Bloggang.com : ภูสูง : สองเท้าย่ำไป ให้ไกลถึงลอนดอน

สองเท้าย่ำไป ให้ไกลถึงลอนดอน - London Trip Part 2

คำเตือน : ข้อมูลทั้งหมดใน Blog หน้านี้ มาจากการฟังเค้ามา ฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง หรือแอบอ่านเอาจากที่ต่างๆ เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ดังนั้นกรุณาอย่าเชื่อ.... ข้อมูลพร้อมที่จะผิดพลาดจากความเป็นจริงได้ตลอดเวลา

-----------------------------------------------

กลับมาต่อจากคราวที่แล้วครับ วันแรกที่เราจะออกตะลุยลอนดอนกัน เป็นวันอาทิตย์พอดี วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเดินเท้าย่ำกรุงกัน เนื่องจากในวันอาทิตย์รถมักติด แปลกมั๊ยครับ สลับกับบ้านเราเลย แต่มันมีสาเหตุครับ เนื่องจากในกรุงลอนดอน ปกติแล้ว เวลาเราจะขับรถเข้าเมือง จะต้องจ่ายค่า Congestion Charge ซึ่งเทียบแล้วเป็นเงินไทยก็หลายร้อยบาทอยู่

เป็นการบังคับกลายๆ ให้คนใช้การเดินทางสาธารณะ และสามารถลดปริมาณการจราจรที่แออัดลงไปได้ แต่สำหรับวันอาทิตย์นี่จะยกเว้นครับ ขับรถเข้าเมืองได้ฟรี รวมทั้งที่จอดรถสาธารณะต่างๆ ก็ไม่เก็บเงินอีกต่างหาก จึงมีคนขับรถเข้ามาทำกิจกรรมอะไรกันมากมาย

แถมวันนี้เป็นวันที่อากาศดีด้วยครับ ไม่เย็นมาก และแสงแดดสดใส โดยเราจอดรถใกล้ๆ กับ St.James's Park ครับ ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่มากกกกก กลางเมืองเลย กลางสวนก็จะมีถนนที่มุ่งหน้าสู่ Buckingham Palace ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับของพระราชินีอลิซาเบ็ทที่ 2 นั่นเอง

ถนนนี้ปกติก็จะเปิดให้รถวิ่งกันเป็นปกติครับ แต่สำหรับวันอาทิตย์อย่างนี้ก็จะปิดครับ ห้ามรถเข้า ปล่อยให้คนเดินเล่นชมวิวกันได้อย่างเพลิดเพลินใจ ตลอดสองข้างทางในสวน ก็จะเห็นฝรั่งเอาเตียงผ้าใบมานอนอาบแดดกันอย่างสบายใจ ส่วนคนไทยอย่างเราๆ ก็หามุมหลบแดด หาร่มไม้เดินกัน

ไอ้คนเรานี่ก็แปลกนะครับ ตัวเรามีอะไร ก็ไม่อยากได้อย่างนั้น บ้านเราแดดดีๆ ก็ไม่ชอบแดด บ้านเค้าพอเจอแดดที ดีใจแทบแย่ ไอ้เรื่องความสวยงามก็เหมือนกัน ฝรั่งมันก็อยากดำ ไปทะเลต้องทาซันแทน ส่วนคนบ้านเรา ก็อยากขาว ออกแดดที ต้องทาซันบล๊อค

เมื่อถึงบริเวณ Buckingham Palace แล้ว ที่ด้านหน้าท่านจะได้พบกับอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ครับ ซึ่งจะมีรูปปั้นของ Queen Victoria ตั้งตระหง่านอยู่ ให้มนุษย์ทั้งหัวดำ หัวหงอก หัวทอง หัวล้านด้วยเอ้า ถ่ายรูปเล่นกันเป็นที่เพลิดเพลิน

ที่ Buckingham Palace นี้จะมี Hilight อยู่ที่การเปลี่ยนเวรของทหารครับ โดยจะมีทุกวัน เวลาประมาณ 11 โมง ซึ่งผมไม่เคยไปดูทันเลยบอกตรงๆ ตามปกติกว่าจะตื่นกันก็ใกล้ๆ 11 โมงเข้าไปแล้ว ดังนั้นตารางเที่ยวของเราจะเริ่มต้นที่ประมาณเที่ยง ยาวไปจนถึง 4-5 ทุ่ม ดังนั้นถ้ามีอะไรดีช่วงเช้า อย่าหวังว่าจะได้ชมกัน ดังนั้นเวลาไปชมวัง Buckingham Palace ก็จะได้ดูกันแต่ทหารเวรคน สองคนยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่เท่านั้น

หลังจากถ่ายรูปหน้าวังกันจนอิ่มหมีพีมันแล้ว ก็เดินตัด St.James's Park กลับไปครับ สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปคู่กับทหารรักษาพระองค์ ก็ลองเมียงมองทางด้านซ้ายมือ (กรณีเดินออกมาจาก Buckingham Palace) ก็จะมีทหารยืนอยู่นอกรั้ว ให้สามารถเข้าไปเต๊ะท่าถ่ายรูปกันได้ครับ เพราะในส่วนทหารที่ยืนอยู่ใน Buckingham Palace เลยนั้น เราไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ ได้ ได้แย่แยงกล้องรอดรั้วเข้าไปถ่ายจากไกลๆ

เมื่อเดินมาสุดอีกด้านของ St.James's Park ก็จะสามารถเดินไปดู Horse Guard ได้ครับ ก็เป็นพวกทหารรักษาพระองค์เช่นเดียวกัน แต่ว่าอันนี้จะนั่งบนหลังม้าด้วย ไปถ่ายรูปกันได้ตามสะดวกครับ และถ้าหากไปในช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ก็จะได้ดูการสวนสนามของ Horse Guard ด้วย

จากที่ได้ยินมา ทหารพวกนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงยืนเฝ้าวังให้ดูดีมีสง่าเฉยๆ นะครับ ทหารพวกนี้ยังเป็นทหารที่ต้องออกรบ เมื่อยามมีศึกสงครามจริงๆ อาจจะมีบางช่วงที่ถูกส่งไปประจำอยู่อีรัก หรือส่วนต่างๆ ของโลกกันได้

หลังจากเดินเยี่ยมชมแถวๆ St.James's Park และ Buckingham Palace กันจนหนำใจแล้ว สมาชิกทั้งหลายเริ่มเหนื่อยอ่อน และหิว จึงนั่งพักจัดขบวนซื้อแซนวิชนั่งกินกันบริเวณ St.James's Park กันนั่นเอง ไม่น่าเชื่อนะครับ ใจเมืองกลางมหานครมีสวนขนาดใหญ่ แถมยังอุดมสมบูรณ์มากๆ มีสัตว์นานาชนิดทั้งนก ทั้งกระรอก วิ่งเล่นอวดสายตาพวกเรากันให้เห็นกันมากมาย แถมไม่กลัวคนอีกต่างหาก

เมื่อนั่งพักพอหายเหนื่อย (และหายหิว) กันแล้วเราก็มุ่งหน้าต่อ โดยเดินไปที่ Trafalgar Square ซึ่งก็เป็นจุดเด่นอีกแห่้งที่หลายๆ คนต้องมาแวะถ่ายรูปกัน โดยระหว่างทางก็สนุกสนานกับการเก็บรูปคู่กับตู้โทรศัพท์บ้าง รถเมล์ 2 ชั้นบ้างตามประสาพวกบ้ากล้อง

มาถึงจุดนี้ จะได้เห็นอนุสาวรีย์ของ Lord Nelson อารมณ์ประมาณเป็นวีรบุรุษของประเทศ ใครอยากรู้รายละเอียด ก็ไปเสาะแสวงหาเอาจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออื่นๆ เอาแล้วกันครับ เล่าไปเดี๋ยวจะผิด ฟังเค้าเล่ามา ภาษาอังกฤษเราก็งูๆ ปลาๆ เดี๋ยวจะมาแปลผิดให้ฟังซะ ไม่ดีๆ

อนุสาวรีย์นี้ก็จะเป็นเสาสูงมาก เหมือนกับอนุสาวรีย์ชัยฯ บ้านเรา แต่บนนั้นมีรูปปั้นของ Lord Nelson ยืนอยู่ด้านบน ส่วนโดยรอบของอนุสาวรีย์ก็จะมีสิงห์โตใหญ่ยักษ์ ให้เด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่หัวใจเด็ก ได้ปีนเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนด้านหลังของอนุสาวรีย์ก็จะเป็น National Gallery รู้สึกว่าเข้าชมฟรีซะด้วย แต่ผมไม่ได้เข้าไปอ่ะครับ มีอีกหลายที่ ที่จะต้องไป

แต่สำหรับในวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ นั่งหน้าคอมนานๆ เริ่มปวดหัว ฝากรูปสุดท้ายไว้เป็นอนุสาวรีย์ของ Lord Nelson ถ้ามองไปไกลๆ จะเห็น Bigben อยู่ลิบๆ เดี๋ยวจะเอารูปมาอวดครับ ทั้ง Bigben เอย London Eye เอย ถ่ายรูปไปร่วมร้อย มีดีไม่กี่รูป...

Create Date : 28 ตุลาคม 2551

Last Update : 28 ตุลาคม 2551 17:23:31 น.

24 comments

Counter : 1732 Pageviews.

เก่งมากเลยคะที่ถ่ายกระรอก(รึป่าว) ในระยะใกล้จนเห็นชัดขนาดนี้ได้ น่ารักคะ ^^

ป.ล. ม้านิ่งมาก!

โดย: เด็กน้อยขี้แย

วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:17:45:31 น.

แวะมาเที่ยวค่ะ

โดย: t_karnya

วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:33:13 น.

ภาพสวยจังค่ะ โดยเฉพาะกระรอกน้อยช็อตนั้น ได้ใจมากเลย

โดย: เบบูญ่า

วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:19:01:20 น.

ขอบคุณที่นำภาพงามๆ มาฝากค่ะ

โดย: อุ้มสี

วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:19:28:20 น.

สวยจังเลยคับ

อยากไปเที่ยวมั่งจัง

โดย: chalawanman

วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:19:43:42 น.

อย่างนี้แหละค่ะ น้ำใจคนตจว.

...................

ชอบกระรอกน้อยมากเลย
เต็มๆ น่ารักดี

โดย: อนัญชนินทร์

วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:57:51 น.

โอ้โห สวยจริงๆ อิจฉาๆๆ อยากไปมั่ง ไว้สบโอกาสจะไปเยือนมั่ง

โดย: พิงค์ IP: 124.120.113.94 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:23:44:53 น.

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ

โดย: Irish girl

วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:1:57:37 น.

สวัสดีครับ...ตามไปเที่ยวด้วยครับ...

ท่าทางว่าอากาศดีมากๆเลยนะครับ เห็นสีท้องฟ้าแล้วสุดยอดจริงๆ..

อาการกลัวแดดนี่สงสัยเป็นกันทั่วโลกเลยนะครับ..เห็นบรรดาชาวไทยที่อยู่ด้วยกันแถวๆนี้ก็มีอาการนี้เหมือนกันหมด..

วันนี้รูปสวยๆมากๆเลยล่ะครับ มีเคล็ดลับอะไรใหม่แน่ๆเลยใช่มั้ยครับ...ไว้เอารูปสวยๆมาให้ดูอีกนะครับ

โดย: pompier

วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:7:07:23 น.

ก็เรากลัวดำอ่ะ....

ท.ทหาร กะ ม.ม้า เนี่ยเค้าคงชินแล้วเน๊าะ ที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเค้า...

โดย: เหนือฟ้า พาไป

วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:10:26:21 น.

"ฝรั่งมันก็อยากดำ ไปทะเลต้องทาซันแทน ส่วนคนบ้านเรา ก็อยากขาว ออกแดดที ต้องทาซันบล๊อค"

ชอบใจประโยคนี้มากครับ...

โดย: Mitrapap IP: 117.47.185.147 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:11:40:41 น.

สวัสดีค่ะคุณภูสูง ไม่ได้แวะมาใน Blog ซะนานบินไปตปทแล้ว

ยินดีด้วยนะคะคุณนักบิน

แปลกใจทำไมกระรอกฝรั่งไม่กลัวคน แต่กระรอกไทยถ้าไม่ได้เลี้ยงเนี่ยพอเดินเข้าไปใกล้ก็วิ่งแนบหมดแล้ว

โดย: cool mint

วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:19:13:05 น.

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ ไว้ว่าง ๆ จะแวะมาอ่านเรื่องที่คุณเขียนไว้บ้าง...

ใช่ค่ะ..."คุณค่าของของขวัญ ไม่ขึ้นกับเงินที่เราจ่ายไป แต่ขึ้นกับใจที่เราใส่ไปมากกว่า"

ถ้าเราใช้ "ใจ" ใส่ลงไป ปัญหาในสังคมคงน้อยลง เราคงยิ้มให้กันอย่างเปิดใจมากขึ้นนะคะ คุณว่าไหม??

โดย: หลักไมล์

วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:9:36:14 น.

เห็นเเล้วขำ..คนไทยเดินหลบมุมเเดดจริงๆด้วย
ภาพสวยๆทั้งนั้น เเค่มองเฉยๆก็รู้สึกจะหนาวไม่เลวค่ะ

ทหารรักษาพระองค์ใส่หมวกดำเกือบคลุมหน้า เเล้วจะมองอะไรเห็นหรือคะ?
กล้องยอดเยี่ยมมาก ถ่ายกระรอกยังกับเห็นอยู่ข้างหน้า เก่งค่ะ...

โดย: * ยูกะ * (YUCCA

) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:10:16:21 น.

คลายความสงสัยเรื่องกระรอกหน่อยครับ เห็นคนทักกันเยอะ จริงๆ ภาพนี้ไม่ได้ใช้ความสามารถ หรือความพยายามเท่าไหร่เลย มีเพียงกล้องปัญญาอ่อน 1 ตัว กับเจ้าของที่ปัญญาอ่อนพอกัน เท่านั้นเองครับ

พระเอกของงานนี้ ต้องยกให้กระรอกน้อยสัญชาติอังกฤษครับ เพียงแค่ผมเดินอยู่ริมรั้วใน St.James's Park เฉยๆ อยู่ดีๆ มันก็วิ่งปรู๊ดดดด มาเกาะรั้วข้างตัว แล้วก็ยืนนิ่งเป็นพระเอกอยู่อย่างนั้น เอากล้องไปจ่อ แทบจะทิ่มหน้า ก็ไม่หนีครับ รับแขกดีจริงๆ