ต้องมนต์น้ำหนึ่ง Andra
เนื่องจากตอนนี้ฟีน่าเปิดเวบเองแล้ว ขอย้ายรีวิวไปที่เวบนะคะ ใครอยากอ่านรีวิวนิยายเล่มอื่นๆ ที่ฟีน่ายัายไปลงหรือรีวิวนิยายใหม่ๆ ไปอ่านได้ที่เวบ philiciana.com นะคะ สำหรับเรื่องนี้กดไปอ่านได้เลยนะคะ รีวิวต้องมนตร์น้ำหนึ่ง
เป็นเล่มจบของชุดต้องมนตร์ค่ะ จากเล่มแรก ต้องมนตร์พระพาย ต้องมนตร์เจ้าจันทร์ จบด้วยเล่มนี้ค่ะ ต้องมนตร์น้ำหนึ่ง ถ้าอ่านมาตั้งแต่แรกก็จะรู้จักตัวละครอย่างคชินทร์หรือช้าง ศิลปินหนุ่มสุดติสต์แตกที่เข้าใจในตัวผู้ชายคนนี้แสนยากเย็น และเรื่องมันก็สืบเนื่องมาจากต้องมนตร์เจ้าจันทร์ ภาพเหมือนที่เขาวาดกลับไปถูกใจหญิงชราผู้หนึ่ง จนอยากได้เขามาวาดภาพให้ หากกฏประหลาดล้ำของเขาก็คือ ไม่วาดภาพเหมือนให้คนนอกครอบครัวเด็ดขาด แต่เมื่อนี้คือความต้องการเดียวที่อาม่าของนางเอกออกปาก เธอจึงพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนใจพระเอก จนเป็นที่มาของข้อเสนอแม่บ้านจำเป็นแลกภาพวาด แต่มันก็เริ่มมีบางอย่างเปลี่ยนไป เมื่อสายงานของนางเอกเกิดถูกชะตากับความติสต์สุดขั้วของพระเอก ข้อตกลงก็ถูกเปลี่ยนไป เหมือนกับความสัมพันธ์แบบไม่ปกติของเธอและเขาก็กลายเป็นความผูกพันและความรักอย่างไม่ทันรู้ตัว แต่ผู้ชายที่ลมเพลมพัด เดาทางได้ยากยิ่ง กับผู้หญิงที่ต้องเก็บกดและอดทนทุกอย่างในชีวิตจะลงเอยกันได้หรือ รักไม่ใช่ความพยายามที่อดทนในข้อบกพร่องของอีกฝ่าย ถ้าหากไม่อาจยอมรับได้ บทสรุปของมันก็คงต้องเลิกรา ยกเว้นว่าทั้งสองจะปรับเปลี่ยนให้เข้าใจซึ่งกันและกันอ่านมาสามเล่ม พูดเลยว่าสองเล่มแรกนี้ฟีน่าไม่แนวต้องมนตร์พระพาย เฉยๆ กับต้องมนตร์เจ้าจันทร์ คือพออ่านได้แต่ไม่ถึงกับชอบแบบงานเล่มอื่นของ Andra แต่ดีกว่าเล่มแรกเยอะ พอมาเข้าเล่มต้องมนตร์น้ำหนึ่ง รู้สึกว่าจะโดนใจที่สุดในชุดนี้แล้วล่ะ อาจจะเป็นเพราะตัวนางเอกค่ะ เธอดูเป็นคนปกติธรรมดาๆ แต่ความจริงไม่ใช่เลย เธอเป็นผู้หญิงที่มีปมในใจไม่ต่างจากเจ้าจันทร์ ทุกข์ทรมานเพราะครอบครัวที่ผิดปกติของตัวเอง หากไม่เพราะอาม่าที่รักเธอ นางเอกคงมีชีวิตอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ได้เจอพระเอกในความธรรมดาของนางเอกมันแฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเก็บกด ที่ค่อนข้างสงสารนางเอกนะคะ ประมาณว่าเอะอะอะไรก็ฉัน ถูกผิดก็ฉัน เสมือนโดดเดี่ยวคนเดียว มีเพียงอาม่าเท่านั้น อ่านแล้วก็รู้สึกว่านางเอกจะชีวิตดรามาไปไหนกันเนี่ย ถ้าเธอไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูง คงได้ทำตัวเหลวไหลตั้งแต่แรก บางฉากที่อ่านไปยอมรับเลยว่ามีโกรธพระเอกนิดๆ ที่หัวทึบเหลือเกิน ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่พระเอกมันก็ประเภทว่า ก็ไม่เข้าใจว่าโกรธอะไร อยากให้รู้ก็บอกซิ เขาไม่รู้ก็เลยง้อไม่ถูก อยากให้ง้อ ให้ขอโทษก็บอกเลยนะว่าทำอะไรผิดไปอย่างพระเอกก็บอกเลยว่า มีหลายอย่างขัดใจ ติสต์หลุดโลก ไม่สนใจอะไรใดๆทั้งสิ้น สนใจแต่ตัวเอง ไม่รู้และไม่เข้าใจคนรอบข้างหรอก บางมุมดูจะเอาแก่ตัวและเอาเปรียบนางเอกนิดๆ ทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้ว่าถูกมองแบบนั้น เขาแค่มีระบบความคิดว่า ทำไม่ดีเท่านางเอกก็เลยไม่ทำ ซึ่งมันก็เป็นบ่อเกิดในความโกรธของนางเอกยกใหญ่เลยทีเดียว ส่วนจะพูดว่าพระเอกไม่เข้าใจหรือใส่ใจนางเอกก็ไม่ใช่ค่ะ พูดง่ายๆว่าบางทีผู้ชายก็ไม่เข้าความเยอะของผู้หญิง นึกจะพูดอะไรก็พูด ถามตรงๆ ก็ตอบตรงๆ จนน่าตบหลายที แต่พระเอกเป็นพวกศิลปินไม่ต้องการความซับซ้อนมากนัก การกระทำจึงเสี่ยงดวงที่จะโดนนางเอกทิ้งตลอดเวลาค่ะ อ่านไปก็มีสะใจไป เพราะมีตัวเลือกที่แสนดีคอยเปรียบเทียบอยู่ ขนาดไม่ได้จีบจริงจังยังรู้สึกว่าคนนี้โดนใจกว่าพระเอกเยอะเลย เนื่องจากพระเอกจะติสต์แล้ว คนอ่านก็ต้องเข้าใจอารมณ์เข้าใจพระเอกไปด้วย แรกๆนี้พระเอกไม่ได้อยู่ในสายตาเลยนะคะ ไม่ชอบผู้ชายแบบพระเอกเท่าไร คล้ายๆกับหลอกใช้นางเอกอย่างไม่สนใจว่าสิ่งที่เขาหลอกนางเอกคือสิ่งที่เธออยากได้ให้แก่คนที่รักที่สุดแค่ไหน เขาแค่อยากใช้งานเธอแค่นั้นจริงๆ จะมาเริ่มรู้สึกว่าโอเคก็เข้าช่วงดรามาของครอบครัวนางเอก ซึ่งอย่างที่คุยไปด้านบน มรสุมครอบครัวนี้หนักหนาสาหัสยิ่งนักค่ะ แต่ในวิกฤตก็มีโอกาส พระเอกก็ได้เข้ามาเติมให้นางเอกเต็ม เหมือนเป็นความสมดุลที่ขาดไป คนหนึ่งไม่สนใจตัวเอง แต่รักที่จะปกป้องคนอื่น ส่วนอีกคนก็ต้องจำทนเพื่อคนอื่นเสมอมา แม้ว่าคนอื่นที่หมายถึงครอบครัวจะไม่ยอมรับตัวเธอ มันเป็นคู่ควรจับมาเกื้อกูลกันเป็นอย่างยิ่งส่วนของซีนอารมณ์ในชีวิตของครอบครัวนางเอก ยิ่งอ่านยิ่งสงสารนางเอกค่ะ ทำไมนางเอกต้องมานั่งรับเคราะห์ตลอด ปรอทความอดทนใกล้แตกเต็มทน ก็ยังดีที่ได้พระเอกมาช่วยประคับประคองไว้ได้ เลยไปจนถึงว่าเรื่องนี้พานไม่ชอบไปถึงพ่อนางเอกกันเลยทีเดียวว่าทำไมถึงทำกับนางเอกได้มากมาย เหตุผลของการกระทำเป็นเหตุผลที่ใจร้ายจังเลย นางเอกนี้คงทำกรรมไว้พอควรเลยทีเดียว แต่ยิ่งอุปสรรคตอนท้ายๆเยอะ ก็กลายเป็นพระเอกแล้วล่ะที่เราเชียร์ นางเอกต้องการเสาหลักในชีวิตแปลกๆ แบบที่พระเอกเป็น เขาไม่สนใจใคร ยกเว้นเธอ ไม่สนใจว่าใครจะโกรธ เกลียด ชิงชังน้ำหน้า แต่เขาสนใจแค่นางเอก เขาอาจดูแลตัวเองได้ห่วยที่สุด แต่กลับนางเอก เขาอยากจะดูแลเธอมากที่สุด เป็นที่มากับคำพูดที่ฟีน่าชอบคชินทร์ขึ้นมาเลยทีเดียวกับคำพูดนี้ ... ผมอาจจะดูแลคุณได้ดีกว่าที่ผมดูแลตัวเองก็ได้ เพราะผมไม่เคยแคร์เลยสักนิดว่าทำอะไรแล้วตัวเองจะเสียใจในภายหลัง แต่ผมแคร์ ถ้าทำแล้วคุณเหนื่อยใจกับผม... เขาก็แค่อยากให้นางเอกมาช่วยทำให้เขาเป็นผู้เป็นคนที่อยู่โลกแบบนางเอกได้ไหม ก็อย่างที่บอกค่ะว่าพระเอกเป็นคนประหลาดใจ งงว่ามันนี้คือพระเอกหรือว่าอะไรหรือเปล่า ทำไมผิดมาตรฐานพระเอกเหลือใจในบางที ซึ่งในความประหลาดก็พอมีนางเอกมาทำให้มันพอดีอยู่บ้าง แม้เขาจะไม่ได้กลายเป็นผู้ชายแสนดี ยังมีภาคหน้ามึนอยู่ แต่เราก็จะเริ่มเข้าใจในความรักแบบพระเอกบ้าง ไร้กฏเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น ไร้ระเบียบวินัย คิดจะรักผู้ชายคนนี้คุณก็ต้องรับมือกับมนุษย์สุดติสต์แบบหลุดโลกได้เลยนะคะ เขาเปลี่ยนตัวเองมาเป็นผู้ชายแสนดีตามขนบธรรมเนียมนิยายไม่ได้ แบบที่รักและเข้าใจผู้หญิงสุดๆ อะไรทำนองนั้น ส่วนที่อยากคอมเม้นท์สักเล็กน้อย คำผิดจริงๆ เจอไปคำเดียวค่ะ แต่ผิดคาดกับงานของแจ่มใส ที่หาคำผิดเจอยากมากนะคะ แล้วก็มาเจอคำยอดฮิตที่นิยมผิดกันเหลือหลาย ร่ำร่ำ ผิดอีกรายแล้ว เจอบ่อยจริงๆ นะคะช่วงนี้ เพราะเล่มนี้ก็ยังเขียนว่า ร่ำๆ อยู่เลยค่ะ เป็นดัชนีว่าคนเข้าใจคำนี้ว่าเขียนร่ำๆ ค่อนข้างมากเลยทีเดียวคำซ้ำๆ ที่ใช้บ่อยจนเฝือ นั่นก็คือคำว่า สมส่วนค่ะ พอพูดถึงนางเอกทีไร ร่างสมส่วนของเธอจะต้องตามมาเป็นประหนึ่งคำบ่งชี้ความเป็นนางเอกมาด้วย มีเธอต้องมีสมส่วน ไม่มีคำนี้ไม่ใช่นางเอกนะคะ สงวนไว้แด่เธอเท่านั้น จากแรกๆ ไม่สังเกตเห็น แต่ยิ่งอ่านไป ยิ่งมาตลอด อ่านแล้วบอกตรงๆว่ารำคาญคำว่าสมส่วนไปเลยค่ะ มีคำอื่นๆ ใช้อีกมากมาย เปลี่ยนคำบ้างก็ดีนะคะ จะสมส่วนไปถึงไหนกัน เมื่อต้องบรรยายถึงรูปร่างของนางเอก ถ้าจะไม่ผิดครั้งหนึ่งที่เคยอ่านเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่งของ Andra ฟีน่าก็เคยบ่นเรื่องการใช้คำเดิมซ้ำๆไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าคำว่าอะไร มาเล่มนี้เปลี่ยนมาเป็นสมส่วนแทนประเด็นครอบครัวนางเอก จบแบบไม่ค่อยจบเท่าไรในความคิดตัวเองนะคะ แล้วสุดท้ายพ่อนางเอกทำไง เมื่อความจริงเป็นแบบนั้น จบแค่ว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วอย่างอื่นล่ะ เมื่อความจริงเป็นแบบนั้น แล้วไงดีล่ะ จบกันแค่นี้จริงๆหรือ คนอ่านก็พยายามเดาเอาไปเรื่อยเปื่อยว่าอาจจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ แต่ไม่รู้จะเดาแบบไหนดี คือจบได้ไม่เคลียร์เลยในเรื่องครอบครัวนางเอกค่ะแต่เอาเป็นเรื่องให้เลือกเล่มที่ชอบสุดของชุดนี้ ต้องมนต์น้ำหนึ่ง ก็คงจะเป็นเล่มที่ฟีน่าชอบสุด พระเอกดูติสต์แตกสุดขอบโลก ประเภทที่ฟีน่าคงจะเป็นแฟนกับผู้ชายแบบนี้ไม่รอด คือเราก็ติสต์แตกพอกัน แต่ก็คงเหมาะกับผู้หญิงแบบนางเอกให้ชีวิตมันพอดีๆกัน เลยไม่ได้อิจฉาริษยานางเอกว่าดีใจจังได้ผู้ชายคนนี้เป็นแฟน คิดว่าเหนื่อยแทนเล็กน้อยด้วยซ้ำไป ดีตรงที่เขาสนใจแต่นางเอกคนเดียว คนอื่นไม่สนใจหรอก เล่มนี้ไม่มีปัญหาแบบต้องมนตร์เจ้าจันทร์ที่ได้คำตอบว่าอะไรทำให้สองคนนี้รัก มันมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เห็นว่าความรักเกิดขึ้นได้ แม้จะประหลาดๆ ไปบ้าง นางเอกดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป เข้มแข็งและมีเสน่ห์ในตัวเอง ซึ่งถูกชะตากว่าพระพายในเล่มแรกที่เกรียนและกระด้างลางไปสำหรับตัวเอง น้ำหนึ่งไม่ใช่คนแข็งแต่ก็ไม่อ่อนปวกเปียก ดูแลตัวเองในแบบที่กำลังดี ทำให้น้ำหนึ่งก็เลยถูกใจมากสุดล่ะ แต่ถ้าให้เทียบกับเล่มโปรดๆ อื่นๆ ของ Andra ฟีน่าก็ยังไม่ถือว่าปลื้มมากนักนะคะ คือพออ่านได้ แต่เสน่ห์ของพระเอกยังไม่โดนใจมากนัก จัดไว้ว่าอ่านได้ดีที่สุดในชุดแล้วล่ะคะ เนื่องจากเล่มอื่นไม่แนวกับเฉยๆไปเสียค่ะ
เป็นเล่มจบของชุดต้องมนตร์ค่ะ จากเล่มแรก ต้องมนตร์พระพาย ต้องมนตร์เจ้าจันทร์ จบด้วยเล่มนี้ค่ะ ต้องมนตร์น้ำหนึ่ง ถ้าอ่านมาตั้งแต่แรกก็จะรู้จักตัวละครอย่างคชินทร์หรือช้าง ศิลปินหนุ่มสุดติสต์แตกที่เข้าใจในตัวผู้ชายคนนี้แสนยากเย็น และเรื่องมันก็สืบเนื่องมาจากต้องมนตร์เจ้าจันทร์ ภาพเหมือนที่เขาวาดกลับไปถูกใจหญิงชราผู้หนึ่ง จนอยากได้เขามาวาดภาพให้ หากกฏประหลาดล้ำของเขาก็คือ ไม่วาดภาพเหมือนให้คนนอกครอบครัวเด็ดขาด แต่เมื่อนี้คือความต้องการเดียวที่อาม่าของนางเอกออกปาก เธอจึงพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนใจพระเอก จนเป็นที่มาของข้อเสนอแม่บ้านจำเป็นแลกภาพวาด แต่มันก็เริ่มมีบางอย่างเปลี่ยนไป เมื่อสายงานของนางเอกเกิดถูกชะตากับความติสต์สุดขั้วของพระเอก ข้อตกลงก็ถูกเปลี่ยนไป เหมือนกับความสัมพันธ์แบบไม่ปกติของเธอและเขาก็กลายเป็นความผูกพันและความรักอย่างไม่ทันรู้ตัว แต่ผู้ชายที่ลมเพลมพัด เดาทางได้ยากยิ่ง กับผู้หญิงที่ต้องเก็บกดและอดทนทุกอย่างในชีวิตจะลงเอยกันได้หรือ รักไม่ใช่ความพยายามที่อดทนในข้อบกพร่องของอีกฝ่าย ถ้าหากไม่อาจยอมรับได้ บทสรุปของมันก็คงต้องเลิกรา ยกเว้นว่าทั้งสองจะปรับเปลี่ยนให้เข้าใจซึ่งกันและกัน
อ่านมาสามเล่ม พูดเลยว่าสองเล่มแรกนี้ฟีน่าไม่แนวต้องมนตร์พระพาย เฉยๆ กับต้องมนตร์เจ้าจันทร์ คือพออ่านได้แต่ไม่ถึงกับชอบแบบงานเล่มอื่นของ Andra แต่ดีกว่าเล่มแรกเยอะ พอมาเข้าเล่มต้องมนตร์น้ำหนึ่ง รู้สึกว่าจะโดนใจที่สุดในชุดนี้แล้วล่ะ อาจจะเป็นเพราะตัวนางเอกค่ะ เธอดูเป็นคนปกติธรรมดาๆ แต่ความจริงไม่ใช่เลย เธอเป็นผู้หญิงที่มีปมในใจไม่ต่างจากเจ้าจันทร์ ทุกข์ทรมานเพราะครอบครัวที่ผิดปกติของตัวเอง หากไม่เพราะอาม่าที่รักเธอ นางเอกคงมีชีวิตอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ได้เจอพระเอก
ในความธรรมดาของนางเอกมันแฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเก็บกด ที่ค่อนข้างสงสารนางเอกนะคะ ประมาณว่าเอะอะอะไรก็ฉัน ถูกผิดก็ฉัน เสมือนโดดเดี่ยวคนเดียว มีเพียงอาม่าเท่านั้น อ่านแล้วก็รู้สึกว่านางเอกจะชีวิตดรามาไปไหนกันเนี่ย ถ้าเธอไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูง คงได้ทำตัวเหลวไหลตั้งแต่แรก บางฉากที่อ่านไปยอมรับเลยว่ามีโกรธพระเอกนิดๆ ที่หัวทึบเหลือเกิน ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่พระเอกมันก็ประเภทว่า ก็ไม่เข้าใจว่าโกรธอะไร อยากให้รู้ก็บอกซิ เขาไม่รู้ก็เลยง้อไม่ถูก อยากให้ง้อ ให้ขอโทษก็บอกเลยนะว่าทำอะไรผิดไป
อย่างพระเอกก็บอกเลยว่า มีหลายอย่างขัดใจ ติสต์หลุดโลก ไม่สนใจอะไรใดๆทั้งสิ้น สนใจแต่ตัวเอง ไม่รู้และไม่เข้าใจคนรอบข้างหรอก บางมุมดูจะเอาแก่ตัวและเอาเปรียบนางเอกนิดๆ ทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้ว่าถูกมองแบบนั้น เขาแค่มีระบบความคิดว่า ทำไม่ดีเท่านางเอกก็เลยไม่ทำ ซึ่งมันก็เป็นบ่อเกิดในความโกรธของนางเอกยกใหญ่เลยทีเดียว ส่วนจะพูดว่าพระเอกไม่เข้าใจหรือใส่ใจนางเอกก็ไม่ใช่ค่ะ พูดง่ายๆว่าบางทีผู้ชายก็ไม่เข้าความเยอะของผู้หญิง นึกจะพูดอะไรก็พูด ถามตรงๆ ก็ตอบตรงๆ จนน่าตบหลายที แต่พระเอกเป็นพวกศิลปินไม่ต้องการความซับซ้อนมากนัก การกระทำจึงเสี่ยงดวงที่จะโดนนางเอกทิ้งตลอดเวลาค่ะ อ่านไปก็มีสะใจไป เพราะมีตัวเลือกที่แสนดีคอยเปรียบเทียบอยู่ ขนาดไม่ได้จีบจริงจังยังรู้สึกว่าคนนี้โดนใจกว่าพระเอกเยอะเลย
เนื่องจากพระเอกจะติสต์แล้ว คนอ่านก็ต้องเข้าใจอารมณ์เข้าใจพระเอกไปด้วย แรกๆนี้พระเอกไม่ได้อยู่ในสายตาเลยนะคะ ไม่ชอบผู้ชายแบบพระเอกเท่าไร คล้ายๆกับหลอกใช้นางเอกอย่างไม่สนใจว่าสิ่งที่เขาหลอกนางเอกคือสิ่งที่เธออยากได้ให้แก่คนที่รักที่สุดแค่ไหน เขาแค่อยากใช้งานเธอแค่นั้นจริงๆ จะมาเริ่มรู้สึกว่าโอเคก็เข้าช่วงดรามาของครอบครัวนางเอก ซึ่งอย่างที่คุยไปด้านบน มรสุมครอบครัวนี้หนักหนาสาหัสยิ่งนักค่ะ แต่ในวิกฤตก็มีโอกาส พระเอกก็ได้เข้ามาเติมให้นางเอกเต็ม เหมือนเป็นความสมดุลที่ขาดไป คนหนึ่งไม่สนใจตัวเอง แต่รักที่จะปกป้องคนอื่น ส่วนอีกคนก็ต้องจำทนเพื่อคนอื่นเสมอมา แม้ว่าคนอื่นที่หมายถึงครอบครัวจะไม่ยอมรับตัวเธอ มันเป็นคู่ควรจับมาเกื้อกูลกันเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนของซีนอารมณ์ในชีวิตของครอบครัวนางเอก ยิ่งอ่านยิ่งสงสารนางเอกค่ะ ทำไมนางเอกต้องมานั่งรับเคราะห์ตลอด ปรอทความอดทนใกล้แตกเต็มทน ก็ยังดีที่ได้พระเอกมาช่วยประคับประคองไว้ได้ เลยไปจนถึงว่าเรื่องนี้พานไม่ชอบไปถึงพ่อนางเอกกันเลยทีเดียวว่าทำไมถึงทำกับนางเอกได้มากมาย เหตุผลของการกระทำเป็นเหตุผลที่ใจร้ายจังเลย นางเอกนี้คงทำกรรมไว้พอควรเลยทีเดียว แต่ยิ่งอุปสรรคตอนท้ายๆเยอะ ก็กลายเป็นพระเอกแล้วล่ะที่เราเชียร์ นางเอกต้องการเสาหลักในชีวิตแปลกๆ แบบที่พระเอกเป็น เขาไม่สนใจใคร ยกเว้นเธอ ไม่สนใจว่าใครจะโกรธ เกลียด ชิงชังน้ำหน้า แต่เขาสนใจแค่นางเอก เขาอาจดูแลตัวเองได้ห่วยที่สุด แต่กลับนางเอก เขาอยากจะดูแลเธอมากที่สุด เป็นที่มากับคำพูดที่ฟีน่าชอบคชินทร์ขึ้นมาเลยทีเดียวกับคำพูดนี้ ... ผมอาจจะดูแลคุณได้ดีกว่าที่ผมดูแลตัวเองก็ได้ เพราะผมไม่เคยแคร์เลยสักนิดว่าทำอะไรแล้วตัวเองจะเสียใจในภายหลัง แต่ผมแคร์ ถ้าทำแล้วคุณเหนื่อยใจกับผม... เขาก็แค่อยากให้นางเอกมาช่วยทำให้เขาเป็นผู้เป็นคนที่อยู่โลกแบบนางเอกได้ไหม ก็อย่างที่บอกค่ะว่าพระเอกเป็นคนประหลาดใจ งงว่ามันนี้คือพระเอกหรือว่าอะไรหรือเปล่า ทำไมผิดมาตรฐานพระเอกเหลือใจในบางที
ซึ่งในความประหลาดก็พอมีนางเอกมาทำให้มันพอดีอยู่บ้าง แม้เขาจะไม่ได้กลายเป็นผู้ชายแสนดี ยังมีภาคหน้ามึนอยู่ แต่เราก็จะเริ่มเข้าใจในความรักแบบพระเอกบ้าง ไร้กฏเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น ไร้ระเบียบวินัย คิดจะรักผู้ชายคนนี้คุณก็ต้องรับมือกับมนุษย์สุดติสต์แบบหลุดโลกได้เลยนะคะ เขาเปลี่ยนตัวเองมาเป็นผู้ชายแสนดีตามขนบธรรมเนียมนิยายไม่ได้ แบบที่รักและเข้าใจผู้หญิงสุดๆ อะไรทำนองนั้น
ส่วนที่อยากคอมเม้นท์สักเล็กน้อย คำผิดจริงๆ เจอไปคำเดียวค่ะ แต่ผิดคาดกับงานของแจ่มใส ที่หาคำผิดเจอยากมากนะคะ แล้วก็มาเจอคำยอดฮิตที่นิยมผิดกันเหลือหลาย ร่ำร่ำ ผิดอีกรายแล้ว เจอบ่อยจริงๆ นะคะช่วงนี้ เพราะเล่มนี้ก็ยังเขียนว่า ร่ำๆ อยู่เลยค่ะ เป็นดัชนีว่าคนเข้าใจคำนี้ว่าเขียนร่ำๆ ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
คำซ้ำๆ ที่ใช้บ่อยจนเฝือ นั่นก็คือคำว่า สมส่วนค่ะ พอพูดถึงนางเอกทีไร ร่างสมส่วนของเธอจะต้องตามมาเป็นประหนึ่งคำบ่งชี้ความเป็นนางเอกมาด้วย มีเธอต้องมีสมส่วน ไม่มีคำนี้ไม่ใช่นางเอกนะคะ สงวนไว้แด่เธอเท่านั้น จากแรกๆ ไม่สังเกตเห็น แต่ยิ่งอ่านไป ยิ่งมาตลอด อ่านแล้วบอกตรงๆว่ารำคาญคำว่าสมส่วนไปเลยค่ะ มีคำอื่นๆ ใช้อีกมากมาย เปลี่ยนคำบ้างก็ดีนะคะ จะสมส่วนไปถึงไหนกัน เมื่อต้องบรรยายถึงรูปร่างของนางเอก ถ้าจะไม่ผิดครั้งหนึ่งที่เคยอ่านเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่งของ Andra ฟีน่าก็เคยบ่นเรื่องการใช้คำเดิมซ้ำๆไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าคำว่าอะไร มาเล่มนี้เปลี่ยนมาเป็นสมส่วนแทน
ประเด็นครอบครัวนางเอก จบแบบไม่ค่อยจบเท่าไรในความคิดตัวเองนะคะ แล้วสุดท้ายพ่อนางเอกทำไง เมื่อความจริงเป็นแบบนั้น จบแค่ว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วอย่างอื่นล่ะ เมื่อความจริงเป็นแบบนั้น แล้วไงดีล่ะ จบกันแค่นี้จริงๆหรือ คนอ่านก็พยายามเดาเอาไปเรื่อยเปื่อยว่าอาจจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ แต่ไม่รู้จะเดาแบบไหนดี คือจบได้ไม่เคลียร์เลยในเรื่องครอบครัวนางเอกค่ะ
แต่เอาเป็นเรื่องให้เลือกเล่มที่ชอบสุดของชุดนี้ ต้องมนต์น้ำหนึ่ง ก็คงจะเป็นเล่มที่ฟีน่าชอบสุด พระเอกดูติสต์แตกสุดขอบโลก ประเภทที่ฟีน่าคงจะเป็นแฟนกับผู้ชายแบบนี้ไม่รอด คือเราก็ติสต์แตกพอกัน แต่ก็คงเหมาะกับผู้หญิงแบบนางเอกให้ชีวิตมันพอดีๆกัน เลยไม่ได้อิจฉาริษยานางเอกว่าดีใจจังได้ผู้ชายคนนี้เป็นแฟน คิดว่าเหนื่อยแทนเล็กน้อยด้วยซ้ำไป ดีตรงที่เขาสนใจแต่นางเอกคนเดียว คนอื่นไม่สนใจหรอก เล่มนี้ไม่มีปัญหาแบบต้องมนตร์เจ้าจันทร์ที่ได้คำตอบว่าอะไรทำให้สองคนนี้รัก มันมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เห็นว่าความรักเกิดขึ้นได้ แม้จะประหลาดๆ ไปบ้าง นางเอกดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป เข้มแข็งและมีเสน่ห์ในตัวเอง ซึ่งถูกชะตากว่าพระพายในเล่มแรกที่เกรียนและกระด้างลางไปสำหรับตัวเอง น้ำหนึ่งไม่ใช่คนแข็งแต่ก็ไม่อ่อนปวกเปียก ดูแลตัวเองในแบบที่กำลังดี ทำให้น้ำหนึ่งก็เลยถูกใจมากสุดล่ะ แต่ถ้าให้เทียบกับเล่มโปรดๆ อื่นๆ ของ Andra ฟีน่าก็ยังไม่ถือว่าปลื้มมากนักนะคะ คือพออ่านได้ แต่เสน่ห์ของพระเอกยังไม่โดนใจมากนัก จัดไว้ว่าอ่านได้ดีที่สุดในชุดแล้วล่ะคะ เนื่องจากเล่มอื่นไม่แนวกับเฉยๆไปเสียค่ะ