Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
7 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ดอยอินทนนท์ : ชื่อนี้มีที่มา @เจียงใหม่ ตอน 2

มาถึงตอน 2 กันซะทีหลังจากมีเสียงแซวเป็นระยะว่า
เปิดมาทีไรยังไม่ออกจากไร่นภซะที
555 ผมหาทางออกจากไร่สำเร็จแล้วนะ ไปขึ้นดอยกันดีกว่า

ไปกันนะครับ ฟิ้วววว.............................

บล๊อกนี้จะพูดถึงที่เที่ยวหนึ่งใน 2 แห่งของเชียงใหม่ที่คุณควรไปเยือน
หาไม่แล้วก็อาจถูกค่อนแคะว่าไปไม่ถึงเชียงใหม่
หนึ่งใน 2 แห่งที่ว่านั่นก็คือดอยอินทนนท์ (อีกที่ก็ดอยสุเทพไงล่ะครับ)



อากาศบนดอยค่อนข้างหนาวเย็นแบบชื้นๆ เหมือนมีหมอกตลอดเวลา



ถึงที่นี่แล้วกิจกรรมหลักยอดฮิตคือทุกคนต้องไปรายงานตัว
กับป้ายประจำดอยมีทั้งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง กึ่งลากกันมาก็มี อิอิ
มาเพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับไอ้ป้ายประจำดอยอันนี้
คนต่อคิวกันยาวเหยี่ยด แย่งซีน แย่งคิวกันวุ่นวายขายปลาช่อน
กรูกันเข้าไป เวลาคนอื่นเผลอ ที่นี่มีระเบียบบ้างเล็กน้อยแบบคนไทย
แต่ด้วยความไวของพี่โอ้ ทำให้น้องโบว์และพวกเราได้อานิสงค์เต็ม ๆ
นั่นคือได้เข้ากล้องไวกว่าที่คิด



อดนึกโง่โง่ไม่ได้ว่าแล้วทำไมไม่ทำป้ายซะสามสี่ป้ายเรียงกัน
เหมือนซุ้มปริญญาคนจะได้ไม่ต้องแย่งกัน
เอ๊ะ ! หรือว่าบางทีมันอาจจะไม่ขลัง มั้งเนอะอะไรที่มีมากก็เป็นของโหล



ดอยอินทนนท์เป็นจุดสูงสุดในประเทศไทย สูงจากระดับน้ำทะเล
สองพันห้าร้อยเมตร เศษ ๆ



มาถึงบนดอยจะพบกู่สีขาว (กู่ = เจดีย์บรรจุเถ้ากระดูกของผู้ล่วงลับ)
กู่นี้คือกู่บรรจุอัฐิของ พระเจ้าอินทวิชชานนท์ (พ.ศ.2413-2440)



กู่อีกด้านจะเป็นที่บรรจุอัฐิพระเทวีแม่เจ้าเทพไกสร พระเทวีของพระองค์



พระเจ้าอินทวิชชานนท์ เป็นเจ้าหลวงของเชียงใหม่ พระองค์ที่ 7
ก่อนที่จะยกเลิกตำแหน่งเจ้าหลวงและสิ้นสุดที่เจ้าหลวงพระองค์ที่ 9
คือพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐฯ ซึ่งนำไปเป็นชื่อสะพานนวรัฐ
ในปัจจุบันที่คนเชียงใหม่ทุกคนต้องรู้จักนั่นเอง

ตำแหน่งเจ้าหลวงนี้ใช้เรียกเจ้าเมืองใหญ่เมืองเอกทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ
แต่ความจริงแล้วเจ้าหลวงในความรู้สึกคนล้านนา
เจ้าหลวงคือเจ้าชีวิตของไพร่ฟ้าทางเหนือเลยทีเดียว
ซึ่งสถานะของอันยิ่งใหญ่ของเจ้าหลวงยังมีอนุสรณ์หลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน
นั่นคือเชื้อสายของเจ้าหลวงยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้านาย
แบบพิเศษคือ "เจ้านายฝ่ายเหนือ" มีนามสกุล ณ เชียงใหม่นั่นไงล่ะครับ
ซึ่งอันนี้จะต่างจากเจ้าผู้ครองเมืองอื่น ๆ ในเมืองไทย ที่กลายเป็นนายนั่นนายนี้ไป ตามเรื่อง แต่ไม่ได้ถูกเรียกว่าเจ้าอีกต่อไป ...



เจ้าหลวงพระองค์ที่ 7 นี้เป็นพระราชบิดาของ "พระราชายาเจ้าดารารัศมี"
ซึ่งได้ถวายตัวเป็นพระภรรยาเจ้าของ ร. 5 ซึ่งพระราชชายาทรงอยู่ในลำดับพระภรรยาเจ้าลำดับที่ 5 รองจากตำแหน่งต่อไปนี้

1.พระบรมราชินี (มี 1พระองค์-พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ใน ร. 7 ร.8)
2.พระบรมราชเทวี (มี 2 พระองค์ - พระนางเรือล่มและพระพันวสาอัยยิกาเจ้าในร. 8 ร.9 )
3.พระราชเทวี (มี 1 พระองค์- พระราชเทวีผู้เป็นองค์ต้นราชสกุล "บริพัตร")
4.พระอัครชายา (มี 3 พระองค์-พระอัครชายาผู้เป็นต้นราชกุล "ยุคล")
5.จนถึงตำแหน่งพระราชชายา ซึ่งเป็นตำแหน่งพิเศษที่ตั้งขึ้นใหม่เฉพาะ
เจ้าดารารัศมีและตำแหน่งนี้ไม่เคยปรากฎมีในโบราณราชประเพณี
ภาพพระพระราชายาฯครับ



ผมมีโอกาสได้ฟังบทความเรื่อง "การเมืองเบื้องหลังผ้าซิ่น" ของอ.เผ่าทอง
ซึ่งทำให้ผมซึ้งกับคำว่า เกิดเป็นเจ้าหญิงหน้าที่สำคัญกว่าความรัก
เพราะชีวิตของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีพระองค์นี้ทรงเสียสละเพื่อชาวเชียงใหม่ และเพื่อชาวไทย เพื่อให้รอดพ้นจากการคุกคามของอังกฤษ

เล่าหน่อยดีกว่า ....

เท่าที่จำได้ในยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษ พระราชินีนาถ แห่งอังกฤษ
เคยมีกุศโลบายทางการเมืองโดยขอรับพระราชายาเป็นบุตรบุญธรรม
เพื่อความชอบธรรมในการเข้าครอบครองแสวงหา
ผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่ามหาศาลของเชียงใหม่
และเป็นบันไดขั้นหนึ่งในการรุกคืบราชอาณาจักรสยาม

แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จความทราบถึง ร. 5 เสียก่อน
จึงทรงแก้เกมโดยการส่งของไปหมั่นหมายเจ้าดารารัศมีไว้ก่อน
ที่จะเข้าทางพวกอังกฤษ หลังจากนั้นพระราชชาฯจึงได้เข้าถวายตัว
กับ ร. 5 ในขณะที่อายุ 13 ปี ว่าไปแล้วการไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
คือไปอยู่ในราชสำนักสยามซึ่งมีขนบธรรมเนียมแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
และอยู่ในวงล้อมแห่งมเหสีเทวี เจ้าจอม หม่อมห้ามทั้งปวง
คงไม่ยากที่จะเดากันนะครับว่าพระราชายาท่านจะมีชีวิตอย่างไร

ภาพนี้คือพระราชชายาตอนปั้นปลายพระชนม์ชีพ
หลังจาก ร. 5 สวรรคต พระองค์ก็กราบถวายบังคมลา ร.6
กลับมาประทับที่ตำหนักดาราภิรมย์
หรือคนเมืองเรียกว่าตำหนักสวนเจ้าสบายที่อ.แม่ริม
พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ 60 พรรษาเศษ
ทราบจากเพื่อนที่เป็นคนเชียงใหม่ว่า
พระองค์เป็นที่เคารพรักเทิดทูนของชาวเชียงใหม่เป็นที่สุด



กลับมาเล่าที่มาของดอยอินทนนท์ต่ออีกว่า
มีหนหนึ่งที่พระราชชายาฯประภาสที่ดอยแห่งนี้


ในบทความการเมืองเบื้องหลังผ้าซิ่นได้วิเคราะห์ว่า
พระราชายา ทรงต้องการให้พระราชบิดาอันเป็นตัวแทนของเจ้านายฝ่ายเหนือได้สถิตย์อยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินสยามอันเป็นสิ่งสุดท้าย
ที่จะทำถวายได้ เพื่อป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชนรุ่นจะได้ระลึกความยิ่งใหญ่ของเจ้านายฝ่ายเหนืออันเคยปกครองดินแดนล้านนาแห่งนี้มาก่อน
นัยว่ากษัตริย์ราชอาณาจักรสยามยิ่งใหญ่สุงสุดทางการปกครอง
แต่เจ้าหลวงเชียงใหม่ก็อยู่ในจุดสูงสุดของราชอาณาจักรนะ ประมาณนั้น

ครับและเหตุที่ดอยแห่งนี้เป็นที่บรรจุอัฐิ พระเจ้าอินทวิชชานนท์
ชาวบ้านจึงออกนามดอยแห่งนี้ อย่างย่อว่า "ดอยอินทนนท์"
นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อดอยแห่งนี้

ลืมบอกว่าก่อนขึ้นดอยอินทนนท์
คุณต้องเสียค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติคนละ 80.-
แล้วต้องเสียค่านำพาหนะเข้าไปด้วยคันละ เท่าไรจำไม่ได้ซะละ
และพอขาลงจากดอยจะมีจุดแยกให้ไปชมพระธาตุนภเมทนีดล




และพระธาตุนภพลภูมิสิริ



ซึ่งเป็นพระธาตุที่กองทัพอากาศจัดสร้างขึ้น
เพื่อถวายในหลวงในวโรกาสเจริญพระชนม์มายุ 6 รอบ

แต่อย่านึกว่าฟรีนะครับ ต้องจ่ายเงินอีกคนละ 70.-
โดยมีรถสองแถวมารับถึงจุดจอดรถ อดนึกไม่ได้ว่า
ทำไมเก็บค่าเข้าชมยิบย่อยแบบนี้
น่าจะรวมไป แล้วลดราคาหน่อย ไปคนเดียวอาจดูไม่มาก
แต่ไปทริปใหญ่แล้วจ่ายเงินรวมกันดูตัวเลขที่ต้องจ่ายอาจทำให้ตกใจได้
เงินนะมี จ่ายได้ แต่ไหนว่ารณรงค์ท่องเที่ยวไทยไงล่ะ 555

ที่พระธาตุทั้งสองนี้จะตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ๆ สองข้างกันคู่กัน
นัยว่า เป็นพระธาตุของในหลวงและพระราชินีเคียงคู่กัน
ที่นี่ผมมั่นใจว่า จะเป็นที่ที่ได้สัมผัสกับอากาศที่ดีที่สุดในเมืองไทย
และใกล้ชิดกับเหล่าปุยเมฆ และหมอกจาง ๆ อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ผมว่ามันให้ความรู้สึกที่วิเศษมากเลยทีเดียว (ลืมเรื่องตั๋วเข้าชมไปได้เล้ย)



ไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวที่ปลูกไว้สวยมากมาย
อดเก็บภาพสีสัน คัลเลอร์ฟูล ของมันมาฝากกันไม่ได้
แต่ผมอ่ะไม่รู้จักชื่อมันเลยจนชื่อเดียว ขอเรียกชื่อสีไปก่อนละกัน

เริ่มที่สีขาวกันก่อน



ต่อด้วยสีม่วง



แล้วก็สีเหลือง



เพื่อไม่ให้น้อยหน้ากันสีเหลืองแล้วก็ต้องมีสีแดง ควบคู่กันไป อิอิ



แล้วก็เจ้าดอกนี้ครับ ผมว่าดูสวยแบบเศร้า ๆ นะสีขาวม่วง



แล้วสุดท้ายมาชมสีเขียวสบายตาของลานหญ้าหอมดีกว่า
ซึ่งผมลองก้มลงดมแล้วหอมจริง ๆ ด้วยแฮะ



ก่อนลงจากดอยผมสังเกตเห็นแววตาพ่อกับแม่
ที่ดูจะมีความสุขที่ได้มาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้
จึงนึกอยากถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ไวกว่าความคิดผมพี่โจก็จัดมุมจัดฉากถ่ายภาพพ่อกับแม่ไว้ได้ทันพอดี
จึงได้ภาพสวย ๆ ของตายายวัยเกษียณหมาด ๆ คู่หนึ่งไว้เป็นที่ระลึก

เอ..ผ้าคลุมไหล่ของขวัญปีใหม่ที่ผมซื้อให้แม่
ดูไปก็เข้าทีสวยเชียวนะครับเนี่ย เอ แต่แม่จะคิดงั้นป่าวอ่ะ




"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""'''

แต่เดิมตั้งใจหาเพลง "เจ้าดารารัศมี" มาแปะไว้ให้ฟังเพราะ
ดูจากเรื่องบล๊อกนี้แล้วน่าจะได้ฟิลล์ แต่ก็จนใจ หาไม่ได้ครับ
ถ้าใครสนใจ ตามลิงค์นี้ไปแล้วกันนะ
//www.cm77.com/myjukebox/myjukebox.php?tracks=เจ้าดารารัศมี#

แต่ก็มีอีกเพลงของไม้เมืองที่พอฟังเข้ากัน
กดฟังไปด้วยนะครับ









Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 10:17:00 น. 23 comments
Counter : 4384 Pageviews.

 
สวัสดีจ้า พีร์

ออกจากไร่ ก็ขึ้นดอยกันเลยนะ
รีบตามมาขึ้นดอยด้วย ดีจังมีไกด์พาเที่ยว
ขอบคุณประวัติที่ละเอียดดีจัง
ดอกไม้แสนสวยหลากสี
แหม เสียดายนิดไม่มีกลิ่นหญ้าหอม

เพลงเข้ากั๊นเข้ากัน
เอ..แต่พี่ว่าขาดอยู่นาา ขาดรูป น้องชายสุดหล่อน่ะ อดยลโฉมตามระเบียบ เง้ออ

ปล. เมื่อเช้าพี่ได้ทำบุญตักบาตร นำบุญมาฝากนะคะ
ขอให้พีร์ได้บุญเท่ากันกับพี่ค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:29:55 น.  

 
เคยไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
บางอย่างก็ไม่เคยเห็นเพราะเขาสร้างมาทีหลัง ดูแปลกตาไปค่ะ

ข้าเจ้าก่ศิษย์เก่า โฮงเฮียน ดาราวิทยาลัยเน่อ

เพลงประจำโรงเรียนก็กล่าวถึง เจ้าดารารัศมีมีพระประสงค์ให้สร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมาค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:37:02 น.  

 
แวะมาเยี่ยม...เคยไปมานานมากแล้ว ดอยอินทนนท์ก็ยังสวยครับ


โดย: **mp5** วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:45:47 น.  

 
อ้าวขนาดพี่พีร์หลงอยู่ในไร่ตั้งนาน
แต่นาห์ก็ยังพลาดไม่ได้เข้ามาซะงั้น
เดี๋ยวค่อยแวะไปแต่เมนต์ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน
เพราะนอกจากจะได้ชมภาพสวยๆแล้วก็ได้ความรู้ด้วย


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:46:00 น.  

 
เป็นภาพจากทริปอินเดียครับพี่ อิอิอิ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:55:13 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.164 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:56:04 น.  

 
ไปมาเมมื่อปลายปีที่แล้ว...ตอนนี้ถนนที่ทรุดซ่อมเสร็จรึยังน้อ...อิอิ


โดย: phaclam วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:08:56 น.  

 
ปูเล่สีม่วงสวยมากมาย หญ้าหอม หอมแบบไหนอ่ะเพื่อน
ขอชมเชยคามขยันหมั่นเพียรที่หารูปมาแปะนะจ๊ะ คุณเพื่อน
ขอบคุณสำหรับความรู้และภาพสวย ๆ ซึ่งคราวนี้ดีมากเลย
ที่ไม่มีรูปเพื่อนมาลงด้วย (คริ คริ)


โดย: ืnut IP: 222.123.159.55 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:18:21 น.  

 
อินเดียที่ผมไปเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของอินเดียครับพี่
เมืองที่เจริญ
เค้าก็เจริญกว่าบ้านเราเยอะเลยครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:11:17 น.  

 
โห! เราไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาทำตีซิสซะหน่อย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:48:45 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:37:49 น.  

 
ผมไปรัฐพิหารและอุตรประเทศครับพี่
เป็นรัฐที่ยากจนที่สุดในอินเดียครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:44:33 น.  

 
ดี ๆ เอาความรู้ทางประวัติศาสตร์มาแอบเล่าด้วย

นั่นสิเนาะ เวลาอ่านเรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ไม่ว่าของไทยหรือฝรั่ง การแต่งงานเพื่อการเมืองระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ไม่รู้เรื่องอัตราค่าเก็บตังค์นี้นะ คงเพราะตอนไปก็ไปเป็นกรุ๊ป แล้วเราก็จ่ายตังค์ไปเรียบร้อยแล้ว (ทั้งหมด) เลยไม่รู้อัตรานี้เลยค่ะ



โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:20:34 น.  

 
สวัสดียามสายครับพี่

ความงามของอินเดียมีอยู่ในทุกจุดเลยนะครับ
แม้แต่แหล่งที่ดูเสื่อมโทรมที่สุด
ก็มีมุมน่ารักครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:18:30 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:41:58 น.  

 
บล็อกนี้มีภาพสวย ๆ มาคู่กับสาระมันช่างเพลิดเพลินจริง ๆ เลยน้อง

เจ้าดารารัศมี อ้ายเคยเห็นรูปท่านแวบ ๆ จากโน่นบ้างนี่บ้าง เพิ่งจะมารู้ประวัติท่านก็จากบล็อกน้องนี่เอง ขอบใจหลาย ๆ เด้อ อ่านแล้วเพลินดี

รูปบนดอยก็สวย เดี๋ยวอ้ายจะไปเที่ยวบ้าง วันสองวันนี้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะยังได้เห็นดอกไม้สวย ๆ เหมือนที่น้องได้เห็นหรือเปล่า (ดอกสีขาวนะ พี่ว่ามันชื่อดอก เดซี่ นะ อาจจะผิดก็ขออภัยจ้า )

ปอลอ พ่อกะแม่น่ารักจังเลย


โดย: พล (aoigata ) วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:00:23 น.  

 
ของ "ศศิวิมล" ไม่เคยซื้อค่ะ แต่เคยอ่านบ้างในนิตยสาร "พลอยแกมเพชร" รู้สึกหลายเรื่องที่เคยเขียนในอดีต หลายสิบปีมาแล้ว แล้วเอามาลงในนิตยสารใหม่ สรุปว่าเรื่องราวของคนก็วน ๆ อยู่นะ ไม่เปลี่ยนแปลง หมายถึง เช่น เรื่องกลุ้มใจของคน

เดี๋ยวนี้ท่องเที่ยวตามแหล่งต่าง ๆ บางทีอะไร ๆ ก็เป็นเงินเป็นทองหมดนะ

25-28 จะไปฮ่องกงค่ะ


โดย: รัชชี (รัชชี่ ) วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:04:31 น.  

 
ช่วงที่พี่พีร์ไม่อยู่
ผมก็ไปเชียงรายครับ 5555
ไปไหว้ตรุษจีนบ้านมาดามครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:59:11 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: kruaun วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:51:39 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:36:21 น.  

 
กำลัง enjoy ตรุษจีนที่ต่างจังหวัดใช่มั้ย เดินทางกลับมาคืนนี้หรือเปล่าคะ



โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:50:29 น.  

 
หวัดดีค่ะ พีร์

มีตอนต่อไปรึเปล่าน๊าา

วันนี้ไปทำบุญ ปิดทองลูกนิมิตร เอาบุญมาฝากนะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:10:24 น.  

 
แวะมา HBD นะครับ


โดย: kruaun วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:2:11:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gia Huy - Peeradol
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
แจกฟรีแบ๊คกราว
Friends' blogs
[Add Gia Huy - Peeradol's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.