ตอนที่ 2
เฮ้ย! อาศิระร้องอย่างที่ยั้งเสียงตัวเองไว้ไม่ทัน ก่อนจะเก็บหัวใจที่หล่นไปอยู่ตาตุ่มกลับมาไว้ที่เดิมได้ เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือเพื่อนของเขาเอง ไอ้ธิน
เออ ฉันเองตกใจอะไรนักหนา โยธินทักอย่างแปลกใจกับท่าทางของเพื่อน
ก็เล่นมาเงียบๆ นี่หว่า อาศิระถอนใจอีกครั้งเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อครู่หายไปแล้ว
จะให้เดินไปตะโกนไปหรือไง แล้วแกมีอะไรหรือเปล่า จู่ๆ ก็ตามมาถึงนี่ หรือว่ายังกลุ้มใจเรื่องคุณเปิ้ลอยู่ โยธินถามอย่างพอจะเดาออก เพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายให้เพื่อนไม่น้อย
อาศิระพยักหน้าแทนคำตอบ เขาไปงานศพของปาหนันแค่สองวันคือวันสวดคืนแรกกับวันเผา เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับนักข่าว แต่โยธินกับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ไปจนครบทุกคืน ทั้งที่ปาหนันสนิทกับเพื่อนในกลุ่มของเขามากกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงตั้งภาพของเขาไว้หน้าจอทั้งในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ คิดอย่างไรเขาก็ยังไม่เข้าใจ
ฉันเลยอยากจะมาถามแกหน่อย ว่าช่วงที่แกเจอคุณเปิ้ลตอนแกไปเที่ยวกับฉัน แกรู้สึกว่าคุณเปิ้ลคิดอะไรกับฉันหรือเปล่า เขาไล่ถามเพื่อนคนอื่นมาหมดแล้ว แต่ทุกคนกลับตอบว่าไม่แน่ใจ เพราะตอนนั้นต่างคนก็ต่างดื่มไม่มีใครสนใจใครมากนัก
ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน โยธินตอบด้วยสีหน้าไม่ปลอดโปร่งนัก
ไม่เป็นไร ว่าแต่แกมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมท่าทางไม่ค่อยสบายใจเลย ชายหนุ่มทักเพราะหลายวันมาแล้วที่เพื่อนของเขาดูซึมไปถนัดใจ
พ่อแม่ฉันหาฤกษ์ให้ฉันหมั้นกับคุณหน่าแล้ว โยธินตอบเสียงซังกะตาย เมื่อต้องถูกคลุมถุงชนกับอังสนาหญิงสาวท่าทางคร่ำครึคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ แต่เขาไม่เคยชอบเจ้าหล่อนเอาเสียเลย อยู่ใกล้ก็มีแต่จะอึดอัด เขาชอบผู้หญิงที่มีสีสันอยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ เพราะลำพังชีวิตอันจืดชืดอยู่ในกรอบของเขาก็น่าเบื่อเกินทนแล้ว
อาศิระไม่รู้จะปลอบเพื่อนอย่างไร เพราะเรื่องนี้เขาเองก็หาทางช่วยแก้ไขไม่ได้ ในเมื่อผู้ใหญ่กำหนดมาตั้งแต่เพื่อนเขายังแบเบาะด้วยซ้ำ อีกทั้งโยธินไม่ใช่คนที่จะกล้ามีปากเสียงกับพ่อแม่ เนื่องจากถูกเลี้ยงมาในกรอบและพ่อก็ดุมากจนเพื่อนๆ ทุกคนต่างรู้ดี ส่วนตัวเขาเองแม้จะยังไม่ถูกใจใครถึงขั้นอยากแต่งงาน แต่เรื่องนี้แม่เขาต้องมีส่วนช่วยตัดสินใจอย่างแน่นอน และคนที่จะชี้ว่าผู้หญิงคนไหนเหมาะสมกับเขาก็คือซินแสหวัง ซึ่งเขาคิดว่าตัวเองหาทางแก้ไขเรื่องนี้ได้ ขอแค่ให้เจอคนที่อยากแต่งงานด้วยก่อนเท่านั้น
เออ จริงสิ ข้างบ้านคุณปู่นี่มีคนอยู่หรือเปล่าวะ ทำไมบ้านดูรกร้างจัง ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนมีพ่อแม่ลูกอยู่กันสามคนนี่หว่า ตอนที่มาคราวก่อนฉันยังรู้จักกับคนที่เป็นลูกสาวเลย อาศิระถามพลางมองไปยังบ้านข้างๆ ตอนนี้เขายังนึกชื่อเธอคนนั้นไม่ออก แต่น่าแปลกที่เขากลับจำรูปร่างหน้าตาของเธอได้แม่น
คราวก่อนของแกมันตั้งกี่ปีมาแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วละ ได้ยินว่าสองสามีภรรยาเสียชีวิตไปก่อน ส่วนตัวลูกสาวเห็นว่าน้าชายมารับเลี้ยงต่อ แต่ตอนหลังมารู้ว่าเป็นเด็กกำพร้าขอมาเลี้ยง ก็เลยให้กลับไปอยู่สถานสงเคราะห์หรือไงนี่แหละ ตัวน้าชายก็ย้ายออกจากบ้านนี้แล้วปล่อยให้เช่า แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาเช่าสักที
เป็นเด็กกำพร้าเหรอ อาศิระรับคำพลางนึกเห็นใจชะตาที่พลิกผันของเพื่อนสาวที่เคยพบ แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่เขาก็จำได้ว่าเธอเป็นคนน่ารักและมีน้ำใจมากเพียงไหน อีกเรื่องที่สรุปได้ก็คือบ้านนั้นไม่มีใครอยู่และเขาตาฝาดไปเอง ชายหนุ่มเหลียวไปมองบ้านข้างๆ นั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามเพื่อนกลับเข้าไปในบ้าน เมื่อแม่บ้านร่างท้วมก้าวออกมาตามให้กลับไปชิมข้าวตังหน้าตั้งฝีมือคุณย่าที่ด้านใน
วิรงรองแทบจะโดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เธอซ้อนท้ายให้มาส่งจนถึงโรงแรมที่นัดกับลูกค้าเอาไว้ ก่อนจะตรงดิ่งไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังร้านซึ่งเป็นสถานที่นัดพบ ดวงมาลย์เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่กว่าเธอจะนัดเสนองานได้ก็แสนยากเย็น ช่วงที่โทรนัดอีกฝ่ายก็เปลี่ยนสถานที่อยู่หลายรอบ ก่อนจะมาสรุปกันที่ร้านอาหารในโรงแรมแห่งนี้ และเธอก็เกือบมาไม่ทันเพราะเสียเวลารอลูกค้าหลายแรกที่จำเป็นต้องนัดวันนี้เช่นกัน
คุณดวงคะ ผิงมาถึงร้านอาหารแล้วนะคะ หญิงสาวรีบโทรบอกเมื่อกวาดตาไปทั่วร้านแล้วไม่พบลูกค้าของเธอนั่งรออยู่
พี่ก็รอคุณอยู่ในร้านแล้ว มารอตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วไหนคุณอยู่ตรงไหนบอกพี่มาซิ
ผิงนั่งอยู่โต๊ะริมหน้าต่างเลยค่ะ วิรงรองรีบบอกชื่อร้านและชื่อโรงแรม เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาว่าร้านที่รออยู่ไม่มีหน้าต่าง หลังจากซักกันไปมาอยู่ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่คนละร้านกับเธอเลย
แล้วคุณไปที่นั่นทำไม ไหนตอนแรกคุณบอกว่าคุณสะดวกที่ห้างมากกว่า พี่ก็เลยเปลี่ยนมารอที่ห้างนี่ให้แทน นี่คุณไม่ได้จดสถานที่นัดพบไว้เลยหรือไง ดวงมาลย์แหวกลับมาอย่างไม่พอใจ
ก็คุณดวงบอกว่า... หญิงสาวกำลังจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนยืนกรานเองว่าสถานที่นัดพบต้องเป็นที่ห้องอาหารในโรงแรมนี้ แล้วทำไมถึงกลายเป็นว่ายอมไปห้างเพื่อให้เธอสะดวกล่ะ
เอาละๆ คุณทำงานหละหลวมแบบนี้ทำให้พี่เสียเวลามากนะ เอาไว้คุณค่อยโทรมานัดพรีเซ็นต์งานกับพี่อีกครั้งก็แล้วกัน แล้วคราวหน้าก็อย่าให้เป็นอย่างนี้อีกละ
วิรงรองได้แต่ถือโทรศัพท์ค้างทำหน้าเหวอ ขณะที่อีกฝ่ายวางหูไปโดยไม่ฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น สรุปแล้วเธอเป็นคนผิดเหรอ ทั้งที่ลูกค้าเป็นฝ่ายลืมเองว่านัดกับเธอไว้ที่ไหน แต่ก็นั่นละลูกค้าต้องถูกเสมอโดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ขนาดนี้ บริษัทที่เธอทำงานอยู่เป็นบริษัทออแกไนซ์ขนาดเล็ก มีพนักงานประจำอยู่แค่สามคน แม่บ้านหนึ่งคน เจ้านายอีกหนึ่งคน และเพราะเป็นบริษัทขนาดเล็กเงินเดือนประจำจึงกระจิริดตามไปด้วย เธอจะได้เงินพิเศษก็เมื่อหางานเข้าบริษัทได้ แต่เดือนนี้กำลังจะหมดเดือนอยู่แล้ว หากเธอยังหาลูกค้าไม่ได้เลยสักรายเดียว
หญิงสาวยอมเสียมารยาทปฏิเสธแม้แต่เครื่องดื่มที่บริกรเข้ามาถาม ด้วยเหตุผลว่าคนที่เธอนัดไว้ไม่มาอีกแล้ว ก่อนจะรีบเก็บโน้ตบุ๊กใส่ลงในกระเป๋า แล้วยังมีใบเสนอราคาที่เธอเตรียมมาอีก เอกสารที่ตั้งใจทำมาให้ลูกค้าแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ บนโต๊ะดูยุ่งเหยิงเมื่อเธอต้องรีบเก็บรีบไปให้เร็วที่สุด เพราะทั้งร้านมีลูกค้าอยู่แค่สองโต๊ะ คือเธอกับผู้ชายที่นั่งห่างออกไปอีกโต๊ะหนึ่ง เธอจึงยิ่งรู้สึกกดดันต่อสายตาของบริกรที่มองมา
โอ๊ะ ขอโทษค่ะ วิรงรองรีบบอกเมื่อความลุกลี้ลุกลนและข้าวของพะรุงพะรัง ทำให้เธอเผลอไปชนโดนลูกค้าหนุ่มอีกคนหนึ่งเข้า ก่อนจะรีบเผ่นออกจากร้านไปแทบไม่ทัน
อาศิระไม่ได้สนใจอะไรนัก ทว่ารูปถ่ายที่หญิงสาวทำตกไว้ทำให้เขาต้องเก็บขึ้นมาดู ภาพนั้นไม่ใช่ภาพปัจจุบันแต่เหมือนเป็นภาพช่วงอายุราวยี่สิบต้นๆ ของหญิงสาว และเขาก็จำได้ว่าเธอคือเพื่อนสาวข้างบ้านที่เขาเคยรู้จักคนนั้น ชายหนุ่มรีบจ่ายเงินค่าอาหารแล้วเดินแกมวิ่งตามหญิงสาวออกไปพอดี โชคดีที่เธอยังยืนรอลิฟต์อยู่
คุณครับ เดี๋ยวก่อน ผมเป็นเพื่อนกับโยธินเราเคยเจอกัน ตอนที่ผมไปค้างบ้านคุณปู่ของโยธินคุณจำได้ไหมครับ
จำไม่ได้ค่ะ ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อโยธินนะคะ ท่าทางคุณคงจะจำคนผิดแล้วละค่ะ วิรงรองส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่คิดอะไร แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ยอมรับว่าตัวเองทักคนผิด ยังคงยืนกรานว่าเธอน่าจะใช่เพื่อนสาวข้างบ้านของเขาคนนั้น แถมยังมาบอกให้เธอพยายามนึกดูให้ดีๆ อีกด้วย
ขอโทษนะคะ แต่ฉันว่าวิธีนี้เก่าเกินไปแล้วละค่ะ ถ้าคุณอยากหาทางคุยกับผู้หญิงสักคนไปหาวิธีที่เข้าท่ากว่านี้มาดีกว่านะคะ หญิงสาวบอกอย่างทั้งหงุดหงิดทั้งไม่ไว้ใจ เธอเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้มีบ้านอยู่ติดกับใครทั้งนั้น และเธอก็ไม่รู้สึกคุ้นหน้าเขาเลยสักนิด
คือว่าผม... อาศิระจะอธิบายเพิ่มเมื่อคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มจะหันมามองเขาอย่างเข้าใจผิด แต่หญิงสาวกลับก้าวฉับๆ จากไปราวกับเขาเป็นคนร้าย เดี๋ยวสิครับคุณ ชายหนุ่มร้องเรียกหากคนที่เดินมาหาเขาไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น แต่เป็นผู้จัดการโรงแรมที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
คุณโอบต้องการติดต่อออแกไนซ์เซอร์หรือครับ
คุณสินธุ์รู้จักกับผู้หญิงคนที่เดินไปนั่นด้วยหรือครับ
ผมรู้จักกับเจ้านายของเธอน่ะครับ เธอเคยตามเจ้านายมาพรีเซ็นต์งานที่นี่อยู่หลายครั้ง ถ้าคุณโอบอยากติดต่องานผมหานามบัตรให้ได้นะครับ เจ้านายของเธอชื่อธานินทร์ ส่วนตัวเธอถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะชื่อวิรงรองนะครับ
ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณสินธุ์ช่วยหานามบัตรบริษัทนี้ให้ผมด้วยนะครับ
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจเพราะไม่นานเขาก็ได้นามบัตรของหญิงสาวมาอยู่ในมือ เขามั่นใจว่าตัวเองจำคนไม่ผิดแน่ แต่เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายจำเขาไม่ได้ และเขาเชื่อว่านามบัตรที่ได้มานี้น่าจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง
จบตอน
สวัสดีค่ะ เรื่องแกะรอยบุษบาก็มาถึงตอนที่ 2 แล้วนะคะ เลยอยากบอกกล่าวนักอ่านที่เข้ามาอ่านสักนิดก่อนค่ะจะได้เข้าใจตรงกัน ว่าเรื่องนี้มีผีก็จริง แต่ไม่ได้เน้นหลอกหลอนให้น่ากลัวนะคะ แต่เรื่องราวจะเน้นการสืบสวนหาคนร้ายและความรักของพระนางมากกว่าค่ะ ใครชอบแนวนี้ก็ฝากแกะรอยบุษบาด้วยนะคะ |