8 ข้อที่ควรทราบสำหรับครอบครัวที่ต้องการขอ nanny visa

8 ข้อที่ควรทราบสำหรับครอบครัวที่ต้องการขอ nanny visa

ผมหวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณพ่อคุณแม่ ที่จะเดินทางไป

USA (J-type visa) และต้องการพาพี่เลี้ยงจากเมืองไทยไปช่วยเลี้ยงเจ้าตัวน้อยที่

นั่นนะครับ

สำหรับผมเองเดินทางไปพร้อมภรรยา และลูกน้อยอีก 2 คน คนโต 3 ขวบ

ตั้งใจเอาเข้า K-1 ที่นั่น ส่วนคนเล็กจำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงไปช่วยดู เพราะลำพังญาติ

สนิทที่ตามไปช่วยก็ได้แค่ 3-6 เดือน แต่ถ้า nanny visa (B-1 แบบหนึ่ง) จะ

สามารถต่ออายุที่โน่นได้เลยจนครบ 1 ปี (หรือ 2 ปี ตามสัญญาจ้างครับ) ถึงแม้

Custom จะปั๊มให้ 3-6 เดือนก็ตาม

1.เอกสารที่จำเป็น ที่สุดของที่สุดคือสัญญาครับ หรือ work agreement นี่เป็น

ส่วนที่หายากที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีหรือไม่รู้ช่องทาง (เส้นหรือ connection) ส่วนของ

ผมเอง work agreement นี้เป็นเอกสารเดียวที่ interviewer ขอ nanny ดู (ไม่

สนทั้งรูปถ่าย, certification จากผม ภรรยา มารดาของเธอ ฯลฯ ว่าจะกลับเมือง

ไทยแน่นอน, bank account, certification of financial support) ซึ่งต้องมีทั้ง

ไทย และอังกฤษ สามารถ download ได้ที่นี่

 //www.mediafire.com/download/mldufh7jo7uigdz/Nanny_Agreement.rar


หมายเหตุ 


-สัญญาต้องระบุค่าแรงขั้นต่ำของ state ที่เราไปอยู่นะครับ และต้อง updated

ด้วย หาได้ใน google แต่ก็ไม่ต้องกังวลกับ rate of salary to pay ซึ่งจะดูสูงมาก

ตก ชั่วโมงละ 300 THB ขอให้เราตกลงกับ nanny เราให้เข้าใจในเรื่องเงินเดือน

(ว่าจ่ายจริงคงไม่ถึง แต่ต้องทำให้เจ้าหน้าที่เค้ามั่นใจว่า worker จะไม่โดนเอา

เปรียบ)

-อย่าลืมชี้แจงสิทธิ ความคุ้มครอง แรงงานให้ nanny เข้าใจล่วงหน้าด้วยนะครับ

 

2.สำหรับ Certification ถ้ามีญาติผู้ใหญ่ใกล้ชิดของเราที่มีตำแหน่งราชการมั่นคง

ใหญ่โต ก็น่าจะยิ่งดีในการรับรองครับ

 

3.การกรอกเอกสารใน webpage นี่บางท่านรวมทั้งผมอาจจะงง ผมขอสรุปดังนี้

ครับ

-กรอก DS-160 (เริ่มต้นกรอกแค่บางส่วนก่อนก็พอ เพื่อได้ ID เอาไปจ่าย visa

fee เพื่อนัดต่อไป และยังไม่ต้อง submit นะครับ) นั้น ตรงคำถามว่าไปด้วยกันกี่

คน เราต้องนับ nanny ด้วยเช่นผม ภรรยา ลูก 2 + nanny = 5 คน

-จ่าย visa fee (https://cgifederal.secure.force.com/)

นั้นต้องระบุแยก account กันระหว่างครอบครัวเรา (J-type) กับพี่เลี้ยง (B-1) นั่น

คือต้องมีใบ pay-in แยกกัน ตรงนี้ผมพลาดไปรวมกันหมด ซึ่งใน webpage มันก็

ให้รวม และจ่ายอย่างไหลลื่น ปรากฎว่าหลังจ่ายสำหรับ 5 คนแล้ว มัน lock ของ

nanny ไม่ให้ผ่าน สรุปต้องไปจ่ายแยกใหม่ ถ้าไม่อยากเสียเงินฟรีแบบผม

(nonrefundable) ก็ต้องแยกแต่แรกครับ

 

4.การจองวันนัดทำ visa ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นวันเดียวกัน เพราะ nanny จะได้ไม่

กลัว และเผื่อ interviewer มีคำถามก็จะเรียกเราเข้าไปถามได้ (แต่ของผมไม่ถาม

เลยครับ)

 

5.ติว nanny ไว้ก่อนก็จะดีมาก เพราะเป็นสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก

การติวถึงสถานที่ รูปแบบ การสัมภาษณ์ การตอบคำถาม ที่จะเจอ จะช่วยลด

ความกังวลของ nanny ได้อย่างมาก

 

6.พอถึงวันทำ visa ถ้ามีเด็กเล็กก็แนะนำว่าควรทำเช่นนี้ครับ


-ไปก่อนเวลานัด 15 นาทีก็พอ (ไม่ต้องรีบเหมือนเราไปขอคนเดียวครับ) แม้ว่า

พอไปถึงจะเห็นคนยืนต่อกันเป็นแถวยาว แต่เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกตามเวลาที่นัดครับ


-แต่ไม่ใช่ว่า ถ้ามีเด็กเล็กจะได้แซงเข้าไปก่อนเวลาที่นัดนะครับ แต่เจ้าหน้าที่จะให้

เราแซงเป็นเจ้าแรกของเวลาที่นัดเท่านั้นเอง

 

7.ขณะสัมภาษณ์ ถ้าเด็กติดพี่เลี้ยงมากก็ให้อุ้มเข้าไปด้วยเลยยิ่งดี เจ้าหน้าที่โดย

รวมเค้าเห็นใจเรา ช่วยเหลือดีมากถ้ามีเด็กเล็ก

 

8.หลังจากที่เราได้เตรียมทุกอย่างมาเต็มที่แล้ว ก็เหลือแค่ลุ้นให้ interviewer ใจ

ดี และเห็นใจเราเท่านั้น เพราะส่วนตัวผมเชื่อว่า สุดท้ายแล้วคนชี้ชะตาว่าจะได้

nanny visa หรือไม่ ก็คือคนนี้ รู้สึกว่าไม่มีระเบียบ กฎ ตายตัวในการที่จะให้หรือ

ไม่ให้ visa ใคร และถ้าคุณได้ยิน interviewer ทัก nanny ว่า"สวัสดีครับ" แสดงว่า

โอกาสได้สูงครับ

 

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ที่กรุณาให้ข้อมูลเรื่องการทำ nanny visa

กับผม ทำให้ผมสามารถพา nanny ไปดูแลลูกที่ USA ได้เป็นผลสำเร็จ และขอให้

บุญกุศลที่เกิดขึ้นจากบทความนี้ ส่งผลถึงเพื่อนๆ พี่ๆทุกท่านด้วยนะครับ




Create Date : 12 กรกฎาคม 2557
Last Update : 12 กรกฎาคม 2557 17:31:43 น.
Counter : 1466 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Xerneas
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



กรกฏาคม 2557

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31