เขย่ารักมาเฟีย ตอน แผนเขย่าโลก
เมื่อก้าวเข้าสู่ฐานะผู้หญิงของมาเฟียแล้วรำไพพิมพ์ก็ไม่คิดจะถอยกลับ เพราะความรักจะทำให้เธอผ่านทุกอย่างไปได้และเธอเองก็แทบไม่เชื่อว่าความจริงแล้วทุกอย่างไม่ใช่แค่ความบังเอิญเมื่อศัตรูที่แท้จริงทั้งของเธอและเอเดรียนอาจเป็นคนคนเดียวยาวนานเกือบทศวรรษที่มันคือฝันร้ายของรำไพพิมพ์มาตลอดมันผลักเธอให้ต้องเก็บงำความเป็นแคทเธอลีน เชงไว้ภายใต้หลุมศพของคนที่ตายไปแล้วถึงแม้ว่าเธอจะไม่อาจกลับเป็นคนที่ควรเป็นได้อีกแต่ถ้าเธอกระชากหน้ากากอันชั่วร้ายได้ ก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เธอต้องสูญเสียไป
เพียงแค่สิ่งที่มันทำกับคาลาเบรียนก็ทำให้เอเดรียนทุ่มเททุกอย่างเพื่อตามล่าศัตรูในเงามืดอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำให้เอเดรียนยิ่งกว่าทนไม่ได้เมื่อสิ่งที่มีค่ามากกว่าอะไรก็คือรำไพพิมพ์ เมื่อมันคิดยุ่งกับผู้หญิงของเขาแล้วต่อให้ต้องให้ตามล่าหัวมันถึงนรกขุมไหนเอเดรียนก็จะทำ และเขาไม่สนว่าต้องจ่ายไปเท่าไรเพื่อความสำเร็จของแผนการ
เพราะรักเช่นเดียวกันที่ทำให้รำไพพิมพ์ทำได้ทุกอย่างแม้ว่าเดิมพันของมันจะสูงสักเพียงใด รำไพพิมพ์ก็พร้อมจะเสี่ยง ถ้ามันสามารถปิดเกมที่แสนอันตรายนี้ได้ในเร็ววันเธอเชื่อมั่นในตัวเองและนอกเหนือไปจากนั้นก็คือเอเดรียนผู้ชายที่จะปกป้องเธอจากโลกที่ต่างไปจากเธอคุ้นเคย
หากในอดีตเอเดรียนไม่รู้ว่าสิ่งใดหล่อหลอมเขาให้เป็นทุกวันนี้หากรำไพพิมพ์ได้ทำให้เขาได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความรักไม่ใช่การปกป้องไว้ในอ้อมกอดตลอดเวลา หากคือการเสริมปีกหางและความแข็งแกร่งให้กับคนที่เรารักต่างหากนั้นคือความรักที่เหมาะสมกับโลกแห่งคาลาเบรียน อำนาจที่มาพร้อมกับอันตรายดั้งนั้นคนที่จะก้าวเข้ามาเคียงข้างเอเดรียนจึงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาหากแต่ต้องเป็นรำไพพิมพ์เท่านั้น
เธอไม่ใช่เจ้าสาวผู้โชคดีไม่ใช่มาดามลูเธอร์ที่สมควรถูกอิจฉาเพียงเพราะว่าได้ครอบครองเอเดรียนแต่นี้คือภาระอันหนักอึ้งที่รำไพพิมพ์เต็มใจจะรับมันหากปราศจากผู้ชายที่ชื่อว่าเอเดรียน เธออาจเป็นได้แค่เงาของตัวเองไปจนวันตาย เมื่ออัจฉริยะนำมาทั้งความโชคดีและความโชคร้ายในคราเดียวกัน รักที่ยิ่งใหญ่จากผู้ชายคนนี้เป็นดั่งปีกของพญาอินทรีที่จะคุ้มครองและผลักดันให้รำไพพิมพ์ได้เป็นในสิ่งที่เธอควรเป็นมาตลอดชีวิตเช่นนี้แล้วเธอไม่มีอะไรจะตอบแทนเขาได้ทัดเทียมกัน ยกเว้นความรักและภักดีของเธอ
สำหรับเอเดรียนรำไพพิมพ์คือของขวัญที่ทำให้เขาได้รู้จักความรักที่แท้จริง เธอก้าวเข้ามาเติมเต็มความเย็นชาและว่างเปล่าที่เอเดรียนอยู่กับมาตลอดแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่สรรหาเรื่องปวดหัวหรือความวุ่นวายยุ่งเหยิงเข้ามาสู่ชีวิตเขาสักเพียงใดหากเอเดรียนก็มั่นใจว่ารำไพพิมพ์คือส่วนหนึ่งของหัวใจที่เขาไม่เคยตามหาหากมันถูกชะตาส่งเธอมาให้เขาในเวลาถูกต้องต่างหากและตอนนี้มันไม่ใช่ตอนจบของนิยายรักอันแสนหวาน หากมันคือจุดเริ่มต้นชะตาโลกใบใหม่ที่เธอต้องผ่านมันไปได้ด้วยปีกแห่งรักที่เข้มแข็งของเขามาดามรำไพพิมพ์ ลูเธอร์
ในที่สุดเล่มจบก็มาเสียทีค่ะ แต่ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมรูปเล่มยังไม่ออก แล้วฟีน่าไปอ่านมาจากไหน ไหนๆ หนูพรีมเธอก็วนเวียนในโลกไซเบอร์ ก็เลยต้องอ่านบนอีบุ๊คส์ไงค่ะจะได้ทันสมัยเหมือนกับนิยายเสียเลยค่ะ ทันอกทนใจคนที่รอมาเนิ่นนาน น่าจะสามปีได้ (คำนำคนเขียนบอกว่าเขียนเรื่องนี้มาสามปี) นานจนที่เรียกว่า นานกว่าป๋าจะได้แอ้มยัยหนูพรีมอีกนะคะ เพราะว่าคู่นี้เขาคบหาเป็นแฟนกันแค่ปีกว่าๆ เกือบสองปี แต่คนรออ่านนี้ปาเข้าไปสามปีได้ นานกว่าในนิยายเสียอีกค่ะ แต่เราก็ท่องไปว่าของดีรอหน่อยอะไรแบบนั้น แถมทำเป็นลืมๆ มันไป ปรากฏว่าลืมจริงๆค่ะ ลืมเนื้อเรื่องเล่มหนึ่งกับสองไปจนหมด ต้องอ่านใหม่หมดถึงได้อ่านเล่มสาม ไม่งั้นจะมีงงได้ ใครที่มาอ่านทีหลังก็ถือว่าได้เปรียบตรงไม่ต้องค้างแบบที่คนอ่านออนไลน์ทั้งหลายต้องพบเจอกันมาแล้ว
เล่มสามก็หมายความว่าเล่มจบแล้วนะคะ เราจะได้รู้เสียทีว่าใครและเพราะอะไร คาลาเบรียนของพระเอกจึงเป็นเป้าของการทำลายล้างครั้งนี้ และเมื่อนี้คือบทสรุปของนิยาย ถึงอย่างจึงต้องถูกขนเอามาใช้เล่นงาน ทั้งกลยุทธ์ กำลังคนและอาวุธทุกอย่างที่มี เรื่องว่าถึงเวลาปิดเกมได้แล้ว
ความพิเศษของเล่มนี้ที่นอกเหนือจากที่เราจะได้รู้ว่าใครคนจอมบงการ ก็คือสารพัดศัพท์แสงทางด้านคอมพิวเตอร์ที่จัดหนักกว่าเล่มอื่นค่ะ คนไม่คุ้นเคยด้านนี้มีงงได้นะคะขอบอก แต่สิ่งที่ฟีน่าค่อนข้างชอบเป็นพิเศษคือสิ่งที่มาพร้อมกับความรักที่เอเดรียนมีให้กับหนูพรีม คือเราก็รู้กันดีแล้วว่าสองคนนี้เขารักกันขนาดไหน แต่รักของเอเดรียนตั้งแต่แรกแล้วก็คือไม่ได้มองนางเอกเป็นตุ๊กตากระเบื้องบอบบาง แตกหัก เปราะบาง เอาไว้ควงคู่ออกงานให้ใครอิจฉาเล่นในความโชคดีที่ได้เมียสวย แต่คือการสร้างให้นางเอกแข็งแกร่งต่างหาก เอเดรียนรู้ดีว่าการเป็นผู้หญิงของเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสร้างอำนาจ และปีกอันแข็งแกร่งให้เธอด้วย เผื่อว่าสักวันหนึ่ง เขาจะไม่ได้อยู่ปกป้องผู้หญิงที่เขารักอีกแล้ว เพราะนี้คือโลกของมาเฟีย หนูพรีมจะปกป้องตัวเองได้ มันเป็นความรักที่ฟีน่าชอบมากกว่าการที่ผู้ชายจะเอาแต่กีดกั้นเธอไว้เป็นแค่ภรรยาผู้บอบบาง ถึงแม้ว่าหนูพรีมจะเป็นคนฉลาดหรือเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งกาจแค่ไหน แต่นั้นก็แค่โลกที่ไม่โหดร้ายอย่างที่เขาต้องเผชิญทุกวัน ซึ่งจะให้ปล่อยเธอไปจากชีวิตก็คงไม่ได้ เพราะตัวหนูพรีมเองก็ไม่ยอมออกจากชีวิตเอเดรียน เพราะเธอเลือกแล้วที่จะเดินทางนี้
ภาคสามจะมีความเข้มข้นของเนื้อเรื่องที่สุดของภาคค่ะ ไม่ใช่การต่อกรแบบที่เรียกว่าไร้ชั้นเชิง แต่มีการวางแผนเป็นขั้นตอนอย่างดี เพราะศัตรูในเงามืดก็ฝีมือไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่นั้นคงไม่หาญสู้มาคิดล้มคาลาเบรียนแบบนี้ แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆว่า บางทีฟีน่าก็งงนะคะ เพราะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์อะไรมากมายนัก บางช่วงที่เน้นเทคนิคมากหน่อยก็อ่านข้ามก็มีค่ะ คือก็ค่อนข้างงงแล้วว่า การแฮกอะไรทั้งหลายเนี่ยมันมีผลยังไงต่อการล้มฟิเดลคอร์ปได้ เรามันไม่ค่อยมีหัวทางด้านนี้เสียด้วยค่ะ ก็พยายามจินตนาการตามไปว่า ถ้าคนร้ายทำสำเร็จ ก็อาจจะทำให้ระบบภายในล่มก่อน ประมาณว่าไม้ใหญ่พังเพราะหนอนชอนไชจนไปถึงแก่นของต้นไม้ ไม่ว่าจะไม้ใหญ่แค่ไหนก็ล้มได้ ทำลายระบบงานเสีย ความวิบัติจะไปไหน อะไรแบบนั้น
สรุปว่านี้คือนิยายบู๊หรือนิยายรัก ก็ยังคงยืนยันว่านิยายรักค่ะ เพราะเล่มก่อน นางเอกได้ตัดสินที่จะเป็นผู้หญิงของมาเฟียทั้งกายและใจแบบนั้นแล้ว งานนี้ป๋าเอเดรียนแกเลยจัดเต็ม จัดหนักเลยค่ะ อ่านไปคนอ่านก็ริษยานางเอกกันเป็นพักๆนะคะ เห็นกันชัดเจนแจ่มแจ๋วมากกว่าทุกเล่มเลยทีเดียวว่าป๋ารักหนูพรีมมากแค่ไหน แต่รักของเอเดรียนคือรักแบบคนในโลกมาเฟียที่เรารู้สึกว่าใช่เลย ต้องแบบนี้เลยล่ะ ตัวหนูพรีมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ภายนอกเธอจะเป็นแค่คู่หมั้นสาวน้อย แต่เธอก็ทำให้คนทุกคนรู้ว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งมาดามลูเธอร์แค่ไหน คู่นี้เขาสมกันเป็นกิ่งทองใบหยกขนานแท้ ซึ่งถ้าเล่มสองฟีน่ามีใจเอนเอียงไปสนใจอีกคู่หนึ่ง เล่มสามนี้ความสนใจของเรื่องอยู่ที่ป๋าเอเดรียนกับหนูพรีมคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเลยค่ะ เล่มนี้เอาอยู่กว่าเล่มสองสำหรับตัวเองนะคะ
เนื้อเรื่องจะลุ้นระทึกตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ แม้ว่าเราจะรู้ตั้งแต่กลางเล่มแล้วว่าใครคือคนร้ายตัวจริง แต่ก็อยากรู้ว่าจะจัดการกับคนร้ายยังไง เมื่อต้องต่อสู้กันด้วยไหวพริบทางเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งบทสรุปของมันก็รู้ๆกันว่าแน่นอนฝ่ายพระเอกต้องชนะ หากแต่มันก็ทำให้รู้เลยว่าคนอย่างเอเดรียนเนี่ยไม่ใช่หมูที่จะให้เคี้ยวง่ายๆ เขาคือมาเฟียที่เข้มแข็งขนาดไหน การลงดาบชี้เป็นชี้ตายตอนท้ายทำให้รู้เลยว่าคาลาเบรียนภายใต้การนำของเอเดรียนมีเขี้ยวเล็บที่น่ากลัวจนไม่แปลกใจที่ว่าตัวเอเดรียนและหนูพรีมจะมีความน่าหวั่นใจ หากคิดจะกุมอำนาจทั้งหมด เพราะเอเดรียนมีสรรพกำลัง ส่วนหนูพรีมมีสมองอัจฉริยะที่ทำงานเกื้อกูลกันมากมาย
อ่านมาจนสามเล่ม ใครที่อ่านก็คงไม่ได้คิดอยู่แล้วจะต้องเจอนิยายแนวสำเร็จรูปหลายๆ แบบที่เราเจอ ตั้งแต่มุกนางอิจฉาคลาสสิค เพราะแม้ว่าจะมีสาวๆ หลากหลายคนพยายามที่จะเป็นนางอิจฉาทั้งแบบไทยและฝรั่ง แต่ก็ถูกจัดการเก็บกวาดไปด้วยความฉลาดของทั้งนางเอกและพระเอก ไม่มีมุกมางี่เง่าด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนั้นเลยค่ะ กลับกลายเป็นว่าบางทีสงสารพวกหล่อนด้วยซ้ำไปที่เป็นแค่หมากบนเกมของการชิงชัยนี้ เพราะป๋าเอเดรียนและหนูพรีมมีความมั่นคงต่อความรักสูงมาก อาจจะออกอาการหึงหวงบ้าง แต่ก็เป็นธรรมดาของคนรักกัน แต่ไม่ได้ทำให้เสียงานแต่อย่างใด และรู้สึกดีที่ไม่เล่นมุกผู้ชายทุกคนต้องรุมรักนางเอก เพราะภาคนี้จะมีตัวละครหนึ่ง ที่ทำให้ฟีน่ามาลุ้นว่าจะมาหลงรักนางเอกอีกไหม ปรากฏว่าไม่ รอดตัวไปค่ะ เพราะค่อนข้างเบื่อแนวที่ผู้ชายทุกคนต้องรุมรักนางเอกคนเดียว อะไรกันจะสเป็คเดียวกันหมดทั้งเรื่อง น่าเบื่อมากค่ะ พอรู้ว่าไม่ได้คิดกับนางเอกแบบนั้นก็ดีหน่อย
จริงๆฟีน่าก็ควรพูดถึงอีกตัวละครสำคัญที่เขาปรากฏตัวตั้งแต่เล่มสอง แต่ว่าจะสปอยส์เกินไปว่าเขามีความสำคัญอย่างไร เพราะอะไร ก็เลยไม่เลือกจะพูดถึงมากค่ะ แต่พูดได้ว่า นี้คืออีกตัวละครสำคัญในเรื่องที่เป็นการเปิดภาคไปสู่อีกภาคหนึ่งกันเลยนะคะ บางคนอาจจะเชียร์เขากับหนูพรีมบ้าง แต่ฟีน่ามั่นคงในการนั่งข้างป๋าหญ้าคาสุดๆ ดังนั้นพ่อหนุ่มคนนี้จึงเป็นแค่หญ้าอ่อนที่โคสาวแบบหนูพรีมให้ได้ความเป็นเพื่อนจนตาย
เข้ามาสู่ภาคบ่นสักนิด ไหนๆมาถึงเล่มจบล่ะ ถ้าไม่บ่นมันจะเป็นตัวปลอม ปัญหาใหญ่ของการชุดนี้ทั้งหมดคือคำผิดค่ะ เป็นอะไรที่เจอเยอะเอาการเลยล่ะ และเป็นคำผิดที่ไม่ใช่คำผิดที่เป็นคำยากๆ แต่กลับกลายเป็นคำพื้นฐานเสียด้วยซ้ำไป คำแรกที่เจอก็คือ ปรานี แต่เรื่องนี้กลับเขียนด้วยคำว่า ปราณีตลอดทั้งเล่ม ทั้งๆที่สองคำนี้ไม่ได้มีความหมายเดียวกันเลย ที่ถูกต้องใช้คำว่า ปรานี อย่างคำว่า เมตตาปรานี เพราะว่าปราณีที่ใช้ในเล่ม แปลว่า ผู้มีลมหายใจ ผู้มีชีวิตนะคะ
คำต่อไปที่เห็น จุณ แต่ในเรื่องกับใช้จุล อย่างตอนบ้านถูกไฟไหม้เป็นจุณ กลับกลายเป็นเขียนว่า ไหม้เป็นจุล พอดีเลยว่าฟีน่ากำลังนั่งคุยกับน้องๆ ที่ตรวจงาน พูดถึงคำว่า จดกับจรด ว่าต้องใช้คำไหนถูกต้อง ก็เลยได้ทีคุยถึงคำว่า จุณกับจุลขึ้นมาในวงสนทนา จุณ นั้นแปลว่า ละเอียดเป็นเศษเล็ก เศษน้อย เป็นคำนามที่ใช้ได้เลย อย่างเช่น แหลกเป็นจุณ แต่คำว่า จุล แปลว่า เล็ก ซึ่งมันดูไม่ต่างจากคำว่า จุณ ต้องไหน แต่จุล เป็นคำวิเศษณ์ที่เอาไว้ขยายคำนาม ไม่ใช่เป็นคำนามที่ใช้ได้เลย เมื่อ จุล คือคำวิเศษณ์ที่ใช้ขยายนาม ก็จะใช้แบบนี้ จุลศักราช จุลพน มากกว่า ไม่ได้เอามาเป็นคำนามบอกว่าสิ่งเหล่านั้นกลายสภาพเป็นเช่นไรไปแล้ว อันนี้ต้องขอบคุณวงสนทนาที่คุยกันถึงเรื่องภาษาไทย ทำให้สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมถึงเป็นจุณ ไม่ใช่จุล คือตัวเองรู้ว่าควรใช้คำว่าอะไร แต่ไม่ได้ลึกไปถึงว่า จุณ คือคำนาม จุล คือคำวิเศษณ์
นอนแบ็บ ไม่ใช่นอนแบ่บ คือคาดว่าที่เขียนว่านอนแบ่บ คงเป็นการทดสอบผันเสียงตามการออกเสียงกันแน่เชียว จากนอนแบ็บถึงได้กลายเป็นนอนแบ่บไปแทน และส่วนตัวรู้สึกว่ามันมีคำผิดอีก แต่ลืมไปว่ามีคำไหนอีก จะกลับไปหาก็หาไม่เจอเสียแล้วค่ะ ดังนั้น เรื่องคำผิดจึงเป็นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของหนังสือชุดนี้เลยค่ะ เพราะค่อนข้างเยอะ
แต่ในภาพรวมของเรื่องเป็นเช่นไร บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า ฟีน่าค่อนข้างปลื้มกับชุดนี้นะคะ เพราะความที่รู้สึกว่าพระเอกเป็นมาเฟียแบบจริงจัง ไม่ได้ลอยชายไปมาแล้วบอกว่าฉันคือมาเฟียแต่ปาก หากการกระทำตั้งแต่เล่มแรกจนเล่มสาม มันทำให้เราคล้อยตามและเชื่อเลยว่าเอเดรียนคือมาเฟียตัวร้าย ที่ใครก็ไม่ควรไปคิดต่อกรกับเขาเลยแม้แต่น้อย ความเย็นชา โหดเหี้ยม เด็ดขาดของเอเดรียนมีอย่างเต็มเปี่ยมและทวีความร้ายเข้าไปอีกเมื่อสิ่งนั้นเกี่ยวพันกับหนูพรีม ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนของเขา ใครแตะต้องนางเอกสิ่งเดียวที่ได้รับคือการลงโทษอย่างแสนสาหัส หากในความร้ายก็ยังมีความรัก เอเดรียนไม่ใช่ผู้ชายที่ปากหวานอะไรเลย แต่คำพูดของเอเดรียนหลายๆคำ มันซึ้งกินใจ อย่างตอนที่เอเดรียนบอกกับหนูพรีม ว่าเธอเป็นหัวใจของเขา ถึงเขาจะติดปีกให้เธอเป็นเหยี่ยวที่โผบินบนท้องฟ้าได้ แต่เธอก็ต้องรู้จักหลบลมพายุ หาที่กำบัง ซึ่งอ่านก็รู้ว่าที่กำบังหมายถึงตัวเขาเอง เขาไม่ได้สอนให้นางเอกแกร่งเกินไป เพราะยังมีเขาคอยคุ้มครองเธออีกชั้นหนึ่ง หนูพรีมจะได้มีชีวิตที่เธอควรเป็น ไม่ต้องรับภาระที่หนักอึ้งจนเกินไป
แต่ความรักของเอเดรียนก็ไม่ใช่รักจนหลงไม่ลืมหูลืมตา เพราะเมื่อไรที่หนูพรีมออกนอกลู่ นอกทาง เขาก็มีบทที่จะสอนให้หนูพรีมเข้าใจว่าตัวเธออยู่ตรงไหนของการเป็นมาดามลูเธอร์ แม้บทเรียนนั้นมันจะโหดเหี้ยมแค่ไหน เขาก็ไม่ลังเลจะทำ เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้เธอสัมผัสความโหดร้ายของคาลาเบรียนจนต้องเป็นเหมือนเขา แต่เขาแค่อยากให้เธอเข้มแข็งโดยที่มีเขาคุ้มครองเธอก็พอ เพราะคนเช่นหนูพรีมมีสมองที่อัจฉริยะมากกว่าจะเอามาใช้ในการเป็นมือสังหาร คือคนที่จะดูแลหนูพรีมได้ดีที่สุดก็คือเอเดรียนคนนี้คนเดียวจริงๆค่ะ และต่อให้หนูพรีมแต่งงานแต่งการไปแล้ว เธอก็ยังเป็นเธอ มีความแสบแบบเด็กๆที่ทำให้เอเดรียนปวดหัวได้เป็นพักๆ แต่ก็น่ารักดีนะคะ ความสดใสแกมเจ้าเล่ห์ของเธอเป็นสีสันในชีวิตของเอเดรียนแล้วล่ะ
สำหรับคนที่อยากอ่านนิยายแนวมาเฟีย ที่เป็นมาเฟียจริงๆนะคะ ไม่ง๊องแง๊ง ลอยไปลอยมาแบบว่า ข้าเป็นมาเฟีย แต่คนอ่านสงสัยว่ามาเฟียอะไร ฟีน่าแนะนำเลยค่ะ นอกจากต้องสู้กันด้วยเรื่องอิทธิพล กำลัง อาวุธ ยังต้องสู้กันด้วยความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ไปด้วย ซึ่งทำให้ศัตรูของพระเอกมีค่าควรแก่การต่อกรเป็นที่สุด ไม่ใช่โจรกระจอก คิดทำอะไรด้วยแผนตื้นเขินไร้สาระจนงงว่าแบบนี้มันจะมาสู้อะไรกับองค์กรใหญ่แบบพระเอกได้ มันต้องวางแผนกันมาเป็นอย่างดีแบบนี้ล่ะ แม้ว่ามูลเหตุจูงใจสุดท้ายแล้วมันจะผลิกโผมากไปสักนิดหนึ่งก็ตามทีนะคะ คือไม่คิดเลยว่าเพียงแค่นี้จริงๆ ก็มีอึ้งๆ นิดหน่อย แต่นะคนร้ายมันก็คงมีแรงจูงใจตรงนี้ล่ะ หล่อเลี้ยงให้พยายามแก้แค้นมานานนม และเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแต่มุมของการต่อสู้ บู๊ล้างผลาญเท่านั้น ยังให้อารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งรักแบบหนุ่มสาว รักที่เหมือนพ่อกับลูก รักของคนในปกครอง รักของเพื่อน รักในรูปแบบของน้องที่ไม่เคยมี เรียกว่ามีครบกันเลยทีเดียว แต่ทุกรักที่เหมือนกันก็คือ รักที่จะสอนให้คนที่เรารักเติบโตและยืนอยู่ด้วยตัวเองได้ เมื่อพบก็ต้องมีพรากเป็นธรรมดา คนที่จะอยู่กับเราได้ก็มีแค่เพียงตัวเราเท่านั้น เราต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ก่อนหวังพึ่งคนอื่น
จะว่าไปเขย่ารักมาเฟียจะเรียกว่าจบบริบูรณ์หรือเปล่า ก็พูดได้ในระดับหนึ่งนะคะ เพราะคนที่ต้องการทำลายคาลาเบรียนก็ถูกเก็บไปแบบเรียกว่าสมฐานะการจัดการคนแบบมาเฟียตัวพ่อ แต่เรื่องราวของมันยังทิ้งปมบางอย่างเอาไว้เพื่อไปต่อสู้ภาคต่อไปค่ะ แม้ว่าพระเอก นางเอกจะเปลี่ยนคนแน่นอน หากแต่ตัวละครก็ยังคงมีเอเดรียน หนูพรีมและหลายตัวเข้าไปวิ่งเล่นแน่นอนค่ะ เพราะความลับของหนูพรีมบางยังต้องไปสืบหากันต่อภาคหน้านะคะ แต่เราก็อ่านสามเล่มนี้จบได้เรียบร้อยสมบูรณ์ดี อย่างที่แฟนคลับอย่างฟีน่าต้องการค่ะ ในที่สุดป๋าเอเดรียนก็ได้หนูพรีมมาเป็นมาดามลูเธอร์ตัวจริง เขาเก็บกวาดทุกอุปสรรค ปัญหาที่คิดจะบ่อนทำลายตัวเขาจนเรียบร้อย แถมเสริมกำลังให้เธอ และยังปกป้องเธอจากทุกอย่างได้แบบนี้แล้วไม่ก็คงไม่แปลกที่จะรู้สึกว่าค่อนข้างกรี๊ดกับเล่มนี้นะคะ มันให้ความรู้สึกความรักแบบมาเฟียจริงๆ รักที่ฉลาดมองคนออก จนเอเดรียนได้เพชรที่ชื่อว่ารำไพพิมพ์มาครอบครองค่ะ เขย่ารักมาเฟียก็เลยเป็นอีกเรื่องที่ฟีน่ารู้สึกในตอนอ่านแล้วเพลงwind beneath my wings ของป้าBette Midlerดังขึ้นในหัวเลยค่ะ ยิ่งช่วงท่อนที่บอกว่า
Did I ever tell you you're my hero?
You're everything, everything I wish I could be.
Oh, and I, I could fly higher than an eagle,
'cause you are the wind beneath my wings,
มันก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ นี้ล่ะผู้ชายของฉัน ผู้ชายที่ปกป้องฉันได้ คนที่ผลักดันฉันไปสู่ตำแหน่งมาดามแห่งคาลาเบรียน มิสเตอร์เอเดรียน คาบุคซี่ ลูเธอร์