Japan.. Jib..Jib : Sendai (2)
ถึงแล้วค่ะ.. ทางเข้าสุสานซุยโฮเด็ง..
ทางเข้าสุสานเต็มไปด้วยดอกอาจิไซ หรือไฮเดรนเยีย . .. ที่แม้จะเข้าฤดูร้อนแล้ว ยังหลงเหลือให้ชมความงามกันอยู่ บรรยากาศตอบพลบค่ำบวกหมู่ต้นสนซีดาร์ยักษ์.. ทำให้ดูวังเวง......... ซะเมื่อไหร่.. ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ .. ไปกันต่อ
สุสานซุยโฮเด็ง เป็นสุสานของดาเตะ มาซามุเนะ ไดเมียว ผู้สร้างเมืองเซ็นได ตัวสุสานที่เห็นเป็นของบูรณะขึ้นมาใหม่แทนตัวอาคารเดิมที่ถูกทำลายไปในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบโมโมยามะ ใช้สีสันสวยงาม มองทีแรกคล้าย ๆ กับของเกาหลี แต่ว่าใช้สีมากกว่า ลวดลายเยอะกว่า
เข้าไปดูวีดิทัศน์ในพิพิธภัณฑ์ซุยโฮเด็ง ดูตอนขุดสุสาน.. สนุกตื่นเต้นดีค่ะ เสียดายมีเวลาน้อย เลยไม่ได้ดูจนจบ..
นอกจากสุสานของท่านดาเตะ มาซามุเนะ บริเวณใกล้ ๆ กันยังมีสุสานอีก 2 แห่งตั้งอยู่เคียงข้างกันเป็นสุสานของ 2 ผู้ครองนครเซ็นไดรุ่นถัดมา ตัวอาคารงดงามวิจิตรไม่แพ้กันค่ะ..
พอตอนกลับออกมา.. ปรากฏว่า รถเมล์หยุดวิ่งไปแล้ว มีเพียงรถบัส Loople bus สายเดียวเท่านั้นที่ผ่านสุสาน.. เอาไงล่ะทีนี้.. เห็นแท็กซี่จอดอยู่เพียบ..เลยค่ะ คงเป็นทางรอดเดียวของเรา เลยต้องโบกแท็กซี่ตามระเบียบ.. ราคาแท็กซี่เริ่มต้นที่ 580 เยน ไปถึงปราสาทเซ็นได.. ก็รวมเบ็ดเสร็จเป็น 820 เยนพอดี.. ก็โอเคค่ะ .. หารสามแล้วราคาพอทน..
ปราสาทเซ็นได ก็อย่างที่รู้ ๆ ค่ะ คือตัวปราสาทน่ะไม่เหลือแล้ว เหลือแต่กำแพงปราสาท... ที่ ๆ คนมากันมากคือศาลเจ้าโกโคคุ ที่มีผู้คนมาไหว้ขอพรกันหลากหลาย.. เด็กวัยรุ่นก็มากันเยอะ .. ดูคำขอพรที่เขียนบนป้ายไม้สิคะ .. วัยรุ่นสุด ๆ มีการ์ตูนด้วย
ปราสาทเซ็นไดเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ท่านไดเมียวตาเดียว ดาเตะ มาซามุเนะ ผู้สร้างเมืองเซ็นไดนั่นแหละค่ะ .. ทายสิคะ ว่าม้าของท่านไดเมียว ตัวผู้หรือตัวเมีย..
ปราสาทอยู่บนยอดเขาอาโอเบะ ทำให้เราสามารถมองเห็นเมืองเซ็นไดได้ทั้งเมือง.. ค่ะ
ขากลับลงมาจากปราสาท.. แน่นอนค่ะ .. หารถอย่างอื่นไม่ได้แล้ว นอกจากแท็กซี่ (จริง ๆ คงมี Loople bus ผ่านค่ะ แต่เดินขึ้นเขาอีกไกลโข..และที่สำคัญ รถหยุดวิ่งแล้ว..) คราวนี้ค่าแท็กซี่เริ่มต้นที่ 650 เยน เราถามว่าทำไมเริ่มต้นคิดราคาไม่เท่ากัน.. เค้าบอกว่า.. รถคนละประเภท หรือเป็นเพราะช่วงเวลาที่ขึ้น อันนี้จับใจความไม่ได้ ใครรู้ช่วยบอกที
ทีแรกกะจะไปหาอะไรหม่ำที่ตึก AER แล้วไปดูวิวมุมสูงบนตึกชั้นที่ 31 ต่อเลย แต่เปลี่ยนใจ.. พาสาว ๆ ไปที่ย่านอิจิบังโจะแหล่งช็อปปิ้งถนนคนเดินที่เค้าว่าคึกคักที่สุดแทน ค่ารถแท็กซี่ถึงที่นี่ก็ศิริรวม 1,130 เยน.. เฮ้อ.. อย่าคิดมาก กลับมาได้ก็บุญแล้ว
เอาเข้าจริง ๆ ไม่ได้ช็อปปิ้งกันหรอกค่ะ ร้านค้าที่มีย่านอิจิบังโจะไม่ถูกจริตสามสาว.. หาอะไรกินดีกว่า.. แน่นอน ต้องลอง กิวตัง ลิ้นวัวอย่างที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองนี้..
ตอนเลือกร้าน..ไม่ได้เลือกเจ้าของร้านหรือพนักงานในร้านนะคะ แต่ไม่รู้ทำไม เข้าไปทีไร เป็นร้านที่มีแต่ผู้ชาย..ทุกทีเลย.. เหอ ๆ ..
เป็นการกินเนื้อที่มีความสุขค่ะ .. ไม่เหนียว ไม่คาว.. นุ่มกำลังดี..
ออกมาจากร้าน.. ก็คิดว่าน่าจะไปแวะตึก AER แล้วกลับไปที่พักเลย.. แต่ถามทางซะหน่อย.. กันเหนียว เดี๋ยวหลงไปถนนไหนอีกก็ไม่รู้.. แน่นอนค่ะ จับไว้หนึ่งคน เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาละอ่อน พูดภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่น.. ถามไปถามมา พ่อหนุ่มตอบไม่ได้.. บอกได้คำเดียวว่าผมก็จะไป JR Sendai ทางเดียวกันกะ AER เดินตามผมมาละกันนะครับ.. เดินไป..จีบไป.. เอ๊ย คุยไป.. ได้ความว่า พ่อหนุ่มน้อยเรียนจบมัธยมแล้ว แต่ยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ นี่ก็มาเรียนพิเศษที่เซ็นได ตอนนี้กะลังจะนั่งรถไฟกลับบ้านที่อยู่นอกเมืองเซ็นได.. ก็เลย กัมบัตเตะเน๊ะ.. ไป .. หวังว่าปีหน้าคงสอบได้.. สู้ ๆ .. เสียดายค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปน้องน่ารักเอาไว้..
แล้วสามสาวก็มาถึงตึก AER โดยสวัสดิภาพ ไปขึ้นลิฟท์ของฝั่ง AER office เพื่อขึ้นไปชั้น 31 ชมวิวฟรี.. ตรงกลางเป็นร้านอาหาร ปีก 2 ด้านเป็นมุมให้ชมวิว มีกระจกเป็นผนัง ก็มองเห็นเมืองเซ็นไดยามค่ำคืนค่ะ สังเกตดูมีแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ขึ้นมาชมวิว ที่เหลือก็เป็นนักท่องเที่ยว.. (วัยเยาว์) อิ่มวิวแล้วก็กลับกันดีกว่าค่ะ
ขากลับแวะร้านคอมบินิ ปากซอยเข้าที่พัก.. (เค้าเรียกถนน.. เดาะเรียกซอย) หาสบู่สปาไปนอนแช่น้ำอุ่นที่โรงแรมกันดีกว่าค่ะ ฉลองที่ได้ห้องน้ำ..กว้างขวาง.. ตามมาตรฐานสากล..
ก่อนนอน.. ก็ได้นี่..ค่ะ .. อาหารสำหรับท้อง อาหารสำหรับสมอง... ตอนอยู่เกียวโต ลองนมรสกล้วยหอมแล้ว..ชอบค่ะ หอม มัน ไม่หวานมาก วันนี้เลยลองรสเมลอน.. อร่อยไม่แพ้กันค่ะ
กินเอาแรง เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะข้ามไปเกาะฮอกไกโด..กันค่ะ
Create Date : 17 สิงหาคม 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 21:31:06 น. |
Counter : 2130 Pageviews. |
|
|
|