Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
ถามหาความยุติธรรม

ถามหาความยุติธรรม

1.30 น.

แสงวูบวาบจากหลอดไฟหลากสีจากป้ายร้านเหล้าค่อยๆดับลง แสงไฟในร้านทวีความเข้มขึ้น เป็นสัญญาณให้แขกเหรื่อผู้มาเยือนเตรียมตัวละจากความสุขในยามค่ำคืน ผู้คนเริ่มทยอยกันเช็คบิล หลายคนเหน็บสุราราคาแพงขวดที่สองของค่ำคืนที่เพิ่งละเลียดได้ไม่ถึงครึ่งขวดไว้ใต้รักแร้เดินโซเซหายเข้าไปในห้องน้ำ สาวสวยในชุดวาบหวามเดินกอดเอวประคองชายวัยคราวพ่อผู้มีอันจะกินหายเข้าไปในรถเก๋งที่สั่งตรงจากฟากยุโรป เป็นที่ริษยาแก่ชายหนุ่มวัยรุ่นที่เห็นแล้วเป็นต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยพาหนะของพวกเขาไม่สามารถพาเหล่าเทพธิดาแห่งราตีกาลไปสู่สรวงสวรรค์ได้

“โลกแม่งไม่ยุติธรรม” ครรชิตคำรามหลังสาดสุรารสเข้มลงคอแล้วควักกระเป๋าจ่ายเงินแก่พนักงานเสิร์ฟ “ไม่ต้องทอน!!” เขาตวาด

รอยยิ้มเจื่อนๆของพนักงานเสิร์ฟที่ยังคงเฝ้าเขาอยู่ไม่ยอมห่างทำให้ครรชิตฉุนเฉียวจนไม่สามารถระงับไว้ได้

“ ทำไมไม่รีบไปให้พ้นเสียที”
เขาระเบิดอารมณ์ใส่พนักงานเสิร์ฟผู้น่าสงสาร

“ผมยังไปไหนไม่ได้ครับพี่ เพราะพี่ยังจ่ายเงินให้ผมไม่ครบ” พนักงานเสิร์ฟให้เหตุผล

“ทำไมจะไม่ครบ ทั้งหมดเจ็ดร้อยสามสิบแปด กูให้แบงค์พันมึงไป มันจะไม่ครบได้ยังไง” ครรชิตใช้ฝ่ามือตะปบฉกธนบัตรของเขาที่วางอยู่บนจานรองบิลกลับคืนมา

“พี่ดูให้ดีๆสิครับ” พนักงานเสิร์ฟขอร้องให้เขาตรวจสอบ

ครรชิตคลี่ธนบัตรออก
“มันเป็นแบงค์ยี่สิบใช่ไหมครับพี่”
ครรชิตผงกหัวยอมรับ
“นั่นสิครับ ผมก็ว่ามันจะครบได้ยังไง”
“เออว่ะ “
“ขอโทษทีไอ้น้อง” ครรชิตกล่าวขอโทษพนักงานเสิร์ฟอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับควักธนบัตรใบละพันบรรจงวางลงบนจานรองบิลอีกครั้ง
“ไม่ต้องทอน พี่เหลือพี่ให้ทิปเอ็ง” น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเก่า

2.oo น.

กลิ่นเครื่องเทศจากหม้อตุ๋นไส้หมูโชยกรุ่นเข้าจมูก
“ไส้หมู เต้าหู้ เลือด ข้าวต้มสองถ้วย!!” ครรชิตตะโกนสั่งรายการอาหารที่ต้องการจากที่นั่งริมบาทวิถี

เก๋งคันหรูคุ้นตาแล่นผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อพ้นแยกไฟแดงจึงค่อยๆเลี้ยวลับหายเข้าไปในอาณาเขต ของโรงแรมที่ประดับเกียรติและรสนิยมจำนวนห้าดาว

“โลกแม่งไม่ยุติธรรม” ครรชิตพึมพำกับตัวเอง

ข้าวต้มสองถ้วย พร้อมไส้หมูตุ๋นพะโล้และถ้วยน้ำจิ้มเลิศรส ถูกนำมาวางพร้อมให้เขาเปิบ ครรชิตใช้ตะเกียบเขี่ยชิ้นไส้หมูในจาน

“สั่งไส้หมู เต้าหู้ เลือด ทำไมได้แต่ไส้หมู” เขาตะโกนถามเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านละจากการหั่นหมูกรอบเพื่อเงยหน้ามาให้ตอบคำถามแก่เขา “หมด”
“จะแดกไหมล่ะ” เจ้าของร้านถามอย่างคุ้นเคย
“ไม่แดกได้ไหมล่ะ” เขาย้อน
“เต้าหู้กูคงหามาให้มึงแดกไม่ได้ แต่เลือดกูพอจะหาได้” เจ้าของทำท่าเงื้ออีโต้ในมือหมายจะขว้างให้มันพุ่งตรงมาที่เขา

“โอเค ๆๆ อั๊วะแดกได้ พอใจหรือยัง!!” ครรชิตยอมจำนน



2.15 น.

จานและถ้วยที่เคยบรรจุไส้หมูตุ๋นพะโล้ ข้าวต้มกลิ่นใบเตยว่างเปล่า มันหายเข้าไปรวมอยู่ในกระเพาะของครรชิตเป็นที่เรียบร้อย ผู้คนในร้านข้าวต้มเริ่มบางตา หลังจากคะน้าหมูกรอบจานสุดท้ายถูกนำไปวางเสิร์ฟแก่ลูกค้า เจ้าของร้านจึงมีเวลาว่างที่จะมานั่งร่วมโต๊ะกับครรชิต

ชายเจ้าของร้านนั่งหันข้างเหม่อมองออกไปนอกถนนที่รถราเริ่มหนีหาย เขาควักซองบุหรี่ออกจากกระเป๋าด้านหน้าชุดกันเปื้อนที่เขาสวมใส่ นั่งไขว่ห้างจุดไฟจ่อปลายมวนแล้วออกแรงสูบ ควันค่อยๆไหลรินออกจากจมูก

“คนเยอะอย่างนี้ทุกวันป่าววะ” ครรชิตเอ่ยถาม

ชายเจ้าของร้านพยักหน้ารับเชื่องช้า

“มึงไม่คิดจะไปเที่ยวไหนบ้างหรือวะ”

ชายเจ้าของร้านชายตามองมาที่ครรชิตแวบนึง
“ถ้ากูไปเที่ยว แล้วมึงจะมีข้าวต้มแดกไหม”
“กูก็กลับไปแดกที่บ้าน”
“งั้นมึงรีบกลับบ้านมึงไปเลย”
“โลกแม่งไม่ยุติธรรมเลยว่ะ มึงว่าไหม” ครรชิตบ่นเห็นใจเพื่อนเจ้าของร้านข้าวต้ม
“ไม่หรอกว่ะ กูชอบ กูขี้เกียจไปไหนด้วย เบื่อว่ะ” บุหรี่ใกล้จะหมดมวนเขายกมันขึ้นสูบควักอีกอึกก่อนจะดีดทิ้งไปกลางถนน

“แล้ววันนี้มึงไปแดกเหล้าที่ไหนมา” เขาถามครรชิตแล้วเอี้ยวตัวหันหน้าเข้าร่วมโต๊ะ

“แถวๆนี้แหละ พอดีกูเจอตังค์ไม่รู้ของใครในออฟฟิศตั้งพันนึง เลยอยากไปลองนั่งร้านหรูๆที่พวกคนรวยมันชอบไปนั่งกัน”

“แล้วเป็นไงล่ะ”
“โลกแม่งก็ไม่ยุติธรรมอ่ะดิวะ”

“ไอ้ห่า...กูทำงานแทบตายได้เงินเดือนหน่อยเดียว ไอ้พวกผู้บริหารวันๆแม่งก็ได้แต่สั่ง แต่เงินเดือนพวกมันแทบจะพาเด็กไซด์ไลน์ไปนอนด้วยได้แทบทั้งเดือน ตะกี้กูเห็นไอ้ผู้จัดการบริษัทกูมันพาเด็กขึ้นรถหรูหายเข้าไปในโรงแรมแล้ว”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ...” เพื่อนเจ้าของร้านข้าวต้มหัวเราะชอบใจ
“ไม่ตลกนะโว้ย” ครรชิตคำราม
“แต่กูตลกนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะลงคอ

“มึงจะเรียกร้องหาความยุติธรรมไปทำไมวะ ในเมื่อมันไม่เคยมี มึงเก็บเงินได้ไม่คืน เจ้าของเงินแม่งก็ต้องบ่นแบบมึง ‘โลกแม่งไม่ยุติธรรม’ เมียมึงที่นอนอยู่บ้านวันๆก็ได้แต่เลี้ยงลูก ทำงานบ้าน หาข้าวปลาให้มึงกิน กูว่ามันก็ต้องคิดแบบเดียวกับมึง ‘โลกแม่งไม่ยุติธรรม’ อเมริกาแม่งมีนิวเคลียร์กี่ร้อยลูกพออิหร่านจะพัฒนาโครงการนิวเคลียร์บ้าง อเมริกามันก็ไม่ยอม กูว่าอิหร่านก็ต้องพูดแบบเดียวกับมึง ‘โลกแม่งไม่ยุติธรรม’ ประชาชนประเทศเราแม่งจ่ายภาษีให้รัฐ รัฐเอาเงินภาษีให้นักการเมืองแดกห่าถลุงเล่น กูว่าประชาชนก็ต้องบ่นแบบเดียวกับมึง ‘โลกแม่งไม่ยุติธรรม’...”

“เอาละๆๆๆ พอแล้ว” ครรชิตห้ามปรามเพื่อนเจ้าของร้านข้าวต้ม “กูไม่อยากไปถามหาความยุติธรรมในคุกว่ะ”



2.45 น.

เด็กชายวัยไม่น่าเกินสิบขวบเดินหิ้วตะกร้าที่บรรจุผลไม้สดปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอคำใส่ถาดโฟมห่อด้วยพลาสติกใสอย่างดีเข้ามาในร้านข้าวต้ม ขณะนี้ทั้งร้านเหลือแต่ครรชิตและเจ้าของร้าน

“ลุงๆ ช่วยซื้อผลไม้หน่อยได้ไหม เหลืออีกห้าห่อเอง” เด็กชายยืนต่อหน้าครรชิต แววตาวิงวอน

“ไม่เอา” ครรชิตกล่าวเพียงสั้นๆ
“เถอะนะลุง ผมอยากกลับบ้าน”
“เอ็งก็กลับไปดิ”
“ผมยังกลับไม่ได้ถ้ายังขายไม่หมด”
“ทำไมจะกลับไม่ได้วะ” ครรชิตถาม
“พ่อไม่ให้กลับ” เด็กชายชี้มือไปที่ชายในเงามืดที่นั่งคร่อมอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซด์

“แล้วทำไมป่านนี้แล้วเอ็งยังขายไม่หมดอีกล่ะ”
“ก็วันนี้ตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมมีการบ้านที่ต้องรีบทำให้เสร็จหลายวิชา กว่าจะทำเสร็จผมก็ออกมาขายผลไม้กับพ่อช้ากว่าที่เคยมาก ออกมาช้าคนเขาก็ซื้อของคนอื่นไปจนหมดแทบจะไม่มีใครซื้อผลไม้ของผมเลย” เด็กชายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“งั้นข้าเหมาผลไม้ในตะกร้าของเอ็งก็ได้” ครรชิตกล่าวหลังจากมนุษยธรรมของเขาถูกคุกคามจนต้องยอมจำนน “ทั้งหมดเท่าไร”

“ร้อยเดียวครับ” เด็กชายมีรอยยิ้มสดใส
“แต่เอ็งต้องเรียกข้าว่าพี่ก่อน ไม่งั้นอย่าหวัง”
“ได้ครับลุง เอ้ย พี่”

“ไอ้เม้งเอาเงินมาร้อยดิวะ กูยืมก่อน” ครรชิตหันไปหยิบยืมเงินจากเพื่อนเจ้าของร้าน
"อ้าว “ เจ้าของร้านทำท่าสงสัย
“ไม่ต้องอ้าว กูไม่ได้ร้อน เอาเงินมาให้กูก่อนกูยืม”
“อ้าว” เจ้าของร้านยังไม่คลายสงสัย
“กูบอกว่ากูไม่ร้อน มึงรีบเอาเงินมา กูจะเหมาผลไม้เด็กมัน”
“ไหนมึงว่ามึงเก็บเงินได้พันนึงไง” เจ้าของร้านถามหลังตั้งสติได้

“กูแดกเหล้าหมดแล้ว” ครรชิตให้คำตอบ “เร็วดิวะเด็กมันคอย”

“อะไรวะเงินตั้งพันมึงแดกเหล้าคนเดียวหมดเลยหรือวะ”

“แดกเหล้าอย่างเดียวไม่หมดหรอก แต่กูให้ทิปเด็กเสิร์ฟหมดว่ะ”

“อ้าว”
“ยังจะอ้าวอีก เอาเงินมา” ครรชิตชักรำคาญ
“พี่ๆ ตกลงจะซื้อไหม” เด็กชายเร่งเร้า ทำให้เจ้าของร้านข้าวต้มต้องควักเงินส่งให้ครรชิตในจำนวนที่เขาต้องการ

“เอานี่เงิน เอาผลไม้มา แล้วรีบกลับบ้านนะเอ็ง” ครรชิตกล่าวกับเด็กชาย

“ครับ” แล้วเด็กชายก็วิ่งหายไปในเงามืดคร่อมรถมอเตอร์ไซด์ที่พ่อจอดรออยู่ แล้วทั้งพ่อและลูกก็เคลื่อนหายไปในความมืด

“แล้วค่าอาหารกูล่ะ” เจ้าของร้านถามครรชิต
“กูเหลืออยู่ยี่สิบ มึงจะเอาไหมล่ะ”
“กูไม่เอาได้ไหมล่ะ”
“ไม่เอามึงก็จดเข้าบัญชีไว้ รวมทั้งเงินที่กูยืมด้วย โลกแม่งไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ เม้ง เอ้ย” ครรชิตเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อนเบาๆก่อนจะขอตัวกลับบ้าน








3.15 น.

ภายในห้องมืดสนิท ครรชิตพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืด บนเตียงลูกเมียของเขากำลังนอนหลับสนิท เขาเคลื่อนกายไปบนเตียงหนานุ่มอย่างเงียบเชียบ ก้มลงหอมแก้มลูกชายวัยกำลังซน แล้วไล้ฝ่ามือที่แก้มนวลของเมีย

“ทำงานซะดึกเลยนะมึง” สัมผัสอันอ่อนโยนของครรชิตทำให้เธอรู้สึกตัว
“จ้ะ” ครรชิตขานรับ
“ทำงานหนักจนเหงื่อมึงนี่ออกกลิ่นเหล้าเลยน่ะ” เธอยังคงหลับตา
“ดีจริงๆ ลูกเต้าทำจนออกมาเป็นตัวเป็นตนก็ไม่ช่วยกันเลี้ยง ดีจริงโว้ย...ผัวกู..ฯลฯ...”
แล้วเสียงของเธอจึงค่อยๆเงียบลงไป ครรชิตล้มตัวลงนอนเอาตีนก่ายหน้าผากแววตาเหม่อลอยในความมืดก่อน ผล็อยหลับไป...เขาไม่รู้หรอกว่าเขาเผลอละเมอออกมาว่า

เฮ้ออออ โลกแม่งทำไมไม่ยุติธรรมกับกูบ้างวะ




Create Date : 26 ตุลาคม 2549
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2549 14:09:31 น. 0 comments
Counter : 352 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parchya
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add parchya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.