สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
13 มิถุนายน 2551
 

BANGKOK :: สวนจิตรลดา.. คลังแห่งการเรียนรู้



วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในโปรแกรมดูงานของนักศึกษา NEC ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อส่งสร้างความรู้ให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งวันนี้ NCE ทั้งสองรุ่นมากันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งรุ่น 3 และรุ่น 4





พวกเรารวมตัวกันที่กรมส่งเสริมจากนั้นก็นั่งรถบัสเดินทางมาสู่สวนจิตรลดา โดยก่อนที่จะเริ่มดูงาน ทางเจ้าหน้าที่ก็เปิดวีดีทัศน์เกี่ยวกับโครงการส่วนพระองค์ให้พวกเราได้รับรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับสวนจิตรลดา

โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงริเริ่มดำเนินการทดลองการแปรรูปผลิตผลการเกษตรขึ้นในพระราชวังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 โดยแบ่งลักษณะโครงการเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ เป็นโครงการสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ทรงให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยมีแนวทางที่สำคัญคือ ทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ทางด้านอาหาร และสนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากภาคเกษตร อีกทั้งเน้นการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการเหล่านี้ได้แก่ โครงการเกี่ยวกับปลานิล ป่าไม้สาธิต นาข้าวทดลองข้าวไร่ การผลิตแก๊สชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช สวนพืชสมุนไพร สาหร่ายเกลียวทองโครงการทดลองปลูกพืชโดยปราศจากดิน เป็นต้น

2. โครงการกึ่งธุรกิจ เป็นโครงการทดลองแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตร มีการจัดผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายในราคาย่อมเยาในรูปแบบที่ไม่หวังผลกำไร แต่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศไทย ซึ่งมีคุณภาพและราคาไม่แพง โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่ โรงโคนมสวนจิตรลดา โรงบดและอัดแกลบ ห้องปฏิบัติการทดลอง โรงผลิตน้ำผลไม้ โรงนมเม็ดสวนดุสิต โรงอบผลไม้ โรงกลั่นแอลกอฮอล์ โรงเนยแข็ง โรงสีข้าว โรงเห็ด โรงอาหารปลา โรงผลิตกระดาษสา และโรงหล่อเทียนหลวง

พอชมวิดีทัศน์แล้วได้เห็นถึงความรักที่พระองค์ท่านมีแก่ประชาชนชาวไทย ฉันรู้สึกภูมิใจจังที่เกิดบนแผ่นดินนี้ แผ่นดินที่มีพ่อหลวงมิหยุดยั้งการคิดค้นและพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อปวงชนชาวไทย ในแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเมื่อชมวิดีทัศน์เสร็จแล้ว โปรแกรมต่อไปก็คือ เจ้าหน้าที่จะพาพวกเราไปชมโครงการต่างๆ ในสวนจิตรลดา

เริ่มจากโรงหล่อเทียนหลวง เป็นโครงการที่ริเริ่มเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรคนเลี้ยงผึ้ง โดยทำการผลิตสองแบบคือ เทียนแดงคือเทียนพระราชทานปีละ40 ต้น เป็นลายก้านแยก และเทียนธรรมดาเป็นลายเทพพนม ซึ่งเทียนจะจำหน่ายในร้านค้าโครงการหลวงเท่านั้น






สาเหตุที่โรอหล่อเทียนแห่งนี้ใช้ขี้ผึ้งเป็นส่วนผสมของเทียนก็เพราะว่าขี้ผึ้งมีความยืดหยุ่น จึงทำให้เทียนของสวนจิตรลดาเวลาตกก็จะไม่หักง่าย แถมยังงอเทียนได้อีกต่างหาก และคุณสมบัติที่ดีอีกข้อก็คือ น้ำตาเทียนน้อย เวลาจุดไฟเขม่าก็จะไม่มี แถมยังได้กลิ่นขี้ผึ้งอีกด้วย

จุดต่อไปเป็นโรงผลิตสาหร่ายเกลียวทอง โครงการสวนจิตรลดาเริ่มเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองเมื่อปี พ.ศ.2529 โดยทำการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองในน้ำกากมูลหมัก เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารปลา ต่อมาได้ทดลองเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองในน้ำสะอาดเมื่อปี 2540 เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับบริโภค ซึ่งผลวิจัยพบว่า สาหร่ายเกลียวทองมีโปรตีนและวิตามินต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ จึงได้นำสาหร่ายเกลียวทองมาแปรรูปเป็น แคปซูล ข้าวเกรียบรสชาติต่างๆ






สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina sp) เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สามารถสังเคราะห์แสงได้ เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ไม่มีราก ลำต้น ใบ ภายในเซลล์มีสาร Phycocyanin ส่วนใหญ่อยู่ในน้ำจืด เซลล์เป็นทรงกระบอกต่อกัน บิดตัวเป็นเกลียว ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน รงควัตถุ และสารอาหารที่สำคัญ ทำให้มีคุณค่าเหนืออาหารเสริมทั้งหลาย

จุดต่อไปเป็นโรงเพาะเห็ดหลินจือ (Ganoderma Lucidum) พันธุ์ที่นำมาเพาะนี้เป็นพันธุ์ G2 นำเข้ามาจากญี่ปุ่น สามารถทนต่ออากาศเมืองไทย โดยมีลักษณะแข็ง เหนียวและรสชาติขม ช่วยบำรุงเลือด รักษาอาการเบาหวาน ต่อต้านมะเร็ง โดยที่สวนจิตรลดามีจำหน่ายทั้งแบบอบแห้ง, น้ำกระป๋องและแคปซูล










จุดต่อไปเป็นการสาธิตการผลิตกระดาษสา กระดาษสาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากต้นปอสา (Paper Mulberry) มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ญี่ปุ่น แล้วแพร่กระจายไปในเขตลาว พม่า เวียตนาม ไทยจนถึงประเทศอินโดนีเซีย ต้นปอสาเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ตระกลูเดียวกันกับขนุน สาเก เป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว





จากนั้นก็ไปต่อยังโรงงานผลิตน้ำผลไม้พาสเจอร์ไรส์ ก่อนอื่นก็น้ำผลไม้ต่างๆ มาล้างให้สะอาด แล้วนำมาคั้นหรือปั่น กรองด้วยผ้าขาวบางจากนั้นนำมาใส่ผ้าขาวบางต้ม เติมส่วนผสม เข้าเครื่องพาสเจอร์ไรส์ จากนั้นก็นำมาบรรจุขวด เพื่อจัดจำหน่ายต่อไป





หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปร้านขายสินค้าของโครงการจิตรลดา แต่ละคนก็เริ่มซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเพียบ ที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นข้าวเกรียบสาหร่ายเกลียวทองนี่ล่ะ ใครที่ช็อปก็ช็อปกันไป ใครที่เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปรอในห้อง มีน้ำกระเจี๊ยบ ลำใย ไว้รอเสริฟ์ดับกระหายร้อย รสชาติอร่อยเลยแหละ และเมื่อทุกคนพร้อมก็ไปต่อกันดีกว่า

จุดต่อมาเป็นโครงการค้นคว้าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นที่จัดแสดงการผลิตไบโอดีเซล ไบโอดีเซล (Biodiesel) คือน้ำมันที่ได้จากการนำน้ำมันพืช ไขมันสัตว์หรือน้ำมันพืชที่ใช้แล้วนำมาทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแอลกฮอล์ ได้เป็นสารเอสเตอร์ (Ester) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนกับน้ำมันดีเซล






นอกจากนี้มีการจัดแสดงการผลิตน้ำมันดีเซลสูตร B5 ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้จากการผสมระหว่างไบโอดีเซลสัดส่วน 5% กับน้ำมันดีเซล 95% และกระบวนการผลิตเอทานอล (Ethanol) เป็นแอลกอฮอลล์ที่ได้จากการหมักพืชประเภทแป้งและน้ำตาล เช่น มันสำประหลัง อ้อย ข้าวโพด ฯลฯ โดยมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มออกเทนในน้ำมันเบนซิน ทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) ทำให้การเผาไหม้สะอาดและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดมลภาวะ เป็นต้น



พวกเราเดินมาถึงสถานีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชของสมเด็จพระเทพฯ สำหรับโครงการนี้เริ่มเมื่อปี 2527 เพื่อเก็บรักษาพันธุ์พืชที่หายากและขยายพันธุ์พืชไม่ให้กลายพันธุ์ ภายในห้องทดลองนี้จะเห็นว่ามีต้นไม้จิ๋วๆ เต็มไปหมดเลย แต่ที่จะสะดุดตาก็คงจะเป็น "ม้าวิ่ง" นี่ล่ะ





เจ้าหน้าที่บอกพวกเราว่า ม้าวิ่ง เป็นพันธุ์พืชชนิดเดียวที่กลายพันธุ์จากต้นสีเขียวกลายมาเป็นสีม่วงอย่างที่เห็น ซึ่งโดยปกติจะไม่กลายพันธุ์ แต่จะว่าไปแล้วพอกลายพันธุ์แล้วก็สวยดีเหมือนกันนะ พันธุ์พืชอีกหนึ่งอย่างที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลย นอกจากม้าวิ่งแล้ว กุหลาบจิ๋ว (Mini Rose) ก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวจากผู้เข้าชม




จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปยังโรงบดแกลบ ระหว่างทางเดินไปก็จะพบกับแปลงดอกทานตะวันซึ่งเป็นมุมแจ่มเลย ก็เลยเรียกโอ๋มาถ่ายรูปให้อย่าให้ได้ว่างเชียว อิอิ



ลืมบอกไปว่าที่นี่เค้ามีบริการให้ยืมร่มก่อนที่เข้าเยี่ยมชมด้วยล่ะ ตอนแรกเราก็ยืมมากะเค้าด้วยหรอก เห็นคนอื่นเค้าหยิบกันหมดก็เลยหยิบด้วย ไปๆ มาๆ เริ่มชักเกะกะเพราะไหนจะร่ม ไหนจะสมุด ไหนจะกล้อง สุดท้ายเลยยกให้โอ๋แทน ไม่ได้โอ๋ล่ะแย่เลย เรามาดูจุดต่อไปกันดีกว่า




จุดต่อไปคือโรงบดแกลบ ทำหน้าที่ผลิตแกลบอัดแท่งและเผาถ่านจากแกลบอัด เพื่อจำหน่ายและใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไอน้ำของโรงกลั่นแอลกอฮอล์





สำหรับวันนี้ผู้เข้าชมไม่ได้มีเพียงเรา NEC เท่านั้น ยังมีน้องนักเรียนตัวเล็กๆ เป็นเพื่อนร่วมทริปกับพวกเราด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่พู่บอกว่าไม่อยากมา เพราะมาหลายครั้งแล้ว สงสัยมาตอนตัวเท่าน้องๆ นี่แน่เลยล่ะ




จุดต่อไปเป็นโรงสีข้าวตัวอย่าง พระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยถึงฐานะความเป็นอยู่ของชาวนา จึงมีพระราชดำรัสว่าสมควรที่จะแก้ไขโดยให้ชาวนารวมกันเป็นกลุ่ม ดำเนินงานในแบบสหกรณ์ ทำการสีข้าวเปลือก แทนที่จะนำข้าวเปลือกไปจ้างคนอื่นสี หรือขายในราคาถูกแล้วตนเองต้องซื้อข้าวสารมาบริโภคราคาแพง จึงได้ให้จัดตั้งโรงสีข้าวตัวอย่างเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2514 เพื่อทดลองสีข้าว และสร้างยุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกแบบต่างๆ โดยรับซื้อข้าวเปลือกในต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวจากชาวนา ปัจจุบันได้ผลิตข้าวสารขาว ข้าวซ้อมมือออกจำหน่าย







จุดต่อไปเป็นโรงงานนมเม็ดสวนดุสิต ชอบตรงนี้ที่สุดเลย จริงๆ แล้วที่นี่เคยผลิตนมเม็ดออกมาในปี 2512 แต่เจอปัญหาทางเทคนิคทำให้ทำต่อไปไม่ได้ ต่อมาในปี 2527 ได้จัดทำโรงนมเม็ดขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นการส่งเสริมโภชนาการแก่ผู้บริโภค และเพื่อเป็นการแนะนำการผลิตนมเม็ดขึ้นในประเทศ ปัจจุบันที่นี่สามารถผลิตนมเม็ดได้วันละ 7,000 - 12,000 ซองต่อวันโดยมีรสหวาน รสกาแฟและช็อคโกแลต





มาถึงสวนจิตรแล้วไม่ได้ชิมนมอัดเม็ดก็เหมือนมาไม่ถึงนะนั่น ว่าแต่นมอัดเม็ดที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ยังอุ่นๆ อยู่เลยนี่อร่อยได้ใจเป็นที่สุด นอกจากจะมีโรงนมอัดเม็ดแล้ว ยังมีโรงนมผงอีกด้วย ซึ่งที่นี่ถือเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยเชียวล่ะ สาเหตุที่สร้างโรงนมผงก็เพราะว่า เกิดภาวะนมล้นตลาด สมาชิกผู้เลี้ยงโคนมจึงได้ทูลเกล้าถวายฎีกาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงช่วยเหลือ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงนมผงขนาดย่อมขึ้น เพื่อผลิตนมผงเป็นการแก้ปัญหานมสดล้นตลาด









เดินไปเดินมาก็มาถึงทางออกล่ะ ก็เลยแวะถ่ายรูปกับเพื่อนๆ กันหน่อย นี่ก็เป็นเพื่อนๆ NEC รุ่น 4 จากนั้นก็เดินทางกลับซึ่งระหว่างที่นั่งรอกันอยู่นั้น พี่พงษ์ก็หยิบฝักนุ่นมาให้ดู ไม่รู้ว่าป่านนี้แกโดนฝีนุ่นตามมาทวงคืนแล้วหรือยังก็ไม่รู้






Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid FC




Create Date : 13 มิถุนายน 2551
Last Update : 4 กันยายน 2558 16:31:52 น. 1 comments
Counter : 8804 Pageviews.  
 
 
 
 
เยี่ยมมากครับ ไม่ไดไปวันนั้น แต่เหมือนได้ไปด้วย ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดีๆนะ
 
 

โดย: พี่ชิต NEC IP: 125.25.125.88 วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:12:49:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com