เที่ยวเซิ่นเจิ้น กวางโจว ฮ่องกง มาเก๊า ด้วยตัวเอง ^_^ หลังจากดองไว้ 4 เดือนได้เวลาเอามาลง Blog สักที ^_^ ก่อนเดินทางก็ต้องไปขอวีซ่าเข้าจีนกันก่อน สถานฑูตจีนอยู่ตรงรัชดาซอย 3 เดินเข้าไปนิดเดียวอยู่ซ้ายมือแล้วขึ้นไปชั้น 2 หากขับรถมาเองควรไปจอดที่ฟอร์จูนน่าจะสะดวกที่สุดค่ะ หรือเข้าไปดูรายละเอียดในนี้ได้เลยมีทุกอย่างเกี่ยวกับการขอวีซ่า //www.chinaembassy.or.th/th/ พวกเราขอแบบเข้าออกครั้งเดียวก็คนละ 1,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 4 วันทำการ แต่ขอบอกไว้เลยนะค่ะหากไปขอวีซ่าควรไปแต่เช้าและอย่าไปวันจันทร์หรือวันศุกร์เพราะคนจะเยอะ วันที่เราไปขอวีซ่าพวกเราไปถึง 10 โมงเช้า กว่าจะยื่นเรื่องเสร็จก็ปาเข้าไป 3 โมงเย็นนั่งรอกันเบื่อไปเลย พวกเราจองโปร 790 บาทของแอร์เอเชียไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้วกว่าจะได้เดินทางก็เดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง เครื่องออกประมาณทุ่มกว่า
หน้าสถานนี Lou Hu เซิ้นเจิ้นค่ะ ตรงนี้สามารถช็อปปิ้ง กินข้าว เข้าฮ่องกง ไปกวางโจว ได้เลยค่ะ
เพื่อนชาวจีนสั่งมาเยอะมากแล้วจะทานหมดมั้ยเนี้ยะ
ทานข้าวเสร็จก็แวะเที่ยวอนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัดเซ็น
แล้วต่อด้วยบ้านตระกูลเฉิน
เช้าวันที่สอง ไปเที่ยวหน้าต่างโลก (WINDOW OF THE WORLD) นั่งรถไฟสายสีเขียวไปลงที่ window of the world Exit J เปิดทุกวัน ค่าเข้าชมท่านละ 120 หยวน
แล้วก็มาช็อปปิ้งที่ หลอวู ซิตี้ (LOWU CITY) อยู่ถัดจากด่านตรวจคนเข้าเมือง นั่งรถไฟสายสีเขียวไปลงสถานี Luo hu สินค้าที่นี่จะบอกผ่านเยอะมากกดังนั้นถ้าจะต่อราคาควรเอา 5 หารหรือจะใช้วิธีเดินหนีก็ได้เดี๋ยวเขาก็ลดราคาให้ พ่อค้าแม่ค้าบางร้านสามารถพูดไทยได้
เช้าวันที่สาม เดินทางเข้าฮ่องกงให้นั่งรถไฟไปลงสถานี Luo hu เหมือนเดิมแล้วมองหาป้ายไป Hongkong แล้วไปทำเรื่องกรอกใบ Immegration ขาออกจากจีนพอผ่านด่านตรวจขาออก ก็เดินข้ามไปด่านฮ่องกงขาเข้ากรอกใบ immegration ขาเข้าเสร็จแล้วก็จะมีที่ซื้อบัตร Optopus ที่นี่ได้เลย ก่อนเข้าที่พักพวกเราแวะเที่ยววัดแชกุง หรือ วัดกังหันกันก่อนก็นั่งรถไฟจาก Lo Wu ลงสถานี Tai Wai แล้วเปลี่ยนมานั่งสายสีน้ำตาล 1 สถานีลง Che Kung Temple ทางออก B จะมีป้ายบอกตลอดทางเดินไปประมาณ 200 เมตร ก็ถึง ด้านหน้าวัด บริเวณภายในวัด จะมีภาษาไทยบอกวิธีไหว้ด้วยค่ะ ทำตามได้เลย จากนั้นก็นั่งรถไฟไปจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) กันก็นั่งรถไฟกลับไปที่เดิม แล้วต่อสายสีฟ้าไป 1 สถานนีลงสถานี Kowloon Tong แล้วต่อรถไฟสายสีเขียวลงสถานี Mong Kok ต่อด้วยรถไฟสายสีแดงไปลงสถานี Tsim Sha Tsui ทางออก B1 เพื่อไปที่พักของเราโรงแรม Dadol Hotel บริเวรด้านหน้าโรงแรม ทางขึ้น ภายในห้องพัก พวกเราเลือกห้องพักแบบนอนได้ 4 คน จำนวน 2 ห้อง ค้างคืน 2 คืน ราคาคืนละ 980 HKD/ห้อง นั่งทานข้าวแถว ๆ โรงแรมสั่งน้ำมะม่วงมาลองทานเห็นเขาบอกว่ามาฮ่องกงต้องลอง (โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบ แต่หลาย ๆ คนบอกอร่อย) จากนั้นก็ไปช็อปปิ้งกันต่อที่ Mong Kok โดยนั่ง MTR ไปลงสถานี Mong Kok ที่นี่มีทุกอย่างค่ะ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้าแฟชั่น ของก็อปมีหมดค่ะ เช้าวันที่ 4 ไปไหว้พระที่วัดหวังต้าเซียน (Wang Tai Sin) โดยนั่ง MTR ไปลงสถานี Mong Kok แล้วเปลี่ยนสายสีเขียว ไปลงสถานี Wong Tai Sin Exit B เขาบอกว่าที่นี่แม่นมากเรื่องขอคู่ใครไม่มีคู่มาขอได้ที่นี่ จากนั้นก็ไปขึ้นกระเช้านองปิง (Ngong Ping) / ไหว้พระใหญ่ วัดโปลินกัน โดยนั่ง MTR ไปลงสถานี Prince Edward แล้วต่อสายสีแดงไปลงสถานนี Lai King ต่อด้วยสายสีส้มสุดสายลงสถานี Tung Chung Exit B เมื่อออกมาจากสถานีอยู่ทางซ้ายมือเดินประมาณ 200 เมตรก็จะเห็นบันไดเลื่อนทางขึ้นไปกระเช้านองปิง แต่พวกแวะทานอาหารกลางที่ห้าง Citygate Outlet ที่อยู่ข้าง ๆ กันก่อนเป็นห้าง Outlet ทั้งห้าง ขายสินค้าต่าง ๆ เช่น nike adidas esprit giordano และอื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นไปที่ชั้น 3 Food Republic จะเป็นอาหารนานาชาติ มีทั้ง อาหารเกาหลี ไทย เวียดนาม จีน และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกทานข้าวมันไก่รสชาติก็ใช้ได้อยู่ เสียอย่างเดียวน้ำจิ้มไม่เหมือนบ้านเรา หลังจากทานข้าวเสร็จก็ไปขึ้นกระเช้ากัน พวกเราจองออนไลน์จากเมืองไทยก่อนไปได้ส่วนลด 10% ถ้าซื้อที่นี่ต้องจ่ายเต็มราคาหากสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.np360.com.hk/en/booking/np360-ticketing-information.html เมื่อลงกระเช้ามาก็จะเจอร้านขายของฝาก ของกินเยอะแยะไปหมดค่ะ เห็นทางขึ้นแล้วท้อค่ะได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านล่าง ขากลับนั่ง MTR ไปลงสถานี Hong Kong แล้วเดินไป สถานี Central ---> Exit A แล้วขึ้นบันไดเลื่อน ไปตึก Exchange Square จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปทางอ่าวและท่าเรือสตาร์เฟอร์รี่ เพื่อจะนั่งเรือข้ามฟากไปยังจิมซาจุ่ย (Tsim sha Tsui) เพื่อไปชม Symphony of Light (SOL) ตอน 2 ทุ่มตรง เช้าวันที่ 5 เตรียมตัวออกเดินทางไปมาเก๊า & กลับกรุงเทพฯ โดยนั่ง MTR ไปลงสถานี Central แล้วต่อสายสีฟ้าไป 1 สถานี ลงสถานี Sheung Wan แล้วเดินไปตึกชุนตั๊ก ได้เลยจะมีป้ายบอกทางไปท่าเรือ Ferry นั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมงกว่ากว่าก็ถึงค่ะ อ้อเงินฮ่องกงสามารถใช้ที่มาเก๊าได้แต่เงินมาเก๊าใช้ที่ฮ่องกงไม่ได้นะค่ะ บนเรือจะมีแจกใบ Immegration ขาเข้ามาเก๊า ใช้ยื่นที่ ตม. มาเก๊า พวกเราเลือกมาลงที่ท่าเรือมาเก๊าค่ะ พอออกจากท่าเรือให้เดินมาทางซ้ายจะเห็น subway ทางลงใต้ดินเพื่อข้ามถนนไปอีกฝั่งซึ่งเป็นจุดจอดรถของ Casino ให้ขึ้นรถบัสของ Venetian รถสีน้ำเงินจะมีป้ายบอกอยู่ค่ะ นั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึง แล้วก็ไปฝากกระเป๋าตรงฝั่ง Main Lobby โดยจากจุดที่เราลงรถ Shuttle Bus ให้เดินผ่านประตูเข้ามาจะเห็นน้ำพุ และที่ขวามือของน้ำพุนี้จะมีจุดรับฝากกระเป๋าค่ะ บรรยากาศภายในหรูหราสุดๆ Grand Canal อยู่ชั้น 3 มีร้านค้าของกิน ร้านช็อปปิ้งมากมาย จำลองมาจากเมืองเวนิส อิตาลี แต่ของกินแอบแพงนิดหนึ่งนะค่ะ จากนั้นก็ขึ้นรถบัสฟรีฝั่ง West Lobby ของ Venetianไปเซนาโด้ สแควร์ / ซากโบสถ์ St'Paul ที่นี่มีร้านของฝากมากมายสามารถซื้อได้ที่นี่ค่ะ ทาร์ตไข่ราคาเพียง 5 เหรียญ ขอบอกอร่อยเลยทีเดียว ร้านเบอร์เกอร์หมูทอดที่ขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ เดินตรงไปเรื่อยก็จะเจอโบสถ์ St'Paul จากนั้นพวกเราก็กลับมาที่ Venetian และเล่น Casino กันนิดหน่อย (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอย่าเอาเยียงอย่างนะค่ะ 5555) แล้วก็เตรียมตัวไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ กัน ลาก่อนมาเก๊าโอกาสหน้าไว้เจอกันใหม่ ^_^ ไปเที่ยวกันหลายๆคน น่าสนุกจัง
โดย: Sugar lip วันที่: 25 กรกฎาคม 2556 เวลา:14:12:18 น.
น่าจะบันทึกแยะสถานที่นะคะ จะได้ตามอ่านบ่อย ๆ อิ อิ แต่ว่าหล่อวู่เซนเตอร์ไม่ได้เห็นวิวกลางวันเลยค่ะ ตอนที่ไปเป็นกลางคืน พอเห็นรูปแล้วสวยจัง
โดย: mariabamboo วันที่: 31 กรกฎาคม 2556 เวลา:14:49:45 น.
|
parmaika
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |