 |
|
|
 |
 |
|
|
| | 1 |
| 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
| 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
| 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
| 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
| 30 | 31 | |
|
|
| |
|
 |
|
|
|
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชนอีกต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยในปีมหามงคลนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไรเราทุกคนก็คงจะ ทราบกันดีอยู่แล้ว คือ ผลประโยชน์ แต่แทนที่จะเป็นผลประโยชน์ของชาติกลับ เป็นผลประโยชน์ ของคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้น และคนกลุ่มนั้นคือ พวก ปรสิต อภิสิทธิชน ที่เกาะกินประเทศชาติ มา เป็นระยะเวลายาวนาน แต่บุคคลเหล่านี้เพียงลำพังคงไม่สามารถที่จะสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ ได้มากถึงเพียงนี้ คำถามคือใครที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ ใครเล่าที่จะกระทำการที่ทุเรศเยี่ยงนี้ แต่ใครเล่าที่เป็นไอ้โม่งที่บงการอยู่เบื้องหลังที่แท้จริง ใครเล่าที่บังอาจกระทำการอันเป็นการท้าทายต่อ พระบรมเดชานุภาพขององค์พระมหากษัตริย์ธิราชเจ้า ใครคือผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการที่มีรัฐบาล ที่เข้มแข็ง กับการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดียิ่งขึ้น ใครเล่าที่เสียผลประโยชน์จากการที่สถาบันพระมหากษัตริย์มีเสถียรภาพที่มั่งคงอย่าง ที่ไม่เคยมีมาก่อน กลุ่ม อภิสิทธิชนเหล่านี้วางขุมกำลังในการควบคุมราชอาณาจักรมากว่า ๖๐ ปี จนคิดว่าตนเอง เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย คิดว่าตนเองคือผู้มากบารมี อยู่เหนือผู้ใดทั้งสิ้น ตัวแทนของประชาชน ไม่มีความหมาย แต่ภายในระยะเวลาเพียง ๕ ปีที่ผ่านมาเครือข่ายขุมกำลังถูกทำลายลงอย่างต่อหน้าต่อ ตาทั้งทางทหารและพลเรือน ถูกเปลี่ยนถ่ายอำนาจสู่กลุ่มอำนาจใหม่ที่มาจากตัวแทนของประชาชน ทำให้สูญเสียผลประโยชน์ที่เคยได้รับมาจากการเอารัดเอาเปรียบ จากความไม่รู้ของประชาชน ต้องสูญ เสียไปในในพริบตา เพื่อรักษาสถานภาพและผลประโยชน์ของตนเอง ผู้มากบารมีจึงต้องพยายาม กระทำทุกวิถีทางที่จะโค่นล้มรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ นายกทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติแม้แต่น้อย
ผู้มากบารมีคงจะแปลกใจว่าเหตุใดจึงกระทำการไม่สำเร็จทั้งที่ได้กระทำทุกวิถีทาง ทั้ง ๆ ที่ทุ่มเททรัพยา กร และบุคลาการไปเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ที่ผู้มากบารมีสามารถที่จะกระทำการใด ๆ ก็ได้อย่างง่ายดาย สามารถที่จะกำหนดได้ว่าบุคคลใดที่จะเข้ารับ ตำแหน่ง สามารถที่จะเข้าแทรกแซงการใช้อำนาจขององค์กรต่าง ๆ กระทำแม้กระทั่งการใช้อำนาจแทรกแซง อำนาจตุลาการ อำนาจทางทหาร แต่ในปัจจุบันผู้มากบารมีกลับไม่สามารถที่จะแทรกได้อย่างง่ายดายเหมือนเช่น ที่เคยปฏิบัติมาก่อน ถึงแม้จะได้กระทำดังกล่าว ก็ปรากฎว่ามีข้อครหาติฉินว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ผู้เขียนจะบอกผู้มากบารมีว่า เพราะโลกในปัจจุบันนี้แตกต่างกับโลกในอดีตที่ผู้มากบารมีเคยครอบครองอำนาจ ผู้มากบารมีนั้นได้อำนาจมากจากการทรยศหักหลัง ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ได้อำนาจมาจากการยึดอำนาจ รัฐประหารด้วยกองกำลังทหารเพื่อปกครองบ้านเมือง แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ไม่ใช่เพื่อ บริหารประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ความผาสุขของประชาชน แต่ในทางกลับกันผู้มากบารมีได้กระทำ กดขี่ขมเหงรักแกประชาชน เห็นประชาชนไม่มีค่าในสายตาแม้แต่น้อย เพราะตนเองถือดีว่ามีอำนาจอยู่ในมือ สามารถที่กระทำการใด ๆ ก็ได้
แต่ในโลกปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีได้อำนาจ มาจากการที่ประชาชนเป็นผู้เลือกเข้ามาให้มาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองตามความต้องการของประชาชน นายกรัฐมนตรีนั้นเป็นตัวแทน ของประชาชน เมื่อมีขบวนการอำนาจนอกกฎหมาย กลุ่มอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ ที่มีผู้มากบารมีหนุนหลังอยู่ มาแย่งชิงอำนาจไปจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนไปอย่างไม่ชอบธรรม ประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศ ที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง จึงต้องออกมาต่อสู้กับกลุ่มนอกกฎหมาย กลุ่ม อำนาจนอกรัฐธรรมนูญทั้งนี้ไม่ใช่ปกป้อง นายกรัฐมนตรี แต่ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องอำนาจและสิทธิ ในการที่จะเลือกวิถีทางการดำรงค์ชีวิตของตนเอง ตามวิถีทางการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหา กษัตริย์เป็นประมุข เพราะถ้าปล่อยให้ผู้มากบารมีสามารถแย่งชิงอำนาจไป ก็เท่ากับว่าการที่ประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศได้มอบฉันทามติให้ นายกรัฐมนตรีไปบริหารประเทศนั้นไม่มีความหมาย เสียงของ ประชาชนจำนวน ๑๙ ล้านเสียงไม่มีความ หมาย แต่เสียงของผู้มากบารมีและพวกพ้องเพียงไม่กี่เสียงกลับมี ความหมายมากกว่า ซึ่งไม่สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตย ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงมีพลังของ ประชาชนเป็นเสมือนกำแพงที่ปกป้องคุ้มครอง ที่จะต่อสู้กับอำนาจมืดของผู้มากบารมี อย่างที่ผู้มากบารมีไม่เคย คาดคิดมากก่อน ซึ่งผู้มากบารมีไม่มีวันที่จะเข้าใจ หรอกว่าพลังของประชาชนนั้นมีความยิ่งใหญ่เพียงใด เพราะ ผู้มากบารมีไม่เคยเป็นตัวแทนของประชาชน
ต่อให้ผู้มากบารมีสามารถที่ควบคุมประมุขของอำนาจอธิปไตยทั้ง ๓ อำนาจไว้ได้ แต่จะมีประโยชน์ อันใดในเมื่อประมุขของอำนาจนั้นไม่ใช่เจ้าของอำนาจเป็นแต่เพียงผู้ใช้อำนาจ ถ้าผู้ใช้อำนาจนั้นใช้อำนาจไปใน ทางที่ไม่ชอบ ไม่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม ใช้อำนาจเพื่อตอบสนอง ความต้องการตนเองหรือผู้มากบารมี แทนที่จะใช้อำนาจที่ได้รับมอบไปเพื่อสร้างประโยชน์แก่ปวงชนชาวไทย ปวงชนชาวไทยในฐานะที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ก็มีสิทธิที่จะลุกขึ้นมาทวงอำนาจอธิปไตยนั้นคืน และมอบให้กับผู้ที่เห็นว่าเหมาะสมต่อไป ผู้มากบารมีควรจะทราบไว้ด้วยว่าอำนาจไม่ได้อยู่ในมือของผู้มาก บารมีแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป อำนาจอธิปไตยไม่ได้อยู่ในมือของชนชั้นผู้นำเพียงไม่กี่คนอย่างที่ผู้มากบารมีเคย ชิน ผู้มากบารมีและพวกพ้องไม่สามารถที่จะกำหนดชะตาชีวิตของประชาชนและประเทศได้อีกต่อไป แต่อำนาจ อธิปไตย ในปัจจุบันนั้นอยู่กับปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง สมกับที่บทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ ที่บัญญัติไว้ว่า อำนาจอธปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทาง รัฐสภา คณะ รัฐมนตรี และศาล
ดังนั้นคนอย่างผู้มากบารมีจึงไม่มีความหมาย ไม่อยู่ในสายตาของผู้เขียน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย อีกต่อไป ต่อให้ร้อยผู้มากบารมี พันผู้มากบารมี ก็ไม่สามารถที่จะมาบงการชีวิตของประชาชนของประเทศ และ ผู้เขียนในฐานะที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยขอสั่งให้ผู้มากบารมี หยุดการกระทำการในการที่จะได้มาซึ่งอำนาจ ด้วยวิถีทาง นอกระบบ นอกกฎหมาย นอกรัฐธรรมนูญ ก่อนที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้ จริงจะลุกขึ้นมาปกป้องต่อสู้เพื่อรักษาระบบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ซึ่งระบบ การปกครองประชาธิปไตยนั้นเป็น ระบบการปกครองโดยประชาชน เพื่อประชาชน และที่สำคัญคือของ ประชาชน ผู้มากบารมีไม้ได้ต่อสู้กับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่ผู้มากบารมี กำลังต่อสู้กับประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศ และนั่นเป็นสงครามที่ผู้มากบารมีไม่มีทางชนะ ดังนั้นขอให้หยุด การกระทำดังกล่าวก่อน ที่คำว่าไม่มีแผ่นดินจะอยู่ อาจจะน้อยไปสำหรับการกระทำที่เลวทรามต่ำช้าของผู้มากบารมี การกระทำที่สร้าง ความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาน และที่สำคัญที่สุดคือการกระทำที่สร้างความทุกข์พระทัยให้กั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักและเคารพของปวงชนชาวไทยทุกคน จากประชานผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่ท่านไม่เคยใส่ใจ
คุณทักษิณ คุณมาขนาดนี้แล้ว คุณเองนั่นแหละที่ต้องสู้เพื่อในหลวง
อยากบอกว่า สะอิด สะเอียนกับคำพูด และพฤติกรรมของ นายสนธิจริงๆ ที่บอกว่า เราจะสู้เพื่อในหลวง ซึ่งตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าสู้เพื่อใคร
กระทู้นี้อยากให้มันมีเสียงดังไปถึง ท่านนายกของแผ่นดิน ที่มีทั้งคนรัก และคนเกลียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ใครที่เป็นวอรูมตัวจริง ทรท ไปบอกท่านด้วย อย่าเพิ่งถอดใจเป็นอันขาด ท่านตีปลาหน้าไซไปแล้ว คนๆนั้น จะเป็นใครไม่ทราบ ก็คงไม่กล้าทำอะไรได้ตามแผนเดิมเสียแล้ว
ผมมองว่า เกมของสนธิโดยมีผู้มากบารมีคอยหนุนมันเล่นกันหมดหน้าตักแล้ว เล่นมันหมดทุกเรื่องแล้ว ตั้งแต่ การล้มล้างราชบัลลังค์ เรื่อง อาร์เจนตินา เรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช มันวางยุทธศาสตร์ โดยเอา ชาติ ศาสตร์ กษัตริย์มาอ้างเพื่อผลในการปลุกกระแส โดยหารู้ไม่ว่า คนไทยผู้มีการศึกษารุ่นใหม่ๆ และอยู่ในวัยทำงานเพื่อสร้างชาติจริงๆ เขาไม่หลงเชื่อไปด้วย เหมือนพวกเด็กจบใหม่ กับตาแก่คร่ำครึจมอยู่กับอดีต
พวกแก็งค์เหล่านี้ สู้อุตส่าห์ระดมคนระดับมันสมองของประเทศ คนที่มีต้นทุนทางสังคมสูงเพื่อมาเป็นแนวร่วมเพื่อสร้างราคาค่างวดให้แก่แก็งค์ มีการจัดการอย่างเป็นระบบ แต่ก็ไม่อาจต้านทานกระแสสังคมที่เป็นของจริงได้ และไม่คิดว่า คุณทักษิณจะทนทายาทและมีพลังมวลชนสนับสนุนขนาดนี้ การประเมินตอนแรกคิดว่า มีแต่พวกรากหญ้า วินมอเตอร์ไซค์ กับ แท็กซี่ที่ชอบเท่านั้น กลับเป็นคนชั้นกลางที่เกลียดระบบไดโนเสาร์ต่างหาก
หลายครั้งหลายครา ที่ใช้คำพูดว่า ประชาชนทั้งประเทศไม่เอาแล้ว โดยหารู้ไม่ว่า แทนที่จะได้มวลชนเพิ่ม กลับกลายเป็นการพูดปลอบใจตัวเอง ให้คนที่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร หัวเราะด้วยความสมเพศเท่านั้น
ผมมองว่า การออกมาประกาศให้ประชาชนเลือกข้าง เป็นไม้ตายของที่ปรึกษานายสนธิแล้ว จากนี้ไปก็เหลือแต่ว่า ที่ปรึกษานายสนธิจะประลองกำลังกับนายกที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขหรือไม่ แล้วถึงตอนนั้น เราคงต้องยอมให้ประเทศมันถอยหลังอีกสักครั้ง เพื่อกำจัดเชื้อชั่ว HIV ให้มันสิ้นซากเสียที
จากคุณ : ฉกรรณ์
| Create Date : 10 กรกฎาคม 2549 |
| Last Update : 10 กรกฎาคม 2549 19:32:56 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 406 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
| ~ Passer By ~ |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
