มุมพักผ่อนของคนอยากเขียน
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 

เพียงเปิดใจ 24

บทที่ 24


กลับมา




    อิทธ์เข้ามาดูคลินิกตัวเองเป็นระยะ ตอนนี้เป็นคนจากบริษัทของก้องภพเข้ามาจัดการปรับปรุงซ่อมแซมให้อยู่ เมื่อวันก่อนเขาไปส่งน้องนนท์และทิพย์สุดาที่สนามบินโดยไม่ลืมโทรแจ้งข่าววิสุทธ์เพราะรู้ว่าหม้ายสาวตั้งใจไม่บอกอดีตสามีจนวินาทีสุดท้าย และตอนนี้ทั้งเขาและวิสุทธ์ก็เป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย


    และช่วงนี้เขาจงใจหลบหน้าสาวตัวเล็กจนกว่าแผลที่ใบหน้าเขาจะหายดี


    หลังเลิกงานจากโรงพยาบาลเขาก็เข้ามาดูความคืบหน้าของคลินิก ซึ่งถ้าตีเป็นเปอร์เซ็นต์จากสายตาประมาณไว้ก็น่าจะอยู่ที่แปดสิบได้แล้ว ชายหนุ่มเข้าไปคุยกับทีมงานที่กำลังตาสีให้ใหม่สองสามประโยคแล้วก็ต้องหันไปตามเสียงประตูทางเข้าที่เปิดกว้างเข้ามา ก้องภพและพีร์ธาดา


    “อ้าวไอ้หมอ เจอกันได้ซะที ข้ามาทีไรก็สวนกับเอ็งตลอด” ก้องภพเดินยิ้มทักทายเพื่อนก่อนสะดุดอะไรที่ใบหน้าขาวๆ ของมัน “เฮ้ย ไปกัดกับหมาที่ไหนมาวะ”


    อิทธ์หลบสายตาเพื่อนเฉมองไปทางอื่นไม่ตอบคำถาม


    ซึ่งปฏิกิริยานี้คนอย่างก้องภพรู้ได้โดยพลันว่ามันกลัวแฟนเขารู้นั่นเอง “พีชรู้เรื่องแล้ว ข้าเล่าให้ฟังแล้ว ปิดไม่ได้หรอกโหดกว่าไอ้คุณต้นอีกกูไม่อยากตายก่อนแต่ง ตอบมาได้ล่ะว่าไปโดนใครต่อยมา”


    “เกียร์มัวนะเอ็งเนี่ย...เจ้าเดิม เขาแค่ทิ้งทวน” อิทธ์ไหวไหลไม่สนใจ เพราะยังไงเรื่องก็จบไปแล้วจริงๆ


    “ใครวะ ไอ้เจ้าเดิมของมึงเนี่ย ทำตัวมีความลับตลอด”


    “อย่ารู้เลย” อิทธ์ชักสงสัยขึ้นมา ถ้ามันบอกแฟนมันแล้ว แล้วอีกคนล่ะมันบอกไปหรือยัง “แล้วเอ็งได้บอกอินเปล่า”


    “ฮือ อ๋อ ไม่ได้บอก ข้าว่าเรื่องนี้เอ็งอธิบายเองดีกว่า”


    พีร์ธาดาพยักหน้าเห็นด้วยกับแฟนหนุ่ม “พี่หมอก็บอกมันเองนะ นั่นไง บอกมันเลยแล้วกัน พีชกับพี่ก้องก็จะอยู่แถวนี้แหละ” แล้วก็พเยิดหน้าไปทางอินทิราที่กำลังเปิดประตูเข้ามา ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่หมอ


    “หน้าพี่ยังไม่หายเลยนะพีช”


    ทั้งคู่อยากจะหัวเราะก็ทำไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ที่เห็นพี่หมอครวญเหมือนคนกลัวอะไรมากขนาดนั้น...กลัวไอ้อินนี่เอง


    อินทิราสะดุ้งตัวเมื่อสบตาเข้ากับหมอหน้าขาวจั๊วะ และแน่นอนหน้าขาวๆ แบบนี้แหละที่มันโชว์รอยฟกช้ำดำเขียวได้ดีนักแล เธอขมวดคิ้วลงเมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นมามันไม่น้อยเลย หญิงสาวใช้มือสัมผัสไปยังมุมปากชมพูเข้มของเขาอย่างลืมตัว ไล่สายตาไปตามจุดต่างๆ ที่เกิดรอยช้ำแล้วถามออกไปอย่างเลื่อนลอย “ไปโดนอะไรมา”


    อิทธ์จับมือที่สัมผัสอยู่ที่มุมปากเขา ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอ ก่อนจูงมือหายเข้าไปในห้องทำงานตัวเอง ไม่นำพาสายตาอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มบุคคลที่สามทั้งหลาย




    อิทธ์ใช้เวลาหลายนาทีอธิบายเรื่องทั้งหมดให้หญิงสาวฟัง เน้นหนักๆ ก็ตรงไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่กับแม่ของเด็ก แต่ทุกครั้งที่เขาพูดชื่อแม่เด็กไปเขาก็จับแววตาเจ้าหล่อนได้ว่ามันมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ อันที่จริงเขาก็พอจะรู้ว่าถ้าเขาเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังร้อยทั้งร้อยก็ต้องคิดว่าเขาคิดไม่ซื่อกับแม่เด็ก


    “อินไม่เชื่อพี่”


    อินทิราเลิกคิ้วยิ้มให้แทนคำตอบ เธอยังคงไม่พูดอะไร


    ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองไปมา เม้มปากแน่น “พี่คิดว่าอินรู้ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา...พี่ไม่เคยมีใคร” แต่ความเงียบจากหญิงสาวยังคงแพร่ออกมาอย่างน่ากังวล “พี่รออินได้เสมอ เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีพี่ก็ยังเหมือนเดิม”


    “พอเถอะพี่อิทธ์ อินไม่อยากฟังแล้ว ให้อินบรรยายมั้ยว่าอินรู้สึกยังไงบ้าง! ” อินทิราตัดบทกระแทกเสียงใส่ “อินอยากเชื่อ...อยากเชื่อคำอธิบายของพี่ แต่อินเชื่อไม่ได้ พี่อิทธ์รู้ไหมว่าภาพวันนั้นมันยังติดตาอินอยู่เลย” หญิงสาวหยุดสนทนาพยายามอย่างหนักไม่ให้น้ำตาของความเจ็บปวดมันไหลออกมาทำร้ายจิตใจเธอได้อีก


    “พี่เข้าใจ แต่พี่ต้องทำยังไงอินถึงจะเชื่อพี่ ทุกอย่างที่พี่พูดมันคือเรื่องจริง” อิทธ์ก้าวเข้าไปหาพร้อมทำสิ่งที่ไม่เคยทำกับคนที่เขารักมาก่อน ทั้งที่เขาควรจะทำตั้งแต่ต้น “อินมองตาพี่ อินคิดว่าพี่โกหกมั้ย”


    อินทิราเลี่ยงการมองตากับเขา เธอกลัวที่จะใจอ่อนแม้หัวใจจะร่ำร้องเรียกหาเท่าไหร่ก็ต้องต้านไว้ แต่เมื่อไม่สามารถต้านแรงความต้องการของหัวใจไม่ไหว หญิงสาวค่อยๆ เลื่อนสายตาไปสบเข้ากับตาสีนิลคู่นั้นช้าๆ สายตาที่เรียบนิ่งเสมอ แต่แปลกที่เธอกลับรู้สึกว่ามันดูอ่อนโยนเหลือเกินยามมองเธอ


    “พี่ไม่เคยมองใครแบบนี้ กับเรื่องราวในวันนั้นพี่ ‘ไม่เคย’ และ ‘ไม่คิด’ จะทำอะไรแบบนั้น อินครับ...อินน่าจะรู้ว่าพี่เป็นคนอย่างไร พี่รู้ว่าอินเจ็บปวด แต่พี่ก็เจ็บปวดเหมือนกันที่อินไม่เชื่อพี่ อินหันหลังให้พี่” อิทธ์เน้นประโยคแต่ละคำอย่างช้าๆ ผ่านปากบางของเขา “พี่คงไม่ขอให้อินลืมเรื่องวันนั้นไปซะ หรือให้อินเชื่อพี่อีกต่อไป”


    สิ้นประโยคจากปากของคนตรงหน้าเธอก็รู้สึกได้ว่าหัวใจเธอหล่นวูบหายจมไปอยู่ตาตุ่มทันที ร่างกายชาแข็งขึ้นมา แค่ประโยคสั้นๆ ที่มันสื่อว่าที่ผ่านมาเธอทำตัวยังไงกับเขาแค่นั้น ทำเอาหญิงสาวตกใจและหวาดกลัว ไม่ เธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้


    แม้อยากจะต้านทานคลองจักษุไม่ให้ทำงานแค่ไหน แต่เธอก็มิอาจต้านสายน้ำให้ไหลย้อนกลับได้ ก่อนอินทิราจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ทบทวนทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ชีวิตนี้มีแต่คนให้และคนตามใจมาทั้งชีวิต เพียงเพราะเจอเรื่องไม่คาดฝันก็ทำใจยอมรับมันไม่ได้ เป็นฝ่ายปิดหูปิดตารับรู้แต่เพียงความคิดของตัวเอง นี่เธอควรจะดีใจที่กาลเวลาทำให้เธอคิดอะไรได้มากขึ้น แต่มันกลับสายไปที่เธอจะทิ้งทิฐิลงแล้วกลับไปหาเขาเหมือนเดิมใช่ไหม...


    อิทธ์ยิ้มเล็กน้อยค่อยๆ ประคองใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาของคนตัวเล็ก ก้มลงไปยิ้มใส่เธออย่างเปิดเผยแต่ดูเหมือนคนขี้แยจะไม่ยอมสบตากับเขา “ร้องไห้ทำไม”


    เสียงสะอื้นดังขึ้นเข้าไปอีกหลังเขาถามขึ้น อิทธ์ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นก่อนบรรจงใช้หัวแม่มือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเบาๆ ไล้นิ้วมือไปตามแก้มแดงระเรื่อ ลูบไล้อย่างแผ่วเบาดวงตาจ้องไปยังปากอิ่มอย่างถวิลหา ชายหนุ่มก้มลงไปใกล้ใบหน้าที่คุ้นเคยใกล้ขึ้นมีเพียงอากาศกั้นอยู่เป็นชั้นบางเพียงไม่ให้จมูกได้สัมผัสกัน “คิดถึง รัก กลับมารักกันเหมือนเดิมนะ...อดีต มันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะ...เนอะ”


    อินทิราเปิดเปลือกตาขึ้นสบเข้ากับดวงตาเรียวสีนิลของคนตรงหน้าอย่างจัง เธอเพิ่งรู้สึกว่าหน้าเขากับเธอมันใกล้กันมาก ใกล้ชนิดที่ว่าฝ่ามือเพียงฝ่าเดียวถึงรอดไปได้ ก่อนที่หญิงสาวจะดีดตัวออกห่างก็ถูกคนตัวโตโอบเอวแล้วดึงตัวเข้ามาใกล้ อินทิราตัวแข็งเหมือนถูกแช่ไว้ด้วยความตกใจอย่างรุนแรง แต่เดี๋ยวสิ นั่นยังไม่ใช่ประเด็น ไอ้ที่พี่อิทธ์พูดเมื่อกี้ว่าอะไรนะ


    อิทธ์พยายามกลั้นยิ้มเมื่อคนตาโตอยู่แล้วยิ่งโตเข้าไปอีกเพราะความตกใจ “เบื่อแล้ว ไม่อยากง้อแล้ว ตั้งห้าหกปีมันนานเกิน ถ้าอินไม่ตกลงกับพี่ก็อยู่แบบนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน”


    “ห๊ะ! ” อินทิราตกใจปนงงมากขึ้นไปอีก หัวใจที่ตอนแรกลงไปอยู่ตาตุ่มวกกลับขึ้นมาอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว พร้อมเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะกระเด็นออกนอกอก


    “รักมาก”


    อะไรของเขา เมื่อกี้ยังคนละอารมณ์อยู่เลย ชักตามไม่ทันแล้วนะ! แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยตอบอะไร เสียงทุ้มจากคนตรงหน้าก็ดังขึ้นมาก่อน “ไม่รอแล้ว”


    แล้วสรรพสิ่งรอบข้างก็นิ่งไป เมื่อชายหนุ่มก้มลงไปสัมผัสกับปากอิ่ม ริมฝีปากที่โหยหามาเนิ่นนานทำให้เขาอดเห็นแก่ตัวที่จะฉวยโอกาสสัมผัสอย่างเร่าร้อน จนเมื่อหญิงสาวเริ่มต่อต้านเขาจึงค่อยๆ ปรับจูนจากความร้อนแรงมอบรสใหม่ให้อย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล พร้อมทั้งถ่ายทอดความรักที่เขามีให้มาตลอดผ่านกลีบปากของเธอ สาวในอ้อมกอดจึงเลิกดิ้นวาดแขนโอบรอบคอเขาพร้อมรับรอยจูบอย่างเต็มใจ


    อิทธ์ถอนริมฝีปากอย่างเชื่องช้า มองเข้าไปในดวงตากลมที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบ ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่รักอิน เรากลับมารักกันนะครับ”


    อินทิราก้มหน้าหลบสายตาหวานที่ส่งมาให้เธอ เม้มปากเข้าหากันแน่น เธอไม่เคยลืมเขาได้เลย ไม่เคยลืมสัมผัสนี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว และที่สำคัญเธอไม่เคยหยุดรักและหยุดคิดถึงเขาคนนี้ได้แม้แต่สักวินาทีเดียว ทั้งที่ใจโหยหาเขาขนาดนี้แล้วใยจะดื้อแพ่งต่อไปให้ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อเธอก็รักและเขาก็รักเธอเองเช่นกัน


    คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ไล้เล่นไรผมท้ายทอยของชายหนุ่ม ช้อนตากลมโตใสขึ้นสบกับตาเรียวสีนิล “มีหลักประกันอะไรให้อินมั้ย”


    อิทธ์ดึงตัวคนตัวเล็กเข้าสู้อ้อมกอดทันที เขาทนทุกข์มาหลายปีดีดักแล้ว วันนี้แหละจะเป็นวันที่เขาเริ่มใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เสียที “หัวใจพี่ พอจะค้ำประกันให้ได้ไหมครับ”


    “น้ำเน่า” อินทิรายิ้มร่า นั่นสิแล้วเธอทนทุกข์เพราะความดื้อรั้นไปได้ยังไงตั้งนานสองนาน ทั้งที่ความสุขต่างหากที่ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งกายและใจ


    “พี่รักอินนะ”


    “อินก็รักพี่อิทธ์เหมือนกัน”




    ช่วงเย็นปลายสัปดาห์พวกเขานัดกันตามประสาชาย(เคย)โสดสามคน และโสดอย่างมั่นคงอีกหนึ่งคนที่ร้านของอัทธ์ ถกกันตามประสาเพื่อนฝูงที่ไม่ค่อยได้เจอกัน


    กรกฏขึ้นมาประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทที่จัดขึ้นทุกไตรมาศ โดยปกติแล้วเขาไม่มีส่วนร่วมอะไรหรอกที่เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นก็แค่เพียงในนาม เพื่อให้ไอ้เพื่อนสองคนมันจดทะเบียนตั้งบริษัทจำกัดได้เท่านั้นเอง วันนี้พวกมันว่าครบองค์ประชุมเลยนัดสังสรรค์กันนิดหน่อย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้พาภรรยาและลูกขึ้นมาด้วย


    “คุณพลอยเป็นไงบ้างคุณปิง เห็นว่าท้องสองแล้วคลอดยัง” อิทธ์ถามขึ้น เพราะเขาเพิ่งจะได้เจอเพื่อนหนุ่มก็วันนี้หลังไม่ได้เจอกันมาเกือบปี


    “เจ็ดเดือนครึ่งแล้วคุณอิทธ์ พรุ่งนี้ข้าก็กลับไปแล้วล่ะ ห่างนานแล้วพาลใจไม่ดีเอา” สรรพนามที่พวกเขาสองคนใช้เรียกกันก็คงต้องย้อนไปเมื่อสมัยมอปลายนู่น แต่จำได้ลางๆ ก็เพียงว่าเพราะเขาไปเรียก ‘คุณ’ ก่อน อิทธ์ก็เลยเรียกเขา ‘คุณ’ ตาม แล้วก็ติดมาถึงทุกวันนี้


    “ปิงรู้เปล่า ไอ้หมอมันกลับไปคืนดีกับไอ้เด็กเอาแต่ใจแล้วนะ” ก้องภพใช้ก้นขวดเบียร์สะกิดไปที่แขนเพื่อน ยักคิ้วลิ่วตาให้จำเลยที่กำลังชักสีหน้าใส่เขา...ก็เพราะไปเรียกแบบนั้นกับเด็กมันไง “โอ้ ผมลืมตัวไปครับ ต้องน้องอินทิราคนสวยสิถึงจะถูก”


    กรกฏยิ้มขำกับลีลาของเพื่อนหนุ่ม “ข่าวดีเลยคุณอิทธ์ สมหวังสักทีนะ แล้วก็ยินดีกับเอ็งด้วยไอ้ก้องจะแต่งแล้วนี่”


    “งานนี้ต้องขอบใจเอ็งว่ะไอ้ปิง เพราะหากเอ็งได้แต่งกับพีชจริงๆ ข้าต้องมองตาละห้อยกินแห้วไปตลอดชีวิตแน่เลยว่ะ”


    นั่นเรียกเสีกหัวเราะจากทั้งวงเป็นอย่างดี


    “อัญชลีไม่มาด้วยเหรอ”


    “ไอ้คุณปิงครับ ผมรวมหนุ่มๆ นะครับ จะลากสาวมาด้วยทำไม” อัทธ์ที่นั่งเงียบมานานเปิดปากพูดขึ้น


    ก้องภพพูดสวนขึ้นทันควัน “พูดถึงลี วันก่อนพีชบอกว่าลีแสดงความยินดีกับพีชด้วยว่ะ”


    “แล้วไง” อัทธ์ถามต่อ


    ชายหนุ่มตบเข่าตัวเองดังป้าปอย่างขัดใจ “เอ็งคิดว่าคนอย่างลีจะเข้ามาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวลีไม่ชอบเหรอวะ”


    ทั้งวงพยักหน้าพร้อมกัน อัญชลีเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่แรงในด้านความรู้สึกมาก หล่อนจะไม่เห็นหัวใครเลยหากคนนั้นโดนประเมินค่าติดลบให้สายตาของหล่อน ซึ่งทั้งพีร์ธาดาและอินทิราก็เข้าข่ายในนั้น


    “ระวังหน่อยแล้วกัน พวกข้าก็ทำอะไรมากไม่ได้ ยังไงนั่นก็เพื่อนกันมานาน” อัทธ์เอื้อมมือไปตบไหล่เพื่อนเบาๆ “จะแต่งแล้ว มันคงไม่มีอะไรหรอก”


    “โอ๊ย แบบนั้นก็ดีสิวะ มันสังหรณ์ใจยังไงชอบกล พีชยังพูดแบบเดียวกับข้าเล้ย” ว่าจบก็ซดเบียร์ในมือแก้อาการฟุ้งซ่าน “ว่าแต่เอ็งเถอะ เมื่อไหร่จะมีกับเขามั่งวะ”


    “มีอะไร” อัทธ์ถามต่อหน้ายิ้ม


    “แควนครับแควน ลอยหน้าลอยตาหว่านเสน่ห์พร่ำเพรื่อ อายุเข้าเลขสามแล้วคุณ หาแม่ของลูกได้แล้ว” ก้องภพพูดสั่งสอนเพื่อน


    “โอ้โห คุณก้องภพ รู้สึกว่าตั้งแต่คุณจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนนี่ปากดีขึ้นเยอะนะครับ ทีแบบนี้กล้าทำมาเป็นสอนกูนะ วีรกรรมของมึงกูไม่เคยลืมนะครับคุณก้องภพ” อิทธ์พูดนำเสียงหัวเราะที่เหลือของเพื่อนและแฝด


    “แหมคุณ กูก็โตขึ้นแล้ว เล็บลายอะไรกูก็ให้ว่าที่เมียกูจัดการไปหมดแล้วครับ กูถึงมีหน้ามาสอนมึงไงครับไอ้คุณอัทธ์”


    “อภริยา ปรมาลาภาครับ”


    “อะไร” ทั้งหมดพร้อมใจกันถามขึ้นอย่างสงสัย


    “การไม่มีภรรยาเป็นลาบอันประเสริฐ”


    ทั้งวงหัวเราะครืดอีกครั้งแล้วบอกแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า “แล้วกูจะคอยดู”




    พีร์ธาดาขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะเท่าที่นับๆ ดูนี่เป็นครั้งที่สามในรอบอาทิตย์แล้วที่ยัยคุณอัญชลีโผล่หน้าโผล่ตามาที่ออฟฟิศ สร้างความว้าวุ่นให้ที่ทำงานอย่างมากโดยเฉพาะพวกผู้ชาย มันพูดจาล่อแหลมกันมันปากเลยทีเดียว หญิงสาวไม่ว่าหรอกหากเจ้าหล่อนจะเข้ามาแสดงความยินดีอย่างที่ปากพูด หรือจะเอาเรื่องงานมาบังหน้าอย่างปากว่า หากไม่เพราะหล่อนเล่นหายหน้าหายตาเข้าไปในห้องทำงานของแฟนหนุ่มนานสองนาน


    แล้ววันนี้แหละเธอจะหาข้ออ้างเข้าไปเสนอหน้าฟังการสนทนามั่ง


    พีร์ธาดากดโทรศัพท์ภายในเข้าไปหาก้องภพ ถามว่าเธอเข้าไปได้ไหมมีงานจะเสนอ ข้ออ้างชั้นยอดก็คือเรื่องงานนั่นแหละ แล้วมีหรือคนอย่างก้องภพจะไม่รู้ว่าสุดที่รักของเขาคิดอย่างไร


    และแล้วเธอก็ได้เข้ามายืนในห้องทำงานของก้องภพที่ตอนนี้มีทั้งตัวเจ้าของห้องและยัยคุณอัญชลีนั่งปรึกษาอะไรบางอย่างกันอยู่


    “พีชมาพอดี เดี๋ยวเราจะให้พีชช่วยดูให้อีกแรงนะ เพราะตรงนี้เราไว้ใจพีชมากกว่าตัวเราเองอีก” ก้องภพกระเทิบตัวเองให้คนมาใหม่ลงมานั่งข้างๆ เขาบนโซฟาในห้อง


    “สวัสดีค่ะคุณอัญชลี มีอะไรให้ช่วยก็บอกเต็มที่นะคะไม่ต้องเกรงใจ” แล้วเธอก็รับมุขของแฟนหนุ่มอย่างไหลลื่น ก็ตอนแรกอุตส่าห์หาข้ออ้างว่าจะมาเสนองานสักหน่อย


    “พอดีฉันอยากได้โทนสีสว่างๆ หน่อย ยังไงรบกวนช่วยเข้าไปดูที่ออฟฟิศให้หน่อยนะ เพราะอีกหน่อยฉันก็คงกลับมาอยู่นี่ถาวรแล้ว”อัญชลีจิ้มสีที่ตัวเองเลือกให้พีร์ธาดาดู “เห็นคุณวินบอกพรุ่งนี้เธอจะเอาไปเสนอแบบเหรอ”


    เรื่องนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักเพราะพีร์ธาดาคิดว่าวิฑูรย์กับอัญชลีน่าจะสนิทกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน เอาง่ายๆ ระยะหลังที่เธอเข้าไปคุยแบบคร่าวๆ กับลูกค้ารายนี้ก็มีอันต้องเจอทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอด “ค่ะ มีอะไรหรือเปล่า...คะ” เกือบลืมว่าต้องพูดกับลูกค้าดีๆ ไปแน่ะ


    “เปล่า” ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ก้องภพเอ่ยปากถามขึ้น “ก้อง จะเที่ยงแล้วเราไปหาอะไรกินดีมั้ย”


อ้าว แล้วฉันล่ะ มันยังไงกันวะคะเนี่ยยัยคุณอัญชลี หญิงสาวรู้สึกได้เลยว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้ามันกระตุกๆ ความไม่พอใจเริ่มไต่ระดับขึ้นมา ยังดีที่ไอ้พี่ก้องมันไม่บ้าจี้ทำตามคำขอของยัยคนนี้


    “ขอบายนะลี พอดีเรากับพีชนัดไอ้หมอกับยัยอินไว้แล้ว ไว้วันหลังนะ” ก้องภพยิ้มมุมปากให้เชิงขอโทษ


    “อิทธ์กับอิน...กลับมาคบกับแล้วเหรอ” อัญชลีอดถามขึ้นไม่ได้ อย่างน้อยเขากับเธอก็เคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาก่อน อีกอย่างเธอก็รู้ว่าที่สองคนนั้นมีปัญหากันมันก็เกิดขึ้นเพราะเธอเป็นคนสร้างมาให้ทั้งคู่นั่นแหละ


    “ใช่” พีร์ธาดากระแทกเสียงตอบ ทำไมยัยผู้หญิงคนนี้ถึงทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำที่ตัวเองก่อเลยนะ “พี่ก้อง จะไปแล้วก็เรียกพีชนะ ออกไปบรีฟงานกับไอ้พวกนั้นก่อน”


    ก้องภพมองตามหลังพีร์ธาดาไป แล้วหันมายิ้มอย่างเพื่อนให้อัญชลี “ลี เราจะแต่งงานแล้วนะ”


    “ก็แค่จะนี่ก้อง” อัญชลีไหวไล่ตอบหน้าเรียบไม่รู้สึกอะไรกับคำบอกของผู้ชายคนนี้ “ลีไปก่อนแล้วกัน ไว้วันหลังจะเข้ามาคุยด้วยใหม่”


    ชายหนุ่มแทบจะกุมขมับ พร้อมทั้งอยากจะเลื่อนงานแต่งงานให้เป็นวันพรุ่งนี้ไปเลย ไม่ใช่ต้องรออีกตั้งสามอาทิตย์!



    “อะไรนะ! อัญชลีโผล่ไปที่บริษัทสามครั้งในรอบอาทิตย์แล้ว” อินทิราวางช้อนดื่มน้ำดับความรุ่มร้อน คิดเหมือนเพื่อนว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ “ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่ไปนี่”


    “ก็ใช่ไงแก มันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยว่ะ” พีร์ธาดาพยักหน้าเห็นด้วย เรื่องแบบนี้เอามานั่งเม้าท์ เอ้ย ปรึกษาเพื่อนเห็นจะดีที่สุดแล้ว


    “เข็มแข็งไว้แล้วกันพีช อย่าไปดิ้นตามเขา” อิทธ์ที่นั่งเงียบๆ โพลงขึ้นมาเล่นเอาคนข้างตัวถึงกับตีแขนด้วยความไม่พอใจ


    “ว่าอินใช่ไหมพี่อิทธ์”


    “พี่พูดไปตามประสบการณ์ที่เจอมา” อิทธ์ส่งยิ้มเอ็นดูให้กับคนช่างงอน “เราก็อยู่ส่วนเรา เขาก็อยู่ส่วนเขา ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร”


    “พูดเหมือนอัญชลีเป็นผีเลยนะพี่หมอ” พีร์ธาดาหัวเราะคิก “แล้วถ้าเขามายุ่งกับเราล่ะ”


    “ก็ไม่ต้องไปเต้นตามเขา” อิทธ์ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มมองไปทางก้องภพที่ดูท่าทางจะนั่งเงียบอยู่แบบนั้น “พี่กับก้องรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยยังไง เจอกันมาแล้วทั้งคู่ ให้แนะนำมั้ย”


    “อะไร” ก้องภพถามขึ้นมาอย่างอยากรู้


    “ไปจดทะเบียนกันซะสิ เรื่องแต่งก็แค่รอฤกษ์อย่างเดียวเองไม่ใช่เหรอ”


    “เออดี/ไม่เอา” เสียงดังพูดขึ้นมาพร้อมกัน แล้วเจ้าของเสียงก็หันมามองหน้ากัน เป็นพีร์ธาดาที่ชิ่งบอกเหตุผลก่อน


    “ได้ไงพี่ก้อง บอกพ่อกับแม่พีชไว้ว่าไง ไม่เอาหรอกพีชไม่ยอม”


    “โธ่พีช ถ้าเรามีทะเบียนสมรส ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลแบบนี้หรอก”


    “ไม่เอา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราไปห้ามเขาไม่ได้นี่ ถือเป็นการพิสูจน์ก็แล้วกันนะ”


    “พี่ล้อเล่น” อิทธ์ยิ้มขึ้นเมื่อแหย่ทั้งคู่ได้สำเร็จ แล้วพูดต่อขึ้นกลั้วเสียงหัวเราะ “ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกน่า ลีโตขึ้นแล้วนะ ดูเด็กแถวนี้สิยังโตขึ้นได้เลย”


    “ว่าอินอีกแล้วนะพี่อิทธ์” อินทิราตีแขนคนชอบอำเบาๆ ก่อนหรี่ตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิด พร้อมพูดสิ่งที่อยู่ในใจเพื่อนขึ้นแทรกบ


    สนทนาออกมาให้ทุกคนฟังแทน “ไอ้พีชมันก็ไม่ยอมใช้ ‘นาง’ นำหน้าไปจนวินาทีสุดท้ายเหมือนกันแหละพี่ก้อง”


    รู้ดีเหลือเกินนะไอ้อิน พีร์ธาดาทำได้เพียงส่งค้อนไปให้เพื่อน




    พีร์ธาดานัดกับวิฑูรย์เพื่อจดรายละเอียดต่างๆ เพราะเธอจะเริ่มทำงานให้เขาแล้วหลังจากเคลียร์งานทุกอย่างลงตัว ช่วงบ่ายหลังวิฑูรย์เข้ามาพบเธอที่ห้องคอนโดของเขาซึ่งตอนนี้ยังคงโล่งเตียนอยู่ กำหนดแบบคร่าวๆ ที่ตนต้องการกับหญิงสาว อีกอย่างเขามีเวลาไม่มีนักเพราะติดนัดลูกค้าอยู่อีกจึงพยายามบอกเฉพาะจุดหลักที่สำคัญๆ


    “ห้องนั่งเล่นผมอยากได้เป็นโซฟาเบดนะครับ” วิฑูรย์เอ่ยบอกพีร์ธาดาเมื่อเห็นแบบคร่าวๆ ที่หญิงสาวร่างมาให้เขาดู


    “เน้นตรงไหนอีกมั้ยคะ พีชจะได้ดูให้ทีเดียวเลย”


    “ผมชอบที่คุณพีชร่างมาให้ดูแล้ว พวกเฟอร์นิเจอร์แบบบิลด์อินที่คุณพีชเสนอผมก็เห็นด้วย เอ้อ เตียงผมขอเป็นแบบติดพื้นนะครับ”


    “โอเคค่ะ ได้เลย สีเอาเป็นแบบไหนดีคะ”


    “ขอเป็นโทนดาร์คครับ เทาๆ อะไรพวกนี้ได้ยิ่งดีเลย ผมชอบสีเทา” วิฑูรย์ยิ้มตอบคำถามเธอที่เดินนำเขาเข้าไปยังพื้นที่ห้องนอนที่บัดนี้ยังคงโล่งอยู่


    “คุณวินชอบสีเทาเหรอคะ เหมือนพีชเลย พีชว่ามันเป็นสีกลางๆ ดี ไม่มีขาว ไม่มีดำ มีแต่สีเทา ส่วนผสมที่ลงตัวทั้งการมองโลก การใช้ชีวิต พอดีโลกของพีชมันไม่คัลเลอร์ฟูลค่ะ” พีร์ธาดาหัวมายิ้มตาหยีเอียงคออธิบาย


    วิฑูรย์ยิ้มตอบ “ครับ” ยิ่งเขาได้ทำงานกับเธอมันทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งความคิดความอ่าน ทั้งหน้าตาที่สวยจนบาดตาเขาอีก


    “เดี๋ยวอีกสองวันพีชจะเริ่มเอาของมาลงเลยแล้วกันค่ะ คาดว่าไม่เกินสองอาทิตย์ทุกอย่างจะเรียบร้อยค่ะ”


    “ครับ ขอบคุณครับ”


    “โอ๊ย มาขอบคุณทำไมคุณวิน พีชทำเพราะเงินนั่นแหละ”


    นี่ไง เพราะเป็นคนตรงๆ เฮฮาแบบนี้นั่นแหละ มันถึงสะดุดตาเขานัก วิฑูรย์หัวเราะกับคำพูดแหย่ของเธอ




    แปลก แปลกมาก มันต้องมีอะไรแน่ๆ


    ก็เพราะว่าวันนี้เธอและทีมงานเข้ามาจัดการห้องในคอนโดของวิฑูรย์ ส่วนห้องทำงานที่ออฟฟิศของอัญชลีเธอฝากงานไว้กับเพื่อนร่วมงานอีกคนของเธอให้เข้าไปจัดการดูแลแทน แล้วทำไมอัญชลีถึงโผล่มาที่ห้องของคุณวินได้ยังไงล่ะนี่


เมื่อไหร่จะหนีแม่นี่พ้นสักทีนะ


    “จะเสร็จแล้วนี่” อัญชลีที่เดินไปเดินมาอย่างกับเป็นเจ้าของห้องพูดลอยๆ ขึ้นมา


    “นี่มัน” พิภพหนึ่งในเพื่อนร่วมงานสะกิดพีร์ธาดากระซิบเบาๆ อย่างแปลกใจ “ใช่คนที่มาหาพี่ก้องบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอวะ”


    “เออ แปลกใจเหมือนกัน” พีร์ธาดาทำเป็นไม่สนใจจัดนู่นจัดนี่เหมือนเดิม “ทำงานของเราเหอะ อย่าไปสนใจเขาเลย”


    “จะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ”


    พีร์ธาดาขมวดคิ้วให้ตัวเองแล้วปรับสีหน้าก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่ยืนกอดอกพิงประตูห้องนอนมองเธออยู่ “อีกสองอาทิตย์” แล้วเธอก็หันกลับไปกำกับทีมงานที่เปรียบเป็นเพื่อนร่วมงานเหมือนเดิม


เด็กบ้า ไม่รู้จักเคารพกันบ้างเลย อัญชลีรู้สึกหงุดหงิดระคนไม่พอใจ ยิ่งเดี๋ยวนี้เธอหาเรื่องไปพบก้องภพบ่อยก็ยิ่งทำให้ยัยเด็กคนนี้กร้าวใส่เธอเท่านั้น ขนาดเธอเป็นลูกค้ายังไม่พูดจากับเธอดีๆ เลย...แต่อย่าหวังว่าคนอย่างอัญชลีจะแคร์ “แล้วนี่ล่ะจะเสร็จเมื่อไหร่”


    “ไม่เกินสามวัน” พีร์ธาดาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แล้วหันไปคอมเพลนเพื่อนร่วมงานเมื่อรู้สึกว่าพรมที่เธอสั่งไปกับพรมตอนนี้มันคนละสีกัน “เฮ้ย ทำไมพรมผืนนี้...ขาวจั๊วะเลยนะมึง จำได้ว่ากูสั่งสีไข่ไก่ไปนี่หว่า” เวลาเธออยู่กับกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่เกือบทั้งหมดเป็นผู้ชาย การพูดจาไม่สุภาพถือเป็นเรื่องปกติ


    “คร้าบๆ คุณบอสคนสวย พวกกระผมผิดไปแล้ว พอดีพวกกระผมก็เพิ่งมาเห็นนี่แหละครับ กระผมสั่งไปตามที่คุณบอสบอกเดี้ยะ สงสัยที่ร้านจะจัดมาผิดคร้าบ กระผมจะจัดให้นะคร้าบคุณมึง เอ้ย คุณบอส” พิภพสับหัวเป็นจังหวะขอโทษอย่างที่คิดว่า จริงใจและจริงจังที่สุดแล้ว


    “ดีมากจ๊ะ จัดการให้ด้วย”


    “หยาบคาย” เสียงบ่นแผ่วเบามากจากด้านหลังของพีร์ธาดา ทำให้หล่อนหักห้ามใจให้หันไปยิ้มหน้าบานตาหยีแทนคำตอบไม่ได้


    ขอบคุณค่ะ โอ้นี่แทบจะถอนสายบัวตามเลยนะนี่ แต่เธอเลือกหันไปยิ้มเบาๆ ให้ อ่ะ กรอกตาขึ้นให้ดูอีกที


    “แล้วนี่คุณวินจะเข้ามากี่โมง” เสียงเดิมถามขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้พีร์ธาดาชักเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นตามลำดับ


    ยัยผู้หญิงคนนี้งานการไม่มีทำหรือไงนะ แต่ก็ต้องเอ่ยตอบไปเสียไม่ได้ “ไม่รู้” ที่จริงเธอน่าจะรู้มากกว่าฉันนะอัญชลี นี่ก็ทำได้เพียงคิดในใจเพราะขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด...จะทำงานโว้ย


    และเธอก็ต้องทนทำงานโดยที่มีผู้หญิงที่ชื่ออัญชลีรวมอยู่ด้วยจนเลิกงาน




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553
4 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 1:56:00 น.
Counter : 676 Pageviews.

 

ลงตอนต่อไปอาทิตย์หน้าเลยนะคะ แต่ช่วงไหนก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความว่าง :)

แต่ก่อนปีใหม่ยังไงได้อ่านตอนจบของนิยายเรื่องนี้แน่นอนค่ะ

คริสมาสต์&ปีใหม่ เมาอย่าขับนะคะ เพราะด่านมันเยอะ ฮา


รักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ผู้เขียนยังหวัดลงคออย่างต่อเนื่อง

 

โดย: ตุยเหมี่ย 25 ธันวาคม 2553 1:59:42 น.  

 

 

โดย: deeplove 25 ธันวาคม 2553 10:21:18 น.  

 

เฮ้ออออออออลุ้นจนตัวโก่ง ลงเอยกันซะทีหมออิทธ์กับน้องอิน อยู่กับความเจ็บปวดมานานแสนนาน // มารอดูกันต่อไปว่าคุณลีจะมาไม้ไหน เหมือนคลื่นใต้น้ำยังไงก็ไม่รู้ อีดอัดแทนพี่ก้องกับน้องพีชจังเลย...

Merry Christmas ขอให้มีความสุขมากๆ นะค่ะ
พระอวยพรค่ะ

 

โดย: เอิงเอย IP: 118.172.37.140 25 ธันวาคม 2553 10:35:23 น.  

 

สวัสดีจร้า ชื่อหนิง น่ะจ๊ะ

 

โดย: ning.ple 25 ธันวาคม 2553 14:36:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตุยเหมี่ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"ดากร" ... ณ ตอนนี้ขอเปลี่ยนนามปากกาเป็นชื่อนี้แล้วนะคะ

นามปากกานี้เป็นการดึงชื่อจริงของตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ว่าเข้าไปนั่น)

เหตุที่เปลี่ยนก็เพราะว่า รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่เอานางเอกของเรื่องมาทำเป็นนามปากกา มันเขินบวกรู้สึกชาที่หน้าแบบบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้

ดากร ... จำไม่ยากหรอกค่ะ ดากร
< /embed>

Friends' blogs
[Add ตุยเหมี่ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.