เล่าเรื่องเก่าที่ผ่านมาในความคิดคำนึง
|
||||
ผมอยากเป็นผู้ว่าๆๆ.....เมืองกรุงเตบภาคสอง นครสารขันธุ์ ที่เป็นเมืองหลวงในอีกวันที่ฝนฟ้าตกไม่ตามฤดูกาล จะตกตามฤดูกาลได้ยังไงล่ะฝนจะตกชาวบ้านก็บนบาน อย่าให้ตกลงมามากไม่งั้นน้ำจะท่วม(ฟ้า ปลาจะกินดาว ค้างคาวจะกินเสือ) พอฝนไม่ตกก็แห่นางแมวขอฟ้า ขอฝนเสียอีก เทวดาปวดฉี่มันอั้นเป็นพักๆได้ยังไงหน้าร้อนร้อนมากแล้งมากก็โทษเทวดา หนาวมากก็ด่าอีก ว่าทำให้เปลืองเหล้าที่ต้องกินให้อุ่นกายยามหนาวอย่ากระนั้นเลยเทวดาขอไม่ทำตามใจชาวบ้าน ชาวเมือง อยากจะทำอะไรก็ตามแต่ใจของฉัน(เทวดาที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว) ในการผันแปรฤดูกาลเสียดีกว่า
วันนี้ตามที่ควรจะเป็นหน้าหนาวเย็น ก็กลายเป็นวันที่มีฝนตกลงมาปรอยๆแช่วับๆมาสาม สี่วันแล้ว ฝนตกทำให้ต้นไม้ใบไม้ชุ่มฉ่ำ งดงามผลิใบสีเขียว ดอกไม้ก็บานดอกเริงร่ารับฝนและแดดที่มัวอ่อนจากเมฆฝนบังผมก้าวเท้าเข้าไปในสวนสาธารณะ กลางกรุงสารขันธุ์ หาความร่มรื่นจากต้นไม้ พรรณไม้ดอก ไม้ประดับ ในสวน เดินเมื่อยก็หาที่พักขาที่เริ่มอ่อนล้าซักหน่อย ตาเหลือบไปเห็นศาลาที่พักก็ก้าวเท้าตามใจคิดเข้าไปในศาลา นั่งลงมองไปรอบๆเห็นคนนั่งอยู่ในศาลาอีกคนกำลังหันหลังให้ผม เสียงบ่นดังแว่วมาเป็นพักๆว่า ผมอยากเป็นผู้ว่าๆๆๆ.....เมืองกรุงเตบ ฮ้า.....เพื่อนเก่าเรานี่หว่ามายังไงไปยังไงถึงมาอยู่ตรงนี้ ไปคุยต่อเรื่องที่ค้างคาใจในนโยบายของผู้ว่ากรุงเตบดีกว่า
ท่านฯครับจำผมได้ไหมนักข่าวคนที่เคยสัมภาษณ์ท่านเมื่อวันก่อนน่ะ ทำไมท่านมาอยู่ตรงนี้เล่าครับ ท่านฯรับไหว้ เงยหน้าหรี่ตามอง แล้วพยักหน้า จำได้...จำได้ ก็คราวที่แล้วเจอคุณน่ะเขาดันจะจับผมกลับไปเป็นหัวหน้าเผ่าศราธัญญี แม่ม...(หยาบนิดนึง)ทั้งเผ่ามีแต่คนบ้าทั้งนั้น ผมไม่บ้ามันจะไปอยู่กับเขาได้ยังไง ผมบ้าผมก็ต้องกินยาบ้าหรือดูดกัญชาถึงจะบ้าจริง นี่ดูสิมาดผมน่ะมันเหมาะจะเป็นผู้ว่าเมืองกรุงเตบมากกว่า * * ผมฟังก็ได้ทีขี่แกะไล่(แพะเขาเอาไปใช้กันหมดแล้ว) ถามท่านฯเรื่องนโยบายที่ค้างคาใจอยู่ ท่านฯครับ ผมอยากทราบนโยบายท่านเรื่องม๊อบที่เขามักชุมนุมกันบ่อยๆ ท่านมีนโยบายเรื่องนี้ยังไง ท่านฯยิ้มแววตาที่มัวๆสดใสขึ้นมากว่าเดิมทันที คูณรู้ไหม(ผมจะไปรู้ได้ยังไง)การชุมนุมหรือม๊อบนี่คือการกระจายรายได้ จากคนมั่งมี ไปหาคนไม่มีมั่ง มีชุมนุมพ่อค้า แม่ค้า ก็จะมีรายได้เพิ่มจากการขาย จีดีพีของประเทศอาจจะขึ้นอีก0.2345เท่าเชียวนะ ผลดีอีกหลายอย่าง ขอทาน คนจรจัด ก็จะมีข้าวกินเพิ่มขึ้น เคยเห็นม็อบที่ไหนเขาไล่ไม่ให้คนกินข้าวบ้าง นโยบายผมจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ชุมนุมทุกอย่างที่ร้องขอ ขอไฟให้ไฟ ขอน้ำให้น้ำ ขอส้วมให้ส้วม สนับสนุนให้มีการชุมนุมในทุกแห่งของเมืองกรุงเตบ แม้กระทั่งแม่ค้าขายกล้วยทอด และขอทาน เออ.....จริงแฮะกระจายรายได้จริงๆซะด้วย น่าหนับหนุนมากๆ * * ไปต่อนโยบายผมก็เลยถามต่อว่า ท่านมีความเห็นอย่างไรในการแก้ไขปัญหารถซิ่ง เด็กแว๊นซ์ ท่านฯเหลือกตากลับ โบกมือ(มีรู้ว่าบ๊ายบายหรือเปล่า) ปัญหานี้มันไม่ใช่ของผม มันเป็นของตำหนวด กับกระทรววงขนย้าย เอ้า...อยากรู้ จะบอกให้ฟัง มันแก้ได้ชะงัดด้วย ถั่วเขียวกับ น้ำมันพืช ผมก็สงสัยว่าจะแก้ได้ยังไง ถั่วเขียวเขาไว้ต้มกับน้ำตาล น้ำมันเขามีไว้ทอดปลา นั่งฟังท่านฯว่าต่อ แม่ม.....(หยาบนิดอีกแล้ว)จัดซิ่งตรงไหนเราก็จัดหน่วยจรยุทธ์ ออกไปโรยถั่วเขียวหรือราดน้ำมันพืช คุณเอ้ย.....เคยเห็นหมาแถกเหงือกไหม คุณจะเห็นมันทันทีที่ผ่านมาในเขตที่ผมห้ามการซิ่ง ผมยกมือ ชูขึ้นแล้วทำท่าขอเวลานอกถามขัดนิด อ้าวแล้วรถชาวบ้านที่เขาผ่านล่ะ เขาก็แถกไปลงข้างทางทั้งที่ไม่ใช่หมาด้วยซิ ท่านฯตอบ ก็ไปเข้านโยบายเรื่องลดจำนวนรถยนต์ จะช่วยแก้การจราจรที่ผมมีนโยบายไฟเขียวทุกแยก รถน้อยลง รถก็ไม่ติด ใครมีรถก็ต้องระวังกันเอาเอง ผมกำลังจะออกกฎหมายผิดถูกไม่เอาความเรื่องนี้อยู่ เออแต่ก็น่าจะดีเหมือนกันนะถ้าแก้ตามที่ท่านฯของผมว่าไว้ ปราบเท่าไรก็ไม่หมดซักทีเอาแบบท่านฯว่านี่พวกวิ่งเจอก็คงเข็ดไปอีกนาน ยิ่งตอนนี้ลมหนาวลงมาใกล้กรุงเตบมาก มีแผลหมูแผ่นติดตัวอยู่ เกาใช่ว่าจะคันอย่างเดียวตึงแผลหน้าหนาวนี่มันจะช่างทรมานมากๆไม่เข็ดก็ให้มันรู้ไป * * ผมต่อเรื่องนโยบายที่อยากรู้การแก้ปัญหาต่อ ท่านฯครับท่านมีนโยบายในการแก้ปัญหาเด็กตีกัน ท่านมีนโยบายเรื่องนี้ยังไง ท่านฯหันขวับกลับมามองทันที ตาเขียวแถมขวางอีกต่างหาก เฮ้ย.....ลองภูมิกันนี่หว่า มันไม่ใช่ปัญหาของผู้ว่ากรุงเตบซักหน่อย มันเป็นเรื่องของตำหนวดกับกระทรวงวิชาการต่างหาก ผู้ว่าฯไม่เกี่ยวเสือกไปแก้ให้เขาดีไม่ดีเด็กมันจะเอามีดมาเฉาะกระบานเอา ผมก็รีบดับอารมณ์ท่านฯเย็นลง ไม่ใช่ครับผมเห็นว่าหน้าไหนๆก็แก้ไม่ได้ซักที เห็นท่านฯมีภูมิความรู้สูงส่งท่านอาจมีนโยบายแก้เรื่องนี้ได้ชะงัดกว่าคนอื่นเขาก็ได้ เลยถามเผื่อจะฝากไปให้เขาเอาไปแก้ปัญหานี้ก็ได้ ท่านฯหน้าค่อยดีขึ้นหน่อยตรงที่ผมบอกว่ามีภูมิความรู้สูง ร่ายยาวให้ผมรู้นโยบายแก้เด็กตีกัน มันต้องแก้เชิงนโยบายและต้องประสานมาทางกรุงเตบ เรื่องสถานที่ด้วย หันมาทางผมแล้วว่าต่อ ก็เด็กมันจะตีกันจากที่มันไม่ถูกกัน คุณเคยอ่านหนังสือจีนกำลังภายในไหม เจ้าสำนักและลูกสำนัก เมื่อฝึกวิทยายุทธ์เขาถึงขั้นไร้ใจ เขาก็จะหาที่ประลองยุทธ์กัน ยากอะไรก็จัดเวทีลุยไถขึ้นตามสนามกีฬาต่างๆที่ว่างๆซิ เอาสนามที่ทำมาแล้วไม่ได้ใช้นั่นแหละ จัดประลองแยกเป็นรุ่นๆ เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ คัดมาข้างละ 30-50 คนเท่าๆกัน กองเชียร์ก็โน่นไปนั่งเชียร์บนอัฒจรรย์ แพทย์ พยาบาล รถหามไปวัด กรุงเตบเป็นผู้เตรียม กรรมการไปเชิญมาจากคนมีสี กติกามีง่ายๆ ทุกคนไม่มีอาวุธ ล้มลงมือหรือเข่าถึงพื้นห้ามซ้ำ ชก เตะ ต่อย ลุยไถกันให้พอ ตัวต่อตัวไม่มีรุม ใครร่วงลุยไม่ได้หามออกมาครบชั่วโมงพักที ใครเหลืออยู่มากกว่าโดยที่คู่ลุยหงายเงิบหมดก็จะเป็นผู้ชนะ แบ่งเป็นรอบๆพบกันหมดเก็บคะแนนไว้ ทำแบบนี้มันจะเหลือไปตีกันตามถนนอีกซักเท่าไร นี่จัดที่ให้ตีกันเฉพาะแล้วถูกกฎหมายด้วย กฎหมายผมเคยบอกแล้วก็ใช้กฎหมาย ผิดถูกไม่เอาความ มาใช้ แบบนี้ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ เหรียญรางวัลที่ได้คนตีกันก็จะภูมิใจ เพราะได้มาจากการลุยไถที่ถูกกฎหมายทุกอย่าง ใครไปตีกันที่อื่นนอกเหนือจากที่ลุยไถนี้ เอาไปคุมขังให้หมดทั้งตระกูลไม่มีข้อยกเว้น เอ.....ก็ดีเหมือนกันนะวิธีนี้ถ้าทำได้ ท่านฯนี่ช่างไอเดียบรรเจิดเสียจริง * * ผมถามต่อ ปัญหาเรื่องของแพงนี่ท่านมีนโยบายที่จะแก้ปัญหานี้ยังไง ครับ ท่านตอบ เอาอีกแล้วมันเป็นเรื่องของกระทรวงการค้าขายต่างหาก เอ้าขยายภูมิเรื่องนี้ให้ก็ได้ ใครว่าของแพงทั้งเมือง ทั้งประเทศ ที่ถูกมันก็มี อย่าง ยางแผ่นกับปาล์มน่ะรู้บ้างหรือเปล่า แก้ของกินแพงนี่มันจะไปยากอะไร จัดให้มีการกินเจกันทั้งกรุงเตบติดต่อกัน สามเดือน กินเจ เขาก็มีโรงทานให้ได้กินฟรี ไม่ต้องซื้อขายของกินสามเดือนของก็ถูกไปเองนั่นแหละ ข้าวก็ไปเอามาจากคลังที่เก็บไว้เพราะกินอีกสิบปีก็ยังไม่หมด เอามาใช้งานนี้ตัดยอดคงเหลือได้อีกด้วย รัฐบวมน่ะไม่กล้าหือหรอก มีแต่จะสนับสนุนโครงการนี้ซะด้วยซ้ำ กับที่จะกินก็ไม่ยาก ออกกฎหมายใหม่ให้ใครกินเหล้าแล้วกินกับจะต้องส่งภาษีกับข้าวมาให้โรงทาน สั่งกับ 1 จานต้องขึ้นบัญชีส่งมาให้โรงทาน 1 จาน ก็มันขายเหล้ากันทั้งบ้านเมืองกับมันก็จะมีเยอะอยู่เอง ใครร้านไหนไม่ทำอย่างนี้จับแล้วยึดทรัพย์ให้หมด ลูกเมียยึดเป็นทาสส่งไปเมืองโสมให้หมด ก็ร้านเหล้าน่ะคนรวยมันมีอยู่เยอะ ลองดูตอนจ่ายตังค์ก็ได้มีแต่คนแย่งกันออกตังค์เป็นเจ้ามือทั้งนั้น คนที่ขายของแพงมันจะไปขายให้กับคนไหน อุปสงค์ไม่มีอุปทานมันก็ลดลงตามหลักการที่ว่าไว้นั่นแหละ * ฟังมาชักจะเข้าเค้าเออ...นโยบายของท่านนี่เข้าท่าดีแฮะ ก็บ้านเราในกรุงเตบเขาก็มักจะเชื่อแต่นโยบายที่ผู้ทรงความรู้ เขาเป็นผู้ออกมาบอกเล่ากัน ทำไม่ได้ก็แล้วไปแต่ถ้าทำได้ขึ้นมาละก็ราคาของคนพูดก็จะยิ่งยกขึ้นสูงทันที กำลังนั่งคุยมันๆเหลือบไปเห็นท่านฯรีบลุกขึ้นตั้งท่าเหมือนนักวิ่งร้อยเมตร ผมเองก็สงสัยว่าท่านฯจะทำอะไร ไม่เอาแล้วโว้ย.....กูมานั่งบ้าอย่างนี้ แล้วมึงนี่ก็เสือกมานั่งฟังคนบ้าพูดอยู่ได้ กูจะต้องกลับไปทำงานบริหารที่เผ่าศราญัญญีแล้ว กูนึกได้ว่าต้องรีบไปตอนนี้แล้ว พูดจบก็สตาร์ทเครื่อง พรึ่ม ก่วยแน่บไปยังประตูทางออก เออ.....ผมก็ยังยืนงงอยู่ว่า แล้วผมจะไปสัมภาษณ์ใครที่จะได้ไอเดียดีๆอย่างนี้ได้ที่ไหนอีก นโยบายของท่านฯนี่บางที่ บางที่ที่กำลังเฟ้นหาตัว ผู้ไม่ว่า เอาไปใช้ก็น่าจะดีบ้างนะ ลาไปก่อนแล้วครับท่านฯ.....โอกาสหน้าผมจะหามาสัมภาษณ์ใหม่ |
peephitak
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
มีความสุขนะค่ะ