2011-04-01

หลายวันที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปงานบวชของเพื่อนคนนึงที่เรียนด้วยกัน เขาได้บวชที่วัดสระเกศ (เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เหมือนกันว่าการบวชในวัดกทม.จำเป็นต้องมีเส้น) ในงานก็มีการจัดเลี้ยง มีญาติผู้ใหญ่เหมือนกับงานทั่วๆไป

เมื่อพูดถึงงานบวช ก็จะมีคำถามตามมาติดๆคือ "ใครถือหมอน" ซึ่งเป็นคำถามยอดฮิตของงานบวชพระทุกรูป เรื่องราวที่ผู้เขียนพอสังเกตุได้มันก็อยู่ตรงนี้หละ

ลองมานั่งนึกดูเล่นๆ ตามหลักศาสนาพุทธ (ที่ไม่ค่อยแม่นยำเท่าไหร่) คนบวชได้บุญมากสุด รองลองมาเป็นเจ้าภาพ พ่อ แม่ คนถือหมอน แล้วก็คนถืออัฐบริขารทั้งหลาย แล้วก็ผู้ร่วมงานตามลำดับ คนบวช ไม่ต้องถืออะไร เพราะต้องทำใจให้สงบ แต่งานหนักที่หนักจริงๆนี่ ตกอยู่กับพ่อ แม่ และคนถือหมอน

ในงานดังกล่าว เห็นว่าแม่ถือผ้าไตร ซึ่งก็ไม่ได้ประกอบด้วยผ้าำไำตรแล้วจบ แต่ยังต้องประดับด้วยดอกไม้ และอลังการล้านแปดอีกนับไม่ถ้วน เหล่าบรรดาญาติพี่น้องจึงต้องวนกันมาถือผ้าไตร ส่วนหมอนที่หลายๆคนฝันอยากถือนักถือหนา ก็หนักไม่แพ้กับผ้าไตร

คนที่ถือหมอนในวันดังกล่าว ยอมรับด้วยตัวเองว่า "กล้ามขึ้น" และทำหน้าเมื่อยล้าอย่างสังเกตุได้ แต่กระนั้น เมื่ออยู่ในงานบุญ ก็ต้องทำหน้าที่ยิ้มรื่นเริง และและดูมีความสุข

เห็นอย่างนี้แล้ว ผู้เขียนที่เคยคิดว่าอยากจะถือหมอนให้งานบวชใครซักคน ก็เป็นอันยุติฝันเพียงเท่านี้

อีกเรื่องในบลอกนี้
ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ไปกินข้าวกับอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านเป็นคนที่มีความสุขกับการกินมาก ถึงแม้ว่าท่านก็มีปัญหาสุขภาพรุมเร้า และหมอก็บอกห้ามกินนู่นนี่ แต่ก็ยังฝืนกินอยู่ในบางที

ท่านตั้งประเด็นมาว่า ท่านไม่เชื่อหรอกว่า อาหารที่กินเข้าไปนั้น มันส่งผลต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทุกๆคนก็ต้องเป็นโรคที่เกิดจากข้าวเหมือนกันหมด เพราะคนไทยกินข้าว

เมื่อได้ฟังดังนั้น วงสนทนาก็เลยเลยเถิดคิดไปไกลถึงขั้นว่า มันก็พอจะมีทางเป็นไปได้นะ ถ้าเราสังเกตุอะไรบางอย่าง เราจะเห็นว่า เมืองไทยนั้นมีเพศที่ 3 เยอะมาก และแสดงออกเยอะมาก นั่นเป็นเพราะ คนไทยกินข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ยีนส์ที่มีความพร้อมจะกลายพันธุ์ ได้แสดงออกอย่างรวมเร็วมากขึ้น ดังนั้น สมมติฐานคือ ข้าวทำให้เราเป็นตุ๊ด

ไปถึงขั้นนั้นได้ ฮ่าๆๆๆ

Create Date : 01 เมษายน 2554		1 comments
Last Update : 1 เมษายน 2554 8:31:46 น.
Counter : 761 Pageviews.
Share Tweet