ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
:::ชำแหละทฤษฎี 16 :::





เจ้าอ้ายที่รักยิ่ง

ช่วงนี้งานเท่าเดิมแต่เคี่ยวเข้มกว่า
กลางเดือนจะพาผลผลิตไปประกาศศักดิ์ศรีที่เชียงราย
อากาศคงเย็นจัดแน่ๆ ปกติที่ผ่านมาชั้นไปกับเด็กในรับผิดชอบ
กิจกรรมรายบุคคลพักโรงเตี๊ยมที่ไม่ลำบากเกินไป
ปีนี้มีเข้ารอบหลายทีม 16 กิจกรรมนักเรียนครึ่งร้อย
หาที่พักไม่ได้ต้องตั้งค่ายกันกลางสนามอบต. โอ..ลัลล้าเลย ..
วาดภาพเรฟฟิวจีกลางหุบเขาสายหมอก..ชอบ..ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่..
แต่เด็กๆจะปรับสภาพกันได้ไหม..อ่ะนะ..ลูกหิน..สู้สู้..

เจ้าอ้าย..อาทิตย์หน้าจะได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานวัดธรรมกาย
ก็โครงการเด็กดี VSTAR ที่ครึกโครมอยู่นั่น
ชั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่แต่อยากรู้อยากเห็นระบบการทำงาน
ตอบคำถามหลายๆคำถามที่วนเวียนอยู่ ทำได้อย่างไร?

ไม่ได้เขียนนั่นนี่เหมือนเคยชีวิตเหมือนหยุดนิ่งชั่วขณะ
จริงจริงแล้วชั้นก็อยากจะเขียนอะไรๆ แบบไม่ต้องสนใจญาติโยม
ใครจะชอบจะชังก็ช่างชั้นทำตามใจชั้นเป็นพอ แต่สงสารผู้ดูผู้ชมนิ
ทนได้ที่ไหนกันหากงานออกไปไม่เท่าใจ
ชั้นไม่ได้โทษเวลาเป็นสาเหตุ ก็นายพูดเสมอเวลาของเราเท่ากัน

ลำดวนเอ๋ย...ง่า..เจ้าอ้ายเอ๋ย..อยากเล่า.. ((ออนเดอะร็อค))
วันหนึ่งที่ลุกมาปฏิบัติภารกิจแบบยังไม่ตื่นดี ดันคลิกเข้าอันดับเว็บ
งานเข้าเลย เว็บฉันอยู่ในหน้าหนึ่งด้วยอ่ะ เวงแล้ว !
นายรู้ดี ชั้นไม่ชอบทำอะไรให้ใครผิดหวัง..ก็คนรักตัวเอง..
ภาพลักษณ์ฉันต้องดูดี เผ่นกลับมาตรวจความเรียบร้อยในเว็บ
อ๊ออย..งานหนัก..หาเหาใส่หัวจริง ..
ชั้นไม่คิดว่างานของชั้นจะอยู่ในสายตาของผู้คน..
เจ้ายอดทอดกล้วย..หนึ่งในร้อยท่ามสมาชิกกว่าสองหมื่น!!!!!!...
จากวันนั้นงานชั้นเพิ่มมากขึ้น..

วิธีการปั่นบล็อก เล่นไม่ยาก แค่ขยันโพส
ปล่อยเรื่องให้ถูกที่ถูกเวลา แปะชื่อไว้ในบล็อกเด่นๆ
ให้ได้จังหวะมิตรรักนักท่องเว็บมาบริโภค ส่งงานให้เข้าสายตาบล็อกเกอร์
ที่ยากกว่าก็คือ ทำอย่างไรจะรักษาสภาพให้คงอยู่
ซึ่งนั่นต้องหมายถึงมีเวลาเหลือเฟือตลอดทั้งวัน
ต้องเดาใจได้ว่าเน็ทจะปลอดคนตอนไหน
เน็ทที่พักชั้นเวลาจราจรคับคั่งทีไร ก็เล่นกลทู๊กที
จะหาข้อมูลมาอัพเดทก็เดี้ยงแล้วเดี้ยงอีก..


เจ้าอ้าย..นายรู้..เวลาหงุดหงิดสมองชั้น ความคิดสร้างสรรค์ชั้น หนีไปช้อบปิ้งหมดเลย
ก็สังเกตว่าถ้าหน้าใหม่ไม่โปรโมทตัวเองก็ไม่มีใครสนใจแล้ว
วันไหนไม่โพสเรทติ้งร่วงก็แน่นอน..งืดเลยซีชั้น..
มีความรู้สึกเหมือนแมววิ่งตระครุบลูกบอล.. เวรกรรมของชั้นจริงๆ..

งานหนักมากอีกงานก็เตรียมโอเน็ท
กับภาษาอังกฤษบนพื้นฐานอ่อนถึงอ่อนมากที่รับขึ้นมา
กับเวลาที่ให้สองชั่วโมง/สัปดาห์ชั้นจะกระอัก
เจ้าอ้ายชั้นมองเห็นปัญหาการอ่านจับใจความของผู้เรียนมาติดหนับเลย
สงสารคุณครูประถมศึกษาและเพื่อนร่วมวิชาชีพมากขึ้น
ชั้นนึกถึงประชาชนที่เรียนจบไปแล้วทอดทิ้งการอ่าน
นานไปก็ลืมฉันใดก็ฉันนั้น คุณครูภาษาอังกฤษที่จบแล้วจบเลย
ต้องตระหนักในข้อนี้กันให้มาก ไม่นับรวมถึงเด็กในวัยเรียนยุคไอที

นายคงเห็นด้วยกับชั้น ความสนใจเด็กรุ่นใหม่ที่มีให้การศึกษาน้อยลงๆ
ความสนใจก็สั้นลงๆ เราพูดกันเสมอว่าสื่อมีมีอิทธิพลต่อเด็กรุ่นใหม่
แต่ก็เหมือนกับมันไม่มีอะไรมาต้านทานได้อีกแล้ว
พฤติกรรมความไม่สนใจไฝ่รู้หนักข้อ ไม่สนใจบริบท
นโยบายเรียนปนเล่นนั้นมั้ยเพาะนิสัย ไม่เอาถ่าน..

วันนี้พอดีพบบทความน่าสนใจของ รัตนา ศิริลักษณ์ เลยหยิบมาฝาก

เหตุใดอ่านไม่เข้าใจ ทำไมอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง

นักเรียนในโรงเรียน ทุกระดับชั้นในประเทศไทยประมาณร้อยละ 20 ปัจจุบันนี้ ประสบปัญหาการอ่าน เพราะอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจ ตีความไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบทเรียน โจทย์คณิตศาสตร์ อ่านการ์ตูน โฆษณา ฯลฯ จนกระทั่งครูบางคนอาจบอกว่าเด็กโง่ และแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนก็ประสบปัญหาการอ่านแล้วไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน

เช่นเดียวกับนักเรียนในประเทศอังกฤษ ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปศึกษา และ ดูงานด้านการสอนผู้พิการ ในเดือนมิถุนายน 2545 พบว่านักเรียนร้อยละ 20 ประสบปัญหาภาวะเสียการอ่านเข้าใจ(Dyslexia) เป็นสาเหตุให้นักเรียนต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และร้อยละ 80 ของ นักโทษในเรือนจำในอังกฤษ ที่มีความผิดทางด้านเพศ คือ ฆ่า ข่มขืน และล่วงละเมิดทางเพศ เป็นโรคภาวะเสียการอ่านเข้าใจ(Dyslexia)นั่นเอง ทำให้รัฐบาลของอังกฤษตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก และกำลังหาวิธีการ และมาตรการที่จะแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

เมื่อนักเรียนอ่านไม่ได้จึงไม่เข้าใจย่อมตีความโจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้ เขียนไม่ได้ และตอบคำถามไม่ได้ จึงเป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกันยากยิ่งที่ครูจะแก้ไข โดยเฉพาะทักษะการอ่านในแง่มุมของนักภาษาศาสตร์แล้ว นับเป็นทักษะที่ยุ่งยากและซับซ้อนในด้านกลไกการรับรู้ภายในสมองน้อย ๆ ของเด็ก แม้แต่ทักษะการฟัง ซึ่งเป็นทักษะง่ายที่สุดที่เด็กต้องฟังพ่อ แม่ ครู ฯลฯ พร่ำสั่งสอน ถึงแม้เด็กรับฟังทุกวันแต่ก็ยังไม่จดจำ อาทิ ทำให้ทำการบ้านส่งครูทุกวัน ทำความสะอาดโต๊ะ และ ห้องเรียน ฯลฯ ดังนั้นเราจะทราบและเข้าใจได้อย่างไรว่าเด็กเหล่านี้มีความผิดปกติอะไรบ้างในหัวสมอง และเราจะช่วยแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไร

ความหมายของ (Dyslexia)

Dyslexia (อ่านออกเสียง ดิสเลคเซีย) มาจากภาษากรีซ Dys : Not, Lexia : Language หรือตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า ภาวะเสียการอ่านเข้าใจ
ใครบ้างที่มีโอกาสอยู่ในภาวะเสียการอ่านเข้าใจนี้ ทุกคนมีโอกาสเป็นได้ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ อาทิ มักจะเกิดกับเด็กพิการ เป็นกรรมพันธุ์ หรือแม้แต่เด็กฉลาดมาก ๆ อาทิ อัลเบอร์ต ไอสไตน์ ก็อาจเกิดภาวะนี้ได้ เช่นกัน



นักเรียนที่ปรากฏอาการที่ภาวะเสียการอ่านเข้าใจ

ครูอาจจะสังเกตจากพฤติกรรมของ นักเรียนหรือเกิดสาเหตุดังนี้

• ความจำแย่มาก แม้จะฟังคำสั่ง คำสอน คำอธิบาย ฯลฯ สามารถจำได้แค่ระยะเวลาอันสั้น แล้วก็หลงลืมไปเลย แม้แต่เวลานัดหมายใครไว้ก็ลืม หรือไม่รู้ว่าวันนี้วันที่ เท่าไร และเป็นวันอะไร

• สับสนความจำในเรื่อง วัน เดือน ปี พ.ศ. และฤดูกาล

• สับสนสิ่งเหล่านี้ คือ หลงทิศว่าทิศเหนือเป็นทิศใต้ ทิศตะวันออกเป็นทิศตะวันตก หรือเมื่อครูออกคำสั่งให้นักเรียนขวาหันนักเรียนกลับซ้ายหัน หรือจำชื่อคนผิด เช่นเรียกน้องนิดเป็นน้องหน่อย หรือจำชื่อสถานที่ไม่ได้ เช่นบอกไม่ได้ว่าไปชมการบินผาดโผนที่กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ มาเมื่อวานนี้ เป็นต้น

• สับสนด้านภาษา การเขียนอักษรกลับหน้า กลับหลัง อาทิ b เป็น d ตัว ค เป็น ตัว ง เป็น การเรียงคำวลี หรือประโยคสับสน เช่น ฉันกินข้าว เป็น ฉันข้าวกิน

• หรือภาษาอังกฤษ อาทิ but cut put จะออกเสียง อะ เหมือนกันหมด และมีปัญหาเรื่องการสะกดคำยาว อาทิ International สับสนด้านตัวเลข หรือคณิตศาสตร์ อาทิ 37 เป็น 73 หรือ 69 เป็น 96

• แยกแยะจังหวะต่าง ๆ ไม่ออก เป็นคนไม่มีอารมณ์ขัน เข้ากับผู้อื่นไม่ได้ หรือมีปัญหาด้านการประสานงาน

ปัจจัยเสี่ยงหรืออาการที่บ่งบอกถึงภาวะเสียการอ่านเข้าใจ (Dyslexia)

• ช่วงที่สตรีตั้งครรภ์ได้รับประทานยา หรือรักษาโรคหัดเยอรมัน หรือเกิดอุบัติเหตุหกล้ม

• ทารกคลอดก่อน หรือหลังกำหนด 2 สัปดาห์ขึ้นไป หรือคลอดด้วยวิธีไม่ปกติ อาทิ ผ่าท้องมารดา ใช้คีมคีบออก เป็นต้น และน้ำหนักทารกน้อยกว่า 5 ปอนด์ และมีอาการผิดปกติอื่นๆ อาทิ หายใจไม่ปกติ ตัวเหลืองเพราะเป็นดีซ่าน สีผิวคล้ำ และช้ำเป็นจ้ำ ๆ

• เด็กมีพัฒนาการ และการเรียนรู้ช้ากว่าปกติ อาทิ หัดพูด หัดเดิน หัดรับประทานอาหารเอง หรือหัดช่วยพยุงตัวเอง และเมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียนก็ไม่สามารถกลัดกระดุมเสื้อได้

• เด็กเคยมีอาการไข้ มีอุณหภูมิใน ร่างกายสูงมากถึงขั้นชัก เพ้อคลั่งหรือ ปัสสาวะรดที่นอนบ่อย ทั้งที่อายุมากเกินกว่าที่กำหนดแล้วก็ตาม

• เด็กบ่นปวดขาเมื่อเดินเขย่งเท้า และเมื่ออายุ 8-10 ขวบ เด็กมีปัญหาเรื่องการได้ยิน มีปัญหาเรื่อง ตา หู คอ จมูก ซึ่งเด็กอาจจะรับเชื้อหวัด เกิด หลอดลม หรือไซนัสอับเสบ

• เมื่อเข้าโรงเรียนเด็กมีสมาธิสั้น ไม่อยู่นิ่ง ไม่ชอบเรียนหนังสือ และไม่ชอบทำการบ้าน บ่นปวดลูกนัยน์ตาในขณะอ่านหนังสือ หรืออ้างว่าปวดศรีษะเป็นประจำ

• เด็กมักมีปัญหาการฟัง ต้องฟังบ่อยๆ ซ้ำๆ และต้องมีสมาธิการฟังมาก ๆ จึงจะจำและเข้าใจ

• เด็กมีปัญหาการพูด อาทิ การพูดไม่ชัด พูดติดอ่าง หรือพูดวกวน และสับสน

• เด็กอ่านหนังสือได้ดีในช่วงแรกของการอ่าน แต่ต่อมาปฏิเสธไม่ยอมอ่าน

• เด็กมีปัญหาด้านการเขียน อาทิ ชอบเขียนภาษาอังกฤษด้วยตัวพิมพ์มากกว่าตัวเขียน ตอนแรกเมื่อเด็กฝึกหัดเขียนก็ทำได้ดี แต่พอตอนหลังเขียนได้แย่ลงกว่าเดิม และหลีกเลี่ยงงานที่ต้องเขียนด้วยลายมือ

ภาวะการเสียการอ่านเข้าใจ (Dyslexia)

เป็นอาการที่เกี่ยวกับระบบประสาท หรืออาการที่ไม่ปกติที่ซ่อนเร้นอยู่ในสมองของเด็ก ทำให้เด็กอ่านไม่ออก จึงส่งผลให้เขียนไม่ได้ ตีความไม่ได้ และมีปัญหาในการทำงานร่วมกับคนอื่น ทำให้ครูไม่ใคร่พึงพอใจนัก หรือมักใช้ถ้อยคำ รุนแรงว่าเด็กโง่ จนทำให้นักเรียนไม่สามารถเรียนต่อไปได้เพราะทั้งครู นักเรียนและผู้ปกครองก็ไม่เข้าใจวิธีที่จะแก้ไขปัญหา อาจจะทำให้ผู้เรียนต้องออกจากโรงเรียน กลางคัน เพราะเรียนต่อไปไม่ไหว

เราจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

แนวทางของคำตอบก็คือ ครอบครัวต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ทั้งด้านสุขภาพและสอนหนังสือคือการสอนอ่านและสอนเขียนอย่างใจเย็น สำหรับครูคงเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะสอนนักเรียนเหล่านี้เป็นพิเศษกว่าเด็กปกติอื่นๆ เพราะห้องเรียนในโรงเรียนในประเทศไทยค่อนข้างใหญ่ และขณะนี้ยังไม่มีเทคนิคการสอน หรือกิจกรรมการเรียนใดที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ได้แต่หวังว่าครูคงจะแบ่งเวลาให้ความสนใจเด็กเหล่านี้เป็นพิเศษบ้าง หรือให้เพื่อนที่มีความสามารถสอนนักเรียนเหล่านั้นให้หัดอ่านหรือเขียนบ่อยขึ้นก็จะเป็นการดี


เจ้าอ้าย..คิดถึงนายมากทุกวัน แต่ตอนนี้ความเครียดมาถึงคอหอย
PM ส่งเสียงมาสอยไปสอบแข่งขันไปต่างประเทศ
ชั้นไม่ชอบการสอบมาแต่ไหนแต่ไร
ตอนนี้ก็รู้สึกว่าการอ่านจับใจความจะแย่ลง
แต่แปลความจากภาพได้ และฟังเข้าใจอยู่บ้างเล็กน้อย..อิอิ..
"ไม่มีใคร" เหตุผลที่เหมือนกันไม่ว่า PM คนใหม่คนเก่า
ครั้งแรกของการปฏิเสธ..ชั้นบอก "พูดถึงสอบแล้วปวดกะบาน"
เธอถามนิ่มๆ "มันอยู่ส่วนไหนของร่างกาย"
ฉันบอก "อยู่ที่มี ที่เป็น" เธอคงจะเกาหัว หรือทำปากหมุบหมิบ
ไม่เป็นไรก็มองไม่เห็น แต่สรุปว่าไม่ไป
ก็งานอื่นๆรอรับหน้าอยู่แล้ว..

ไปต่างประเทศเมื่อไหร่ก็ไปได้ จริงไหม
(เราจะไปเที่ยวรอบโลกกันงัย..กาละมังคนละใบ)

รักนายมากกว่ามากนิดนึง

'เจ้าเอื้อยยยย





เพลงประกอบ : :::SEALED WITH A KISS :::












Create Date : 04 ธันวาคม 2553
Last Update : 4 ธันวาคม 2553 20:03:42 น. 0 comments
Counter : 672 Pageviews.

Peakroong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]





"หากต้องตัดสินใครสักคน

เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"

เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่

สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ

มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"


"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..

๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน

๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล

๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ


'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553


Friends' blogs
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.