|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กรรมลิขิต 4
กรรมลิขิต 4
โอเค เลยพี่ อ้อ พี่แล้วหนูต้องเตรียมชุดขาวแบบที่เห็นเขาใส่ กันเวลาไปนั่งสมาธิ อะไรแบบนั้นด้วยหรือเปล่าหนูไม่มี ถ้าจำเป็นจะได้ไปซื้อไว้เย็นนี้เลย
ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่ หาเสื้อพื้นขาวกางเกงที่ใส่แล้วลุกนั่งสบายๆไม่อึดอัดก็พอ อย่านุ่งกางเกงยีนส์ เพราะลุกนั่งลำบากถ้านั่งนานๆ เดียวจะทนไม่ไหว หลวงพ่อ ท่านไม่ค่อยถือสาเรื่องพวกนี้หรอก ท่านบอกว่า คนเราจะดูดีเขาดูกันที่จิตใจใช่เสื้อผ้า แต่บางวัดที่เขาใส่กันแบบนั้นเพราะ คนมันจำนวนมาก คนมากก็ต้องมีกฎเกณฑ์ เพื่อความเป็นระเบียบวินัย เพราะบางคนก็ไม่รู้กาลเทศะนึกอยากใส่เสื้อผ้าอะไรก็ใส่ มันเรื่องของฉันเสื้อแสงที่ใส่ โชว์ไวตามิ้ล กันเป็นแถวๆ บางทีก็ลิงออกมาวิ่งว่อนหน้าคนที่กราบตามก้นทำเอาคนที่กราบอยู่ข้างหลังอดมองไม่ได้ เห็นอยู่บ่อยๆ พระเจ้า ต้องมาทนนั่งดูเป็นบาปเป็นกรรมพระเจ้า นี่พี่พูดนะ หลวงพ่อท่านไม่ได้พูดหรอก
หนูก็ว่างั้นแหละ ว่าหลวงพ่อท่านคงไม่ใช้สำนวนแบบนี้แน่ โอเค พี่ เสาร์นี้เจ็ดโมงครึ่ง เจอกันดีเหมือนกัน เผื่อชีวิตหนูจะได้มีอะไรดี ขึ้นมามั่ง ดีขึ้นอยู่แล้ว ไอ้น้อง ป่านมองหน้าแล้วยิ้มอย่างดีใจ
กลับมาถึงที่พัก หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าทานอาหารเย็นตามลำพังในห้องพัก ก็อดนึกขำไม่ได้ที่คิดถึงคำพูดของภูตสาวที่แซวเรื่องการตั้งเซ่นไหว้อาหารเมื่อคืนก่อน ป่านตั้งใจไว้ว่าคืนนี้จะรีบสวดมนต์เข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้เจอกับภูตสาวตามที่นัดกันไว้ แต่ก็ให้มีเหตุ พี่ปานวาดเพื่อนที่ทำงานโทรมาปรึกษาเรื่องที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปติดสาวที่เจอกันทางอินเตอร์เน็ท ทำเอาการเรียนที่เคยเรียนดีมาตลอดตกลง เพราะมัวแต่เข้าไปแชทกับสาวในอินเตอร์เน็ท จนไม่เป็นอันเล่าอันเรียน ป่านก็ได้แต่แนะนำให้พี่วาดเข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่น และยอมรับในบางเรื่องบางราวที่เด็กสมัยนี้เขาเป็นกัน กว่าจะเลิกปรึกษากัน ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ทำเอาป่านแทบจะหลับคาหูโทรศัพท์ หลังจากที่วางสายแล้ว ป่านรีบสวดมนต์ และพยายามที่จะนั่งกรรฐานแต่ด้วยความง่วงบวกกับ ความฟุ้งที่ไปรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นทำเอาจิตนั้น ฟุ้งไปฟุ้งมาไม่สามารถที่จะตั้งจิตให้แน่วแน่ได้ ป่านจึงเลิกนั่งแผ่อุทิศส่วนบุญแล้วออกจากการนั่งสมาธิ คลานขึ้นเตียงพอหัวถึงหมอนก็หลับผล็อย ไปอย่างรวดเร็ว
เช้าตรู่ของวันใหม่ ป่านลืมตาตื่นและพยายามนึกว่า เมื่อคืนได้ฝันถึงใครบ้างหรือเปล่า แล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ว่า เธอไม่ได้ฝันถึงใครหรืออะไรเลย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย ที่ไม่ได้ฝันถึงภูตสาว ถึงที่ทำงานเช้ากว่าปรกติเพราะตั้งใจว่าจะรีบสะสางงานให้เสร็จ เพื่อที่จะได้ไปวัดอย่างสบายใจในวันสุดสัปดาห์ ป่านนั่งทำงานเพลินจนใกล้เวลาเที่ยง พาไลเพื่อนรุ่นน้องเดินมาจนถึงโต๊ะที่ทำงานเธอและเอ่ยปากชวนเธอ
พี่ป่าน เสร็จหรือยัง เที่ยงแล้วไปทานข้าวก่อนเถอะพี่ หือ เที่ยงแล้วเหรอ เนี่ย ... เดี๋ยวรอแป๊บนะ ขอเซพข้อมูลหน่อย เธอเดินไปรอที่ร้านอาหารก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่ตามไป เออ แล้วนี่พี่วาดละเสร็จหรือยัง ป่านเอ่ยปากถามถึงปานวาดเพื่อนรุ่นพี่ วันนี้ พี่วาดไม่ได้มาทำงานค่ะพี่ โทรมาลางานแต่เช้าบอกว่ามีเรื่องที่บ้านนิดหน่อย พาไลตอบ อ้อ ..อื่อ อะ เสร็จพอดี ไปพร้อมกันก็ได้ ป่านไม่ได้เอ่ยปากพูดเรื่องปานวาด เพราะเชื่อว่าปานวาดคงไม่ต้องการให้ใครทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแน่นอน
หลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว พาไลก็เอ่ยปากถามเรื่องที่จะไปวัดในวันเสาร์ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมไปวัด และนี่ถ้าไม่ใช่เพราะป่านเป็นคนชวนละก็เธอคงยังไม่คิดจะไปวัดอย่างแน่นอน อายุของเธอพึ่งย่างยี่สิบกว่า เรียนจบมา ก็ได้มาทำงานที่บริษัทเดียวกับที่ป่านทำ เมื่อตอนที่มาทำงานใหม่ๆ ก็ได้ป่านอีกนั่นแหละที่ค่อยสอนค่อยบอกเรื่องงาน แถมบางครั้งก็มักจะมีปัญหาหัวใจมาปรึกษาอยู่เนื่องๆ ซึ่งป่านเองก็ได้แต่แนะนำให้เท่าที่จะทำได้ อะไรที่เธอเห็นว่าจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้คู่รัก หรือแม้นแต่ จะกลับมาทำร้ายตัวเธอ ป่านมักจะใช้วิธีเลี่ยง ให้พาไลเป็นผู้ตัดสินใจเอง เพราะเธอเห็นว่า เรื่องที่ถูกเล่าให้ฟัง มักจะเป็นความข้างเดียว ถึงแม้ว่าผู้เล่าจะเป็นเพื่อน แต่ก็ใช่ว่าเธอต้องเข้าข้างเพื่อนเสมอไป การให้คำปรึกษาแบบเป็นกลางๆ จึงทำให้ป่านไม่หนักใจที่จะต้องเจอหน้าแฟนของพาไล เพราะเธอคิดเสมอว่าเธอไม่เคยให้ร้ายใคร และไม่เคยคิดร้ายใคร
พี่ป่านความจริง อายุขนาดหนูเนี่ยไปวัดผิดปรกติ หรือเปล่า พี่ ทำไม อายุขนาดเราเข้าวัดแล้วต้องผิดปรกติด้วยละ ก็คนอายุขนาดหนูเข้าวัดเนี่ย ใคร ๆ เขาก็ต้องหาว่า ยายคนนี้ ต้องอกหักแน่เลย ถึงไปเข้าวัด คนเข้าวัดไม่ได้หมายความว่าคนนั้นอกหักนี่นา คนเข้าวัดเพราะเหตุผลอื่นมีตั้งมากมาย จริงๆแล้วคนเราเนี่ยเข้าใจผิดนะว่าคนที่เข้าวัดต้องเป็นเฉพาะคนแก่มั่ง คนที่อกหักมั่ง คนเข้าไปหาเครื่องรางของขลังมั่ง สิ่งเหล่านี้เลยทำให้คนเราเข้าใจผิดกันไปใหญ่ว่าถ้าเรายังไม่แก่ หรือถ้าเราไม่ได้อกหัก หรือถ้าเราไม่ใช่พวกนิยมเล่นของขลังเราก็จะไม่เข้าวัด เพราะไม่มีผลประโยชน์หรือเหตุผลใดต้องเข้าไปที่วัด แล้วอีกอย่างวัดบางวัดก็กลายเป็นวัดที่เป็นพุทธพานิช จึงทำให้คนไม่เข้าใจเหตุที่แท้จริงที่คนเราทำไมต้องเข้าวัด
พนักงานเอาอาหารมาเสริฟทั้งคู่ลงมือทานอาหารไปพลางคุยไปพลาง อื่อ นอกจาก เราจะไปทำบุญ หรือ ทำพิธีกรรมที่เกี่ยวกับวันศาสนา หนูก็ยังไม่รู้เลยว่า วันอื่นๆ เราจะไปวัดทำไม พาไลพูดพลางก็ตักอาหารใส่จานป่านไปด้วย ความเอาใจใส่ ที่พาไลมีให้กับป่านมักทำให้คนอื่นมองทั้งคู่ว่าเป็นมากกว่าเพื่อนเสมอ แต่ป่านก็หาใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นไม่ เธอมักจะวางตัวแต่พอเหมาะพอควรเสมอไม่ว่ากับใครก็ตาม ป่านพยักหน้าบอกขอบคุณแล้วก็ตอบคำถามพาไล คงไม่ใช่หนูคนเดียวหรอก มีคนอีกตั้งเยอะที่คิดแบบนี้ ไม่รู้ว่า นอกจากวันที่สำคัญทางศาสนาแล้วเขาจะมีวัดไว้ทำไม จริงแล้ววัดทุกวัดแหละนะพี่ว่า จะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา เช่น ประวัติของศาสนาพุทธเรา ที่เราเรียกว่าพุทธประวัติ หรือว่า ความรู้เกี่ยวกับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งถามว่า จะมีคนมากน้อยเพียงใดที่เข้าใจในคำสั่งสอนของพระองค์ เอาง่ายๆ นะ แค่ ศีลห้า คนท่องได้ เคยท่องได้ หรือแม้แต่ตอนนี้ให้ท่องก็ท่องได้แต่จะมีกี่คนที่ยึดศีลห้าไว้เป็นกรอบในการดำเนินชีวิต
จะว่าไปศีลห้าเนี่ย มันยากนาพี่ นา อย่างเช่นข้อ แรก ห้ามฆ่าสัตว์เนี่ย เราก็แทบจะทำไม่ได้เพราะเราตบยุงทุกวัน แล้วก็ยังกินสัตว์อื่นๆเป็นอาหารอีก ข้อสองห้ามลักทรัพย์อันนี้ง่ายหน่อย เพราะเราไม่เคยขโมยของๆ ใคร จริงเหรอ ห้ามลักทรัพย์เนี่ยง่าย ป่านยิ้มและสัพยอกพาไลในที ที่จริงแล้ว แม้แต่ กระดาษแผ่นเดียวของบริษัท หรือที่เย็บกระดาษ ของใช้สำนักงานที่ใครบางคนในออฟฟิตชอบหยิบเอาไปใช้ที่บ้านส่วนตัวแล้วมาเบิกใหม่ หรือแม้นแต่เวลาในที่ทำงาน ที่ในเวลาทำงาน เราเอาเวลาไป แชทคุยกะคนอื่นเนี่ย ก็ถือว่าผิดเพราะลักทรัพย์แล้วนา เพราะเราขโมยเวลาของที่ทำงานมาใช้ทำอย่างอื่น โห ถ้าแบบนั้น หนูจะเหลือศีลข้อไหนบ้างเนี่ย เดี๋ยวขอคิดก่อน ข้อ สาม ห้ามประพฤติผิดในกาม อื่อข้อนี้ไม่แน่นอน เพราะหนูไม่ไปแย่งของๆ ใคร หรือไม่แอบมีกิ๊กที่ไหน แต่ข้อนี้ดูเหมือนว่า คนสมัยนี้ จะผิดศีลกันระเบิด ระเบ้อ แอบไปรักของๆชาวบ้าน บางรายก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ก็ยังแอบนอกใจไปมีกิ๊กอีก ซึงที่ทุกวันคนเป็นเช่นนี้ก็เพราะคนส่วนใหญ่เห็นว่า การมีกิ๊กเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งจริงๆ แล้วคนที่แอบไปเป็นกิ๊ก กับแฟนชาวบ้าน สมันก่อนเขาเรียกว่า ไปเป็นชู้แต่ก็เพราะ คนที่ประพฤติปฏิบัติตัวแบบนี้ รับไม่ได้กับคำประณามนี้ ก็เลยหาคำที่ประณามตัวเองที่เบากว่าคำที่เป็นชู้กับแฟนชาวบ้านมาเป็น คำว่า กิ๊กแทน แต่ไม่ว่า คนเหล่านี้จะเลี่ยงคำประณามตัวเองว่าอย่างไร คนที่ทุกข์ใจ ก็ยังเป็นตัวเองอยู่ดี เพราะภายใต้จิตใต้สำนึกนั้นรู้ดีว่าตัวเองทำไม่ถูก เพราะฉะนั้นไม่ว่าตัวเองพยายาม เข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์สุดเดชอย่างไรว่า ไม่ได้ไปแย่งสามี หรือเมียของเขามา ก็ยังคงหลีกหนีความทุกข์ที่เรียกว่านรกในอกไปไม่พ้นอยู่ดี ป่านพูดจบก็รินน้ำใส่แก้ว แล้วยกขึ้นดื่มก่อนรวบช้อนในจาน แล้วเลื่อนแก้วน้ำที่รินน้ำแล้วส่งให้พาไล จะว่าไป จะไปโทษคนที่มาทีหลัง หรือพวกที่เป็นชู้ฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะพี่ เพราะของแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว มันต้องร่วมมือด้วยกันทั้งสองฝ่าย พาไลแย้ง ก็พี่ ก็ไม่ได้ว่าคนที่ไปเป็นชู้ เป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียวซะเมื่อไหร่ จริงๆ แล้ว คนที่ผิดมากที่สุดก็น่าจะเป็นคนที่มีคู่อยู่แล้วเป็นตัวเป็นตนมากกว่า ที่เป็นฝ่ายที่ผิด เพราะรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองมีใครอยู่กลับไม่ซื่อสัตย์กับคู่ของตัวเอง แต่คนพวกนี้นะ ไม่นานก็โดนกรรมตามสนอง ไม่เร็วก็ช้าอย่างแน่นอน ถ้าตัวเองไม่เป็นฝ่ายถูกทรยศหักหลังมั่งก็ เป็นฝ่ายที่ถูกคนอื่นมาแย่งเอาไปมั่ง มีให้เห็นออกบ่อยๆ เพราะฉะนั้นจงเชื่อเถอะว่า กรรมเวรนั้นมีจริงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะเอาชีวิตเราไปลองเสี่ยง พูดจบป่านก็หันไปโบกมือส่งสัญญาให้พนักงานมาเก็บเงิน ข้อ สี่ ห้ามพูดเท็จ โห เป็นไปไม่ได้คงไม่มีใครในโลกนี้ไม่เคยพูดเท็จนะพี่ว่าไหม มีซิ ก็พระไง พระที่เป็นพระ ต้องรักษาศีลให้ครบ ไม่ใช่แค่ ห้าข้อ นา ต้องครบ ทั้ง 217 ข้อ เชียวนา อื่อ ใช่ เราแค่คนธรรมดา แค่ ศีล 5 ยังไม่ค่อยจะรอดเลย เรื่องพูดโกหก เนี่ย มันยากนา พี่นา มันก็ยากอยู่ แต่ ก็พยายาม นึกก่อนว่าสิ่งที่เราพูดไป จะทำให้เรากลายเป็นคนที่คำพูดไม่มีใครเชื่อถือได้เลยหรือเปล่า เพราะพี่ก็ว่าเรื่องบางเรื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องเล่าให้ใครฟังทุกเรื่อง หรือโกหกไปทุกเรื่อง เพราะหากโกหกไปเกือบซะทุกเรื่อง ตัวเราเองนั่นแหละจะไม่เหลือเครดิตให้ใครเขาเชื่อถือ เพราะเวลาที่เราพูดความจริง คนก็จะไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูดเพราะเขาคิดว่า เราก็คงโกหกอีกตามเคย แล้วถ้าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ กว่าเราจะเรียกศรัทธาให้คนกลับมาเชื่อถือในคำพูดเราได้มันต้องใช้เวลานานเชียวแหละที่จะเป็นตัวพิสูจน์คำพูดเราว่าเราก็พูดความจริงเป็นเหมือนกัน
พนักงานเดินเอาสตางค์ทอนมาทอนให้ป่าน ป่านพยักหน้าให้กับพนักงานให้เก็บสตางค์ทอนไปเป็นทิปแล้วเธอกับพาไลก็พากันลุกจากร้านอาหาร แต่ก็ยังไม่หยุดการสนทนา เป็นมนุษย์ นั้นยากที่จะไม่สร้างบาปกรรม เพราะทุกเวลา เราสร้างกรรมให้เกิดได้ตลอด พี่หมายความว่าทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีหนะ คนถึงต้องเวียนว่ายตายเกิดใช้กรรมกันไป ใช้กรรมกันมาไม่มีที่สิ้นสุดไม่พ้นทุกข์สักที พี่ถึงชวนให้เราไปวัดกับพี่ไง เผื่อว่าเราจะได้หาทางไปนิพพาน จะได้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่อย่างนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ป่านพูดพลาง ทำหัวเราะพลางทำให้เป็นเรื่องขำ แต่พาไลก็ไม่วายรีบออกตัว พี่ หนูว่านะ อย่าว่าแต่จะไปนิพพานอะไรขนาดนั้นเลยพี่ หนูไม่คิดไกลขนาดนั้นเอาแค่ หนูไปวัดก่อนมันก็ยากสำหรับหนูแล้ว เรื่องนิพงนิพาน หนูยังคงบุญไม่ถึง เพราะตอนนี้หนูยังมีความสุข อยู่กับโลกใบนี้ ไม่ถึงกับอยากตาย แล้วไม่อยากมาเกิดอีก หนูว่าชีวิตหนูที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทุกข์มากมายถึงขนาดว่า เบื่อหน่ายโลก นะพี่ นะ เอาแค่ วันนี้ที่อยากไปวัดก็เพราะ อยากไปรู้ว่า ที่วัดมีอะไรดีดีมั่งแค่นั้นเอง พาไลหันไปมองหน้าป่านแล้วยิ้ม อื่อ เอาเถอะ อยากไปแค่ไหน ก็ไปแค่นั้นเพราะเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเลือกเองตัดสินใจเองว่า เราจะใช้ชีวิตของเรายังไง เอาไว้วันหนึ่งหนูอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ป่านไม่อยากเซ้าซี้ เพราะเข้าใจความคิดของพาไลดี เพราะเธอเองเมื่อก่อนก็มีความคิดเช่นเดียวกับที่พาไลคิดตอนนี้ แต่เมื่อป่านเริ่มที่จะค้นหาความจริงของชีวิตตัวเอง ถึงการเกิดมาเพื่ออะไร ทำไม ก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
เดินมาถึงที่ทำงาน ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ก่อนที่พาไลจะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง ยังหันกลับมาบอกกับป่านว่า พี่ป่าน ว่าแต่ว่าเย็นนี้หนูขออาศัยติดรถพี่กลับไปด้วยคนนะคะ เพราะว่ารถหนูเอาไปซ่อมหม้อน้ำ ขอติดรถไปลงกลางทางด้วยคน ได้ เลิกงานแล้วพี่จะรอละกันอย่าลืมทำงานให้เสร็จละ จะได้ไม่กังวลเรื่องงาน แล้วเรื่องอื่นๆก็เคลียให้เรียบร้อย ไปวัดพรุ่งนี้จะได้โล่งๆ เรื่องหลังป่านเตือนให้พาไลบอกกับแฟนหนุ่มซะก่อนจะได้ไม่มีเรื่องกันทีหลังเพราะเมื่อไปถึงวัดแล้ว โทรศัพท์ก็จะต้องปิดไม่มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับใคร เพื่อจะได้ไม่เสียสมาธิในการปฏิบัติธรรม
Create Date : 15 กันยายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 10 ตุลาคม 2552 21:04:20 น. |
Counter : 1645 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|