ภารกิจตะลุยฟาร์มหมู : เรื่องหมูที่ไม่หมู จริงๆนะ....
ว่ากันว่าช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุดของคนเรา คือช่วงที่เราเป็นนักเรียนนักศึกษา ก็เห็นจะจริงอะนะ... สมัยที่ภัทรเป็นนิสิตสัตวแพทย์ วิชาเรียนที่ภัทรเกลียดเข้าใส้และทำคะแนนได้ห่วยแตกสุดๆก็เห็นจะเป็น วิชาสัตว์บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาที่เกี่ยวข้องกับหมู!!!! แต่ถ้าถามถึงวิชาที่ภัทรชอบนะเหรอ นอกจากวิชาหมู ก็ไม่วิชาไหนที่ชอบอีกเช่นกัน อิอิ.... เพราะโดยสันดาน เอ้ย นิสัยแล้ว ภัทรเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว ไม่มีความทะเยอทะยานในชีวิตและไม่ชอบเรียนหนังสือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว(โชคดีนะที่ยังเอนฯติด ไม่งั้นป่านนี้ภัทรไปเป็นเด็กเลี้ยงควายอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ อิอิ) วกกลับมาพูดถึงวิชาที่ภัทรไม่ชอบเรียนกันต่อ สมัยเรียนปี 5-6 นักศึกษาต้องเลือกทำตัวจบเฉพาะสาขาที่ตัวเองสนใจ ซึ่งก็จะมีสาขาสัตว์เล็ก ไก่ หมู วัว สัตว์น้ำ สัตว์ป่า ม้า สาธารณสุข ใครที่เรียนเก่งๆหัวดีหน่อย ก็มักจะเลือกเรียนสาขาสุกร(หรือหมู) แต่สาขาหมูเนี้ยะ ไม่ได้หมูเหมือนชื่อนะ เพราะโดยรายละเอียดของวิชาแล้ว มันยากซะจน คนโง่และขี้เกียจอย่างภัทรไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลือกทำตัวจบในสาขานี้ ส่วนวิชาที่เกี่ยวกับหมูภาคบังคับตัวอื่นๆที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนนั้น ภัทรก็เรียนไปงั้นๆแหล่ะ สักแต่ว่าเรียนให้มันจบๆไป เวลาเรียนก็ไม่ค่อยตั้งใจ สอบแบบขอไปที เพราะคิดเอาเองว่าชาตินี้ยังไงซะ ข้าก็จะไม่ขอทำงานด้านหมูเด็ดขาด 555555.... แต่...เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง หรือพระเจ้าลงโทษก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อ"โอกาส"ในหน้าที่การงานได้หันเหชีวิตภัทรให้ต้องเข้ามาทำงานสายวิชาการด้านหมูโดยไม่ตั้งใจ กับคำพูดที่ว่า "เกลียดยังไง มักได้อย่างนั้น" ภัทรเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ได้ลึกซึ่งก็วันนี้นี่เอง จากวิชาเรียนที่ไม่ชอบ ไม่เคยสนใจ ไม่เคยตั้งใจเรียน บัดนี้ภัทรกลับต้องมานั่งพลิกตำราหัวหมุนเพื่อปูพื้นฐานความรู้ให้ตัวเองเสียใหม่เหมือนเด็กอนุบาลหัดเขียนก.ไก่ น่าเจ็บใจตัวเองจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้ตั้งใจเรียนซะตั้งแต่แรก ชีวิตก็คงไม่รันทดขนาดนี้หรอก งือๆๆๆๆๆ(เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะค้า น้องๆนักศึกษากรุณาอย่าลอกเลียนแบบ) เกลียดยังไง จะได้อย่างนั้น ภัทรขอฟันธงเลยว่า "จริง" เพราะตั้งแต่เรียนจบ ก็ได้ทำงานอยู่ในสายงานด้านหมูมาโดยตลอด รู้สึกดวงจะสมพงษ์กับหมูซะเหลือเกิน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ขนาดหนีไปสมัครงานธุรกิจสายสัตว์ปีก ก็ยังต้องวกกลับมาทำงานด้านหมูอีกจนได้ เฮ้อ กรรมจริงๆ และเชื่อหรือไม่ว่า"ความเป็นผู้หญิง"นั้นมีผลกระทบต่อการทำงานอยูไม่น้อย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหลักๆอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภัทรไม่ชอบทำงานกับสัตว์ใหญ่ๆโดยเฉพาะกับหมู เอาเป็นว่าจะแจกแจงเหตุผลที่ไม่ชอบงานด้านหมูให้อ่านเป็นข้อๆละกันค่ะ 1. หมูเป็นสัตว์ใหญ่แรงเยอะ ถึงภัทรจะบึกบึนแข็งแรงขนาดไหนแต่ก็สู้แรงมันไม่ไหว ถ้าต้องมัดปากสู้กันทีไร เหนื่อยแทบขาดใจทุกที ดังนั้นงานสัตว์ใหญ่จึงเหมาะกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงไงคะ สาขานี้หมอผู้หญิงบอบบางร่างเล็กจึงไม่ค่อยมีใครเข้าอยากจะมาทำกัน เพราะมันทั้งเหนื่อย ทั้งลำบาก ทำงานได้ยาก แถมเรายังเสียเปรียบผู้ชายด้านสรีระร่างกายอีกด้วย 2. กลิ่นขี้หมูค่ะ เวลาออกจากฟาร์ม กลิ่นขี้หมูจะติดผม ติดเสื้อผ้าอย่างเหนียวแน่น เดินไปไหนก็มีแต่สังคมรังเกียจ เหมือนตัวสะกั๊งหรือถังส้วมเคลื่อนที่ ขนาดอาบน้ำสระผมแล้ว บางครั้งยังต้องสระผมซ้ำ เพราะกลิ่นขี้หมูนี่เป็นกลิ่นพิเศษที่สามารถติดตัวได้ทนทานและเหนียวแน่น กลิ่นติดทนยิ่งกว่าน้ำหอมจากฝรั่งเศษซะอีก 3. รายละเอียดของงานมันเยอะมากค่ะ คนที่ไม่ละเอียด บ้านไม่มีฟาร์มเป็นของตัวเองหรือใจไม่รักงานด้านหมูจริงๆนี่ ทำงานสายนี้ได้ยากเพราะลักษณะงานค่อนข้างจุกจิกและต้องการความละเอียดอ่อน ขนาดภัทรทำงานมาตั้งหลายปี ก็ยังหลุดเรื่องรายละเอียดอยู่บ่อยๆ เครียดจนไม่อยากจะทำต่อแล้วเนี้ยะ 4. สายงานธุรกิจหมู "การเมือง"ในส่วนของการทำงานมันเยอะแยะซะจนผู้น้อยอย่างเราแทบกระดิกไปไหนไม่ได้ บางทีก็น้ำท่วมปาก อยากจะพูดอยากจะแนะนำเกษตรกรในสิ่งที่ถูกต้อง แต่บางครั้งก็ทำไม่ได้ เพราะ"การเมือง"นี่แหล่ะ อนาจหนอปศุสัตว์ไทย เฮ้อ... เครียดเน้อะ เปลี่ยนอารมมาคุยเรื่องขำๆกันบ้างดีก่า เมื่อปลายปีที่แล้ว ภัทรมีโอกาสได้ไปดูแลฟาร์มลูกค้ารายหนึ่งแถวภาคอีสาน ก่อนเข้าฟาร์มน้องเซลล์ในพื้นที่ก็แจ้งละเอียดของลูกค้าคร่าวๆให้ภัทรทราบ สรุปใจความได้ว่า ฟาร์มนี้มีเจ้าของ 2 คน(เป็นพี่น้องกันสมมุติว่าชื่อเฮีย ต. กับเฮีย พ.ละกัน)โดยเตี่ยของเฮียทั้งสองได้ยกฟาร์มหมูให้เป็นมรดกตกทอด ให้ทั้ง2พี่น้องช่วยกันดูแลกิจการต่อ ด้วยความที่ภัทรเข้าฟาร์มนี้เป็นครั้งแรก ไม่เคยเจอหน้าลูกค้ารายนี้มาก่อน ก็ไปแบบเงอะๆงะๆ นั่งรอเฮียในห้องรับแขก สักครู่ใหญ่ๆ.... ก็มีชายหนุ่มรูปงามดังเทพบุตร ร่างสูงโปร่ง หน้าใสกริ๊กๆๆ เดินเข้ามาทักทายภัทรและแนะนำตัวว่าเป็น"เจ้าของฟาร์ม" กรี๊ดดดดดดดดดด อกอีหน้าแป้นจะแตก คนนี้นะหรือคือ เฮีย ต. เจ้าของฟาร์มผู้น้องที่น้องเซลล์มันพูดถึง(พอดีวันนั้นเฮีย พ. ผู้พี่ไม่อยู่) คนอาร้ายช่างหล่อเริด รูปงามบาดหัวใจภัทรได้ถึงเพียงนี้ ฟืดๆๆ(เช็ดน้ำลาย) เข้าฟาร์มเฮียครั้งแรก ก็เจอพ่อเทพบุตรรูปงานเข้าให้ซะแล้ว มีรึที่อิชั้นจะไม่แอบหลี เอ้ย แอบชำเลืองมอง จำได้ว่า วันนั้นอากาศร้อนมาก แล้วต้องเดินเข้าไปดูสุขภาพหมูกับเฮีย ต. หนุงหนิงทั่วฟาร์ม รู้สึกขาดความมั่นใจไปนิดหน่อยเพราะไม่ได้โบ๊ะหน้าไป(ถ้ารู้ว่าเจ้าของฟาร์มหล่อขนาดนี้ จะโบ๊ะหน้าไปให้เต็มที่เลย เอิ้กกกกกกกก) เจอเจ้าของฟาร์มรูปหล่อเข้าให้ ทำหัวใจกระชุ่มกระชวย มีกำลังใจอยากจะทำงานทั้งวันเป็นธรรมดา ภัทรก็พยามชี้โน่นชี้นี้ นำเสนอผลงานสุดชีวิต แบบว่าอยากให้เฮีย ต.แกประทับใจในผลงานครั้งแรกของเรา เผื่อวันข้างหน้าฟาร์มมีปัญหาอะไร เฮียแกจะได้นึกถึงและเรียกใช้หมออย่างเราเป็นคนแรกไง อิอิ แล้วความซวยก็มาเยือน พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างคนเจ้าเล่ห์อย่างเราเล้ย ให้ตายสิ... ก็อย่างที่บอกว่าอากาศวันนั้นร้อนมาก แถมฟาร์มก็มีพื้นที่กว้างเหลือเกิน ภัทรเดินจนหมดแรง แต่ก็ยังต้องแสร้งทำเป็นว่าฉันยังไหว สร้างภาพสุดชีวิตว่าอึดเป็นสาวแกร่งเพราะกลัวเสียฟอร์ม ไม่อยากให้ใครมาดูถูกว่าผู้หญิงอย่างเราอ่อนแอ เดินฟาร์มแบบไม่คิดชีวิต(ทั้งที่จริงๆจะสิ้นชีวิตอยู่มะรอมมะร่อ) ตอนจะออกจากฟาร์ม เฮีย ต.แกก็ให้คนงานเอารถขนหมูเข้ามารับในฟาร์ม ด้วยความอ่อนล้า พยามปีนขึ้นรถเท่าไหร่ก็ปีนไม่ขึ้น ดันทุรังตะเกียกตะกายจะขึ้นรถให้ได้ยังไงก็ขึ้นไม่ได้ซะที เลยใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีถีบตัวเองขึ้นรถ แต่อนิจจา....แรงส่งมันมีไม่พอค่ะ ภัทรเลยหัวทิ่มเข้าไปในกระบะรถขนหมู จำได้ว่าท่าสวยมาก ลังกาหลังรอบครึ่ง(ถ้าไปแข่งโอลิมปิกสงสัยจะได้เหรียญ)เจ็บมากกกก แต่ที่มากกว่าเจ็บคือความอายค่ะ จำได้ติดตาว่าเฮียแกแอบหัวเราะภัทรด้วยนะ แบบว่าเบือนหน้าหนีไปกลั้นหัวเราะคิกๆๆๆ แต่ภัทรเห็นนะเฟ้ย!!!! พอมาถึงสำนักงานที่หน้าฟาร์ม รีบเปิดดูหัวเข่า ข้อศอก เขียวช้ำไปหมด เจ็บมากๆเลย น้ำตาจะไหล เจ็บที่ตัวยังพอทำใจได้ แต่เจ็บที่หัวใจเพราะความอายนี่ทำใจไม่ได้จริงๆ มาเยี่ยมฟาร์มเฮีย ต.วันแรกก็ทำงามหน้าสะเหรอล้มหัวทิ่มต่อหน้าเฮียซะแล้ว ...วันนั้นทั้งวันเฮีย ต.แกเดินไปไหนก็อมยิ้มตลอดวัน รู้นะเฟ้ยว่าที่อมยิ้มน่ะเพราะอะไร เช้อะๆๆๆ สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมตั้งแต่วันแรกของการเข้าฟาร์มด้วยการหกล้มหัวทิ้มรถขนหมู กรรม!!!! ขายขี้หน้าบริษัทจิงๆ อยากให้เฮียประทับใจ ก็เลยได้ประทับใจเฮียสมใจอยาก แกคงจำภัทรไปอีกนานเลย "อ๋อ ยัยหมอคนนี้เหรอ จำได้สิ ที่มาตกรถขนหมูหัวทิ่มที่ฟาร์มเฮียไง" เอ่อ จะดีใจหรือเสียใจดีวะเนี้ยะ หลังจากที่ไม่ได้แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมฟาร์มแกหลายเดือน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเฮีย ต.แกโทรมาขอข้อมูลเรื่องยากับภัทร วันอังคารที่จะถึงนี้ภัทรเลยถือโอกาสนัดเข้าไปเยี่ยมแกที่ฟาร์มพร้อมกับข้อมูลที่แกขอไว้ซะเลย แต่บอกตรงๆนะ ตั้งแต่ตกรถขนหมูคราวนั้น ภัทรไม่อยากเข้าไปเจอหน้าเฮียแกอีกเลย ถ้าไม่ติดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องไปดูแลฟาร์มแกนี่ไม่ไปหรอก อายยยยยอ่ะ (แอบเอารูปเฮีย ต.มาให้ดูค่ะ ขออภัยที่มีแต่รูปแอบถ่ายด้านหลัง ไม่กล้าถ่ายด้านหน้า แบบว่าใจไม่ถึง...อิอิ) ปล1. เฮีย ต.แกยังโสดค่ะ อิอิ ปล2. แล้วเฮียแกเป็นเกย์รึเปล่าว้า น่าคิดๆๆๆๆ ปล3. พฤติกรรมการเรียนของพี่ภัทรข้างต้น น้องๆทั้งหลายกรุณาอย่าลอกเลียนแบบนะจ้ะ ไม่ดีๆๆ
Free TextEditor
Create Date : 08 กันยายน 2551 |
Last Update : 8 กันยายน 2551 17:49:31 น. |
|
54 comments
|
Counter : 966 Pageviews. |
|
|
เอาหมูตายมาโชว์ด้วย
แต่ให้อำภัย
ถ้าหนุ่มข้างเสายืนหันมามองตรง ๆ นะ