แคชเมียร์ กว่าจะถึงสวรรค์
อันเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้ได้เข้ามาหาข้อมูลการท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง จากเวปต่างๆ วันนี้เลยขอรีวิวเป็นครั้งแรก เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวให้คนอื่นๆ บ้างนะคะ ถ้าเขียนไม่เข้าใจ ไม่ถูกใจ แนะนำในคอมเม้นท์และโปรดอภัยมือใหม่หัดเขียนด้วยนะค๊าาา การเดินทางไปแคชเมียร์ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของ จขบ ค่ะ เนื่องจากครั้งแรก เก็บเช็คพอยท์ไม่ครบเลยต้องตามมาเก็บให้ครบทุกซอกทุกมุมของแคชเมียร์ ดังนั้นขออนุญาติพาดพิงถึงการเดินทางครั้งแรกในรีวิวนี้นะคะ Heaven on Earth เป็นชื่อที่คนเรียกขานแคว้น Jammu&Kashmir ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริง แต่กว่าจะถึงสวรรค์ เราต้องผ่านชั้นมนุษย์ พบความจริงอันโหดร้ายบนพื้นโลกซะก่อน อย่าได้แคร์ค่ะ ลุย! การเดินทางเริ่มเมื่อ 26 เม.ย.56 ถึง 1 พ.ค.56 จากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ก็ไปลงเดลลีก่อน และต่อเครื่องไปเมืองศรีนาการ์ เมืองหลวงแห่ง Jammu&Kashmir สำหรับ จขบ. ขอต่อเครื่องแบบไม่เหนื่อย ไปถึงเดลลีขอ เที่ยวเบาๆ และนอนเอาแรง 1 คืน วันแรก เดินทางจาก กทม. 8:30 น. ถึงเดลลี 11:25 ออกจากสนามบิน มีวิธีการเดินทางมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Metro , Bus ,Taxi คราวนี้ขอใช้บริการ Metro ค่ะ สะดวกรวดเร็ว ค่า Metro จาก Airport to New Delhi sta. 150 รูปี หลังจากนั้น จองห้องพักที่ไหนไว้ ลองดูค่ะว่าใกล้สถานีไหน ก็ใช้บริการ Metro ของอินเดียได้เลยค่ะ เดินทางเข้าโรงแรมที่พัก เก็บกระเป๋าเดินทางมีเวลาขอไปแวะเที่ยว Humayun Tomb ค่ะ ไปแบบไม่มีไกด์ เลยได้แต่เดินชมและเก็บภาพค่ะ ด้านในก็เป็นสุสานเก็บศพหลายศพทีเดียว หลังจากชมสุสาน มีเวลาชมเมืองเดลลี เป็นอย่างที่หลายท่านเล่าไว้ค่ะ ชาวเดลลีชอบกล้องจริงค่ๆ หลายๆคนยินดีให้ถ่ายรูปจริงๆ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ชอบให้ถ่าย ก็ว่ากันไปค่ะ เดินเที่ยวและหาอาหารเย็นกินกันที่ connaught place เดินทางมาด้วย Metro สะดวกสุดๆค่ะ พอหอมปากหอมคอกันกับเมืองเดลลี พักผ่อนกัน 1 คืน พรุ่งนี้เราจะไป Heaven on Earth ละค่ะ ตื่นเช้าวันที่ 27 เม.ย. เราเดินทางไปสนามบินด้วย Metro เหมือนเดิม ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินศรีนาการ์ พบกับอากาศเย็นสบาย 23 องศา จากสนามบิน เดินทางเข้าเมืองศรีนาการ์ได้โดย Taxi หรือ Bus ก็ได้ค่ะ จขบ. ขอใช้บริการรถบัสค่ะ จะได้สัมผัสสังคมชาวแคชเมียร์ และเราไม่รีบค่ะ เรื่อยๆ ค่ารถบัส 60 รูปี ระหว่างทางแอบมองสาวน้อยคนนี้เล่นไปตลอดทาง ลงรถบัสในเมืองศรีนาการ์ จขบ. ลงที่ Taxi stand ค่ะ เราจะต่อ taxi ไป Sonamarg กันเลยค่ะ เนื่องจากเราไปถึงศรีนาการ์ 11:00 น. ซึ่งรถบัสไป sonamarg มีช่วงเช้า เราเลยต่อ taxi ดีกว่า ค่า Taxi ไปส่ง sonamarg 2000 รูปี ที่ taxi stand เค้ามีราคามาตรฐานอยู่ one day trip ไป-กลับ sonamarg 2500 รูปี ของเราแค่ไปส่งก็ 2000 รูปีละ ไม่เป็นไร เพราะเราจะไปนอนที่ sonamarg ยอมๆไป ระยะทาง 87 km from Srinagar ใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง เนื่องจากเส้นทางไม่ใหญ่มากและผ่านหลายหมู่บ้าน ทำความเร็วได้ไม่มากนัก ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเริ่มเห็นแดนสวรรค์ลิบๆ ผ่านไป 2 ชั่วโมงในที่สุด.... สดชื่นละคะ อากาศเย็นจนเริ่มหนาว Sonamarg บนความสูง 2800 ม. จากระดับน้ำทะเล ในปลายเมษายน กับอุณหภูมิ 13-14 องศา เดินทางอีกซักพัก ก็มาถึงย่านที่พักกันละค่ะ เลือกพักที่นี่ค่ะ Sonamarg Glacier Hotel คืนละ 3000 รูปี ไม่รวมอาหารเช้า มีน้ำอุ่น และ heater ซึ่งต้องทำใจค่ะ ไม่สะดวกสบายเหมือนเมืองใหญ่ๆ แต่อีกไม่กี่ปี ที่นี่คงเปลี่ยนไปมาก เพราะรอบๆ มีการก่อสร้างโรงแรมอีกเยอะมากกก ช่วงกลางวันที่นี่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย มากมายจริงๆ เป็นช่วงเริ่มฤดูกาลท่องเที่ยวแล้วค่ะ โรงแรมใน Sonamarg จะปิดในช่วงเดือน ธ.ค.- ก.พ. ตามที่ ผจก.โรงแรมบอกนะคะ เพราะหนาวเกินไป หิมะท่วมค่ะ ก่อนนอนเก็บภาพค่ำคืนอันสงบมาฝาก พรุ่งนี้เช้าเราจะขี่ม้าไป tajiwas glacier เช้าวันที่ 28 เม.ย. เริ่มกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ ขี่ม้าค่ะ สนนราคา ก็แล้วแต่ต่อรองกันไป เท่าที่มาชักชวนก็เริ่มว่ากันตั้งแต่ 200 รูปี แต่ไม่เห็นสภาพน้องม้านะคะ ว่าราคานี้น้องม้าหน้าตารูปร่างเป็นอย่างไร ส่วน จขบ. เหมาน้องม้า 1 วันเต็ม 1000 รูปี เพราะจะเดินไปทั่วเขาเลยค่า ข้ามน้ำข้ามทะเลมา เอาให้คุ้ม ภาพที่ถ่ายมาอาจจะไม่ค่อยสวยมากมาย เพราะไม่ใช่ตากล้องมืออาชีพนะค๊า ใช้กล้องกะโหลกกะลาถ่าย แถมวันที่ไปเจอฝนปรอยๆ เกือบทั้งวัน สถานที่จริงสวยค่ะ แต่ว่านักท่องเที่ยวเยอะ ทำให้ดูยุ่งวุ่นวายดีพิกล ฮ่า ฮ่า ในหุบเขาปลายเดือนเมษายน หิมะยังละลายไม่หมด บริเวณ Tajiwas Glacier หิมะเริ่มละลายเป็นสายน้ำแล้ว เนื่องจาก จขบ. ค้างบนโซนามาร์คเมื่อคืน เลยได้ออกมาแต่เช้า แบบตอนมาไม่มีคนเลย แต่พอเดินลงมาจากเขาเท่านั้น พบเจอกับทัพนักท่องเที่ยวมหาศาล ทั้งคนทั้งม้า วุ่นวายไปหมด เหมือนขึ้นสวรรค์แล้วร่วงลงโลกมนุษย์ยังไงยังงั้น อย่างไรก็ตาม จขบ ประทับใจกับเสน่ห์ของ Sonamarg ไม่รู้ว่าสวรรค์จริงๆมันเป็นอย่างไร แต่ที่รู้คือ Sonamarg มีเสน่ห์ น่าค้นหา เป็นความสงบและสวยงามที่ซ่อนอยู่ในพื้นโลกอันวุ่นวายนี้จริงๆ ระหว่างเส้นทาง Sonamarg ช่วงนี้ทุ่งมัสตาร์ดเริ่มออกดอกสีเหลืองแล้วค่ะ แต่ถ้าอยากเห็นเหลืองอร่ามเต็มทุ่ง น่าจะประมาณเดือนมิถุนายน ขอจบกระทู้นี้ที่ Sonamarg ก่อนนะคะ กลัวจะยาวเกินไป กระทู้ตอน 2 จะพาไปเที่ยว Dal lake , Jamia musjid และขอแบ่งปันเรื่องทริปครั้งแรกที่แคชเมียร์เสริมให้ค่ะ
Create Date : 15 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2556 13:56:39 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1193 Pageviews. |
|
|
|
แต่คงยาก กลัวอ่ะ คงต้องหาข้อมูลอีกเยอะ
จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ รออยู่ๆ^_^