Ichi Hime Ni Tarou (อิจิ ฮิเมะ นิ ทาโร่) Hayashi Kisara
Ichi Hime Ni Tarou (อิจิ ฮิเมะ นิทาโร่) Hayashi Kisara
เนื่องจากตอนนี้ฟีน่าเปิดเวบเองแล้ว ขอย้ายรีวิวไปที่เวบนะคะ ใครอยากอ่านรีวิวนิยายเล่มอื่นๆ ที่ฟีน่ายัายไปลงหรือรีวิวนิยายใหม่ๆ ไปอ่านได้ที่เวบ philiciana.com นะคะ สำหรับเรื่องนี้กดไปอ่านได้เลยนะคะ รีวิว Ichi Hime Ni Tarou (อิจิ ฮิเมะ นิทาโร่) Hayashi Kisara
|
วันนี้มานำเสนอรีวิวนิยายที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อยค่ะ ชื่อเรื่องนี้อาจจะทำให้บางคนที่ไม่คุ้นชื่อนักเขียนชะงักสักเล็กน้อยค่ะ ก่อนจะรีวิวจึงต้องขอบอกเล่าเก้าสิบกันก่อนว่าเรื่องอิจิ ฮิเมะฯ ไม่ใช่นิยายแปลนะคะ เป็นนิยายที่คนไทยแต่งเองค่ะ แต่ใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปค่ะ และที่สำคัญคือ นิยายเป็นภาษาไทยค่ะ หากคิดอยากจะหามาอ่านก็อ่านได้แน่นอน เพราะฟีน่าไม่มีความสามารถเหลือพอจะอ่านภาษาญี่ปุ่นได้แล้วค่ะ เหลือเศษๆความรู้ติดสมองไว้เท่านั้นเอง และเพิ่มเติมอีกสักนิด เผื่อใครสงสัยนะคะ(ฟีน่าเองนี้ล่ะ สงสัยคนหนึ่งแล้ว) ชื่อเรื่องมันแปลว่าอะไร อิจิ ฮิเมะ นิ ทาโร่ มันคือภาษิตแบบญี่ปุ่นค่ะ ประมาณว่ามีลูกสาวคนแรกนั้นดี เพราะลูกสาวคนแรกช่วยเลี้ยงน้อง ดูแลงานบ้านได้ นี้ล่ะความหมายของชื่อเรื่อง ซึ่งฟีน่าก็สารภาพเลยว่าไม่ค่อยเข้าใจว่าเข้ากับนิยายตรงไหนนะคะ เพราะฮิเมะ พี่สาวของเคย์อิจิโร่ออกแนวเป็นนางพญาผู้คอยชี้นิ้วสั่งเสียมากกว่านะคะ แต่ถ้าใครเป็นแฟนนิยายของคุณฮายาชิก็คงจะพอเข้าใจทางนิยายของคุณฮายาชินะคะ ปกติเธอจะเขียนนิยายที่มีความเป็นญี่ปุ่นสูง เพราแบ็คกราวน์ของเรื่องทุกเล่มตั้งแต่อ่านมาจะมีเนื้อเรื่องอยู่ในประเทศญี่ปุ่นทุกเล่มเลยทีเดียว
สำหรับอิจิ ฮิเมะฯนี้ จะมีเนื้อหาหลักอยู่ทั้งหมดสามคู่ด้วยกันค่ะ และเล่าเรื่องในส่วนของแต่ละคู่กันไป เหมือนว่าสองเล่ม แต่สามเรื่องก็ว่าได้ค่ะ อ่านกันให้คุ้มค่าราคาที่จ่ายไปเลยค่ะ ซึ่งฟีน่ารู้สึกว่าไม่เหมือนกับที่เคยบ่นนิยายบางเล่มที่ชอบเขียนรวบยอดในเรื่องเดียวมีหลายคู่นะคะ เพราะส่วนใหญ่จะสลับฉากไปมา ทำให้มันดึงความสนใจกันไปสักหน่อย แต่เรื่องนี้ ใช้วิธีการเล่าให้แต่ละคู่จบก่อน แล้วค่อยขึ้นคู่ใหม่ ก็เหมือนเราอ่านนิยายสามเรื่องเลย ฟีน่าชอบแบบนี้มากกว่านะคะ มันแยกเนื้อหาออกจากกันดีค่ะ
ความรู้สึกหลังจากอ่าน สนุกมากเลยนะคะ แม้จะให้อารมณ์ในบางครั้งที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นสมัยมัธยมต้น แต่มาในรูปแบบของนิยายแทนรูปวาด อย่างตัวนางเอกคู่แรกอย่างยูโนะเอง ที่หน้าตาสวย น่ารัก แต่กลับไม่ได้ความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย พระเอกอย่างเคย์อิจิโร่เสียอีกที่ต้องมาสอนมารยาทให้กับเธอ เพราะเขาเป็นนักแสดงละครคาบุกิที่มักจะเล่นเป็นตัวผู้หญิงเสมอ กิริยาท่วงท่าจึงต้องลอกเลียนผู้หญิงให้ได้มากที่สุด จนถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นผู้ชาย คงไม่รู้ว่าคนที่เล่นคาบุกิแล้วสวมบทบาทเป็นตัวละครผู้หญิงจะเป็นผู้ชายเต็มตัว แถมตัวยูโนะเองก็ชอบใส่ชุดวอร์มมากๆด้วย ทำให้นึกถึงตอนอ่านการ์ตูนที่นางเอกแก่นๆ มักจะชอบยูนิฟอร์มแบบนี้เหลือเกิน ผสมกับความที่เธอเป็นพวกมีศิลปะป้องกันตัวที่แทบจะเป็นหัวหน้าแก๊งได้อีก ก็ยิ่งทำให้คิดถึงการ์ตูนนิดๆ แต่นั่นล่ะคะ ถึงยูโนะจะไม่น่ารัก อ่อนหวานแบบกุลสตรีที่ดี แต่ความน่ารักของยูโนะคือความตรงๆ จนบางทีใจร้อนเกินไปบ้าง บุ่มบ่ามไปนิด แต่มันก็เป็นเสน่ห์ที่ยูโนะมีจนทำให้เคย์อิจิโร่ชื่นชอบในตัวผู้หญิงเพี้ยนๆแบบนี้ รวมทั้งการที่ยูโนะแสดงออกอย่างเห็นชัดว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยเขาแบบออกนอกหน้า ขนาดที่ยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าแอบชอบเคย์อิจิโร่
ถ้านางเอกแบบยูโนะเป็นสาวป้ำๆ เป๋อๆ ในบางที เคย์อิจิโร่ก็แทบจะต่างจากยูโนะไปเลยค่ะ เพราะเขาเป็นทายาทอันดับหนึ่งของคณะละครคาบุกิที่มีพรสวรรค์ นิ่ง เคร่งขรึม ติดจะยโสและไม่สนใจใครทั้งสิ้นทั้งปวง แต่แท้จริงแล้วเคย์อิจิโร่มีความร้ายๆที่คนไม่สนิทจะไม่มีวันรู้เลยค่ะ ฟีน่าน่ะชอบพระเอกที่มีนิสัยแบบเคย์อิจิโร่ก็เลยออกอาการว่าชอบผู้ชายคนนี้นะคะ ปากอาจจะดุ ใจร้ายหรือขวานผ่าซาก บางทีก็เข้าข่ายปากจัดกัดเจ็บ แต่เขาก็เป็นคนที่น่ารักและเอาใจใส่ยูโนะแบบที่เธอไม่คาดคิด รู้แม้กระทั่งว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เช่น ยูโนะไม่ชอบกินไข่ขาว แต่ชอบกินไข่แดงมาก เพราะว่าเธอมักจะกินไข่ขาวจนหมดก่อน แล้วเหลือไข่แดงไว้กินสุดท้าย ถ้าคนไม่ใส่ใจกันจริงๆ จะไม่มีทางรู้แน่นอนค่ะ อ่านแค่นี้ก็รู้แล้วว่าสำหรับเคย์อิจิโร่ เขาให้ความสำคัญกับยูโนะแค่ไหน รวมไปถึงการที่เคย์อิจิโร่รู้ดีว่าผู้หญิงที่มาอยู่ข้างๆเขาไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้ แต่ยูโนะเองกลับแทบจะไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้นเลย แต่เขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับยูโนะ แม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรแต่มันก็น่าอบอุ่นใจดีออกนะคะ
ถ้าบางคนอาจจะตะขิดตะขวงใจสักเล็กน้อยที่ฟีน่าบอกว่าเคย์อิจิโร่เป็นนักแสดงคาบุกิที่เล่นเป็นตัวนางเอก จะไม่นุ่มนิ่ม ตุ้งติ้งหรือ ไม่เลยค่ะ อย่างที่บอกไปแล้วว่า เคย์อิจิโร่เป็นผู้ชายที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่เขามีพรสวรรค์ที่จะทำตัวเองให้เป็นตัวละครนั่นๆได้อย่างแนบเนียน เพราะเขาสามารถสวมบทบาทได้ทุกอย่าง พอเวลาปกติเขาก็คือผู้ชายธรรมดานี้ล่ะ ที่ออกจะมาดแมนสุดๆ มั่นใจได้ว่าแกไม่ใช่หนุ่มใจสาวแต่อย่างไร
มาพูดถึงคู่สอง คู่นี้เป็นคู่ที่ฟีน่าชอบน้อยที่สุดค่ะ ไม่ใช่อะไร ประการแรก ริทซึยะเป็นผู้ชายที่รู้ใจตัวเองช้า แถมมีปมในใจว่าเขาไม่เหมาะกับการเป็นสามีใคร อายุก็น้อยกว่าฮิเมะ จนบางครั้งโดนฮิเมะข่มให้เป็นผู้ชายในโอวาทของเธอเสมอ แต่คู่นี้คนที่ชอบแนวว่ากว่าจะรู้ใจตัวเองน่าจะชอบนะคะ สำหรับคู่นี้ ฟีน่าชอบฮิเมะมากกว่าริทซึยะ เธอเป็นสาวที่แม้ว่าตอนแรกๆ จะดูเพี้ยนๆ เอาแต่ใจมากไป แต่ทั้งหมดทั้งมวล ที่ทำเพราะรักในตัวริทซึยะ แม้ว่าตอนที่เธอจะยอมรับความจริงว่าเขาไม่ได้รักเธอ เหมือนที่เธอรักเขา ฮิเมะก็ยังไม่หยุดที่จะเลิกรักริทซึยะเลย เป็นคนที่รักเขาข้างเดียวแบบไม่แคร์เลย ก็ฉันจะรักของฉัน ใครจะทำไม
ฟีน่าเองชอบฮิเมะ แต่ก็รู้สึกว่าแม่สาวคนนี้มีความเพี้ยนสุดโต่งอยู่ในชีวิตนะคะ บางทีก็ไม่เข้าใจตัวฮิเมะว่าทำไมถึงคิดแบบนั้นได้ ช่วงแรกที่เธออยู่ในตอนของยูโนะและเคย์อิจิโร่ ฟีน่าไม่ชอบเท่าไร ออกจะเฉยๆ แต่พอมาเป็นเล่มตัวเอง กลับรู้สึกสงสารฮิเมะว่าต้องเสียสละรักเขาข้างเดียวตั้งนานกว่าจะสมหวัง แต่ฟีน่าก็ยังจัดว่าโอเคกับริทซึยะนะคะ อาจจะมีอาการอยากแช่งให้กินแห้วในบางเวลาแต่ก็เข้าใจภูมิหลังของตัวริทซึยะว่าทำไมเขาจึงหวาดกลัวการมีครอบครัวนะคะ
และมาถึงคู่ที่มาแรงแซงทางโค้งมากสำหรับฟีน่าค่ะ คุณยูกิ ผู้เปรียบเสมือนมือขวาของเคย์อิจิโร่และแม่สาวที่เหมือนจะไม่รู้จักโตแบบโคโตเนะ นิสัยฟีน่าชอบผู้ชายนิ่งๆ ขรึมๆ อยู่แล้ว ซึ่งเคย์อิจิโร่ก็ใช่สเปคล่ะ แต่ดันกลับกลายว่า คุณยูกิที่ดูธรรมดาในทีแรกค่อยๆเผยเสน่ห์ความเป็นจอมวางแผนมาให้เห็นว่า ผู้ชายนิ่งๆแบบคุณยูกินี้ล่ะน่ากลัวมากคนหนึ่ง ถ้าได้ลองอ่านจะรู้เลยว่าขนาดเคย์อิจิโร่ว่าฉลาดล้ำแล้ว ยังตามคุณยูกิในการวางแผนบางอย่างไม่ได้เลย พอได้มาจับคู่กับสาวเอ๋อแต่แฝงสมองอัจฉริยะแบบโคโตเนะด้วย น่ารักมากค่ะ แถมกินเด็กด้วย เป็นอะไรที่ฟีน่าชอบมาก
เหมือนได้อ่านแนวผู้ใหญ่หลอกอะไรยังงั้น เพราะโคโตเนะเป็นลูกสาวที่สนิทกับพ่อมาก คุณยูกิก็มีบุคลิกการเป็นหัวหน้าครอบครัวสูงด้วย ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยยามอยู่ใกล้ เขาอาจจะไม่ค่อยพูด เดาใจลำบาก แต่ถ้าเพื่อคนที่ชอบแล้ว ก็ทุ่มเททุกอย่างได้ และคอยดูแลโคโตเนะได้เป็นอย่างดี มีความเจ้าเล่ห์ที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่เป็นเงาของเคย์อิจิโร่จะทำได้ขนาดนี้ ทำให้ฟีน่าบอกได้เลยว่า คุณยูกินี้มาแรงมากค่ะ ตั้งแต่ท้ายตอนของเคย์อิจิโร่เอง เนื้อหาส่งให้คุณยูกิเด่นจนกลบเคย์อิจิโร่ไปเลยนะคะ กรี๊ดค่า ชอบคุณยูกิมากกกกก ชายในสเปคที่สุด ตอนแรกที่อ่านไปก็กลัวว่าคุณยูกิจะไม่มีคู่เป็นของตัวเอง ยิ่งตอนที่โคโตเนะปรากฏตัวก็รู้สึกเองว่า เคมีสองคนนี้ตรงกันทั้งที่ไม่ได้มีบทบาทด้วยกันเลย แอบลุ้นในใจว่าน่าจะจับคู่นี้ พอมาได้คู่กันจริงๆ สมหวังมาก
คือไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าฟีน่ากรี๊ดใคร ตรงกับความชอบทุกประการกันเลยทีเดียว แต่มองกันในภาพรวมแล้ว ทุกตัวละครก็ถูกใจฟีน่านะคะ อาจจะมีรักมาก รักน้อยต่างกันออกไป หากดูในตัวนิยายทั้งหมด ฟีน่าชอบเรื่องนี้ค่ะ คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวนักเขียน เป็นนิยายที่เป็นทางของเขาเอง ไม่จำเป็นต้องขายนิยายตามกระแส หยิบขึ้นมาแม้จะไม่บอกชื่อคนแต่งก็พอรู้เลยว่านิยายใครค่ะ
ตัวนิยายขายความเป็นสังคมญี่ปุ่นที่เราอาจจะไม่ได้รู้จักลึกซึ้งเท่าไร ยิ่งนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับวงการการแสดงคาบุกิด้วย มันไกลตัวเรามากค่ะ ฟีน่าเองเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาหลายปี ก็แทบจะไม่มีความรู้ใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันก็เปิดโลกทัศน์ของเรานะคะ ว่าสังคมของศิลปะชั้นสูงของญี่ปุ่นเป็นเช่นไร เหมือนหรือต่างจากบ้านเราแบบไหน เราจะได้รู้และเข้าใจมากขึ้นว่า คาบุกิเป็นเช่นไร น่าสนใจดีนะคะ การเล่าเรื่องก็เล่าได้ดีและไม่โดดจากความเป็นนิยายเลยค่ะ เพลินจนรู้สึกว่ามันเป็นการเล่าจากมุมมองของตัวละคร ไม่ใช่การเล่าที่เอาเนื้อหาวิชาการแบบวิกิพีเดียมาแปะ ซึ่งไม่สามารถประยุกต์ให้เข้ากับเนื้อเรื่องได้ ปัญหาเหล่านั้นมักจะเกิดจากการที่นักเขียนไม่ได้เข้าใจในรายละเอียดมากพอจนเล่าในมุมมองของตัวเองได้เพราะคนเขียนจะใช้การเล่าเรื่องแบบที่แทนตัวเองเป็นทุกตัวละคร ถ้าคุณเข้าใจกับสิ่งที่อยากจะสื่อ คุณจะนำเสนอได้เป็นธรรมชาติที่สุด
แต่คนที่ไม่มีพื้นความรู้ด้านสังคมญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกลัวนะคะว่าจะอ่านแล้วไม่เข้าใจ ถ้าเราทำตัวให้เป็นแก้วที่ปราศจากน้ำ เราก็จะสนุกไปกับมันได้มากๆเลยค่ะ แต่ถ้าใครมีพื้นอยู่บ้าง ก็จะความใจอะไรได้มากขึ้นค่ะ อย่างฟีน่าเอง พอมีพื้นอยู่บ้างก็พอจะแปลคำบางอย่างได้ เพราะการเล่าเรื่องบางอย่างใช้ทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นเลย ถ้ารู้ภาษาจะแปลได้ดีขึ้น อย่างคำว่า อนนะกาตะ ฟีน่าแปลคำว่า อนนะ ได้ว่าหมายคือผู้หญิง ส่วนกาตะน่ะแปลไม่ออก แต่เข้าใจในเรื่องตอนที่บอกว่า บทละครผู้หญิง ก็มีคำว่าอนนะที่หมายถึงผู้หญิงมาคำหนึ่ง มันก็สนุกดีไปอีกแบบนะคะ ว่าพยายามจะแปลภาษากันไป ได้รื้อฟื้นวิชาที่ลงไหไปหมดแล้วอีกที
ตอนแรกฟีน่าคิดว่าเนื้อเรื่องในนิยายจะมีแต่การเล่าเรื่องถึงความเป็นคาบุกิเท่านั้น แต่พอมาขึ้นตอนที่สอง เนื้อหาหลักของเรื่องก็ผันแปรไปตามเนื้อหาและนิสัยใจคอของตัวละครค่ะ ส่วนที่สองจะมีการพูดถึงงานและธุรกิจของริทซึยะ ผสมความเป็นดราม่ามากขึ้นนิดหนึ่ง ความรักที่อยู่บนคำว่าคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรจะรักใคร มันมีภาวะกดดันลึกๆของผู้ชายคนหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับเครียดนะคะ เพราะตัวของฮิเมะมีความเพี้ยนปนน่ารักอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็นำเสนอได้อีกอารมณ์หนึ่งเลยค่ะต่างไปจากช่วงตอนแรก
และปิดจบเรื่องด้วยพล็อตแนวสืบสวนเล็กน้อย ซึ่งทำได้ดีเลยนะคะ เพราะว่าเนื้อเรื่องมันออกแนวน่ารัก เบาๆ กันมา หากมาหักมุมด้วยการเข้าสู่เรื่องที่ต้องจริงจัง การสืบหาคนร้ายตัวจริงก็น่าสนใจมากค่ะ รวมทั้งการที่ทำให้ฟีน่ารู้เรื่องเกร็ดแปลกๆของการทำงานในตลาดหลักทรัพย์ว่าต้องมีความสามารถกันแบบนี้ด้วยหรือ คลับคล้ายคลับคลาว่า สมัยก่อนที่ตลาดหุ้นบ้านเราไม่ได้มีลักษณะแบบนี้ ในยุคเก่าฟีน่าก็เหมือนจะเคยเห็นโค้ดพวกนี้เวลาโบกเกอร์เล่นหุ้นนะคะ แต่ก็ลืมภาพตรงนั้นไปเสียแล้วค่ะ มาฉุกคิดได้ช่วงที่อ่านนี้ล่ะ
อ่านแล้วบางคนอาจจะรู้สึกว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างแปลก คือสามารถผสมความโบราณ ขนบธรรมเนียมแสนเคร่งครัดกับความทันสมัยสุดขั้วไว้ด้วยกันได้ ความคิดของคนก็มีความแปลกๆ จนบางทีเราเองก็คิดว่าเขามีความเพี้ยนๆ อย่างตัวละครอย่างโคโตเนะเป็นอะไรที่ขัดแย้งในตัวเองที่สุด เธอเหมือนเด็กที่ติดการสะสมตุ๊กตาจากตู้หยอดเหรียญ แต่กลับมีสมองที่เก่งกาจด้านการเงินแบบนี้จะมีอยู่จริงในสังคมหรือเปล่านะ
ถ้าจะมีอะไรคอมเม้นท์ตามประสาคนขี้บ่นแบบฟีน่าก็คือ ภาษาญี่ปุ่นที่ใส่เข้ามาในเรื่อง ถ้าคนไม่มีพื้นญี่ปุ่นเลย อาจจะไม่เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไรค่ะ ถึงแม้ว่าจะคล้ายๆว่าแปลไทยให้ในประโยคถัดมา แต่ถ้าไร้พื้น จับคำไม่ถูกก็อาจจะมีงงได้ค่ะ ถ้าใส่วงเล็บสักหน่อย หรือเชิงอรรถเสริมเล็กน้อยก็น่าจะทำให้อ่านได้ลื่นขึ้นค่ะ แต่ก็รู้ว่าบางที่คนเขียนอาจจะไม่ได้อยากให้นิยายมันเต็มไปด้วยเชิงอรรถจนน่าเบื่อนะคะ แต่ฟีน่าเป็นอยากรู้ อยากเข้าใจทั้งหมดก็เลยอยากเสนอแนะสักเล็กน้อยค่ะ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรจะนำเสนอค่ะ เพราะคิดว่าเนื้อหา สาระของเรื่อง คนเขียนก็คงจะหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี ตัวฟีน่าก็ไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่นิดเดียวค่ะ ทำให้ชอบความรู้ตรงนี้นะคะ อย่างที่บอกว่านำเสนอมาในรูปของการเล่าแบบนิยายได้ดีเลยค่ะ น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อจนเป็นวิชาการมากไป
หน้านิยายอาจจะมีจำนวนมาก ค่อนข้างหนา แต่ไม่น่าเบื่อจนวางทิ้งไว้ให้หายเบื่อค่อยมาอ่านต่อ ฟีน่าต้องวางพักไว้ก่อนก็ด้วยเหตุผลแค่ว่าไม่มีเวลาอ่านค่ะ มันหนามาก ขืนฝืนสังขารอ่านจบรวดเดียว คงน็อกได้ค่ะ พล็อตของสามคู่ สนุกทั้งสามคู่ และให้ความต่างของเนื้อเรื่องได้ดีค่ะ ไม่ใช้มุกซ้ำๆมาเล่าเรื่องทั้งสามเรื่อง ไม่อย่างนั้นก็คงจะบอกว่า จะเสียเวลาเล่าทำไมต้องยาว เอาแค่คู่เดียวพอ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ค่ะ มีมุม มีประเด็นให้ติดตามจนจบเรื่อง และปิดเรื่องได้ดีจนเรียกว่า ตัวละครเด่นทุกตัวได้มีบทบาทของตัวเองที่เรียกว่าจบบริบูรณ์ค่ะ
และที่ต้องขอชมเลยคือ ปกหนังสือค่ะ สวยมาก ฟีน่าชอบปกที่มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง และสะท้อนหนังสือได้ดีนะคะ จนหลายคนแทบไม่กล้าอ่าน ความที่กลัวว่ามันจะเป็นนิยายภาษาญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว แถมชื่อก็ไม่มีชื่อแบบไทยด้วย เป็นชื่อแบบญี่ปุ่นล้วน เก๋ดีนะคะ แต่นั่นล่ะ มันก็ทำให้คนไม่กล้าลองเสี่ยงหลายคนเลยทีเดียว ถ้าไม่ใช่แฟนกันจริงก็คงจะเกิดอาการลังได้นะคะ แต่ฟีน่าชอบค่ะ ปกดูดีมากๆๆ
ดังนั้น ฟีน่าก็อยากขอแนะนำเรื่องอิจิ ฮิเมะ นิ ทาโร่นะคะว่าสนุกจริงๆ อ่านมันส์ อ่านเพลินจนลืมเวลาเลยนะคะ คุ้มค่า ตอนนี้ดีที่เขามาเปิดทำใหม่รอบสองก็เลยได้มีโอกาสเก็บใหม่ แต่ก็ต้องบอกว่าความที่มันอาจจะให้ความรู้สึกแบบการ์ตูนอยู่บ้าง คนที่ชอบแนวจริงจังสุดๆ อาจจะไม่ใช่แนวทางของคนที่อ่านนะคะ แต่ถ้าใครชอบนิยายที่มีความแปลก ใหม่ก็น่าลองจริงๆค่ะ ถ้าใครอยากลองเปลี่ยนการอ่านนิยายที่มีเนื้อหา แปลกจากตลาดนิยายไทยทั่วไป เดาเรื่องพอได้ แต่เนื้อหาระหว่างที่จะไปสู่การจบเรื่องมีความแปลกนะคะ ตัวเรื่องไม่เครียดมาก มีความเป็นนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ผสมผสานกันได้อย่างดีที่มาพร้อมกับมุมมองแบบพูดถึงสังคมแบบคนญี่ปุ่นที่เราไม่ค่อยเห็นด้วย ความรู้แปลกใหม่ที่น่าสนใจเอามาประดับความรู้เล็กๆน้อยๆ ก็สมกับที่เราจะมีเวลาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ เผื่อว่าถ้าลองแล้วจะไม่ผิดหวังนะคะ เหมือนที่ฟีน่าตามงานคุณฮายาชิมาตลอด จัดได้ว่าค่อนข้างชอบพล็อตนิยายทุกเรื่องที่อ่านมาเลยค่ะ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ น่าจะชอบมากกว่าเล่มที่เคยอ่านๆมาก่อนด้วยซ้ำไปค่ะ ลองหามาอ่านดูนะคะ อาจจะสนุกจนวางไม่ลงแบบฟีน่าก็ได้