พฤศจิกายน 2559

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
จิตมีราคะรู้สึกทรมานมาก












  กามราคะเกิดทำอย่างไรดี
ขออภัยที่ใช้ภาษาชาวบ้านไม่ได้เรียนอภิธรรมมา
ก่อนอื่นต้องรู้จักว่าเจ้ากามราคะนี้เป็นอย่างไร บ้านอยู่ที่ไหน  ออกหากินทางไหน กินอะไรเป็นอาหาร  พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อนใครบ้าง  มันกลัวอะไร ใครเป็นศัตรูของมัน ต้องรู้กำพืดให้หมด 
   รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง เจ้ากามราคะนี้มันร้ายมาก มันครอบงำเราหลอกให้เราทำตามที่มันต้องการ 
   ทำให้จิตฟู ดื่มด่ำ อยากทำ ทำให้สารในร่างกายเราสูบฉีด รู้สึกมีชิวิตชีวา ยิ่งการการเสพยาเสพติด 
  มันหลอกทำให้จิตคิดว่ามันดี มันสวย งาม อร่อย สุขสบาย อะไรๆมาแลกก็ไม่เอา ไม่มีอะไรสุขเท่านี้ พอมันได้รับจนหายอยากมันก็ทิ้งเราไป 
  ทำให้เราเป็นทุกข์อยู่คนเดียว พอมันอยากมันก็มาหลอกให้เราทำอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยจนตาย แล้วก็ตามไปหลอกต่อชาติหน้าไม่มีวันจบสิ้น 
  เราต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง  ทีนี้เราก็มาตามสืบดูว่าบ้านมันอยู่ไหน  อ้อเจอแล้ว 
  บ้านมันอยู่นี่ อยู่ที่จิต ทางที่มันเดินทางไปออกหากิน มีทางไหนบ้าง อ้อเจอแล้ว ทางหู ทางตา ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย 
  แล้วมันกินอะไรเป็นอาหาร นั่นยังไง กินเสียง กินรูป กินกลิ่น กินรส กินสิ่งที่มาสัมผัสผิวกาย มันจะหลอกเราว่า สิ่งนั้น เสียงเพราะ  นี้รูปสวย  นี้หอม นี้อร่อย นี้เย็นสบาย 
 มันจะหลอกให้เราขวนขวายหามาบำรุงบำเรอมัน พอมันได้รับอิ่มหมีพลีมันแล้วมันก็ทิ้งเราไปปล่อยให้เราเป็นทุกข์อยู่คนเดียว พอมันอยากมันก็มาหลอกอีก  พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อนใครบ้าง โคตรเง่า 
  มันก็คือตัวอวิชชา และ ตัวตัญหา อุปาทาน ทำให้มันเกิดมา เพื่อนของมันที่คอยช่วยเหลือมันอยู่ ก็คือ  ตัวฟุ้งซ่าน ตัวความรำคาญ  ตัวความเบื่อ ตัวความรังเรสงสัย ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร เมื่อยเปล่าๆ ตัวความเพลิดเพลิน 
  ในความกำหนัดที่มันมอบให้ ตัวความไม่พอใจ เมื่อหาสิ่งที่มาบำรุงบำเรอมันไม่ได้ ตัวง่วงเหงาหาวนอน ขี้เีกียจทำสมาธิ สิ่งเหล่านี้เป็นพี่น้องเพื่อนฝูงที่คอยช่วยเหลือมัน แล้วมันกลัวอะไร ใครเป็นศัตรูของมัน  
  อ้อนี่ไง สติ สมาธิ  แล้วเราจะทำอย่างไรกับมันดี เริ่มต้นตรงไหนดี ที่จะกำจัดมัน  ก่อนอื่นเราต้องปิดทางหากินของอย่าให้มันออกหากินได้ ก็โดยการสำรวม กาย วาจา ใจ  
  การที่จะสำรวมกาย วาจา ใจ ได้เป็นอย่างดี ก็คือ การทำสติ ดูที่จิต การทำสมาธิ ให้จิต นิ่ง ไม่วอกแวก สอดส่ายหาอาหารมาบำรุงบำเรอให้มัน เมื่อเราปิดทางหากินมันได้
   มันออกหากินไม่ได้มันก็กระสับกระส่าย  พี่น้อง เพื่อนฝูงมันก็จะมาช่วย ทำให้จิตเราเกิดตัวฟุ้งซ่าน ตัวความรำคาญ  ตัวความเบื่อ ตัวความรังเรสงสัย ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร เมื่อยเปล่าๆ ตัวความเพลิดเพลิน 
  ในความกำหนัดที่มันมอบให้ ตัวความไม่พอใจ เมื่อหาสิ่งที่มาบำรุงบำเรอมันไม่ได้ ตัวง่วงเหงาหาวนอน ขี้เีกียจทำสมาธิ 
 จะมาที่บ้านของมันก็คือจิต เราต้องตั้งสติให้มั่นทำสมาธิให้นิ่งยิ่งขึ้นขอแนะนำมีสูตรว่า
แรกๆผมก็กำหนดนึกถึงท้องฟ้าอยู่บนศีรษะเหมือนที่ตาเห็น 
  ใช้จิตนึกไม่ได้ใช้ประสาทตาดู เพราะจะทำให้ปวดตา อย่าไปเพ่งไปจ้อง 
 นึกเบาๆเหมือนกับว่านั่งดูอะไรเล่นเพลินๆ ท้องฟ้าจะกว้าง สว่างเหมือนตอนเที่ยงวัน โล่งโปร่งไม่มีหลังคาบ้านมาขวางกั้น จะทำให้สาธิเจริญก้าวหน้าเร็ว ผมได้ส่งลิงค์
//pantip.com/l/
https%3A%E0%B8%AF%E0%B9%91%E0%B8%AF%E0%B8%AF%E0%B9%91%E0%B8%AF
www.youtube.com%E0%B8%AF%E0%B9%91%E0%B8%
AFattribution_link%3Fa%3D7fVgDQVqSro%26u%3D%252F
watch%253Fv%253D9Wda7HCR26w%2526feature%253Dshare
หลวงพ่อสอนทำสมาธิ  พอจิต นิ่งเป็นฌาณ เรียกว่าสัมมาสมาธิ สัมมาสติก็เกิดควบคู่กัน 
 แรกๆพวกพี่น้องของมันก็ค่อยๆหนีหายไปทีละตัวสองตัว  จนเหลือแต่เจ้ากาม 
  ราคะอยู่ตัวเดียวไม่มีผู้ช่วย  มันก็จะทุลนทุลายอยู่ไม่เป็นสุข พอจิตเป็นฌาณแก่กล้าขึ้น ตามลำดับ เจ้ากิเลสนี้ ก็ยิ่งอยู่ไม่ได้เพราะว่าฌาณ มีอำนาจมีฤทธิ์เป็นของร้อน 
 คอยเผาพลาญกิเลส  เจ้ากามราคะที่หยาบ ตัวกระจ้อยร่อย ก็จะหนีไปก่อน เพราะทนร้อนไม่ไหว เราก็ต้องทำให้จิตอยู่ในฌาณให้ตลอด 
 ให้พัฒนาสูงขึ้นเรื่อยๆ เจ้ากามราคะที่ละเอียดก็จะคอยมา ครอบงำจิต ให้หลงดีหลงงามไปกับมัน ถ้าเราเผลอไม่ได้อยู่ในฌาณ 
 มันก็จะโทนทะยานออกมา บางครั้งทำให้เราหลงไปอยู่ในอำนาจของมันก็มีบ่อยครั้ง ที่เราต้องทำตามใจมัน ต้องหาของมาบำรุงยำเรอมัน 
โดยผ่านทางรูป เสียง กลิ่ รส สัมผัส ดังที่กล่าวมาแล้ว ฉนั้นเราจะต้องไม่เผลอโดยสัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ต้องอยู่ที่จิตให้ตลอด ขณะที่เราขับรถไปทำงาน เรสก็มีสติ สมาธิ จะเดิน กิน นอน นั่ง ยืน ดูหนัง ฟังเพลง พูดคุย ทำงาน 
 กิจวัตรทั้งในชีวิตประจำวัน ให้มีสติ สมาธิตลอด วิธีง่ายๆดูในคลิปของหลวงพ่อ  เอาสติดูคลุมที่ท่ามกลางอก และโพรงจมูลมหายใจเข้า 
หายใจออก ให้เป็นปํจจุบันธรรม เวลา เห็นอะไรก็ดูรู้เฉยๆ ได้ยินเสียงอะไรก็รู้ดูเฉยๆ ได็กลิ่นอะไรก็รู้ดูเฉยๆ ลิ้มรสเป็นอย่างไรก็รู้ดูเฉยๆ  
สัมผัสอะไรก็รู้ดูเฉยๆ ไม่ต้องตามดู ตามไปรู้ว่าต่อไปมันจะเป็นอย่าง ไม่ต้องไปคิดปรุงแต่งอะไรเลย ดูเฉยๆ มันหลบไปไหนก็ไม่ต้องไปค้นหามัน หาไม่เจอแน่นอน ถ้ามันไม่อยากให้เราเห็น
 มันจะแอบอยู่ที่กันบึ้งหัวใจ เราต้องตั้งสติ สมาธิ ดูมันเฉยๆ เมื่อสติสมาธิเราแ่กกล้า เราก็เหมือนได้อาวุธวิเศษคอยจัดการกับเจ้ากามราคะตัวแสบ เจ้ากามราคะตัวนี้เจ้าเลห์มาก 
มันคอยหลอกเราว่ามันเป็นเพื่อนที่ดี เป็นพวกกุศลไม่ใช่อกุศล เป็นบุญ ไม่ใช่ตัวบาป 
คบกับมันแลัวจะได้ของดี มีฤทธิ์ เข้มแข็ง จะบรลุธรรมได้ง่ายๆ ต่างๆนาๆ  มันไปตามพี่ใหญ่ของมันมาช่วย คือเจ้าตัววิปัสสณูปกิเลส ถ้าเราไปเชื่อมันก็ถูกมันครอบงำอีกดิ้นไม่หลุด 
เราอย่าเผลอไปเชื่อมัน เราก็เอาสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จับจ้องดูมันเฉยๆ ไม่ต้องไปตามมัน พอมันรู้ว่าหลอกเราไม่ได้แล้ว มันหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะเราเห็นมันตลอดไม่ว่ามันจะทำอะไรคิดอะไรเรารู้ทันมันหมด 
บ้านมันก็อยู่ไม่ได้เพราะมันร้อนเหมือนโดนไฟเผา เพราะจิตเป็นฌาณที่แก่กล้ามีกำลังมากขึ้น จนมันต้องละหนีจากเราไป 
เราก็ล้างบ้านให้สะอาดเหมือน ฟอร์แมท คอมพิวเตอร์ ล้างซีพียูใหม่  เราเห็นจิต เห็นอุปาทาน เห็นกิเลส กามราคะ หมดพร้อมกัน กิเลสไม่มีที่ซุกหัวนอน มันเลยอยู่ไม่ได้ ฯลฯ
เมื่อเห็นจิต เห็นอุปาทาน เห็นกิเลส กามราคะ หมดพร้อมกัน จิตอยู่ท่ามกลางอก อุปาทานไหลออกจากจิตเป็นสายมันไปมัดยึดกามราคะที่เราเห็นอยู่ข้างหน้าห่างจากหน้าอกประมาณ หนึ่งคืบ เมื่อเห็นชัด 
จิตเกิดเบื่อหน่ายในกิเลสที่เห็นว่าที่เราเสพมันมาได้อย่างไรมันน่าขยะแขยง มันก็ไม่ยึดติด อุปาทานมันก็ขาดเจ้ากิเลสที่มันหลอกเราว่ามันดี วิเศษ
 เป็นของน่ารัก น่าใคร่ มันก็ละจากเราไปเพราะเราไม่เชื่อมัน ๆก็เลยอยู่ไม่ได้ ตอนนี้จิตเราก็เป็นอิสระ กายเบา ใจเบา 
สบายไปหนึ่งอย่าง แต่กิเลส ความโกรธก็ได้โถมเข้ามา โอ้ก็ต้องสู้ต่อไปต้องดูต่อไปๆๆๆ



Create Date : 18 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2559 19:35:23 น.
Counter : 490 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
MY VIP Friends