กรกฏาคม 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ขอด่าหน่อยเถอะ นิยายอะไร (วะ) เนี่ย
วันนี้รุ้งได้ไปอ่านนิยายเล่มหนึ่ง ของนักเขียนท่านหนึ่ง ซึ่งจะไม่เอ่ยนามใดใด เพราะจะได้ด่ามันส์หน่อย ถ้าใครไม่ต้องการอ่านคำบ่นของรุ้งก็ข้ามไปได้ค่ะ ^^"

รุ้งบังเอิญไปหยิบหนังสือนิยายเล่มหนึ่งมาอ่าน เป็นนักเขียนไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่ก็ลองดู เผื่อเจอเพชรในตม เพราะว่าเห็นว่านักเขียนคนนี้ก็มีหนังสือออกมามากกว่า 1 เล่มแล้ว น่าจะโอเคมั้ง

อ่านไป 1/3 ของเล่ม คิ้วขมวด เส้นเลือดขึ้นโปน เปรี๊ยะๆ (กรุณาคิดภาพเส้นเลือดขึ้นเป็นรูปกากบาทที่ขมับด้านซ้าย) มันสุดยอดของความ ........

Writing Technique ........ failed !!!
Plot designed ............... failed !!!
Characters designed ....... failed !!!

โอ๊ย เกิดมาไม่เคยเจอ

Wirting Technique --- ในหนังสือเล่มๆ รุ้งเพิ่งเคยเจอคนที่เขียนอะไรได้ทื่อๆ เป็นครั้งแรก คือไม่ต้องเดาอะไร ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไร พระเอกนางเอกคิดอะไรคนเขียนบอกหมด ไร้ชั้นเชิงสิ้นดี โดยปกติ ถ้าตัวละครมีความคิดต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันมีวิธีร้อยแปดที่จะทำให้คนอ่านรู้ได้ อาจจะเป็นกิริยา ท่าทาง สัญลักษณ์ การเปรียบเทียบ การสังเกตของตัวละคร ซึ่งคนเขียนคนนี้ไม่เลือกใช้ ใช้วิธีบอกตรงๆ "ทั้งเรื่อง" โอ้ สุดๆ .....

Plot designed --- เอ่อ (หนิงบอกว่าให้เจาะจงกว่านี้ ไม่งั้นจะดูด่าแบบไม่มีเหตุผล) โอเค เจาะจงก็เจาะจง พล็อตมันก็มีอยู่ว่า ลูกชายทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นเกย์จะได้ประชดพ่อ พ่อก็ยื่นคำขาดว่าให้ลูกชายแต่งงานกับหลานของภรรยา(อีกคนที่ไม่ใช่แม่พระเอก) เพื่อพิสูจน์ว่าลูกเป็นเกย์ไหม โดยที่ทั้ง 2 คน รักและเอ็นดูนางเอกมาก รวมทั้งยังมีการบอกอีกว่า พระเอกต้องดีกับนางเอกแน่ๆ เพราะนางเอกน่ารัก -_-' ถ้าพระเอกไม่เป็นเกย์ เขาต้องรักนางเอกแน่ๆ -_-' (นี่คือผู้ใหญ่รักและเอ็นดูแล้วนะเนี่ย ถ้าเกลียดนี่ ไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมเลย)

Character designed --- เป็นตัวละครที่ไร้เหตุและผล อ่านไปอนาถไป เรื่องพ่อพระเอก น้านางเอกนี่บ่นไปแล้วนะ เพื่อนๆ พระเอกนางเอกอีก สรุปว่า ทุกๆ คนในเรื่องไม่ห่วงเรื่องนางเอกจะไปแต่งงานกับพระเอกทั้งๆ ที่ไม่ได้รัก แถมยังมีข่าวว่าเป็นเกย์ แต่สนใจให้นางเอกพิสูจน์ให้ได้ว่าพระเอกเป็นเกย์รึเปล่า โอ้แม่เจ้า สังคมนี้มันเกิดอะไรขึ้นนี่ โลกนี้หมุนรอบตัวพระเอกหรือนี่

รุ้งว่าสิ่งที่ผิดมาตั้งแต่ต้นของเรื่องนี้ก็คือ คนเขียนวางพล็อตไว้ว่าประมาณนี้ๆ แล้วตั้งไว้เสมือนดวงอาทิตย์เบี้ยวๆ ใกล้ดับเต็มที แล้วก็ใส่อะไรก็ได้เข้าไปสนับสนุนก็ไม่สนใจว่ามันจะเป็นโลก ดาวเสาร์ อุกกาบาต สะเก็ดระเบิด อะไรก็ได้ โยนลงไปให้มันหมุนรอบดวงอาทิตย์เบี้ยวๆ ดับๆ แล้วไอ้ที่หมุนๆ รอบๆ มันจะไปดีได้ไงเพราะอิทธิพลของดวงอาทิตย์มันพะงาบๆ อยู่ เมื่อใส่สิ่งที่ควรจะอยู่ลงไปแล้วจนไม่รู้จะใส่อะไรอีก ก็โยนขยะลงไป กะว่ายังไงก็เขียนให้มาสนับสนุนดวงอาทิตย์ให้มันดูดีให้ได้ สุดท้ายมันเลยออกมาอนาถขนาดนี้ กลายเป็นวงโคจรสุริยะที่คาดว่าใกล้วันอวสาน

สรุปว่า อ่านไปได้ 1/3 แล้วก็เปิดข้ามๆๆๆๆ ไปจนถึงตอนจบ อ่านจบเลยกินวาฟเฟิลไม่หมดเลย หมดอารมณ์กิน



Create Date : 19 กรกฎาคม 2552
Last Update : 19 กรกฎาคม 2552 23:13:22 น.
Counter : 3459 Pageviews.

14 comments
  
เอ พออ่านเนื้อเรื่องคร่างๆแล้วเหมือนจะเดาออกแหะว่าเรื่องอะไร

หนังสือสมัยนี้ยังมีอีกมาก ที่เราอ่านแล้วสงสัยโคตรๆว่าคนเขียนคิดอะไรอยู่ ถึงได้เขียนออกมาแบบนี้อะค่ะ

มีเรื่องนึง เราตามอ่านในเวป (ซึ่งเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่ได้ตีพิมพ์ เพราะถ้าได้ตีพิมพ์เนี่ย คงต้องบอกว่า บรรณาธิการอายุ 15 ปีแล้วอะค่ะ)

แบบว่า นางเอกไม่พอใจพระเอก กวาดข้าวของลงจากโต๊ะหมดเลยแล้วก็กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอาอาหารไปทิ้งถังขยะจนหมด

พอพระเอกพยายามพูดด้วยเหตุผล นางเอกก็หนี ไม่ยอมฟัง พอพระเอกทำขรึมใส่ก็พยายามยั่ววววววว สุดฤทธิ์

พอพระเอกตบะแตกจะทำจริงแม่นางเอกก็ร้องไห้ ไม่ยอม

แบบว่า เราอ่านแล้วหงุดหงิดมาก เดาได้เลยว่าคนแต่งอายุน้อยมากๆ ขาดวุฒิภาวะ อย่างแรง

ยังมีหนังสืออีกเรื่อง หน้าปกสีเขียวออกใหม่อะค่ะ ที่พระเอกแค้นพี่ชายนางเอกที่ทำให้พี่สาวเค้าตาย แล้วพระเอกก็เลยมาบอกเลิกนางเอกทั้งๆที่รักันมาก

แล้วอีตาพระเอกก็หันไปคบกับคู่แข่งนางเอกแทน แล้วก็แต่งงานกับคู่แข่งนางเอก หลังจากนั้นพระเอกก็ไปมีอะไรกับเมียน้อยของพี่ชายนางเอก(อดีตพี่เขย) อีก นอกใจเมียครั้งแล้วครั้งเล่า

แล้วก็มาซื้อตัวนางเอกเพื่อแก้แค้น (นางเอกก็ยอมเป็นเมียน้อยนะ เอาเรื่องความรักมาอ้าง) โดนพระเอกทำสารพัด ตอนจบเมียทั้ง 3 คนของพระเอกตั้งท้อง แล้วเมีย 2 คนแรกก็ยิงกันตาย นางเอกก็ดีกับพระเอก รักกันจนคลอดลูก

จริงๆพระเอกเลวกว่านี้มากๆนะ แบบว่า เลวจนไม่น่าจะเป็นพระเอกได้เลยอะ แล้วตามความเป็นจริง ถ้าเมีย2คนนั้นไม่ยิงกันตาย นางเอกกก็เป็นแค่เมียรองบ้านที่ 3 อะ

คือว่า สงสัยมากเลยว่าอะไรดลใจให้คนเขียนแต่งหนังสือแบบนี้ออกมาได้นะ

คือว่า คนเลวๆแบบนี้อะ ผู้หญิงที่ไหนจะทน ต่อให้พลาดไปแล้วก็คงไม่มีทางอภัย ใครมันจะดักดานรักอยู่ได้อะ งงมาก อ่านแล้วหุดหงิด อยากจะกรี๊ดใส่นางเอกเป็นร้อยๆรอบอะค่ะ

จริงๆยังมีหนังสืออีกหลายเล่มมากที่เราหงุดหงิดเวลาอ่าน แต่เราก้ไม่กล้าจะเอาออกมาทำรีวิวด่าเค้าตรงๆเหมือนกันค่ะ

โดย: aorp วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:35:29 น.
  
ตามมาจาก RRR ค่ะ เมื่อกี้ต้องเข้าไปดูกระจกในห้องน้ำว่า เส้นเลือดขึ้นเป็นรูปกากบาทที่ขมับด้านซ้าย นี่เป็นยังไงเพราะไม่เคยสังเกตเห็น
โดย: กุลธิดา (kdunagin ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:30:06 น.
  
อืม..แล้วอ่านก็ขำๆ
มีเหมือนกันค่ะ..อารมณ์คล้ายๆอย่างนี้
มีนิยายหลายเล่มเลย..ที่อ่านไม่จบแล้วต้องวาง

อย่างเล่มที่จำได้แม่นๆ คือนิยายเรื่องหนึ่ง
พล็อตพระเอกเพลย์บอยต้องการซื้อตัวนางไปเป็นนางบำเรอ
โอเคแหล่ะ..พล้อตนี้เบื่อมากแต่ถ้าเขียนสำนวนดีก็อ่านได้
แต่อันนี้..อ่านต่อไม่ไหว เพราะชื่อพระเอก นางเอก คนรอบข้าง
ชื่อมันยาว เก๋ พิลึกพิลั่น อ่านยากมาก..สุดท้ายก็วาง เพราะจำชื่อตัวละครไม่ได้

ปล.พล็อตที่คห.หนึ่งเล่ามา..เอ่อ..พล็อตเหลือทนจัง
แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะคะ ..ไม่ว่าตัวละครจะแย่แค่ไหน
ถ้าคนเขียนเขียนเก่ง..ยังไงก็สามารถหาเหตุผลมารอบรับ
การกระทำ...และดึงความเห็นใจจากคนอ่านได้อยู่ดี..


โดย: nikanda วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:57:48 น.
  
พูดไม่ออกเหมือนกัน เราก็มีกรณีแบบนี้นะ ตอนแรกๆ ก็น่าสนใจดีอยู่ พอมากลางๆ จนจบเล่มตกลงตัวละครเนี้ยมันต้องการอะไรในชีวิตกันแน่หว่า ชักงง...หรือว่าช่วงนั้นคนเขียนก็สับสนในชีวิตรึเปล่าไม่รู้สิ
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:55:07 น.
  
ตามมาจากกระทู้ RRR

อืมม์...เขาอาจจะเขียนนิยายแบบ "โลกที่อยากให้ตัวเองเป็น" เท่านั้นกระมังคะ ไม่ได้คำนึงถึงความสมจริงอะไรน่ะค่ะ

ซึ่ง..คนอ่านบางกลุ่มเขาก็ชอบนะ (หรือเปล่าหว่า?)
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:27:26 น.
  
ตามมาจากกระทู้ RRR ด้วยคน
ต่อมอยากรู้ทำงานอย่างหนัก 55 ...
แต่ระยะนี้ไม่ค่อยได้อ่านงานของนักเขียนใหม่ ๆ สักเท่าไหร่
ถ้าเผลออ่านจะรู้ได้ในไม่กี่หน้าว่าชอบไม่ชอบ ถ้าชอบก็อ่านต่อ ถ้าไม่ชอบก็จะวางทันที

ช่วยกระซิบหลังไมค์หน่อยได้ไหมคะคุณรุ้ง
โดย: แม่ไก่ วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:04:37 น.
  
พอขยายความก็รู้ละว่าเรื่องอะไร
เล่มนี้ยังถือว่าดีนะคะ ถ้าเทียบกับอีกหลายเรื่องที่หาซื้อได้ตามแผงขณะนี้

อยากบอกว่ามีที่ "นรก" กว่านี้อีกเยอะค่ะ ยืนยันได้เพราะชอบหยิบค่ายใหม่ๆ หน้าตาแปลกมาอ่าน

ประเภทพระเอกเปลี่ยนอารมณ์วูบวาบในช่วงไม่กี่ชั่วโมง
เดี๋ยวแค้น เดี๋ยวรัก(แรกพบ) เดี๋ยวไสส่ง
แล้วไอ้การไสส่งของพระเอกที่ว่าเนี่ย คือยอมให้ศัตรูของเขาหลอกนางเอกไป ทั้งที่รู้ว่าเธอจะโดนโทรม
อ้อ แล้วที่ว่าแค้นเนี่ย แค้นพี่นางเอกนะ

หรือแบบที่พระเอกฟันไปทั่ว แล้วเป็นเอดส์ก็มี

บางเล่มพล็อตไม่มีอะไรขัดใจ แต่เขียนให้ตัวละครเปลี่ยนอารมณ์ได้ง่ายบัดซบมาก แบบนี้อ่านแล้วก็เส้นเลือดโป่งพองเช่นกัน

... เป็นนักอ่านสมัยนี้ ต้องใจเย็นมากกกกกก
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:10:54 น.
  
อ่านแล้วเอิ๊กส์ค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนิยายแนว ๆ นี้หาได้ที่เว็บเด็กดีและกำลังตีพิมพ์ออกมาวางขายจนเต็มไปหมดบนแผง เข้าร้านหนังสือแต่ละทีแทบจะลาตาย เจอแต่นิยายรักวัยรุ่น ยายนั่นนายนี่ ชีคหื่นกาม ฟาโรห์บ้าเซ็กส์ ฮ่องเต้กามวิปริต ทะเลทรายร้อนเร่า เราแก่ๆ ไปยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือแล้วมันเกิดอาการอะไรกันเว้ยย

ไม่สมเหตุสมผลของการกระทำ พล็อตหื่น ๆ เน้นฉากรักเร่าร้อนครองตลาดนิยายรักไทย

พอเราไม่อ่านผลงานเขียนของนักเขียนหน้าใหม่ คนมันก็ว่าเราเป็นนักอ่านใจแคบเข้าไปอีก

ขออภัยที่มาบ่นค่ะ เกิดความรู้สึกว่าอยากจะตายให้ได้เมื่อเข้าร้านหนังสือ เจอแต่นิยายขายหื่นสอดไส้ ปกหลุยซ์ติดเบสฯ ปกการ์ตูนตาหวาน ปกดารานักร้องหน้าวอกลอยเด่น พยายามมองข้ามปกเข้าไปข้างในก็เกิดอาการแบบเดิม โ้อ้ววววววแม่เจ้า มาตรฐานนักเขียนนิยายรักไทยมันดำดิ่งได้ขนาดนี้เชียวหรือ ใคร ๆก็แต่งนิยายได้ ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ได้ีมีผลงานตีพิมพ์ ง่ายไปไหมนี่

อยากอ่านนิยายที่เป็นนิยายจริง ๆ อย่างนิยายของนักเขียนสมัยก่อน ไม่ใช่เพียงกระดาษเย็บเล่มปกอาบสีสวยสด (บ่นยาวอีกแล้ว
)
โดย: อิมาอิซัง วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:48:21 น.
  
สวัสดีค่ะ

อ่านพล็อตก็รู้ว่าเป็นเรื่องของตัวเองค่ะ เรื่องเกมรัก..ซ่อนใจ

...ขออภัยมากๆ เจ้าของบล็อกและคนอ่านอีกหลายๆ คนที่ทำให้เสียอารมรณ์กับนิยายเรื่องนี้


และขอน้อมรับคำด่าค่ะ....เพราะบอกตัวเองเสมอว่าเป็นคนเขียนนิยาย ต้องมีคนชอบไม่ชอบบ้างเป็นธรรมดา เราอายุมากมายขนาดนี้ และผ่านอะไรมาเยอะ กับเรื่องวิจารณ์นิยายมันธรรมดานะ ก็บอกตัวเองแบบนี้มาตลอด

และที่ผ่านมาเลยเก็บคำวิจารณ์ไปคิดๆ เพื่อให้งานตัวเองออกมาดีกว่าเดิม แต่แน่นอนก็บอกตัวเองเสมอค่ะว่าเขียนนิยายให้ถูกใจคนอ่านทุกคนเป็นไม่ได้อยู่แล้ว แค่เขียนให้ต้นฉบับผ่านการพิจารณาก็เอาการอยู่เหมือนกัน

เพราะงั้นที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ไม่โต้แย้งอะไรกับคนอ่านค่ะ แต่ตอนนี้ขอแย้งนิดนะคะ เรื่องที่ตัวละครคิดอะไรบอกคนอื่นหมด เพราะคิดว่ามันเป็นนิยายเบาๆ ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนทางอารมณ์อะไร ตัวละครคิดอะไรก็บอกตรงๆ ...ดิฉันคิดแบบนี้น่ะค่ะ เจ้าของบล็อคคงไม่คิดว่าดิฉันแก้ตัวนะคะ แค่อธิบายสิ่งที่ตัวเองคิดเท่านั้นค่ะ

ส่วนพล็อตหรือเหตุผลอื่นๆ ของตัวละคร ไม่แย้งอะไรค่ะ
ยอมรับตรงๆ ว่าด้อยฝีมือค่ะ

ขออภัยอย่างสูง ที่ทำให้เสียอารมณ์แถมยังทานวาลเฟิลไม่อร่อย

ด้วยความนับถือ

จูนิตา
โดย: จูนิตา วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:31:22 น.
  
สิ่งที่ต้องโทษเป็นอันดับหนึ่งคือ กอง บก.และ สนพ.
เห็นบางเรื่องแล้วอยากจะบ้า นี่หรือสิ่งที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กอายุ 12-15 ปี!!!

มีทั้งฉากเซ็ก แย่งผัวแย่งเมีย พฤติกรรมตัวละครก็ถ่อยสุดๆ แต่เขียนเหมือนเป็นเรื่องดี

อยากถามดังๆว่าปล่อยของแบบนี้ออกมาขายได้ยังไง ?

นอกจากนั้นบาง สนพ. คำผิดเต็มเล่มเหมือนไม่มีพนักงานพิสูจน์อักษร สมัยก่อนสิ่งพิมพ์ใดๆก็ตามจะซีเรียสเรื่องคำผิดมาก ถึงขั้นให้พนักงานที่ปล่อยหลุดชดใช้กันทีเดียว อีกเรื่องคือกรณีไม่ให้เครดิตโดยอ้างว่าลืมบ้าง หรือไม่ก็ทำพูดเป็นเรื่องเล็กน้อย หลายปีก่อนเราทำ สนพ. อยู่ถ้าลืมให้เครดิตต้องตามถ่ายซีรอกเอาสติ๊กเกอร์ติดแก้ทุกเล่ม ไม่ว่าจะพิมพ์เป็นพันเล่มก็ตาม

ส่วนเด็กๆที่แต่งนิยาย พอเห็นว่าเขียนแบบนี้แล้วได้พิมพ์ขายดิบขายดี ก็ิคิดว่ามันเป็นนิยายที่ดี ทั้งที่เกิดมาไม่เคยอ่านนิยายระดับตำนานจริงๆซักเรื่อง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราอัดอั้นมานานแล้ว อยากบอกว่าเห็นนิยายสมัยนี้แล้วเป็นห่วงสติปัญญาเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ยิ่งอ่านยิ่งเสื่อม บางคนบอกเราว่า คนอ่านก็รู้จักแยกแยะ ถ้าเป็นพวกเราๆนี่เราไม่ห่วงเลย แต่ถ้าเป็นคนที่อ่านแล้วรู้สึกสนุกเราไม่แน่ใจว่าเค้าจะฉลาดพอที่จะแยกแยะเป็นหรือเปล่า

เอาล่ะ เบื่อแล้ว เราไม่ใช่นักเขียนที่ไหนหรอกนะ เราเป็นนักอ่านที่รู้สึกว่านับวันจะหาหนังสือดีๆอ่านได้ยากทุกที เพราะมีขยะวรรณกรรมเต็มไปหมด
โดย: Dequardo วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:34:34 น.
  
อ่านบล้อกนี้มาตั้งแต่วันก่อน แต่นึกว่าตัวเองเขียนเม้นท์ไปแล้ว แต่วันนี้นึกขึ้นได้ อ้าว เราเม้นอีกเอนทรี่หนึ่งต่างหาก

เข้ามาอีกรอบเลยได้เห็นผู้แต่งที่มาน้อมรับคำติจากผู้อ่าน ก็อดจะเห็นใจเสียไม่ได้

อย่างน้อยคุณก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่ยอมรับว่าจะมีทั้งคำติและคำชมค่ะ

ยังไงจขบ. ก็ซื้อวาฟเฟิลมาทานใหม่ละกันนะคะ
โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:16:03 น.
  
กำลังคิดว่า มีคนประสบชะตากรรมเดียวกับเราก็เยอะ 5555 (มีแต่คนมาถามว่าเรื่องอะไรนะเนี่ย)

คือรุ้งก็พอจะรู้ว่าการจะได้อ่านหนังสือที่ถูกใจในสมัยนี้ ต้องค้นหากันพอสมควร เพราะฉะนั้น คนที่รู้จักรุ้งเป็นการส่วนตัวจะรู้ว่ารุ้งเลือกมากๆ ในการจะอ่านหนังสือซักเล่มนึง เพราะพูดตรงๆ ว่า หนังสือสมัยนี้ ปริมาณที่ออกมาเยอะ แต่ไร้คุณภาพซะส่วนใหญ่ รุ้งปกติจะมี 2 มาตรฐาน (double standard นะเนี่ย) คือมาตรฐานของนิยายในเนต กับมาตรฐานนิยายที่เป็นหนังสือเล่ม โดยมาตรฐานที่เป็นหนังสือเล่มจะสูงกว่า เพราะถือว่ามันเกี่ยวพันกับเงินในกระเป๋าผู้ซื้อ ซึ่งนิยายที่พิมพ์เป็นหนังสือเล่มโดยส่วนใหญ่ จะอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานหนังสือเล่มของรุ้งเกือบทั้งน้าน

เดี๋ยวค่อยคุยกับท่านอื่นๆ พอดีว่ามีคุณจูนิตามาตอบในฐานะของนักเขียน โดยเนื้อหาก็คือคำขอโทษ ซึ่งรุ้งคงไม่กล้ารับ ไม่ใช่ว่าจะมีทัศนคติในด้านลบอะไร เพียงแค่ว่า รุ้งถือว่า หนังสือก็คือสินค้าอย่างหนึ่ง เมื่อถูกตีพิมพ์ออกมาขาย ก็ถือว่าเป็นของสาธารณะ ในฐานะผู้บริโภค ก็มีสิทธิวิจารณ์ใดใด ก็ได้ทั้งนั้น โดยทั้งนี้ทั้งนั้นการวิจารณ์อยู่บนพื้นฐานของตัวหนังสือล้วนๆ ไม่มีอะไรเกี่ยวพันไปถึงคนเขียน เพราะการกระทำเช่นนั้น สำหรับรุ้งถือว่าไร้มารยาท ลองยกตัวอย่างว่าเราใช้แชมพู แล้วผมร่วง น่าจะมีแต่คนด่าว่าแชมพูมันห่วย คงไม่มีใครด่าว่าคนคิดค้นแชมพูสูตรนี้หรอกค่ะ คนทำพอได้ยินคำด่า ก็คงจะเก็บเอาไปพัฒนาสูตรใหม่ ก็แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้น คุณจูนิตาไม่ต้องขอโทษรุ้งหรอกค่ะ

แต่มีจุดหนึ่งที่รุ้งอยากจะเคลียร์นิดหนึ่ง เพราะรุ้งไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง ด้วยวัยวุฒิ และประสบการณ์การเขียนหนังสือ รุ้งอาจจะไม่มี แต่รุ้งมีประสบการณ์การอ่านและการวิจารณ์ค่อนข้างเยอะ (คิดเอาเองนะว่าเยอะ) เพราะฉะนั้น การที่คุณจูนิตาบอกรุ้งในความเห็นว่า "เรื่องที่ตัวละครคิดอะไรบอกคนอื่นหมด เพราะคิดว่ามันเป็นนิยายเบาๆ" รุ้งไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงค่ะ การที่ใส่ความคิดทั้งหมดของตัวละครลงไปไม่ได้ทำให้เรื่องมันเบาๆ สบายๆ แต่ "ทำให้ผู้เขียนเขียนได้ง่ายต่างหาก" (ซึ่งคุณจูนิตาอาจจะ skip ความเห็นรุ้งไปก็ได้ เพราะเป็นความเห็นส่วนบุคคล)

รุ้งเข้าใจว่า คนทั่วๆ ไปจะคิดว่า เรื่องง่ายๆ คือการใส่เทคนิคการเขียนน้อยๆ บอกตรงๆ แต่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างรุนแรง ลองยกตัวอย่างเรื่องที่เบาๆ อ่านง่ายๆ ที่คนชื่นชอบมาซัก 2-3 เรื่อง เชื่อไหมว่า จะต้องเป็นเรื่องที่นักเขียนที่มีชื่อเสียงเขียนขึ้นแน่ๆ ซึ่งนักเขียนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แพรวพราวไปด้วยเทคนิคที่เป็นอาวุธ

อธิบายแล้วอาจจะงง ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ เปรียบเทียบการเขียนนิยายกับการแต่งหน้า พวกผู้ชายมักจะชอบผู้ใหญ่ที่ "ไม่แต่งหน้า" หน้าใสๆ ดูธรรมชาตินี่แหละ ดีแท้ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า ไอ้ที่หน้าใสๆ ดูธรรมชาตินี่แหละ ใช้เทคนิคการแต่งหน้าชั้นเลิศ จนทำให้พวกเขาไม่รู้ว่ามีการแต่งหน้าเกิดขึ้น อยากจะบอกหน้าตาปกติของคนเนี่ย ถ้าไม่แต่งหน้านะ หน้าจะซีด โทรม ไร้สีสัน ปากแห้งแตก มีริ้วรอย จุดด่างดำ รอยสิวสารพัด ทั้งหมดทั้งมวลมันจะออกมาเด่นมากๆ

เปรียบกลับมาดูกัน ไอ้หน้าธรรมชาติของใบหน้าก็คือ พล็อต คนเขียนถ้าไม่มีเทคนิคการเขียนเลย ใม่สนใจจะทำให้เรื่องน่าสนใจ ไอ้ความไม่ดีทั้งหลายมันก็จะกระเด้งถีบตาคนอ่านอย่างรุนแรง แต่ถ้าใช้เทคนิคเยอะไป มันก็จะหนาเตอะ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับวันสบายๆ เพราะงั้น ถ้าเป็นนักเขียน ก็ต้องพยายามทำให้ผู้อ่านเป็นพวกผู้ชายพวกนั้นที่ไม่รู้ว่าความเป็นธรรมชาติ ที่ไม่ pure และ ไม่ fake ที่ตัวเองชอบนั่นเป็นสิ่งที่ทำโดยมนุษย์ค่ะ (ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ) และจะให้ดีกว่า ควรจะทำพล็อตให้สวยงามก็ดีนะคะ จะได้งามอย่างมีคุณค่า

ไหนๆ แนะนำแล้ว จะแนะนำต่ออีกหน่อยเพราะเข้าใจว่า น่าจะมีนักเขียนอื่นๆ เข้ามาดูบ้าง จะได้เอาไปใช้ซะ เราจะดูได้ยังไงว่า พล็อตห่วยไม่ห่วย ตัวละครมีเหตุผลไหม คนเขียนเป็นคนที่คิดมันขึ้นมา บางทีก็ดูไม่ออก ก็พอเข้าใจได้ รุ้ง(ในเชิงคนอ่าน) พอมีวิธีที่ทำให้รู้ได้ค่ะ

1. ถ้าจะเช็คว่าพล็อตเป็นไง แนะนำให้ย่อพล็อตออกมาเหลือให้ได้ 5 บรรทัด หรือน้อยกว่า และกรุณาย่อโดยใช้ภาษาห้วนๆ ไม่ต้องประดิษฐ์ประดอยใดใดทั้งสิ้น เมื่อย่อแล้ว มันจะไม่มีตัวช่วยแล้ว เทคนิคต่างๆ ถูกตัดทิ้ง ภาษาดีๆ ที่ใช้กลบเกลื่อนก็หมดไป เหลือแต่พล้อตห้วนๆ สามารถเอาไปเล่าให้ใครก็ได้ฟัง ถ้าฟังแล้วหน้าเบ้ ก็แปลว่าไม่ผ่าน ถ้าฟังแล้วพอกล้อมแกล้ม ก็พอใช้ได้ เอาไปเขียนแล้วก็หาเทคนิคมากลบๆ มันก็จะดีขึ้น

2. ตัวละครมีเหตุผลไหม ก็ง่ายๆ ก่อนจะเขียนอะไรก็ถามตัวเองก่อนว่า "ทำไม" นักเขียนควรรู้จักการใช้คำนี้เยอะๆ ซึ่งรุ้งเข้าใจว่านักเขียนสมัยใหม่นี้ใช้กันน้อยกว่านักอ่านอีก บอกตรงๆ ว่า นักอ่านสามารถถามคำว่าทำไมได้มากกว่า 100 ครั้งในนิยาย 1 เรื่อง บางครั้งก็ถามด้วยความสงสัยแล้วอยากจะค้นหา แต่ถ้าหากว่าถามในเชิง "อะไรวะ" แปลว่า alarm ได้ทำงานแล้วว่า ตัวละครไร้เหตุผล ซึ่งจริงมันก็ปกปิดได้จากเทคนิคการเขียนและภาษานะ

ปล. จริงๆ รุ้งใจดีนะ เวลาโมโหนิยาย (ซึ่งบ่อยมากๆ) จะไม่ค่อยด่าออกอากาศ ดูได้จากในบล็อค มีแปะวิจารณ์นิยายน้อยมาก และสำหรับเรื่องที่พูดถึงนี้ รุ้งยังไม่ได้วิจารณ์ด้วยซ้ำ แค่ touch upon เฉยๆ ถ้าหากว่าลงวิจารณ์จริง ไม่อยากจะคิด (รุ้งเชี่ยวชาญเรื่องการหั่นนิยายเป็นชิ้นๆ) อันนี้หนิงยุ เพราะฉะนั้นกรุณาไปว่าหนิง อย่าว่ารุ้งนะ 5555
โดย: peiNing วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:15:32 น.
  
ขอบคุณมากค่ะที่ชี้แนะ

ที่ขอโทษไปก็เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้คุณโกรธ ขนาดเส้นเลือดโป่งพอง คือพอนึกภาพที่คุณอธิบายแล้วยอมรับว่าตกใจและเสียใจที่ทำให้คนอ่านเกิดอารมณ์โกรธขนาดนั้น

มันเป็นเรื่องขำไม่ค่อยออกน่ะค่ะ ที่มันสะท้อนมาที่ตัวดิฉัน เพราะเวลาลูกทะเลาะและยั่วโมโหกัน ดิฉันชอบพูดว่า เฮ้ย...ทำให้คนอื่นโกรธเป็นบาปนะ และทำให้แม่เครียดทานข้าวไม่ลง

ปรากฏว่ามาเจอคำของคุณรุ้งเข้า...มันสะท้อนเลย...เราทำบาปสองข้อเลยนะ ทำให้คุณรุ้งโกรธแล้วทานวาเฟิลไม่หมดอีก
...
แต่ก็โอเคค่ะการที่คุณบอกตรงๆ แม้จะทำให้ใจแป้วไปบ้างตามธรรมดาของคนที่โดนตำหนิผลงานแบบไม่มีข้อดีเลย แต่ชื่นชมว่าคุณเป็นคนตรงๆ และด่าแบบมีล็อคอิน...เพราะตัวเองก็เป็นคนตรงๆ โผงผางเช่นกัน

และยืนยันตามคำพูดของคุณรุ้งว่านี่เป็นเรื่องนิยายล้วนๆ ค่ะ ไม่มีเรื่องส่วนตัวใดๆ ต่อกันแน่นอน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาคุยกับคุณรุ้ง

จากใจค่ะ

จูนิตา

โดย: จูนิตา วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:37:36 น.
  
คุณรุ้งอยากโมโหอีกไหมคะ? เดี๋ยวลิสรายชื่อที่อ่านแล้ว
โมโหให้
โดย: แก้วกังไส วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:15:28:52 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ

  •  Bloggang.com