บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 

ตอน 9 - วิเวกานันทนุสรณ์, กันยากุมารี




เต็มอิ่มกับการนั่งดูผู้คน และชมพระอาทิตย์ตกที่กันยากุมารี แผ่นดินสุดประเทศอินเดีย ณ ที่ที่อ่าวเบงกอล - มหาสมุทรอินเดีย และทะเลอารเบียน มาบรรจบกัน ไปแล้ววันก่อน  อีกสถานที่หนึ่งที่สำคัญยิ่ง คือ Vivekananda Rock Memorial 

ห่างจากกันยากุมารีจุดใต้สุดของอนุทวีป ณ ที่ทะเลทั้งสาม มาบรรจบกัน ไปประมาณ 400 เมตร มีโขดหินใหญ๋ 2 ก้อน ซึ่งตามตำนานของคนท้องถิ่น โขดหินนี้คือสถานที่เจ้าแม่กุมารีได้มาปฏิบัติธรรมอย่างเข็มงวด  และตามตำนานของชาวคริสต์เชื่อว่านักบุญโทมัส มาขึ้นฝั่งแพร่ธรรมที่นี่ หลังพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ไม่นาน กันยากุมารีจึงเป็นที่รวมของหลายตำนาน  กลายเป็นสถานที่ที่ผู้แสวงบุญจากทุกสารทิศ หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายตลอดปี


วิเวกานันทนุสรณ์ตั้งอยู่บนโขดหินแฝดสองก้อนใหญ่  เปิดตั้งแต่เวลา 7.00 น. - 17.00 น. ค่าเข้าชม 10 รูปี   มีเรือเฟอรี่จากท่าเรีือไป - กลับ 30 รูปี





วิเวกานันทนุสรณ์ (Vivekananda Rock Memorial)


แม้ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต สวามีวิเวกานันทะได้กล่าวว่า ท่านยังคงทำงานอยู่  โดยสร้างแรงบันดาลให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป สานต่องานที่ยังไม่เสร็จของท่าน จะเห็นได้ว่างานของท่านยังคงดำเนินต่อไปทั่วประเทศ วิเวกานันทนุสรณ์ ที่กันยากุมารี เป็นหนึ่งอันก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่เป็นอมตะนั้น

อนุสรณ์สถานนี้เป็นสัญญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวและความบริสุทธิ์  หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการหลอมรวมลมหายใจของผู้คนในชาติ เป็นการผสมผสานความสุข และความงามของสถาปัตยกรรมของเทวาลัยที่แตกต่างกันทั่วอินเดียให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้วิเวกานันทนุสรณ์ได้รับการยกย่องว่า  เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของประเทศอินเดีย  


การก่อสร้างเริ่มในปี 1962 ในวันครบรอบวันเกิดของท่าน แล้วเสร็จในปี 1970 ใช้เวลาการก่อสร้าง 2081 วัน แรงงาน 650 คน  เป็นช่วงที่ทุกคนมีความปรารถนาเดียวกัน ร่วมทำงานและบริจาคเพื่อสิ่งเดียวกัน  ประชาชนไม่ว่าอยู่แคว้นใดได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  ... ทั้งจากองค์กร RSS - Rashtriya Swayamsevak Sangh (องค์กรอาสาสมัครแห่งชาติ  หรือ องค์กรผู้รักชาติแห่งชาติ)   องค์กรทางจิตวิญญาณ วัฒนธรรม และองค์แห่งชาติอื่น ๆ ได้เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมนี้  รวมทั้งรัฐบาลของแต่ละรัฐ และรัฐบาลกลางด้วย  

Vivekananda Rock Memorial ได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของคนในชาติ ดั่งเช่นกันยากุมารีที่เป็นจุดศูนย์รวมของทะเลทั้งสาม  ...ปัจจุบัน มีผู้คนนับล้านที่มายังอนุสรณ์สถานแห่งนี้ เพื่อแสดงความเคารพและคารวะต่อชายผู้ที่นำอินเดียให้มาเกิดใหม่

อนุสรณ์สถานนี้ประกอบด้วยโครงสร้างหลัก ๆ 2 อาคาร  คือ 



1. Vivekananda Mandapam   มีรูปแบบเดียวกับวิหารศรีรามกฤษณะ  
(Sri Ramakrishna Temple  ที่ Belur - เมืองในตำบลฮัดสัน - Hassan  รัฐการ์นาตากา - Karnatakaล อินเดีย) ทางเข้าได้รับการออกแบบให้เหมือนกับถ้ำอจันตา และถ้ำเอลโลราที่ตำบลออรังกบาด    รัฐมหาราษฏระ เบื้องล่างของโดม คือ โถงหลัก มีรูปหล่อบรอนซ์ของท่านสวามี ขนาดเท่าจริง  






  กลุ่มนักเรียนและชาวอินเดียที่มายังวิเวกานุสรณ์ นั่งถ่ายรูปบันไดทางขึ้น Vivekananda Mandapam  (ทุกครั้งที่ถ่ายรูปผู้คนทั่วไป จะรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มที่จริงใจและความมีชีวิตชีวาค่ะ)



ติดกับโถงหลัก มีอาคารโถงสำหรับฝึกสมาธิ คือ Dhyana  Mandapam มีอาคารโถงสำหรับฝึกสมาธิ  เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ฝึกสมาธิในบรรยากาศสงบเงียบ  โถงหลักนี้ยังแบ่งย่อย ๆ ออกไปอีก 4 Mandapam 

2. Sri Pada Mandapam  โขดหินอันเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถาน เรียกว่า  Sri Pada Parai (ภาษาทมิฬ หมายถึงโขดหินที่ได้พรจากการ
 พระบาทของเจ้าแม่) บนโขดหินนี้จะมีการฉายภาพขนาดเล็กคล้ายเท้ามนุษย์ ซึ่งได้รับการเคารพนับถือในฐานะเป็นสัญญลักษณ์ของ Sri Padam และมีตำนานว่าเจ้าแม่กันยาได้บำเพ็ญตบะ ณ ที่นี้  ในโถงทรงจตุรัสนี้ ยังแบ่งออกเป็นโถงย่อยอีก 4 โถงด้วยกัน 



ทั้ง 2 Mandapams ได้รับการออกแบบให้มองเห็นรูปหล่อท่านสวามีได้โดยตรง 




ภาพนี้จะเห็นทั้ง Vivekananda และ Sri Pada Mandapams ค่ะ 



ที่วิเวกานันทนุสรณ์ยังมี ปฎิิิิทินนับตามการขึ้นของดวงอาทิตย์ (Sunrise Calendar)



ลานกิจกรรมและจุดชมวิว



ร้านขายหนังสือและของที่ระลึก





ได้เวลามาแล้วก็ได้เวลาจากค่ะ

บางส่วนเกี่ยวกับสวามี วิเวกานันท์


 สวามี วิเวกานันท์ ก่อนที่จะมาบวชมีชื่อว่านเรนทรนาถ ทัตตะ (Narendra Nath Datta) เกิดวันที่ 12 มกราคม พศ. 2406/1863 ที่โกลกัตตา ในครอบครัวมั่งคั่ง ในวัยหนุ่มท่านสนใจวิชาศาสนาและปรัชญา ได้เป็นลูกศิษย์ของสวามี รามกฤษณะ และได้นามใหม่ว่า วิเวกานันท์ ตามที่ท่านตั้งให้ ... ท่านได้ยึดหลักคำสอนของสวามี รามกฤษณะเป็นแนวทางสร้างชีวิตตลอดมา และได้ทำให้หลักคำสอน และผลงานของสถาบัน "ราม-กฤษณะมิชั่น"เป็นที่รู้จักแพร่หลายในปัจจุบัน 

ท่านจาริกไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วอินเดีย และได้เห็นสภาพของชาวชนบทของอินเดียที่ถูกละเลยเพิกเฉย งมงาย มีกินไม่มีกินบ้าง และเป็นเหยี่อของชนชั้นปกครอง  ท่านเรียกร้องให้ชนชั้นสูงทำอะไรเพื่อมวลชนบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ... 

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อท่านเห็นผู้มีการศึกษาชาวอินเดียภายใต้เสื้อผ้าของชาวตะวันตก เลียนแบบชาวตะวันตก  ทั้งยังคิดตามแบบตะวันตก  ..ท่านจึงได้เรียกร้องต่อคนทั้งชาติว่า  "จงภูมิใจว่าเราเป็นชาวอินเดีย แม้ว่าเราจะนุ่งโสร่ง" (lungi) ท่านไม่ต่อต้านการเรียนรู้จากตะวันตก  ชาวอินเดียสามารถเรียนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีจากตะวันตก และพลังของสิ่งเหล่านี้ในการจัดการและการปฏิบัติ ... แต่ขณะเดียวกัน "ควรเก็บรักษาจริยธรรมอันสูงสุง และแนวคิดเกี่ยวกับจิตวิญญาณไว้" 

หลังจากรอนแรมไปทั่วอินเดียเป็นเวลาหลายปี  ...วันที่ 24 ธันวาคม พศ. 2435/1892  สวามี วิเวกานันท์ได้เดินทางมาถึงกันยากุมารี ขณะที่จิตใจยังเต็มไปด้วยคำถามต่าง ๆ ท่านได้กระโดดลงทะเลและว่ายน้ำข้ามไปถึงโขดหินศักดิ์สิทธิ์   นั่งปฏิบัตธรรมสมาธิที่นี่เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน  และ ณ ที่นี้เอง ที่เชื่อว่าท่านได้บรรลุธรรมสูงสุด 

 ปีถัดมา พศ. 2436/1893 ท่านได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนศาสนาฮินดู  ไปร่วมประชุมสภาศาสนาโลกที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ขณะที่มีอายุเพียง 30 ปี  ชื่อเสียงของท่านดังก้องโลก  เพราะข้ออภิปรายที่แหลมคม และบุคคลิกที่สง่าของท่าน  ทำให้ผู้แทนศาสนาทั่วโลก ต่างชื่นชม ....สื่อได้สรรเสริญท่านอย่างสูงสุดในฐานะผู้บรรยายเกี่ยวกับระบบคุณค่าเดิมของอินเดียอันเก่าแก่ ชั่วข้ามคืนท่านได้กลายเป็นวีรบุรุษแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย   

แนวคิดเกี่ยวกับอินเดียเริ่มแสดงให้ชาวตะวันตกตระหนักว่า  อินเดียนั้นมีคุณค่าบางอย่างที่กลุ่มปัญญาชนตะวันตกรู้สึกชื่นชม พวกเขาเริ่มสงสัยว่า ชาวอินเดียอาจไม่ได้ล้าหลังเหมือนที่พวกเขาเคยคิด และ ...ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาและปรัชญา ศิลปะ และวรรณกรรม อาจมีความก้าวหน้ามากกว่าชาวตะวันตกด้วยซ้ำ  นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ตื่นตัวกับความมั่งคั่งของมรดกตะวันออก ... นี่คือจุดเริ่มต้นของยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการใหม่ของอินเดีย

ถ้อยคำของสวามี วิเวกานันท์

"ทุก ๆ ชาติสามารถบรรลุเป้าหมายความยิ่งใหญ่  ได้จากการให้เกียรติสตรีอย่างเหมาะสม  ประเทศชาติใดก็ตามที่ไม่เคารพสตรี จะไม่มีวันยิ่งใหญ่ และไม่มีแม้แต่อนาคต  .... เราต้องการนำมนุษยชาติไปยังที่ไร้คัมภีร์พระเวท  ไร้คัมภีร์ไบเบิล  ไม่มีแม้แต่คัมภีร์อัลกุรอาน ... ทว่า ณ ที่นั้น ต้องเป็นที่ซึ่งเกิดจากการผสานคัมภีร์ทั้งหลายนี้เข้าด้วยกัน
มนุษยชาติควรจะได้เรียนรู้ว่าศาสนาต่างๆ มิใช่อื่นใดเลยนอกจากการแสดงออกที่แตกต่างกัน แต่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อที่ว่าแต่ละคนจะได้เลือกวิถีทางที่เหมาะสมที่สุดแก่ตน"

โดยเฉพาะเมื่อท่านกล่าวต่อผู้นำทางศาสนาทั้งหลาย ว่า "ความศักดิ์สิทธิ์ ความบริสุทธิ์ และความเอื้อเฟิ้อเกื้อกูลกัน มิใช่สิ่งที่สงวนอยู่เฉพาะแต่ในศาสนจักรของตน  ... ทุกระบบความเชื่อล้วนแล้วแต่ผลิตให้บุรุษและสตรีเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง  สูงส่ง สําหรับข้อยืนยันประการนี้   หากมีข้อแย้งว่า ยังมีความเชื่อใดที่มุ่งเอาตัวรอดเฉพาะตนและมุ่งทำลายผู้อื่น  ... ข้าพเจ้าก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความเชื่อนั้น" ท่านวิเวกานันท์ ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาลในในโลกตะวันตก สื่อมวลชน

ภาพและบางถ้อยคำของท่านที่ได้จาก internet ค่ะ







ชีวิตที่ไม่ธรรมดาของสวามี วิเวกานันท์ สิ้นสุด ในวันที่ 4 กรกฏาคม พศ. 2445/1902 ปรัชญาของท่านโดดเด่นอยู่ในหัวใจของชาวอินเดียทั่วไป ท่านเป็นนักปรัชญา นักปฏิรูปศาสนา และนักปฏิวัติสังคม ....

 มีข้อมูลต่าง ๆ ของท่านมากมาย ผู้สนใจคงหาได้อย่างดีจากเว๊บไซด์ต่าง ๆ ค่ะ



อีกโขดหินหนึ่ง ไม่ไกลจากวิเวกานันทนุสรณ์ มีรูปปั้นหินสูง 133 ฟิต ของนักบุญ Thiruvalluvar  ... 133  มีนัยถึงงานเขียนเกี่ยวกับคุณธรรม 'Kural' (Virtue)  ของท่าน 133 บท 

Thiruvalluvar เป็นนักปรัชญา กวี และนักการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ชาวทมิฬ  คาดการณ์จากงานเขียนของท่าน เข้าใจว่าท่านมีชีวิตอยู่ช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่าง 3 - 1 ศต. ก่อนคริสตศักราช ค่ะ 

ระหว่างนั่งเรือกลับจะเห็นหมู่บ้านประมง และโบสถ์คริสต์ริมชายหาดฝั่งกันยากุมารี


กลับมากันยากุมารี พอมีเวลาจึงเดินกันไปตามหมู่บ้านประมงที่เห็นขณะนั่งเรือกลับ บรรยากาศเงียบ ๆ ทางเดินสะอาดสะอ้าน บริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าค้าขาย และเป็นหมู่บ้านชาวประมงคาทอลิค














เดินจนมาถึง Our Lady of Ransom Church 




กล่าวว่าในทางโบราณคดี มีหลักฐานว่นักบุญโทมัสได้เคยมาที่นี  ปี 1542 นักบุญฟรานซิส เซเวียร์ก็ได้มาที่นี่เช่นกัน  ในปี 1914 มีการก่อสร้างโบสถ์ Our Lady of Ransom Church ขึ้นมา เป็นโบสถ์สีขาวที่มีโครงสร้าง และสัดส่วนที่ทั้งงดงาม และสง่างาม ..

ภายในโบสถ์มีรูปปั้นแม่พระปฏิสนธินิรมล (สังเกตุว่าโบสถ์ไม่มีเก้าอี้ ศาสนิกชนจะนั่งกับพื้นสวดภาวนากัน)


Our Lady of Ransom Church นี้มีความสูง 153 ฟิต กว้าง 53 ฟิต ซึ่งหมายถึงจำนวนเม็ดของสายประคำ มีความยาว 153 ฟิต .. หอคอยตรงกลางประดับด้วยไม้กางเขนทองคำ .. นับเป็นโบสถ์คริสต์ที่งดงามที่สุดของอินเดียโบสถ์หนึ่ง  

อีกหนึ่งวันที่กันยากุมารี ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งศาสนาฮินดูและคริสต์ ที่ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ  ต่อไปเราก็จะจากรัฐทมิฬ นาฑู แล้วเดินทางผ่านไปคอตตายัม และอลัปปูซา รัฐเกรละแล้วค่ะ


ขอบคุณภาพจาก internet และข้อมูลจาก

 https://en.wikipedia.org/wiki/Vivekananda_Rock_Memorial

 https://www.vivekanandakendra.org/english/vivekananda-rock-memorial

  https://www.rockmemorial.org/

  https://www.kanyakumari-info.com/our_lady_of_ransom_church.html
 https://ransomchurchkanyakumari.org/

https://www.belurmath.org/swamivivekananda.htm

https://rkmathnagpur.org/swami_vivekananda/story_sv.htm

https://pantip.com/topic/30352052




 

Create Date : 09 มีนาคม 2559
3 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2561 14:16:30 น.
Counter : 2313 Pageviews.

 

ไปอ่านมาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
ข้อมูลแน่น ภาพเพียบเหมือนเดิม
เหมือนอ่าน pocket book นำเที่ยวเลยล่ะ

 

โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ 15 มีนาคม 2559 9:25:18 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สมาชิกหมายเลข 1920579 Travel Blog ดู Blog

มาโหวตให้กำลังใจคนกันเองซะหน่อย

 

โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ 16 มีนาคม 2559 8:30:02 น.  

 

Thank you ka.

 

โดย: payaichow (สมาชิกหมายเลข 1920579 ) 17 มีนาคม 2559 10:13:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.