Review ชีวิต..ภารกิจสัมภาษณ์งาน 27 เม.ย. 54
27 เมษายน 2554 เวลา 19.18 น.

ค่ำวันนี้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ไร้ลมพัดให้เย็นกายเย็นใจ หรือจะพูดตามความจริงแล้ว ผมรู้สึกว่าวันนี้อากาศอบอ้าวมาก แม้ว่าจะดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนมาตั้งแต่ช่วงกลางวัน ทว่าฟ้าฝนก็มิตกลงมาให้เย็นกายเลยสักนิด ไปทำภารกิจแถวสยามก็เป็นแบบนั้น เมฆครึ้ม ไม่มีลมพัด มีแต่ฝนตกลงมากระหย่อมหนึ่งให้พื้นเปียกเล่นๆ ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก!!

ภารกิจสำคัญของวันนี้ คือ การไปสัมภาษณ์งานที่หน่วยงานแห่งหนึ่งแถวสยาม ผมไปถึงที่หน่วยงานนั้นเวลาก่อนนัดหมาย คือ เก้าโมงเช้าสักครู่หนึ่ง กดลิฟต์ตรงดิ่งไปติดต่อยังแผนกบุคคลทันที แต่ต้องนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่มา หรือมาแล้วแต่ยังทานข้าวอยู่ (ได้ยินเ้ค้าพูดทำนองนั้น) หลังจากกรอกใบสมัครและยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ให้ทำอะไรที่จะเรียกแบบว่าทดสอบความรู้..ก็ไม่ใช่ น่าจะเป็นแบบทดสอบเชิงทัศนคติมากกว่า เพราะคำถามทั้งหมดจะถามถึงทัศนคติ ความคิดและพฤติกรรมของผู้สมัคร และในส่วนสุดท้ายมี case study ในทำนองว่าหากคุณเป็นนักตลาดหรือนักประชาสัมพันธ์ขององค์กร คุณมีโครงการหรือวางแผนจะทำการตลาดหรือประชาสัมพันธ์องค์กรอย่างไรให้เป็นที่รู้จักแก่ลูกค้ามากขึ้น ผมใช้เวลาทำแบบทดสอบนี้ซึ่งมีเนื้อหาทั้งหมด 4 หน้าภายในเวลา 30 นาที แบบทดสอบนี้จับเวลาด้วย โดยให้เวลาทำ 1.30 ชม. ให้เขียนเวลาที่เริ่มทำและเวลาที่ทำเสร็จลงไปด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน พี่เจ้าหน้าที่แผนกบุคคลก็มาเรียกตัวไปสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ไม่มีอะไรมาก เป็นคำถามเดิมๆ เช่น พูดถึง background ของตัวเอง, ประวัติการทำงานที่ผ่านมา, ทำไมจึงลาออกจากงานเก่า, งานนี้เงินเดือนน้อย จะรับได้ไหม เป็นต้น ก็จริงที่งานนี้เงินเดือนค่อนข้างน้อย ตอนแรกเค้าให้ผมบอกว่าอยากได้สักเท่าไร ผมเห็นว่าเป็นหน่วยงานที่อิงราชการอยู่กึ่งหนึ่ง จะเรียกไปที่ 11K เค้าก็ต่อผมว่าถ้าเหลือ 10K ถ้วนจะโอเคไหม ซึ่ง ณ เวลานั้น ผมก็ตอบโอเคไปก่อนกับเงินเดือนระดับนั้น แม้ในใจจริงแล้ว ผมคิดว่า ตำแหน่งงานนี้ ผมเรียนจบป.ตรีสายตรงด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และป.ตรีวิชาเอกภาษาอังกฤษอีก 1 ใบ บวกกับประสบการณ์ตรงในวิชาชีพอีก 3 ปี เงินเดือนแค่ 10K มันยุติธรรมรึป่าว (นี่คือสิ่งที่คิดในใจ) ผมก็ยอมรับว่าตอบตกลงไปส่งๆ แม้ในใจจะคิดแย้งดังกล่าว ...คุยกันไปอีกสักพัก ก่อนจะจบ เค้าก็พูดทำนองสรุปว่า จริงๆแล้วเค้าเพิ่งรับคนทำงานตำแหน่งนี้ไป เดี๋ยวเค้าจะลองถามหัวหน้าแผนกว่าอยากรับเพิ่มไหม เพราะเห็นว่าผมมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้ายังขาดอยู่... เค้าก็คิดสรุปเองในใจอีกเช่นเคยว่า นี่คงเป็นวิธีปฏิเสธของเค้าล่ะมั้ง ผมคงพลาดงานนี้อีกแล้ว แต่สิ่งที่ผมสงสัย คือ ถ้าเค้ารับไปคนทำงานตำแหน่งนี้ไปแล้วจริงๆ แล้วเมื่อวานตอนบ่ายสองโมง เค้าจะโทรมานัดผมเพื่อให้มาสัมภาษณ์วันนี้ทำไมอีก ผมคิดว่ามันเสียเวลาจริงๆ

หลังจากการสัมภาษณ์ ผมเกิดอาการเวิ่นเว้อและเซ็งชีวิตขึ้นมา ประกอบกับฟ้าฝนที่มืดครึ้ม ฝนคงจะตกเป็นแน่ๆ สยามสแควร์เวลาสิบโมงเช้านี่ยังดูเงียบๆอยู่เลย ไม่คึกคัก ร้านขายของต่างๆยังไม่เปิดขาย ผมจึงเดินไปสยามพารากอน ด้วยความที่ร้อนอบอ้าวมากๆ พาลให้ให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ผมต้องการหาที่ที่มีแอร์เย็นๆ ไปนั่งตากแอร์อยู่สักพักหนึ่ง คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เล่นแชทใน BB กับเพื่อนถึงการสัมภาษณ์งานที่เพิ่งผ่านพ้นไป ก็ยอมรับว่าเซ็ง ท้อ disappoint จริงๆ ณ เวลานั้น ผมมานั่งคิดเล่นๆ ถามตัวเองว่าเสียใจไหม ก็ตอบว่าเสียใจอยู่นิดๆ และรู้สึกผิดหวังที่ยังถูกปฏิิเสธอีก เกิดอาการท้อแท้บ้างเล็กน้อย เซ็งเล็กๆพอให้รู้สึกถึงชีวิตที่ยังมีลมหายใจ แต่ถ้ามองอีกด้าน องค์กรนี้เสนอเงินเดือนผมน้อยไปนะ ผมว่างั้น ผมมีทั้งปริญญาตรี 2 ใบ เป็นวิชาชีพโดยตรง 1 ใบ มีประสบการณ์ตรงมาประมาณ 3 ปี ทำให้กดเงินเดือนขนาดนี้ ...ก็เข้าใจว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ ก็คงให้ rate ตามที่รัฐกำหนด ผมก็เข้าใจนะ มาคิดได้เช่นนี้ จึงไม่รู้สึก upset อะไรมากมาย...

     

วันนี้ที่ Siam Paragon มีการจัดงานนิทรรศการ "ภาพที่ (อ)ยากจะลืม" เป็นนิทรรศการแสดงภาพถ่ายผู้ประสบภัยทางภาคใต้ที่นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานีที่เพิ่งผ่านพ้นไป หลายภาพถ่ายแสดงถึงความน่าเกรงขามและพิษสงของอุทกภัยน้ำป่าที่เข้ามาเบียดเบียนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณเชิงเขาในละแวกนั้น หลากหลายภาพแสดงถึงวิถีแห่งการเอาชีวิตรอดของทั้งมนุษย์และสัตว์เลี้ยง เป็นวิถีที่แลดูธรรมดามาก แต่ก็สามารถช่วยให้เอาชีวิตรอดได้อย่างปลอดภัย ณ เวลาที่ภัยพิบัติมาเยือน และอีกหลายภาพแสดงถึงน้ำใจของคนไทยที่ไม่เคยเลือนหาย ทั้งน้ำใจของชาวบ้านในละแวกนั้นที่ต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามทุกข์ยาก และโดยเฉพาะเหล่าทหารที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยกันอย่างเต็มที่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อช่วยเหลือและอำนวยความปลอดภัยให้กับชาวบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งทหารบกที่ช่วยลำเลียงเสบียงอาหาร ช่วยเหลือเด็ก สตรี คนชรา สัตว์เลี้ยงเีรียกได้ว่าทุกวิถีทางที่จะสามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ให้อยู่รอดปลอดภัยได้ ณ เวลานั้น หรือเหล่าทหารเรือที่เร่งรุดขับเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ไปช่วยผู้ประสบภัยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บริเวณเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี ภาพถ่ายทั้งหมดนี้สื่อสารออกมาในหลากหลายอิริยาบถ ต่างมุมมอง หลากอารมณ์ สะท้อนภาพชีวิตจริงของคนไทยในยามที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อต้องประสบกับมรสุมแห่งชีวิต คนไทยไม่เคยทิ้งกัน และยังคงรักกันดี แสดงออกถึงมนุษยธรรมและน้ำใจในเพื่อนมนุษย์ได้อย่างที่ไม่ต้องหาคำบรรยายใดๆมาสื่อถึงสิ่งที่เรียกว่าน้ำใจคนไทย เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถแสดงออกมาหรือถ่ายทอดอารมณ์ ความคิดผ่่านภาพถ่ายได้อย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพบรรยากาศมาเก็บไว้ กลัวถูกเจ้าหน้าที่เค้าว่าเอา ไม่แน่ใจว่าเค้าให้ถ่ายภาพรึป่าว!!

เมื่อนำกลับมาคิดทบทวน ประมวลภาพถ่ายเหล่านี้ในความคิดของผม ผมรู้สึกว่ายังมีคนที่เค้าประสบเคราะห์กรรมมากกว่าผมหลายเท่าตัว เป็นความเสี่ยงทั้งทางด้านชีวิตและทรัพย์สิน แต่เค้าก็ยังสู้ชีวิตและอยู่รอดมาได้จนภัยพิบัตินั้นผ่านไป เค้ายังมีชีวิตรอดมาได้ถึงปัจจุบัน ...แต่กับตัวผมนั้น แค่มีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองและหางานใหม่ สัมภาษณ์งานใหม่ มันจะไปเทียบอะไรกับความลำบากที่ผู้ประสบภัยเหล่านั้นได้รับ มันเทียบกันไม่ติด เรียกได้ว่า ณ จุดนี้ผมยังไม่ลำบากเท่าพวกเขา ...และสุดท้าย เมื่อคิดได้เช่นนี้ มันทำให้ผมรู้สึกมี power มีกำลังใจและ inspiration ขึ้นมาบ้างสำหรับการสมัครงานครั้งต่อๆไป ผมใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายอยู่ในเมืองใหญ่ เพียบพร้อมด้วยความศิวิไลซ์ต่างๆนานา แต่พวกเค้าใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่กันอย่างพอเพียงตามมีตามเกิด ในเมืองหลวงมีระบบป้องกันภัยมากมายเพื่อรักษาความปลอดภัยให้คนเมือง แต่ชาวบ้านแทบจะไม่มีระบบป้องกันภัยในชีวิตและทรัพย์สินเลย หากเมื่อใดภัยพิบัติมาเยือนอีก ความสูญเสียจะยังคงเกิดขึ้นแน่นอน หรืออะไรทำนองนี้อีกมายมายที่เป็นจริงในสังคมไทย ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เท่าเทียมใยสังคมได้หรือไม่...

ก่อนจบบล็อควันนี้ ...รู้สึกว่าวันนี้คิดเขียนอะไรไม่ค่อยออกเลย ตั้งแต่สัมภาษณ์จนกลับมาถึงบ้าน รู้สึกปวดหัวตุบๆมาตลอดทั้งวัน งีบหลับคาหนังสือไปเมื่อตอนเย็นด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียใจกับความผิดหวังและความเหนื่อยล้าจริงๆ ....เมื่อไรจะเป็นวันของเราสักที!

ว่าแล้วก็ไปอ่าน Harry Potter ดีกว่า...

ขอให้ทุกคนโชคดี และพระคุ้มครองครับ



Create Date : 27 เมษายน 2554
Last Update : 27 เมษายน 2554 20:44:55 น.
Counter : 614 Pageviews.

4 comments
  
: D
โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:20:29:58 น.
  
สู้ๆนะคะ

เราก็กำลังรอผลการสัมภาษณ์งานอยู่

หลังจากผิดหลังและโดนปฏิเสธมาหลายรอบแร้่วว

เป็นกำลังให้ค่ะ
โดย: แม่ปลวก (ฉันคือฉัน ) วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:21:19:41 น.
  
แม้ไม่ได้งานนี้ วันหนึ่งก็จะได้งานที่เหมาะสมแน่นอนค่ะ ถ้าไม่ละความพยายามเสียก่อน สู้ๆๆค่ะ
โดย: toeyao วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:22:27:01 น.
  
สู้ๆนะคะ
โดย: MaZZO วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:20:45:30 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Passepartout
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนธรรมดาคนหนึ่งบนโลกใบนี้ ซึ่งกำลังก้าวข้ามผ่านกาลเวลา เพื่อไปสู่อนาคต...

พยายามเข้าใจกับคำว่า "ตราบใดที่มีรัก..ย่อมมีหวัง"
เมษายน 2554

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
29
30
 
All Blog