเขียนนิยายมากเพียงใด แค่คำนำของท่านก็โดนใจฟีน่าค่ะ ขอหยิบยกมาบอกนักเขียนรุ่นใหม่ค่ะ ว่าทำไมนักเขียนรุ่นเก่าท่านถึงได้ยืนยงมีผลงานอมตะ แต่นักเขียนรุ่นใหม่บางคนก็เหมือนพลุไฟ สว่างวูบแล้วจางหายไป
...การเขียนต้องมีทั้งโครงเรื่องและจุดหมาย ไม่อย่างนั้นก็เป็นเหมือนเสื้อร้อยเสื้อโหลที่เขาตัดไว้ขาย ไม่ติดใจคนอ่าน และไม่นำความภูมิใจมาให้แต่อย่างใด...
และอีกประโยคค่ะ เริ่มด้วยท่านบอกว่าท่านชอบเรื่อง แม้ความตายมาพราก ที่สุด
...เขียนด้วยเจตนาดังที่จะได้พบตอนจบเรื่อง คือพยายามรักษาภาษาที่ไพเราะ และชี้ให้เห็นว่าเรื่องอ่านเล่นหรือนวนิยายที่จะทำให้คนติดใจนั้น ไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดหรือโลกีย์แต่ประการใด ไม่ต้องพูดกันหยาบๆ หรือสองแง่สองง่าม คนก็ติดได้...
ท่านได้เขียนไว้ตั้งแต่ก่อนเกือบสี่สิบปีแล้วค่ะ แต่กลับมาเข้าสมัยตอนนี้มากค่ะว่านิยายสมัยนี้เป็นเช่นไร สักแต่ว่าเขียนๆออกมาคุณภาพไม่มีค่ะ เน้นปริมาณแต่คุณภาพติดลบ พอคนอ่านขอบ่นบ้างก็โดนด่า คือถ้าเขียนด้วยคุณภาพ ก็คงไม่มีตำหนิติติงกันมากมายหรอกค่ะ อาจจะมีคนบอกว่า จ้า แม่คุณเจ้าอุดมการณ์ เชิญหล่อนพิทักษ์คุณธรรมไปเถอะ ฉันจะทำแบบนี้ใครจะทำไม ใครจะไปทำอะไรได้ค่ะ สิทธินั้นเป็นของคุณ แค่ฟีน่ามองหนังสือเหล่าว่าเป็นแค่ขยะวรรณกรรมค่ะ ไม่ควรค่าแก่การจดจำแม้แต่น้อย อ่านครั้งเดียวหรือไม่จบด้วยซ้ำไปก็ทิ้งเสียแล้ว เสียดายเงินทองที่ซื้อมา
ออกทะเลไปเสียมากค่ะ แต่อย่างบอกว่าเล่มนี้เป็นงานที่เต็มไปด้วยเนื้อหาค่ะ จึงไม่ค่อยมีเรื่องความรักของพระเอกนางเอกมากนัก แต่มันทดแทนด้วยสาระค่ะ ฟีน่าอ่านแล้วประทับใจมาก มันทำให้ฟีน่าได้ต่อยอดความรู้ ความทรงจำอย่างเช่นตอนแสนที่เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ตอนแรกที่อ่านก็คิดว่าแสนไปอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ของเจ้านายพระองค์ไหนกันนะ ก็ได้รู้ว่าเป็นข้าในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ หรือที่เรารู้จักพระองค์ท่านในพระนามเจ้าฟ้ากุ้ง ฟีน่าก็ไปรื้อตู้หนังสือ พระประวัติและรวมผลงานของพระองค์ลงมาอ่านค่ะ พระองค์ทรงเป็นอัจฉริยภาพเรื่องกาพย์กลอนจริงๆค่ะ ที่ติดหูฟีน่าที่สุดก็คือบทนี้ค่ะ
...ขาวสุดพุดจีบจีน เจ้ามีสินพี่ศักดิ์ คนทั้งวังเขาชังนัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว... หรืออ่านนิราศประพาศธารโศก ธารทองแดง งามมากค่ะกับภาษาที่พระองค์ท่านทรงใช้ในงานพระนิพนธ์ของพระองค์
และยังได้ความรู้แถมพกอีกมากมายค่ะ อย่างตอนแรกฟีน่าอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อพระเอกถึงเรียกเมียว่า อ่อน ทั้งๆที่เมียหรือก็ชื่อกลิ่นจันทร์ จนอีกหลายสิบหน้ามาเฉลยว่า อ่อนหรือหล่อนนั้นใช้เรียกคนอายุน้อยกว่าด้วยความเอ็นดู อันมาจากคำว่า ลูกอ่อนหรือละอ่อน เข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ นิยายเล่มนี้เป็นนิยายที่เนื้อหาบางอย่างจะงงในช่วงแรกก่อน แล้วจะมีคำเฉลยในช่วงถัดมาค่ะ เลยต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมาค่ะ ทำให้ได้รายละเอียดมากขึ้น หรือได้เห็นคำโบราณแปลกอย่างคำว่าทำวล พระกำจัดกำจาย เปิดพจนานุกรมก็ไม่เจอ อ่านไปจะรู้เองเลยคะว่าทำวล คือคำว่ากังวล ส่วนพระกำจัดกำจายคืองาช้างกำจัด เป็นของมงคลชนิดหนึ่ง
ในเรื่องก็ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเรานั่นเป็นชาติที่โชคดี มิใช่แค่ข้าวดี น้ำบริบูรณ์แต่ยังมีองค์พระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐเพียงใด เราอาจจะไม่มีสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เพราะทุกๆพระองค์มิปรารถนาเกณฑ์ไพล่พลมาสร้างสิ่งที่สิ้นเปลืองแรงคนเปล่าๆ หรือแม้แต่ตอนที่พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ก็มิปรารถนาให้ชาวบ้านร้านตลาดต้องมาวิปโยค กลับมิอยากให้ข้าแผ่นดินต้องน้ำตกโศกสลดจนเกินควร ยังมีมหรสพทั้งหลายให้ไพร่ฟ้าได้ผ่อนคลาย
ท่านผู้เขียนยังได้สอดแทรก ขนบธรรมเนียม ประเพณีที่นิยมกันในขณะนั้นไว้ให้เราได้เห็นภาพด้วยค่ะ สังคมในยุคกรุงศรีเฟื่องฟูไปเสียทุกอย่างนั้นเป็นเช่นไร กิริยาบางอย่างเป็นเรื่องทันสมัยมาก แต่สมัยนี้คงจะประหลาดตาค่ะ อย่างเช่นประโยคนี้ค่ะ ... แม่นายมารดาเลี้ยงก็สมใจหยิบกระโถนเงินใบงามขึ้นมาบ้วนน้ำหมาก หยิบหมากพลูหอมกรุ่นคำใหม่ใส่ปาก พลูยาวกัดแล้วยังเหลือท่อนปลายหล่อนก็ทัดไว้ที่เหนือหู มีจริตกิริยาของหญิงที่เกิดมาเสวยสุขในตระกูลสูง... หรือตอนที่พระนายศรีฯ ต้องโทษแล้วพระเอกช่วยแก้หน้า จนโดนเพื่อนแดกดันถึงความกล้าหาญของพระเอกว่า ...จริง ความไม่จริงกราบบังคมทูลได้อยู่หรือ คุณทำได้ แต่ฉันไม่ทำดอก พ่อแสนหล่อนลูกชาติลูกตระกูล หล่อนไม่พอใจกับการจะคลานเลี้ยวไปเลี้ยวมาผัดหน้าทัดยาดม... ท่านอธิบายว่าทัดยาดมนั้นเป็นของโก๋เก๋ของคนโบราณ ยาดมที่ว่านี้ทำจากของหอมต่างๆแล้วห่อแพรดำเป็นก้อนเล็ก ขนาดนิ้วหัวแม่มือ หรือห่อกระดาษทองมีก้านพันแล้วใช้ทัดหูสำหรับหนุ่มๆที่เจ้าชู้ทำกันเพื่อให้เตะตาหญิงสาว ช่างเป็นจริตที่แปลกดีค่ะ ก็เพิ่งเคยได้ยินนี้ล่ะ นึกภาพก็คงหัวเราะว่าเชยสะบัดเลยค่ะ ได้อ่านนิยายเล่มช่วยเปิดโลกแคบๆของเราให้กว้างขึ้นออกเป็นพะเรอเกวียนเลยค่ะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านเป็นคนที่ให้รายละเอียดค่ะ เช่นตอนที่แสนบวช ท่านอธิบายจนเราเห็นภาพเลยค่ะว่างานบวชในสมัยโบราณนั้นเป็นเช่นไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง อยากจะพิมพ์ให้อ่านนะคะ แต่ว่ามันยาวค่ะ แต่อยากบอกว่ารายละเอียดท่านมากจริงๆค่ะ
และเมื่อเล่มนี้เป็นนิยายที่เขียนถึงเรื่องราวช่วงกรุงศรีแตก ท่านก็ยังใส่เนื้อหาเรื่องตำราพิชัยสงครามเข้าไว้ด้วย เอาไว้ให้เราชนรุ่นหลังได้รู้จักศาสตร์ชั้นสูงนี้ ...ถัดมาชื่อว่าลกกะพยุหะ สำหรับเดินในโตรกเขาและซอกเหวที่ชิดที่ชัน เห็นไหมหลานตารางสี่เหลี่ยมแบ่งกองเป็นสามสิบเอ็ด หัวสาม ท้ายสาม เหลือเป็นท่อน ... ยังมีเนื้อหาอีกหลายอย่างเลยนะคะ เห็นแบบนี้แล้วบอกได้เลยว่าท่านไม่ได้เขียนหนังสือลวกๆ สักแต่ว่าเขียนค่ะ ทุกอย่างที่เป็นรายละเอียดประกอบต้องผ่านการค้นคว้ามาเป็นอย่างดีแล้วก่อนจะมาเป็นนิยายให้เราอ่านกันหนึ่งเล่ม แบบนี้ถึงได้เรียกว่านักเขียนที่แท้จริงค่ะ
แต่ใช้ว่าเป็นนิยายแนวพีเรียดจะไม่มีความสนุกสนานหรือขบขันนะคะ ท่านได้สอดแทรกบทขำขันไว้ในนิยายได้อย่างลงตัวค่ะ พอเหมาะตามเนื้อหาเลยค่ะ ฟีน่าจะมีนั่งอมยิ้มตลอดเวลา ในช่วงก่อนกรุงแตก แต่ที่ขำมากหน่อยก็คือฉากในงานบวชพระเอกนี้ล่ะค่ะ อย่างฉากที่แม่เลี้ยงพระเอก อ้อ พ่อพระเอกไม่ได้แต่งงานใหม่นะคะ แต่ขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่มีบุตรชายจึงทูลขอต่อองค์พระเจ้าแผ่นดินว่าขอพระเอกเป็นลูกเลี้ยง พระเอกเป็นคนที่ใครเห็นเอ็นดู พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงก็เลยรักพระเอกมากๆ กลับมาประโยคที่ขันๆดีค่ะ ...ของหวานพันธุ์ฝรั่งยายท้าวทองกีบม้ามาปล่อยตำราไว้ คนบ้านดิฉันทำดีหนัก ดิฉันระดมเรียกมันมา ทั้งปิงทั้งผิง ไข่รึต่อยกันจนคนต่อยไข้ ชักไข่เป็นลมไปสองคนแน่ะเจ้าค่า... อ่านช่วงนี้ไม่ขำหรอกแต่ถ้าอ่านทั้งหมดจะขำแม่เลี้ยงพระเอกค่ะ เพราะแกจะเว่อร์ๆหน่อยแต่แกก็จริงใจ ติดจะโลภไปนิด หรือพ่อเลี้ยงพระเอกที่เป็นคนขี้โอ่ เห็นแก่ตัว แต่รักพระเอก สมกับแม่เลี้ยงพระเอก ตอนที่มาเจอนางเอกก็รู้ว่าคนนี้ล่ะพระเอกปักใจ ก็พยายามจะป่าวประกาศให้ใครๆรู้ว่านางเอกเป็นใคร เป็นลูกหลานตัวเองที่จะมาเกี่ยวดองกันเพราะพระเอก จนโดนแซวในเรื่องนี้ ...อ้ายคนบ้านนอกขอบชนบทที่ไหนกันมานั่งสาธยายบัญชีสำมะโนครัวของมันหรือว่าไร ใครเขาจะต้องการอ้ายอีที่ไหนไปเป็นฝีพายหรือตะพุ่นหญ้าหรือว่าไปเป็นข้าพระเทกระโถนล้างถานที่ไหน.. อย่างที่บอกว่าที่ยกมาพิมพ์น่ะอ่านไม่ขำค่ะ ต้องอ่านโดยรวมทั้งหมด จะขำมาก เพราะจะนึกกิริยาของสามีภรรยาคู่นี้ออกเลยค่ะ ในยามบ้านเมืองดีทุกอย่างก็สดใสผ่องแพ้วไปเสียหมดจริงๆ
อย่างที่บอกว่าท่านเป็นคนที่ช่างพรรณามากๆค่ะ ท่านพรรณาเสียจนฟีน่าอ่านแล้วรู้เลยว่านางเอกสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดไหน ก็ลองจินตนาการตามซิค่ะ ...สวยจริงนะนางน้องลูกเจ้าเมืองเหนือว่าที่น้องสะใภ้ของข้าคนนี้ เนื้อเหลืองราวกับการะเกด นิ้วมือนิ้วตีนดูนุ่มนิ่มเรียวละมุนเหมือนลำเทียน เทียนฟั่นเองดอกไม่ใช่เทียนตลาด เทียนตลาดมันแท่งทู่เหมือนไม้พลอง นี่เขาหน่อเนื้อเชื้อขุนนางมหาศาลสกุลเก่า เอวองค์ราวกับหุ่นจีน แขนอ่อนกลมราวกับกลึง ทรวดทรงกะทัดรัดเปล่งปลั่งบอกยี่ห้อดูได้แต่ไกลว่า สาวแรกรุ่นหามีที่ด้วงแมงไม่ สวยตลอดขึ้นไปจนกระทั่งคอคาง กลมกลึงราวกับคอหงส์ คางมนจิ้มลิ้ม ปากบางบอกยี่ห้อคารมจัดฯ ห่มสีทับทิมชั้นในคลุมแพรดอกไม้ ร่วงดวงพุดตานพื้นทองดอกโศกอ่อน เข้ากันกลมกลืนทั้งนุ่งทั้งห่ม... แม่เรณูนวลเธองามสมชื่อจริงๆ นอกจากเธอจะรูปงามแล้ว จิตใจเธอก็งามแถมยังเข้มแข็งมากๆเลยค่ะ
และในนิยายเรื่องนี้นะคะ ฟีน่าอยากให้พระเอกนิยายไทยหลายๆเรื่องได้อ่านทัศนคติที่พ่อพระเอกสอนค่ะ ในเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษที่สุด ...ขึ้นชื่อว่าชายแล้วมิจำเป็นต้องมัดใจหญิงด้วยเชิงชายหรอกลูกเอ๋ย หัวใจเขาต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของเราด้วยใจรักและด้วยเห็นใจในศักดิ์ศรีของเราเท่านั้นเป็นพอ ชายนักเลงหัวไม้สันดานต่ำดอกที่มัดหญิงด้วยเล่ห์ประเวณี... พระเอกนิยายนิสัยแย่ๆหลายคนควรจะได้รับฟังคำพูดแบบนี้จริงๆค่ะ แต่นะไอ้คนอ่านนี้ล่ะตัวดีเพราะหล่อนก็ยังทำตัวเป็นแม่สาวสองมาตรฐานค่ะ เด๋วจะเล่าให้ฟังถึงความสองมาตรฐานของหล่อนค่ะ
หากฟ้าใหม่เป็นนิยายที่พูดถึงเรื่องความรักต่อชาติ บ้านเมืองค่ะ ดังนั้นโฟกัสหลักของหนังสือจะเน้นไปทางบ้านเมือง เรื่องรักที่เป็นหัวใจหลักของนิยายรักจึงไม่ค่อยมีค่ะ คำพูดหวานๆซึ้งใจก็ไม่ค่อย ฟีน่าจะเจอคำพูดหลายคำที่กระแทกใจมากค่ะ แต่เกี่ยวกับชาติบ้านเมืองนะ ฟีน่าอยากให้คนไทยได้อ่านค่ะ นิยายของท่านสอนใจคนไทยได้เลยค่ะ อย่างที่บอกว่าท่านเขียนเรื่องนี้มานานแล้วแต่มันกลับมาทันสมัยในช่วงนี้ค่ะ ท่านบอกเลยว่า ชาวกรุงศรีนั้นอุดมสมบูรณ์รุ่งเรืองก็เพราะอาศัยกินบุญปู่ย่าตายายอาบเหงื่อต่างน้ำสร้างสรรค์ไว้ให้ แต่มิเคยบำรุงบ้านบำรุงเมืองเลย มัวแต่หย่อนยานการดูแลเมือง จนบุญเก่าที่มีใกล้หมดลง ก็แทบจะคล้ายกับตอนนี้ค่ะ เรานี้เจริญรุ่งเรืองมาได้เพราะบรรพบุรุษของเราค่ะ แต่เรากลับไม่รักบ้านรักเมืองของเราเลยค่ะ ไม่ดูแลทะนุถนอม ชาติ ศาสน์ กษัตริย์เลยค่ะ ดวงแก้วทั้งสามของคนไทยเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดค่ะ อยากให้ได้อ่านคำพูดนี้ค่ะ
...กว่าแต่จะได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเมืองไทยได้ปึกแผ่น แผ่นดินนี้จะถมด้วยกระดูกชายฉกรรจ์ทั้งที่เป็นฝ่ายเราผู้สละเลือดเนื้อลงถมแผ่นดินไว้และที่เป็นกระดูกอริราชศัตรูผู้อาจหาญมาเยือนเพื่อหวังทำลายเอกราชเรา จะเป็นปริมาณมากน้อยสักเท่าใดไม่แจ้ง จะมิสูงเกินช่วงตัวคนไม่รู้กี่ช่วงแล้วกระมัง
อ่านนิยายเรื่องนี้จบแล้วจะรู้สึกเลยว่าเรานั่นควรจะรักแผ่นดินถิ่นเกิดของเราให้มากขึ้นกว่านี้ค่ะ สาธยายมาเสียก็มากนะคะ แค่อยากจะบอกว่า ฟีน่าชอบนิยายเรื่องนี้จริงๆเลยค่ะ อ่านแล้วอิ่ม อ่านแล้วอินเพราะอย่างไรเสียในช่วงเวลาแห่งกรุงศรีใกล้สูญสิ้น แต่อย่างน้อยคนไทยทุกคนก็ยังรักแผ่นดินค่ะ แต่เราอย่ารอให้กว่าจะคิดได้ก็เหมือนตอนเสียกรุงเลยนะคะ ที่บอกอินเนี่ยถ้าใครมาเห็นหน้าตอนอ่านคงคิดว่ามันบ้าเพราะตอนไปรบกับศัตรู จะลุ้นตามไปด้วยค่ะ ยิ่งตอนศึกบางระจัน อ่านไปก็แค้นใจไป แค้นศัตรูไม่เท่าแค้นคนไทยและพวกเลี้ยงไม่เชื่องนี้ล่ะค่ะ
พูดถึงตอนอ่านแล้ว วูบแรกในความคิดคือพ่อแสนพระเอกนั่นช่างทำให้ฟีน่าคิดถึงคนในตระกูลบุนนาคค่ะ เพราะต้นตระกูลของราชนิกุลบุนนาคนั่นมีต้นกำเนิดมาจากชาวแขกเทศค่ะ และได้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมาทั้งพระเจ้าตากและพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หนึ่งมาจนถึงวันนี้ค่ะ เหมือนว่าเอาเบื้องหลังของตระกูลสามีท่านมาเขียนค่ะ ซึ่งก็คล้ายกับงานอย่างสายโลหิตของคุณโสภาค ค่ะที่อาศัยเบื้องหลังจากบรรพบุรุษของท่านมาเขียนเอาไว้
เมื่อเป็นนิยายรักก็ต้องมีเรื่องมาเกี่ยวข้องค่ะ แต่ในเรื่องนี้น้ำหนักของรักระหว่างหนุ่มสาวไม่เด่นเท่าไรค่ะ เพราะแสนเป็นทหารที่ต้องออกไปสู้รบตลอดเวลา ส่วนแม่เรณูนวลนั่นเธอก็เป็นสาวในรั้วในวังที่เป็นเหมือนของต้องห้ามที่ต้องแอบรักกัน พอคิดว่าจะได้ลงเอยกันก็ต้องมีเหตุให้ระงับทุกอย่างลง ยิ่งกรุงแตกก็ต้องจากกันไป แสนนั้นต้องติดตามรับใช้พระเจ้าตาก แต่แม่เรณูนวลนั่นพ่อเธอเป็นถึงพระยาเมืองสองแควที่ต่อมาก็ตั้งต้นใหญ่จึงเหมือนเป็นศัตรูกันอีก ความรักก็เลยไม่สมหวังเสียทีและก็มีเรื่องให้เข้าใจผิดกันจนไม่พบกันนานมากเกือบยี่สิบปีที่จากกัน ก็คิดดูว่ากรุงศรีแตกในปี2310 มาได้เจอกันในตอนสงครามเก้าทัพ2328 รักกันไปถึงสามกรุง กรุงศรี กรุงธน กรุงรัตนโกสินทร์กว่าจะได้สมรักสมรสได้ พระเอกของเราปาเข้าไปสี่สิบแล้วค่ะ แม่เรณูนวลก็ไม่น้อยหน้ากันเพราะเจอกันตอนพระเอกอายุสิบห้าส่วนนางเอกก็เพิ่งโกนจุก ไม่เกินสิบสองได้มั๊งค่ะ เพราะเด็กหญิงจะโกนจุกก่อนมีประจำเดือน นางเอกก็แก่เอาการเชียว ถ้าเป็นสมัยนั้นคงมีหลานได้เลี้ยงกันแล้วค่ะ แต่จะเห็นเลยว่าพระเอกรักมั่นมาก สัญญาที่ให้ไว้ว่าจะไม่มีหญิงอื่นใดนอกจากนางเอกเค้าก็ทำได้ค่ะ แม้แต่เมียพระราชทานก็ยังไม่รับจนพระเจ้าตากทรงต้องยอมใจให้แสน มันเป็นความรักที่มั่นคงค่ะ ติดอย่างเดียวนานไปหน่อยค่ะ และหนังสือที่หนาขนาดนี้ไม่ค่อยมีฉากหวานเลยค่ะ ดีว่าฟีน่าอ่านเอาสาระค่ะไม่เอาหวานเลยชอบ อยากพูดถึงอีกหลายๆมุมมองนะคะ แต่เจียระไนเท่าไรก็ไม่หมดค่ะ ยกเว้นอ่านเอง
ใจจริงอยากแนะนำให้อ่านกันมากๆเลยค่ะ แต่จะติดปัญหาว่าหาหนังสือยากและภาษายากไปหรือเปล่านี้ล่ะคะเห็นความหนา ความยากอาจจะท้อใจกันได้เลยค่ะ หากใครอยากลองอ่านนิยายดีๆมีสาระ ฟีน่าขอนำเสนอเลยค่ะ เพราะนอกจากจะอ่านนิยายได้ความรู้แล้ว ก็ยังอาจจะทำให้เราอยากรู้เรื่องต่างๆในนิยายมากขึ้นค่ะ อย่างเช่นเจ้าฟ้ากุ้งท่านคือใครกันนะ สงครามเก้าทัพคืออะไร แต่ที่สำคัญที่สุดคืออ่านแล้วรักชาติไทยของเราค่ะ แผ่นดินที่ฟีน่าพูดได้เต็มปากเลยว่า โชคดีที่เกิดเป็นคนไทย เป็นคนใต้ร่มพระบารมีของในหลวงค่ะ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าที่นี้แล้ว