หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
พรหมวิหารสี่ ตอนที่ 2


พรหมวิหารสี่ ตอนที่ 2


สำหรับคำแนะนำ ในการเจริญ พระกรรมฐานในวันนี้ ก็จะขอนำ เอาเรื่องของ พรหมวิหาร 4 มาแสดง แก่บรรดา ท่านพุทธ บริษัทสำหรับพรหมวิหาร 4 นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นพระกรรมฐานกลางจริงๆตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่าพรหม วิหาร 4 ย่อมเป็นกำลังของฌาน เป็นอาหารของศีล เป็นอาหารของฌาน และ เป็นอาหารของวิปัสสนาญาณ ทั้งนี้ รู้ว่าพรหม วิหาร 4 เป็นกรรมฐานเย็น คือ ต้นเหตุของกรรมฐาน พรหมวิหาร 4

1. เมตตา ความรัก เมื่อเรามีความรักที่ไหน ต่างคนต่างรักกันใจก็เย็น

และ ข้อที่ 2. พรหมวิหาร 4 ที่เรียกกันว่า กรุณา มีความสงสาร ถ้าทุกคนต่างคน ต่างมีความสงสารเกื้อกูล ซึ่งกันและกันสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ก็เป็นอารมณ์เย็นความเร่าร้อนมันก็ไม่มี

ประการที่ 3. มุทิตา พรหมวิหารมีปัจจัยให้เกิด ความไม่อิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน มีการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และก็มีใจดี คือ ยินดีในเมื่อบุคคลอื่นได้ดี เมื่อเห็นใครเขาได้ดีแล้ว เราก็ยินดีด้วย ดีใจด้วย พร้อมรับเอาความดีของผู้ทรงความดี และมาปฏิบัติ เพื่อผลของความดีของตน อันนี้ อีกประการหนึ่งเป็นปัจจัย ให้มีความเยือกเย็น

แล้วก็ประการที่ 4. พรหมวิหาร 4 มี อุเบกขา คำว่า อุเบกขา ในที่นี้ แบ่งเป็นหลายชั้น ขอพูดสั้นๆ ไว้ก่อน นั้นก็คือ มีอาการวางเฉยต่ออารมณ์ที่เข้ามากระทบใจ หมายความว่า ใครเขาจะด่า เขาจะว่า เขาจะนินทา เราก็เฉยจิตสบาย ใครเขาจะชม ใครเขาจะสรรเสริญ เราก็เฉยไม่รู้สึกอีก ไม่รู้สึกลอย ไปตามคำถ้อย คำของบุคคลนั้น จิตใจมีความเป็นปกติไม่ขึ้นไม่ลงไม่ หวั่นไหว อย่างนี้ก็เป็นอาการของความสุข

รวมความว่า พรหมวิหาร 4 นี่เป็นอารมณ์ เป็นปัจจัยให้เกิดความสุข นี่การบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนา เราทำกันเพื่อความสุข คือ สุขทั้งที่มีชีวิตอยู่แล้วก็สุขเมื่อตายไปแล้ว เมื่อเรามีชีวิตอยู่เรามีความสุขตายไปเกิดที่ไหนก็ตามมันก็มีความสุข ฉะนั้น พรหมวิหาร 4 นี้จึงเชื่อว่า เป็นอาหารใหญ่สำหรับใจ ในด้านของความดี คนที่มีพรหมวิหาร 4 สมบูรณ์ ย่อมมีศีลบริสุทธิ์ คนที่มีพรหมวิหาร 4 สมบูรณ์ ก็ย่อมมีฌานสมาบัติตั้งมั่น คนที่มีพรหมวิหาร 4 สมบูรณ์ ต้องอาศัยใจเยือกเย็น ปัญญาก็เกิด

เมื่อพูดเพียงเท่านี้หวังว่า บรรดาท่านพุทธบริษัทที่มีกำลังใจ ใช้ปัญญาก็จะได้ทราบชัดว่า พรหมวิหาร 4 นี้เป็นพื้นฐานของ ความเป็นพระอริยเจ้าแน่นอน แต่ว่าก่อนที่จะพูดอะไรอย่างอื่น ก็ขอเตือนบรรดา ท่านพุทธบริษัทไว้ก่อนว่า การเจริญสมาธิ คำว่า สมาธิก็คือ การตั้งใจ จงตั้งใจไว้ ในเขตของความเป็นพระอริยเจ้า อย่าตั้งใจส่งเดช มันจะเสียเวลาขาดทุนเปล่า การตั้งใจว่า ในเขตของความเป็นพระอริยเจ้าก็คือ

1. คิดไว้เสมอว่า ชีวิตของเราจะต้องตาย และความตายไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมายไม่มี เวลาวันเวลาแน่นอน คนเกิดก่อน ตายทีหลังคนเกิดทีหลังก็ถมไป คนเขาเกิดพร้อมเรา เขาตายไปก่อนเรา ก็ถมเถไป จงคิดว่า ความตายจะมีแก่เราในวันนี้ แล้วก็พยายามสั่งสมความดีนั่นคือ ใช้ปัญญาพิจารณา ความดีของพระพุทธเจ้า ความดีของพระธรรม ความดี ของพระอริยสงฆ์ พิจารณาดูว่าควรเคารพนับถือไหม แล้วก็ต่อไป ตั้งใจทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์ สำหรับศีลนี้ เป็นศีลของพระโสดาบันกับสกิ ทาคามี สำหรับพระเณร ต้องทรงศีล ตามฐานะของตนให้บริสุทธิ์ และก็มีจิตรักพระนิพพาน เป็นอารมณ์ จุดที่เราจะรู้ว่าเรา เป็นพระโสดาบันหรือไม่ ก็อยู่ที่กำลังใจ ทรงศีลหรือเปล่า ถ้าศีล 5 ของเราไม่บกพร่อง ใจรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ท่าน เป็นพระโสดาบัน

นี่การทรงสมาธิจิตนี้จะต้องทรงไว้ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าไปนั่งภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อิติปิโส ภควา ส่งเดช อย่างนั้นนะเป็น ของดีไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่าดีไม่มาก หมายความว่า ดีอย่างนั้น เราก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏฏะไม่มีที่สิ้นสุด จงเอาจิตจับจุดที่เราจะเกาะเข้าถึงพระนิพพานไว้ อันดับแรก อย่างน้อยที่สุด ในชีวิตนี้ก็ควรจะได้พระโสดาบัน

ถ้าจิตใจของบรรดาท่านทั้งหลายคิดว่า การทรงความเป็นพระโสดาบันตามที่กล่าวมาแล้วเมื่อกี้นี้ มีอยู่ในกำลังใจของท่าน หลังจากนั้นก็ก้าวไปจับจุดอรหันต์เลย คือ มีกำลังใจ คิดว่าเราจะตัดกามฉันทะ ความพอใจในเพศด้วย เอาอสุภกรรมฐาน กับกายคตานุสสติ เราจะตัดความโกรธด้วย อำนาจพรหมวิหาร เราจะไม่ยึดถือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ร่างกายของเรา ร่างกายของชาวบ้าน และวัตถุธาตุต่างๆ ว่าเป็นเราเป็นของเรา เมื่อยังทรงชีวิตอยู่ เราต้องหาเราต้องใช้ ตายไปแล้วก็เลิกกัน ไม่ต้องการอะไรกับมัน

ขอบรรดา ท่านพุทธบริษัททุกท่านตั้งใจไว้อย่างนี้ จึงจะสมกับเจตนา ที่องค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตั้งใจบำเพ็ญบารมีมาเพื่อสอนเราต้องใช้เวลา 4 อสงไขยกับแสนกัป

สำหรับต่อนี้ไปก็จะได้พูดถึงพรหมวิหาร 4 ความจริงสิ่งนี้เป็นของไม่ยาก พรหมวิหาร 4 หรือว่าอะไรก็ตามความจริงจิตของเรา มันคบกับความเลวมามาก ที่ว่าคบกับความเลวมามาก มันไม่ได้หมายความ จะคบแต่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว เราเกิดกันมานับชาติไม่ถ้วน ถ้าจะใช้เวลาเป็นอสงไขยกัป มันก็นับอสงไขยกัป ไม่ได้แน่นอน เพราะเวลานี้ การเกิด การชาติ เราผ่านมาแล้ว ทุกระยะมันไม่มีการสิ้นสุด เกิดเป็นมนุษย์ มันก็เป็นทุกข์ เกิดเป็นสัตว์ ไนอบายภูมิก็เป็นทุกข์ เกิดเป็นเทวดา หรือพรหม ก็ยังมีอารมณ์ไม่หมดทุกข์ ถ้าสิ้นบุญวาสนาบารมี ก็จะต้องกลับมาเกิดเป็นคน และเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุร กาย สัตว์เดรัจฉานวน ไปเวียนมาอย่างนี้ มันก็ไม่มีอาการหมดทุกข์ นี่เราทุกข์กันมาหาที่สุดไม่ได้แล้ว

เวลานี้มาพบศาสนา ขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ทรงชี้ทางให้เราหมดทุกข์ คือ ก้าวเข้าไปสู่พระนิพพาน แม้ว่าเริ่มต้น อย่าลืม อย่าทิ้งอานาปานุสสติกรรมฐาน เป็นการควบคุมอารมณ์ให้ทรงตัว และก็อย่าลืมความตายอย่าลืมเคารพในคุณพระรัตนตรัย อย่าลืมทรงศีลให้บริสุทธิ์ อย่าลืมนึกถึงพระนิพพาน เป็นอารมณ์ ว่าเราตายคราวนี้ เราจะไปพระนิพพาน หาว่าเราบ้าเราบอก็ชั่ง การบ้าเพื่อแสวงหาความดี ก็เป็นการสมควร ถ้าบ้าเพื่อแสวงหาความชั่วไม่ควรบ้า ถ้าจะบ้าไปนิพพานนี่พยา ยามบ้าให้มากมันจะได้มีความสุข แต่นี้ดินแดนแห่งพระนิพพาน ที่เราจะไปจุดสำคัญจุดใหญ่ อยู่ที่พรหมวิหาร 4

ต้องฝืนกันหน่อยนะ สำหรับกำลังใจ เพราะว่าใจเรา มันชั่วมานาน ชั่วเพราะอำนาจกิเลส ตัณหาอุปาทาน และอกุศลกรรม กิเลส คือ อารมณ์วุ่นวาย ที่ไม่ตั้งอยู่ในความดี ตัณหา มีความทะยานอยากแบบโง่ๆ อยากลักอยากขโมยเขา อยากฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต อยากแย่งคนรัก อยากโกหกมดเท็จ อยากดื่มสุราเมรัย ตะเกียกตะกาย หาที่สุดมิได้ ด้วยความโลภนี่ มันอยากเลว ตัณหา คือ ความอยาก นี่ตัณหามีกิเลส เข้ามาช่วย ก็เลยอยากแบบนั้น อุปาทานยึดมั่นด้วยกำลังใจว่า ทำอย่างไรเป็นของดี จึงเกิดการกระทำความชั่วขึ้น ที่เขาเรียกว่า อกุศลกรรม จึงทำด้วยความไม่ฉลาด เราจึงมีความลำบาก มาถึงวันนี้ ต่อนี้ไป เราตัดทิ้งมันเสียเถอะ อานาปานุสสดิกรรมฐาน พยายามทรงไว้ให้จิตอยู่ในขอบเขต

ที่เราต้องการมาพิจารณา คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพิชิตมารนั่นก็คือ เมตตาความรัก ในพรหมวิหารข้อที่ 1 ความจริง เป็นของง่ายนะ แต่ว่าการแผ่เมตตาความรักเรามีความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอว่า เราไม่เป็นศัตรูกับใคร ในโลกนี้ โลกหน้าโลก ผี โลกเทวดา โลกนรก โลกสวรรค์ โลกพรหม เราไม่เป็นศัตรู กับใคร ทั้งหมดคิดเสียว่า อะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้นกับเรา ทั้งๆที่เราทำความดี แต่ว่าผลสนองให้กับเราเป็นปัจจัยแห่งการเร่าร้อน นั่นถือว่าเราใช้หนี้กรรมเขาไปชาตินี้เราไม่ได้ทำเขา ชาติก่อนเราคงทำเขา เมื่อเขาจะมารับผลของเขาคืน คืนเขาไป ตามอัธยาศัย ใครเขาจะด่า เราก็เฉยยิ้ม เพราะเราไม่ได้ มีโอกาสใช้หนี้ แล้วใครเขาจะนินทา เรายิ้มใครเขาจะกลั่นแกล้งก็ช่าง ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี

นอกจากนั้น ก็มีจิตน้อมไปในความเมตตาว่า โอหนอคนทั้งหลายเหล่านี้ ทำไมจึงได้โง่อย่างนี้ ถ้าเขาด่าเราแล้วก็เราด่าตอบ เขาจะมีความสุข หรือความทุกข์ เราเป็นมิตรกับเขา เขามีความสุข เพราะเรากับเขารักกัน แต่ถ้าว่า เขาประกาศตน เป็นศัตรูกับเรา เราก็ไม่ประกาศตน เป็นศัตรู แต่ว่า ตัวเขาเหล่านั้น เขาจะมีความสุขไหม เขาก็มีความทุกข์ เพราะว่า เขาคิดว่า เราเป็นศัตรูกับเขา เขาจะต้องระแวงอันตราย ที่เราจะทำกับเขานั้น แสดงว่า เขาสร้างความทุกข์ของเขาเอง คนเลวกิน ไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะว่า การประกาศตนเป็นศัตรูกับคนอื่น บางทีคนอื่นยังไม่คิดจะทำอันตรายเขา แต่เขาคิด เขาคิดว่า คนที่เขาด่าไว้ เขาว่าไว้ เขานินทาไว้ เขากลั่นแกล้งไว้ จะทำอันตรายกับเขา คนประเภทนี้ ใจของเขาไม่มีความสุข ใจเขา มีรู้สึกอย่างไร เราไม่เกลียด เราถือว่า เขาเป็นทาส ของความชั่ว ความชั่ว เป็นนายของเขา คือ กิเลสตัณหา อุปาทาน และ กฎของผลกรรม

แทนที่เราจะเกลียดเราก็รักในด้านของความกรุณา เมตตา คือ ความรักมีอยู่ สงสารเขาว่า เขากับเราเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บ ตายเหมือนกัน เขารักสุข แต่ทำไมเขาทำเหตุของความทุกข์ ก็เพราะว่า เขาเป็นคนโง่ หรือดีไม่ดี เขาก็เป็นคนบ้า โบราณ ท่านบอกว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา นี่เราไม่ถือคนบ้า เราไม่ว่าคนเมา เราไม่โกรธเขา ถึงแม้ว่าเขาจะโกรธ เราก็ มีความเมตตาปรานีในเขา แต่ทว่าจงระวัง ในขณะใดที่เรา ไม่สามารถที่จะสงเคราะห์ ให้เขาเข้าใจในความดีได้ ตอนนั้น เราต้อง งดเว้น อย่าไปแนะนำ อย่าไปสรรเสริญ อย่าไปให้การช่วยเหลือ เพราะว่า อารมณ์ของเขา เศร้าหมอง ถ้าเราไปทำ อย่างนั้นเขาจะคลั่งมาก เขาจะหาว่า เราประชดประชัน ตอนนี้ที่โอกาสเราช่วยเขาไม่ได้ เราก็วางเฉยด้วยอำนาจของอุเบก ขาใจเราก็เป็นสุข ถ้าเขาด่ามา เขาแกล้งมา ใจเราไม่โกรธเราก็ควรจะภูมิใจว่า คุณธรรมสำคัญที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา ทรงให้กับเรา เราทรงได้แล้วนั้น คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร และก็ อุเบกขา ตัวความวางเฉยใน ด้านของอารมณ์

นี่สำหรับตัวกรุณานี่ก็เหมือนกัน เมตตาความรักเรามี แต่ว่ากรุณานี่ ถ้าดีไม่ดี มันก็เกินขอบเขตเราจะสงสารเรา จะเกื้อกูลเขานี่ ต้องดูให้เป็นการควรไม่ใช่เกินคนดี ดูตัวอย่างองค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่พระเทวทัต รับฟัง คำสั่งสอน ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงให้การแนะนำ สั่งสอนด้วยความเมตตา ปรานีอย่างยิ่ง ต่อมา พระเทวทัตเกิด ความหยิ่งยะโส คิดคดทรยศจะกบฎต่อพระองค์ ตอนนี้พระพุทธเจ้าหยุดสอน เพราะว่าถ้าขืนสอนขืนสงเคราะห์ พระเทวทัต ไม่รับ พระองค์ก็ทรงอุเบกขา วางเฉยไว้

นี่ตัวกรุณานี่ต้องวางใจให้มันเหมาะสม คือ ความสงสารมีอยู่ แด่โอกาสไม่สมควรนี่เราต้องเว้น

ข้อที่ 3 มุทิตา การไม่อิจฉาริษยาเขา เป็นของที่ดี จิตใจเราเป็นสุข เห็นใครเขาได้ดี ก็ไปนั่งพิจารณาว่า ฐานะเขาเสมอกับ เรา ในขั้นเดิม มีความรู้เช่นเดียวกัน มีร่างกาย มีอาการ 32 เหมือนกัน แต่ทำไม กิจการงานเขา จึงก้าวหน้าไกล เขาดีมา ได้เพราะอะไร เขาดี เพราะความขยันหมั่นเพียร ฉันทะ รักในงานนั้น วิริยะมีความเพียร จิตตะ มีจิตใจจดจ่อในการทำงาน วิมังสา ก่อนจะทำก่อนจะพูด ใช้ปัญญา พิจารณาก่อน เมื่อเขาทรงคุณธรรม 4 ประการ อย่างนี้ ความดี พุ่งไปข้างหน้า ของเรา เราก็ไม่อิจฉาเขา เราก็นั่งมอง อ้อ เขาดีแบบนี้หรือในเมื่อเขาดีได้เราก็ดีได้ เขาเกิดมาเป็นคนมีอวัยวะอาการ 32 เรา ก็มีเท่าเขามีมือมีเท้าเหมือนกัน มีจิตมีใจเหมือนกัน ถ้าเขาดีได้ ด้วยประการ ดังนี้ เราก็จะดีบ้าง ไม่ใช่อิจฉาเขา และไม่ใช่ไปแข่งกับเขา เห็นว่าผลของความดีเป็นปัจจัยของความสุข เราก็ทำตามเขานี่เราว่ากันถึงว่าการฝึกในเบื้องต้น

ความเมตตากรุณา ใน 2 ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินศรีทรงสอนว่า ในอันดับแรก อย่าเพิ่งแผ่เมตตาไปในบุคคลที่เราคิดว่า เป็นศัตรูต้องยับยั้งไว้ก่อน แผ่เมตตา คือ ความรัก กรุณา ความสงสาร ไปในบุคคลกลุ่มเดียวกัน มีอารมณ์ไจเหมือนกัน เป็นกลุ่มคนที่เรารัก และกลุ่มคนที่เราไม่เกลียด ที่คิดว่า ไม่เป็นศัตรู เพราะว่า อันดับแรก ถ้ามุ่งหน้าไปหาศัตรูแล้วก็จิตมันจะหวั่นไหว จนเมื่อกำลังใจของเรามั่นคงดีแล้วต่อไปเราก็ มองดูองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสงเคราะห์ไม่เลือกบุคคลใด เพราะกำลังใจเข้มแข็ง ความจริงพระเทวทัต เป็นศัตรูของพระองค์มานับแสนกัป จะนับอสงไขย กัปพระพุทธเจ้าก็รู้ แต่ตอนที่ พระเทวทัตมา ก็บวชกับองค์สมเด็จพระบรมครู พระองค์ก็ไม่ทรงถือโทษ กลับให้การอุปสม บทสอนให้ได้อภิญญาสมาบัติ น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ เห็นศัตรูเป็นมิตร มีจิตประกอบไปด้วยความเมตตาปรานี สมเด็จพระชินศรี ไม่ได้หวง ไม่ได้ห้าม ไม่ได้กลั่น ไม่ได้แกล้งใครเขา พระพุทธเจ้าทำอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ตอนนี้ ต้องขอให้ใจมันสูงเสียก่อนนะ กำลังใจเข้มแข็งเสียก่อน

ทีนี้เราก็มาว่ากันถึงผลของพรหมวิหาร 4 พรหมวิหาร 4 ถ้าความรักของเรา มันทรงตัวทรงจิตใจเห็นหน้า ใครที่ไหนก็ตาม เราก็รักเหมือนกับรักตัวเรา จะเป็นชาติเดียวกันภาษาเดียวกัน คนละชาติ ต่างชาติต่างภาษา ต่างประเทศ ต่างลัทธิ ต่างศา สนาต่างอะไรทั้งหมดก็ช่าง พอมองเห็นหน้าก็คิดว่า โอ้หนอ เขานี้เป็นเพื่อนเกิด แก่เจ็บตายสำหรับเรา เรากับเขา มีสภาวะ ต้องการเหมือนกัน เกลียดทุกข์ แล้วก็รักสุข จิตเรา ก็มีความเมตตาปรานี ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับเขา

และนอกจากนั้น ใจของเรา ก็คิดไว้เสมอว่า ถ้าหากว่า เขามีทุกข์เมื่อไหร่ ถ้าไม่เกินวิสัย สำหรับเรา เราจะสงเคราะห์ทันที นี่น้ำใจของเราเป็นอย่างนี้ แต่ว่าการสงเคราะห์ต้องดู หาควรหรือไม่ควร อย่าดีเกินไป เอาดีแค่พระพุทธเจ้า ใช้ปัญญาพิจารณาเสียก่อน อย่างกับคนที่เราให้การสงเคราะห์ พึ่งพิงอาศัย ในสถานที่ใกล้เคียง อาศัยมีอาชีพจากเราเป็นสำคัญ แต่ว่าเขา ผู้นั้น ยังประกาศตนเป็นศัตรู อย่างนี้ องค์สมเด็จพระบรมครูบอกว่า อย่าเพิ่งเมตตาเขา แต่ว่าเรา ไม่ประกาศตนเป็นศัตรู จิตสงสารแต่ว่ายังกรุณายังเกื้อกูลอะไรไม่ได้ เพราะว่า กำลังใจของเขายังเลว เขายังไม่ยอมรับเหมือนกับฝนที่ตกลงมาแต่ ชาวบ้านนำตะกร้าไปรองน้ำฝน ฝนจะเมตตาปรานี กับอุเบกขา ตัววางเฉย ประการนี้ ถ้าทรงอยู่ในจิตสิ่งใดที่มันจะเกิดกับเรา

สิ่งที่จะเกิดกับเราอย่างนั้นก็คือ

1. ความเป็นพระโสดาบัน

2. สกิทาคามี

3. อนาคามี

จะมาอยู่ที่เรา ได้อย่างง่ายๆ ทั้งนี้ก็เพราะอะไร ก็เพราะว่า เมตตากับกรุณา ทั้งสองประการ ถ้ามีประจำใจ ของบรรดาท่าน พุทธบริษัททุกท่าน เรารักเราสงสาร เราฆ่าใครได้ไหม เรารักเราสงสาร เราแย่งคนรักเขา ได้ไหม เรารักเราสงสาร เราจะโกหกมดเท็จเขาได้หรือเปล่า ถ้าเรารักเราสงสาร กับคนที่เราอยู่ด้วยเราจะทำลายสติสัมปชัญญะ ของเราให้ฟั่นเฟือน โดย การดื่มน้ำเมาได้หรือเปล่า

ในที่สุดศีล 5 ประการ นี้เราทำไม่ได้ เพราะอะไร เพราะเรารัก เราสงสารคนที่ เรารัก สัตว์ที่เรารักที่เราสงสาร เราฆ่าเราก็ ฆ่าไม่ได้ เราตั้งใจทรมาน ทำร้ายเราก็ทำไม่ได้ เรารักเรา สงสารเราขโมยไม่ได้ขโมยยังไง ก็รักเขานี่ สงสารเขานี่ ขโมย เขามาเขาก็อดเราก็ทำไม่ได้ เรารักเราสงสารเขา เขารักกันอยู่ เราจะไปแย่งคนรักเขาอย่างไร รักสงสาร เราต้องการให้เขา มีความสุข ถ้าเราไปโกหกเขา ก็มีความทุกข์ เราทำไม่ได้ เป็นอันว่า ดื่มสุราเมรัย ใช้ปัจจัยไม่เกิดประโยชน์ เราก็ไม่ทำ

เป็นอันว่า เมตตากับกรุณา ทั้งสองประการเป็นปัจจัย ให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน เป็นผู้ทรงศีล 5 บริสุทธิ์ ถ้ากำลังใจสูงก็ทรงศีล 8 บริสุทธิ์ เมื่อศีล 5 บริสุทธิ์ ไม่บกพร่อง จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ความตายเราไม่ต้องพูดกันก็ได้เพราะ คนที่ทรงศีลบริสุทธิ์เพราะคนรู้ตัวว่าจะตายอาศัยความดีของศีลเป็นสำคัญ ถ้าจิตของท่านก้าวไปอีกนิดหนึ่ง คิดว่าการเวียน ว่ายตายเกิด ในวัฏสงสาร เป็นปัจจัยของความทุกข์ ความสุขจริงๆ ก็คือ นิพพาน จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์เพียงเท่านี้ องค์สมเด็จพระมหามุนี ตรัสว่า ท่านเป็นพระโสดาบัน หรือสกิทาคามี

เห็นหรือยังบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน พรหมวิหาร 4 โผล่ขึ้นมาแผลบเดียว ก็ปรากฏก้าวไป เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบัน หรือสกิทาคามี แต่สำหรับวันนี้ เวลามันหมดเสียแล้ว ขอสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก ใช้คำภาวนา และพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้เวลาที่ท่านเห็นว่าสมควร .....สวัสดี



Create Date : 29 พฤษภาคม 2552
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 12:00:24 น. 21 comments
Counter : 1043 Pageviews.

 
อนุโมทนา สาธุ...ด้วยคะ

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

สิ่งที่ทำได้อยากสำหรับข้าพเจ้าคือ อุเบกขา คะ



โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:47:19 น.  

 
มาติดตามตอนที่ 2 ค่ะ คุณไผ่

ขอโมทนาบุญด้วยนะคะ

กำลังเพียรพยามยามในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์อยู่ค่ะ

แล้วจะมาตามตอนที่ 3 ต่อไปนะคะ

ปล.ขอบคุณที่รอติดตามนางแก้ว ตอนต่อไปค่ะ
comming soon ค่ะ



โดย: พ่อระนาด วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:58:11 น.  

 
ขอบคุณมากๆคะ

ดีใจจังที่ได้รู้จักคนสนใจธรรมะ

เพราะว่าเพิ่งไปปฏิบัติธรรมได้ ๓ เดือน

ก็เพิ่งจะกลับมาอัพบล็อคเขียนบล็อคคะ

ชอบเพลงลาวม่านแก้ว มากหรอคะ

ไม่ทราบว่าเล่นดนตรีไทยเป็นไหมคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:09:56 น.  

 
ขอบคุณนะครับ ที่แวะมาอ่าน
ดีใจครับ ที่มีคนสนใจธรรมะ

เพลงลาวม่านแก้ว ผมก็ชอบทำนองด้วยครับ ฟังแล้ว สบายๆ ใจเป็นสุขครับ

เครื่องดนตรีเล่นได้หมด เล่นๆๆ เช็ดๆๆ แต่ไม่เป็นเพลงหรอกครับ
ที่พอได้ ก็มีแต่ขลุ่ยเท่านั้นครับ





โดย: หมึกสีดำ วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:33:21 น.  

 
บังเอิญมาเจอของดี อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมาย
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญ ครับผม _/\\_


โดย: พุธ_พฤษภา วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:19:01 น.  

 
ขอบคุณคุณไผ่ค่ะที่ไปตามมาอ่านนะคะ (เอาอีก)

เมื่อคืนไปงานสวดศพ (แต่ไม่มีศพ) ของครูสอนดำน้ำ ที่รู้จัก และเคารพกัน หายไปที่แสมสารเมื่อวันที่ 10 พค. เห็นญาติและภรรยาของครูเค้าอล้ว สงสารมากเลย ยังพูดกับเพื่อนเลยว่า ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เรามางานเค้าก็ไว้เตือนตัวเองว่า ความตายเท่านั้นที่แน่นอน (เอ๊ะ..ชักจะคุยยาว)

ขอบคุณนะคะ ที่นำเอาข้อความมีประโยชน์มาเผยแผ่


โดย: Mermaid AI วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:16:28 น.  

 
เมตตาไปแล้ว
กรุณาก็มาแล้ว
เหลืออีก 2 พรหมวิหารนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:39:48 น.  

 
แวะมาขอบคุณ ที่กรุณาไปเยี่ยมที่บ๊อกค่ะ มาแล้วไม่เสียเที่ยวเลยค่ะ ได้พรหมวิหาร สี่ติดกลับไป

อนุโมทนา สาธุ...ด้วยคะ

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

ขอแอดนะคะ จะได้ คลิกเข้ามาอ่าน สิ่งที่มีประโยชน์
กับชีวิตค่ะ


โดย: นายกุหลาบ วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:33:11 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณไผ่
ขอบคุณนะคะที่ไปตาม
โชคดีจัง ที่ได้มารู้จักกัลยาณมิตรอีกคนหนึ่งแล้วค่ะ
พรหมวิหาร 4 เคยอ่านมาบ้างค่ะ
บางทีไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมก็จะลืม ๆ ไป
แต่ ที่พยามจะทำเป็นประจำให้ได้คือ
ศีล 5 เนี่ยแหละค่ะ.
ปล. วันนั้นที่ไปแซวอ่ะ ตกใจเลยค่ะ
คิดว่า คน ๆ นั้น อ่ะ พอเลื่อนลงมาเห็นชื่อ
ถึงได้ ถอนหายใจเลยอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
อีกครั้งค่ะ ขออนุโมทนาสาธุบุญด้วยนะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:32:53 น.  

 
ตอนนี้หนูดำคิดถึงอริยสัจ 4 เกิด แก่ เจ็บตายมากกว่าค่ะ ดูสภาพหนูดำซิ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:35:39 น.  

 
พี่หมึกสีดำ ตุ๊กตาตามมาอ่านแล้วนะคะ

ขอบคุณพี่หมึกสีดำค่ะที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันกัน

อนุโมทนา สาธุคะ


ปล. อีก 2 วันหนูอาจจะไม่ได้ตามมาอ่านบ่อยๆแล้วค่ะ เพราะว่าหนูจะต้องย้ายบ้านแล้ว บ้านใหม่หนูยังไม่เจริญค่ะ หนุไม่มีเนตเล่น แมก์เนตก็เข้าไม่ถึง สงสัยหนุต้องควักเงินซื้อแอร์การ์ดแล้วหละคะ


โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:23:04 น.  

 



โดย: คนสาธารณะ วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:17:39 น.  

 
ขอบคุณที่ชวนมาเจริญธรรมตั้งแต่เช้านะคะ

พรหมวิหารสี่... สำหรับคนสามัญอย่างข้าเจ้า
มีประโยชน์มาก ในฐานะที่เป็นเครื่องมือช่วย
ให้มองโลกในแง่ดี ใจเบาสบาย ..ยิ้มกว้าง..

สวัสดียามเช้าค่ะ


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:30:26 น.  

 
อ้อ... ลืมถาม เอาโต๊ะเขวี้ยงกันทำไมเนี่ย
หัวโนหมดแล้ว แง ๆ ๆ


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:31:11 น.  

 



ซาหวัดดีคร๊าบบบบคุณหมึกสีดำ...แวะมาทักทายกันวันเสาร์คร๊าบบบบ....



ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ

ตามมาอ่านตามคำเชิญแล้วคร่า เพลงเพราะจังฟังแล้วใจสงบดีค่ะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะพยายามค่ะ
จากบล๊อก กดอีโมร้องไห้ทำไมอ่ะ กดผิดหรือป่าวค่ะ ขอแอ๊ดด้วยเลยนะคะจะได้เข้ามาศึกษาธรรมะสะดวกๆๆ


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:50:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านต่อแล้วนะคะ
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
ความเมตตาสมัยนี้หายากมากๆ แล้วค่ะ


โดย: HastaLaVista วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:10:09 น.  

 
มาทักค่ะ เดี๋ยวจะตามมาอ่าน สัญญา


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:12:23 น.  

 
เข้ามารับธรรมะดี ขอบคุณนะค่ะ มีดอกไม้มาแทนค่ำขอบคุณค่ะ


โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:06:00 น.  

 
แวะมาติดตาม...

และขอส่งเข้านอนเลย..นะคะ

เจริญธรรม จำเริญจิต...ค่ะ

Photobucket


โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:08:23 น.  

 
ถ้าทุกคนมีความรัก รู้จักสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เกื้อกูลกัน และวางเฉยต่อความรู้สึกต่างๆที่มากระทบใจเราได้ โลกนี้ก็จะมีแต่ความสงบสุข ไม่แก่งแย่งชิงดีกันเหมือนทุกวันนี้ ขอบคุณมากครับที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปัน ขอโมทนาด้วยครับ

ปล. ได้ยินเพลงนี้แล้วนึกว่าเข้ามาบ้านน้องปุ๊กเลยครับ


โดย: JohnV IP: 125.26.110.105 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:23:15 น.  

 
title=


สวัสดีค่ะ คุณไผ่ฯ
ขอบคุณนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:51:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.