บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
ตอน 12 - Chinese Fishing Nets,โคชิ (Kochi)







รถบัสจากอลัปปูจามาสุดทางที่เออร์นากุลัม (Ernarkulam) ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่อยู่ทางตะวันออกของเมืองโคชิ  (Kochi city)  เมืองโคชิเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคโคชิน (Greater Cochin region)

   ที่เรามักพูดถึงโคชิ ก็คือเมืองโคชิซึ่งแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็น 3 บริเวณ คือตัวเมืองเออร์นากุลัมบนแผ่นดินใหญ่  เกาะเวลลิงดัน (Wellingdon island - เกาะที่สร้างขึ้นโดยใช้ดินที่ได้จากขุดท่าเรือน้ำลึก)  ป้อมโคชิน หรือ โคชิ (Fort Cochin - Kochi),  มัตตันเชอรี่ (Mattancherry) รวมกันเป็นส่วนที่อยู่ทางใต้ของคาบสมุทร และเกาะไวพีน (Vypeen island) ที่อยู่ทางเหนือของป้อมโคชิน 


ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงด้วยเครือข่ายของเรือเฟอรี่ตามภาพบนค่ะ  และยังมีสะพานเชื่อมเออร์นากุลัมกับเกาะเวลลิงดัน และป้อมโคชินด้วย  ... ที่เออร์นาคูลัมจะมีธนาคาร สถานีรถไฟ สถานีรถบัส และศูนย์ท่องเทีี่ยว 

ส่วนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดอยู่ที่ป้อมโคชิน และมัตตันเชอรี่  




มีเวลาน้อยนิดแวะทักทายเออร์นากุลัม  ภาพบนคือ สำนักงานท่องเที่ยวอยู่ที่ท่าเรือฝั่งแผ่นดินใหญ่ ที่มีแผนที่ป้อมโคชิให้ด้วย




เมืองเออร์นากุลัม ใกล้ ๆ ท่าเรือ



ห้างขายผ้าที่ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าห้าง 



โรงเรียนอนุบาลตอนพักกลางวัน




โคชิ หรือ โคชิน (Kochi - Cochin)

โคชิ หรือ โคชิน เป็นเมืองท่าเครื่องเทศริมฝั่งมะละบาร์ที่สำคัญ และยังเป็นฐานทัพเรือ  แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของรัฐ  แต่เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุด 

เมืิองชายฝั่งมะละบาร์ได้ดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาตั้งแต่สมัยต้นคริสตกาล เพราะที่ตั้งเหมาะสมในการเป็นจุดเชื่อมของตะวันออกไกลกับอาหรับ และอัฟริกา  รัฐเกรละและโคชิจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งจากกรีก โรมัน ยิว อาหรับ และจีน  และสินค้านานาชนิด จากสองฟากฝั่งมหาสมุทรที่มีอินเดียเป็นศูนย์กลาง ทั้งข้าว พริกไทย เครื่องเทศ ผ้าไหม ไข่มุก และงาช้าง 

ประวัติศาสตร์ของโคชิมีร่องรอยย้อนกลับไปหลายศตวรรษ เดิมเมืองท่า Kodungallur (Cranganore)  ซึ่งอยู่เหนือโคชิขึ้นไปราว 28 กม. เป็นศูนย์กลางการค้าเครื่ิองเทศที่สำคัญของอินเดีย  หากในปี 1341 เกิดน้ำท่วมใหญ่จากแม่น้ำ Periya  การขนส่งสินค้าและการค้าขายจึงเริ่มขยับขยายมาที่โคชิ  ทำให้โคชิกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญมากขึ้น  และเป็นท่าเรือแรก ๆ ที่ดึงดูดชาวอาหรับ จีน และพ่อค้าเดินเรือชาวยุโรป  จนทำให้เมืองท่าแห่งนี้่เริ่มเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า "ราชินีแห่งทะเลอารเบียน"



นั่งเรือข้ามฟากจากเออร์นากุลัมผ่าน Vembanad Lakeไปป้อมโคชิ



 ขึ้นเรือที่ท่าป้อมโคชิ Fort Kochi boat jetty ทั้ง 3 สว. เดินลากกระเป๋ากันไปได้ไม่ไกล  ก็มีรถตุ๊ก ๆ ไล่หลังมาถามว่าจะไปไหน ขึ้นมาก่อน  เดินไปมันไกลนะ คิดค่ารถ 30 รูปีเอง .. 30 รูปี ก็ 16-17 บาทเอง ใช้บริการ 3 คนแนะ  แบบนี้ห้ามพลาด แล้วตอนบ่ายอากาศก็ร้อนด้วย    และแล้วนายบาบู (Mr. Babu) ก็ถามว่าจะไปโรงแรมไหน  ที่ดูไว้ก็คือ โรงแรม Sonetta  ที่อยู่บริเวณมัตตันเชอรี่ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว 




"โอ้ย !!!  มันแพง เดี๋ยวจะพาไปอีกที่นะ ดีด้วย ถูกด้วย ไม่ชอบไม่เป็นไร ไปดูก่อน" มีเสียงเจื้อยแจ้วมาจากหน้ารถ แล้วก็พาเราบึ่งไปที่ที่ไม่เห็นมีโรงแรมแล้ว  แล้วก็เลี้ยวเข้าซอย  ไปจอดพรืดที่หน้า  Orion Skywings  Home Stay



เห็นหน้าตาน่าสงสารของนายบาบู  แล้วโรงแรมก็ดูดี  เปิดประตูรั้วเข้าไป มีพนักงานเป็นชายหนุ่ม 2 คน แต่พอพักจริง ๆ เหลืออยู่คนเดียว



เขาพาไปดูห้อง พอเห็นลานหน้าห้อง แถมเก้าอี้นอนให้ด้วย ก็ตกลงเลย   ดูโล่ง ๆ และเงียบดี  คืนละ 600 รูปี เป็นห้องพัดลม  พักอยู่ 3 คืน ก็มีลูกค้าต่างชาติ 3 คน และคืนหนึ่งมีคนท้องถิ่นด้วย  นายบาบูนี้ยิ้มแป้นเลย สงสัยว่าจะได้นายหน้าสักเท่าไรเชียว เพราะค่าห้องมันก็ไม่ได้แพง    ก่อนกลับนายบาบูแถมนามบัตรให้อีกใบ เผื่อจะเรียกรถไปเที่ยวที่อื่น ๆ กัน  มันเป็นเฟอร์รารี่เชียวค่ะ  ตามที่เขาเขียนในนามบัตร  แต่ก็ไม่เจอเขาอีกเลย จนก่อนกลับ



 ตุ๊ก ตุ๊ก เฟอร์รารี่ - Tuk Tuk Ferrari ของบาบู



ซอยที่เป็นที่ตั้งของ Orions Skywings Home Stay ติดกันเป็นเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก และอนุบาล (Play School)  ลุงบอกว่าถ้าไม่มีนายหน้าพามา ใครจะเดินมาพักถึงตรงนี้  ต้องขอบใจนายบาบูที่พามาที่นี่  แม้จะไม่ใช่กลางสถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็เดินไม่ไกล สัก 10 - 15 นาที สบาย ๆ  


 ผ่านนักเรียนที่กำลังเลิกเรียนพอดี





ผ่านโรงเรียน โบสถ์ บ้านเรือนสมัยอาณานิคม







เดินมาเรื่อย ๆ ผ่านอาคารร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม ร้านอาหาร 


แนวถนนที่จะไปยังจตุรัสวาสโก ดา กามา (Vasco da Gama square)  มีต้นก้ามปูที่ใหญ่มาก คงจะปลูกมานานมากเช่นกัน จนมีไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมอยู่ทั่ว เขียวชอุ่ม ร่มรื่น 

ต้นไม้ ถนน ผู้คน และรถสามารถอยู่กันได้อย่างกลมกลืน เป็นธรรมชาติ 


จากคำเลื่องลือว่าเป็นแหล่งพริกไทยชั้นดี นักเดินเรือชาวโปตุเกส วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) ได้ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรผ่านแหลมกู๊ดโฮป อัฟริกา  และเทียบท่าที่คาลิคัต (Callicut หรือ โคชิโกต - Kozhikode - เมืองชายฝั่งมะละบาร์ ห่างจากโคชิขึ้นไปทางเหนือรวม 182 กม. ในปี คศ. 1498 


วาสโก ดา กามา เป็นชาวยุโรปคนแรกที่มาถึงอินเดียทางทะเล และได้เชื่อมยุโรปกับเอเชียเป็นครั้งแรกผ่านเส้นทางมหาสมุทร  และแน่นอนเป็นการเชื่อมมหาสมุทรแอตแลนติค กับมหาสมุทรอินเดีย  ซึ่งก็คือระหว่างตะวันตกและตะวันออกนั่นเอง


หลังจากประสบความสำเร็จจากการนำสินค้าจากอินเดีย เช่น เครื่องเทศ ไหม ทองและเงินไปขาย  วาสโก ดา กามา ได้กลับมาอินเดียอีก 2 ครั้ง  และมาถึงโคชินอย่างเต็มตัวใน คศ. 1503 ก่อนจะป่วยและเสียชีวิตที่เมืองโคชิ ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม คศ. 1524 


ปี คศ. 1503 โคชิกลายเป็นเมืองอาณานิคมของโปรตุเกส  นับเป็นเมืองแห่งแรกของอินเดียที่ตกเป็นของตะวันตก  หลังจากโปรตุเกสแล้วก็มีดัทช์ และตามมาด้วยอังกฤษ ในปี 1795  เราจึงยังเห็นอิทธิพล Indo - European ที่หลงเหลืออยู่ในโคชิ โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรม ไม่เหมือนเมืองอินเดียอื่น ๆ ที่ผ่านมา 


ยอจับปลาแบบชาวจีน (Chinese Fishing Nets)  หรือ ชีนา วาลา (Cheena Vala)

แต่ก่อนการมาถึงของวาสโก ดา กามา   ชาวจีนได้เดินทางมาถึงชายฝั่งมะละละบาร์  อย่างเป็นทางการแล้วเป็นครั้งแรก  ในสมัยราชวงค์หยวน    เมื่อมองโกลรุ่งเรืองถึงขีดสุด   ราชฑูตมองโกลเดินทางมาถึงมะละบาร์ใน ปี 1280   หลังจากนั้นอีกราว 100 กว่าปี  สมัยสมเด็จจักรพรรดิราชวงค์หมิง  กองทัพเรือของนายพลเจิ้งเหอ  (Zheng He)   แวะมาเทียบท่าโคชินถึงห้าครั้ง   แสดงถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นแห่งราชวงค์หมิง และมะละบาร์  

มีเอกสารที่อ้างอิงถึงโคชิครั้งแรกจากหนังสือที่เขียนโดยนักเดินทางชาวจีน ชื่อหม่าฮวน (Ma Huan) ผู้มาพร้อมกับกองเรือของนายพลเจิ้งเหอ (Zheng He) ในช่วงศต.ที่ 15  และยังมีการอ้างอิงถึงโคชิโดยนักเดินทางชาวอิตาเลียน ชื่อ นิคโคโล ดา คอนติ (Niccolo Da conti) ผู้ที่เดินทางมาถึงโคชินในปี 1440

ปัจจุบันเรายังเห็นร่องรอยประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของราชวงค์หมิง และมะละบาร์ คือยอจับปลาแบบชาวจีน (Chinese Fishing Nets)  หรือ ชีนา วาลา (Cheena Vala) ในภาษามาลายาลัม   

ที่จตุรัสวาสโก ดา กามา ป้อมโคชิ เป็นจุดที่จะชมยอจับปลาแบบชาวจีนได้ดีที่สุด 



อุปกรณ์จับปลาแบบที่ยกด้วยมือนี้  ชาวจีนเป็นชนกลุ่มแรกที่ใช้  ปัจจุบันเป็นเครื่องช่วยในการทำมาหากินของชาวประมงอินเดียหลาย ๆ คน  โดยเฉพาะที่โคชิ และโคลัม (Kollam)  ที่ยังใช้วิธีการแบบดั้งเดิมแบบที่เคยเป็นมากว่า 600 ปีมาแล้ว


ยอจับปลาแบบชาวจีนนี้ เป็นเครื่องมือขนาดใหญ่ที่ใช้หลักการทางกลศาสตร์  โครงสร้างทำจากไม้สักและไม้ไผ่ที่มีความสูงอย่างน้อย 10 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร ประกอบด้วยคานที่ยึดตาข่ายขณะที่แขวนไว้เหนือทะเล  มีก้อนหินขนาดใหญ่ผูกห้อยไว้กับเชือกเพื่อถวงน้ำหนักอีกด้านหนึ่ง






การยกยอแต่ละครั้งต้องมีทีมมากกว่า 6 คนขึ้นไป และความสมดุลของระบบต้องมากพอ  ที่จะรับน้ำหนักของผู้ที่จะเดินไปตามแกนหลัก เพื่อถ่วงให้ยอจมลงไปในน้ำ


แล้วก็กลับเมื่อยอจมลงไปในน้ำแล้ว


















 ยอจะจมลงในทะเลในเวลาเพียงไม่กี่นาที แล้วก็จะถูกยกขึ้นด้วยการดึงเชือกที่มีความยาวไม่เท่ากัน  และมีก้อนหินผูกอยู่ที่ปลาย เพื่อเป็นการถ่วงน้ำหนักให้เกิดความสมดุลกับยอที่ยกขึ้นมา ก้อนหินแต่ละก้อนมีขนาดไม่ต่ำกว่า 30 ซม.  


 แด่ชาวประมงอินเดียที่ทำงานหนักตลอดทั้งวัน 






การยกยอแต่ละครั้งจะได้กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่มากนัก แล้วก็วางขายบริเวณทางเดินที่หน้ายอเดี๋ยวนั้นเลย


ขนาดของยอ รูปทรง จังหวะและการทำงานของชาวประมง ทำให้ Chinese Fishing Nets กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมาก

ที่จตุรัสวาสโก ดา กามา ป้อมโคชิ  จะมีร้านอาหารอาหาร ที่ทั้งขายอาหารและรับทำอาหารทะเล  ที่นักท่องเที่ยวมักจะซื้อจากชาวประมง มีค่าบริการแต่ละเมนู  เวลาซื้อแล้วก็จะมีหลายคนเข้ามาแนะนำร้านที่จะพาไป  เราก็เลือกเอาว่าจะไปกับใครดี  


 ร้านอาหารเหล่านี้จะอยู่อีกฟากของจตุรัส หรือเลยเข้าไปในซอย  



แล้วก็ได้อาหารทะเล หน้าตาแบบนี้มากิน หลังจากกินโรตีกับไข่ทอดมาหลายวันแล้ว  ข้าวผัดกระเทียมที่สั่งเพิ่มจะใส่ใบสมุยด้วย หอมมาก หลังจากมื้อเย็นวันแรก จากนั้นก็แวะมาอุดหนุนชาวประมงที่โคชินเกือบทุกมื้อตลอด 3 เลยค่ะ  

พออิ่มท้องแล้วก็เดินต่อไม่ค่อยไหว  ไว้ค่อยไปที่อื่น ๆ ในบล๊อคหน้าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย และ
หนังสือ "มนต์เมืองท่า" โดยสองยิปซี พศ. 2552
//www.thehindu.com/features/magazine/the-last-jews-of-kochi/article2953652.ece
//www.baanjomyut.com/library/discovery_history/16.html
//www.clipmass.com/story/65828
//wol.jw.org/th/wol/d/r113/lp-si/102008128
//www.cochin.org.uk/tourist-attractions/chinese-fishing-nets.html



Create Date : 27 มีนาคม 2559
Last Update : 15 เมษายน 2559 12:57:06 น. 0 comments
Counter : 2239 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.