~ Django ~ จังโก้ .. ยอดคนแดนเถื่อน !!!
เมื่อซัก ๕๐ ปีก่อน หนังคาวบอยคือ สุดยอดแห่งความนิยมของคนดูหนังทั่วโลก ... ดาราชื่อดังหลายต่อหลายคน ต่างผ่านการสวมบทบาทที่ต้อง ใส่เกือกบู๊ทติดเดือย .. หมวกโคบาล , คาดเข็มขัดพร้อยไปด้วยสายลูกปืนและซองเหน็บ ปืนลูกโม่ .. พวกเขาเหล่านั้นสร้างความสุขให้กับเหล่าคนดู ด้วยลีลาการจัดการเหล่าร้ายอันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของหนังประเภทนี้ .. นั่น คือ การ "ดวลปืน" กลางตะวัน บนถนนลูกรังที่ปูเต็มไปด้วยสีแดงเถือกของดินแดง ...
ดาราดังผ่านมาและผ่านไป กับบทบาทโคบาล , หนุ่มขบถนอกกฏหมาย , กระทั่ง นายอำเภอผู้ปกป้องความยุติธรรม ... ชื่อของ จอห์น เวย์น , เฮ็นรี่ ฟอนด้า , เคิร์ก ดักลาส , เจมส์ สจ๊วต เรียกแฟนหนังทั้งขาจรและขาประจำมากมายให้แห่กันซื้อตั๋วเพื่อชมวีรกรรมอันกล้าหาญของพวกเขาในบทบาทบนจอเงิน ... เรื่องราวในหนังที่ดำเนินไป คละเคล้าไปด้วย บทโรม๊านซ์อันแสนโรแมนติคแบบลูกทุ่ง ๆ , กลิ่นอายบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่ควันกระสุนแทบไม่เคยจางหายจากท้องถนน , คติพจน์อันองอาจของผู้กล้าที่เลือกจะยืนหยัดเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม และท้ายสุด ... ผู้ที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับธรรมะ ย่อมได้รับชัยชนะเสมอ ...
แต่แล้ว... เมื่อเวลาไม่เคยคอยใคร ระหว่างทางเดินแห่งความยุติธรรม " ตามแบบอเมริกัน "สะดุดหลุมแห่งสงคราม และ ข้อกังขาจากมวลชนต่อการเข้าร่วมในศึกสงคราม ยังดินแดนอันห่างไกล ... ศรัทธาของอเมริกันชนและคนทั่วโลก ต่อ โคบาลหน้าเดิม ๆ ที่มุ่งมั่นปราบปรามความอยุติธรรมเริ่มจืดจางลงไป ... กอปรกับเนื้อหาในรูปแบบเดิม ๆ ที่หนีไม่พ้นการต่อสู้ระหว่าง นายอำเภอ กับ ผู้ร้าย , โคบาล กับ ผู้ร้าย ... ผู้คนเริ่มให้ความสนใจต่อหนังแนวใหม่ " หนังเอพิค ( Epic ) " ที่ทุ่มทุนมากกว่า และ สร้างความอลังการบนจอภาพยนตร์ได้มากกว่า ...หนังอย่าง " " เบน - เฮอร์ , บัญญัติ ๑๐ ประการ , ลอว์เร๊นซ์ แห่ง อราเบีย " ความตื่นตาบนจอที่เห็นในความมหัศจรรย์จากการสรรค์สร้างของมนุษย์ ทั้ง " ฉากโมเสสแหวกทะเล , ฉากไล่ล่าด้วยรถม้าของ เบน-เฮอร์ , หรือ ฉากสู้รบกลางทะเลทรายของ ลอว์เร๊นซ์ " ... วีรบุรุษผู้สวมหมวกปีกกว้างและใส่บู๊ทติดเดือยจึงค่อย ๆ ถูกลดความสำคัญลงไป...
แม้จะมีหนังคาวบอยชั้นเยี่ยม ออกมาเป็นระยะตลอดช่วงปี ๑๙๕๐ - ๑๙๖๐ " The Searcher (John Wayne) , High Noon ( Gary Cooper ) , Shane ( Alan Ladd ) , The Man from Laramie ( James Stewart) " แต่ันั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับสตูดิโอ ที่มองผลกำไรเป็นหลัก ... หนังที่กวาดรายได้ถล่มทลายบนบ๊อกซ์ - ออฟฟิซ ... ปรากฏเป็นหนังเอพิคเสียส่วนมาก ... แต่ยังเร็วเกินไปที่จะ่ถึงจุดเสื่อมของหนังคาวบอย ...
---------------------------------------------------------------
หนังคาวบอยเรื่องหนึ่งดัดแปลงจาก หนังญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง "เจ็ดเซียนซามูไร" ถูกสร้างและฉายออกในปี ๑๙๖๐ เปลี่ยนท้องเรื่องจากญี่ปุ่น มาสู่ชายแดนแม๊กซิโก เปลี่ยนซามูไรผู้พ่ายแพ้สงคราม มาเป็นกลุ่มคาวบอยหนุ่ม .. และ ที่สุด .. เปลี่ยนอาวุธประหัตประหารกันจากดาบมาเป็นปืนลูกโม่ ...
" ๗ สิงห์แดนเสือ " คือหนังเรื่องที่ว่า นำแสดงโดย ยูล บริลเนอร์ และดาราวัยห้าวในขณะนั้นอย่าง สตีฟ แมควีน , เจมส์ โคเบิร์น และ ชาร์ลส บรอนสัน .. ปรากฏว่าหนังทำเงินถล่มทลายเมื่อออกฉาย และเป็นความนิยมระดับโลก แจ้งเกิด หนุ่มคาวบอย วัยห้าวทั้งสามจนกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าตำนานของวงการฮอลลีวูดในเวลาต่อมา ...
ความนิยมของหนังคาวบอยเริ่มกลับมาอีกครั้ง .. แต่กับความสำเร็จของ " ๗ สิงห์แดนเสือ " ... เริ่มจะเป็นตัวบอกบางอย่างถึง " ทางตัน " ของหนังคาวบอยแบบอเมริกันขนานแท้ ... ที่ใกล้ถึงเวลาจะต้องรับเอาวัตถุดิบ + วิธีคิดใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อขยายขอบเขตของภาพยนตร์คาวบอยให้ก้าวไปไกลกว่า "คาวบอยแบบอเมริกัน " เดิม ๆ ...
สิ่งที่ตามมาหลังความสำเร็จของ " ๗ สิงห์แดนเสือ" คือหนังที่ราวกับจะปิดฉากตำนาน "คาวบอยอเมริกันขนานแท้" อย่าง " The Man Who Shot Liberty Valance " .. ให้เป็นหนึ่งในบทสรุปที่สง่างามที่สุดสำหรับหนังคาวบอยอเมริกันแท้ ๆ และ ตัว จอห์น เวย์น เอง ซึ่งถือว่าเขาคือ "สัญลักษณ์ฺแห่งคาวบอยอเมริกัน" อย่างแท้จริง...
แต่แล้ว .. หนังคาวบอยก็แตกกิ่งก้านสาขาของมันออกไป อันเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นความยิ่งยงของภาพยนตร์ตระกูลนี้ ... จากคาวบอยอเมริกันแท้ ที่หยิ่งผยองในศักดิ์ศรีและความถูกต้อง มาสู่ ภาพยนตร์คาวบอยที่ตลบอบอวลไปด้วย "คาวเลือด" และ ลูกล่อลูกชนอันแพรวพราวของตัวละครนำ ... ที่คราวนี้ไม่ใช่เรื่องราวของโคบาลปศุสัตว์ , นายอำเภอ อีกต่อไป ... หากแต่เป็น "พระเอกในคราบผู้ร้าย" ที่แสดงความเป็นขบถต่อขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของหนังคาวบอยอเมริกันอย่างแท้จริง ...
---------------------------------------------------------------
หนัง " Fistful of Dollars " คือ หนังคาวบอยแนวดังกล่าวเรื่องแรก ๆ ที่มัีกจะถูกใช้เป็นบรรทัดฐานสำคัญในอ้างถึงหนังคาวบอยตระกูลนี้ ... และด้วยกลุ่มผู้สร้างที่เป็นชาวอิตาลี ... หนังคาวบอยตระกูลนี้จึงถูกขนานนามว่า "คาวบอยสปาเก็ตตี้" ..
จากความสำเร็จโกยรายได้ทั่วโลก ทั้งที่ทุนสร้างแสนต่ำเมื่อเทียบกับทุนสร้างของหนังคาวบอยจากฮอลลีวูด สร้างรายได้มหาศาลให้แก่กลุ่มผู้สร้างเป็นอย่างมาก และยังแจ้งเกิด ผู้กำกับชั้นเซียนอย่าง "เซอจิโอ เลโอเน่" , ดาราหนังคาวบอยระดับตำนานอย่าง "คลิ้นท์ อีสวูด" , และดาวร้ายที่ใครก็ลืมไม่ลงอย่าง "ลี แวน คลีฟ" กลุ่มผู้สร้างชาวอิตาเลียนทั้งหลาย จึงเริ่มจะหันให้ความสนใจแก่หนังคาวบอยตระกูลนี้มากขึ้น ทั้งที่เป็นหน้าเก่าในวงการ หรือ หน้าใหม่ก็ตาม ... โลเคชั่นในแถบสเปน .. ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อทดแทนการไม่มีทุนไปถ่ายทำจริงถึง ชายแดนเม็กซิโกตามท้องเรื่อง ...เรื่องราวการต่อสู้ถูกกำหนดให้เป็น " โจร ประทะ โจร" มากกว่าจะเป็น " นายอำเภอ ประทะ โจร " อย่างที่ปรากฏในหนังคาวบอยอเมริกัน ...
ตัว "เซอจิโอ เลโอเน่" เอง สร้างหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ออกมาอีก ๒ เรื่อง และปิดฉากหนังชุดที่ใช้ชื่อว่า "ชายนิรนาม" ไว้ที่ "The Good , The Bad and The Ugly" อันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หนังคาวบอยสปาเก็ตตี้สร้างได้อย่างถึงพร้อมในทุก ๆ ด้านของหนังฟอร์มใหญ่จากฝั่งฮอลลีวูด และกลายเป็นสุดยอดหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ตลอดกาลไปโดยปริยาย ....
และความสำเร็จดังกล่าวก็ถูกเก็บเกี่ยวต่อยอดด้วยผลงานของผู้กำกับหนุ่มหน้าใหม่มากมาย .. แต่หากจะหาเรื่องไหนที่พอจะฉายแสงโดดเด่นทั่วโลกในระดับที่น่าจดจำ ... โดยไม่ถูกรัศมีของหนัง "เลโอเน่" กลบไปเสียก่อน .. ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง " จังโก้ "
----------------------------------------------------------------
" จังโก้ " คือ หนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ ที่ฉีกลักษณะจำเพาะของตระกูลดังกล่าวให้สุดโต่ง ... หากความรุนแรงใน " Fistful of Dollars " คือ ความแปลกใหม่ .. แต่กับใน "จังโก้" มันคือ ...สิ่งที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง เพราะ ทุกตัวละครในเรื่องพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ และ พร้อมจะเสียเลือดเนื้อให้คนดูได้เห็นทุกเมื่อเช่นกัน ...
หนังเปิดฉากให้เห็น ชายคนหนึ่งซึ่งท่าทางซอมซ่อได้ลากโลงศพลุยทางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน ... ก่อนจะพบเจอกับการทารุณกรรมหญิงสาวอย่างป่าเถื่อน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ ๕ คน ... พวกเขา้ล้วนหื่นกระหายและแสดงออกอย่างสุดเหวี่ยงต่อความ " กิจกรรมบันเทิง " ที่ตนได้รับจากหญิงสาว โดยการ เฆี่ยนตีแผ่นหลังเปลือยเปล่าให้แผลแตกเป็นทางยาว ปล่อยเลือดไหลซิมออกมาอาบแส้ในมือ .... คนลากโลง ได้หยุดยืนดูพฤติกรรมนั้น และยังไม่ทันแสดงท่าทีจะตอบโต้การกระทำของเหล่าชายฉกรรจ์ .. ทั้งหมดก็ต่างถูกยิงตายโดยฉับพลันจากปลายกระบอกปืนของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ราว ๕ คนเช่นกัน ... พวกเขาราวกับสวรรค์มาโปรดหญิงสาวผู้นั้น ทว่า ที่จริงแล้วพวกเขากลับมาลงโทษเธออย่างสาหัสยิ่งกว่า ด้วยการจะจับมัดเธอไว้กับไม้กางแขน และจัดการเผาเธอทั้งเป็น !!!
... "จังโก้" ยังคงมองดูพฤติกรรมเหล่านั้นด้วยตาที่ไร้แววความรู้สึกใด ๆ ... ร่างของหญิงสาวได้ถูกมัดขึงบนไม้กางแขนอย่างแน่นหนา ... และทันใดนั่นเอง เสียงปืนดังขึ้นถึง ๕ นัด !! ชายหนุ่มทั้ง ๕ ฟุบลงไปกองกับพื้นในทันใด !! สิ้นเสียงปืนที่รวดเร็วปานเสียงฟ้านั้น ... คือ เขม่าควันที่พวยพุ่งออกจากปากกระบอกมัจจุราชสีดำขลับนั่น ... ปืนนั่นอยู่ในอุ้งอันมือหยาบกร้านของ "จังโก้" !!!
นี่คือ ฉากเปิดเรื่องของหนัง "จังโก้" ... ที่นำเสนอความรุนแรงในรูปแบบดังกล่าวตลอดทั้งเรื่อง ... เราไม่อาจรู้ว่า เหตุใด จังโก้ จึงมีความสามารถในการยิงปืนขนาดนี้ , ทำไมเขาต้องลากโลงศพไปมา ? สิ่งที่อยู่ในโลงศพนั้นเล่า คืออะไรกันแน่ !! หนังฉลาดที่พอจะสร้างความสนใจแบบแปลก ๆ ให้กับตัวละครนี้ .. ทำให้คนดูพร้อมใจจะติดตามไปโดยตลอดว่า ไอ้หมอนี่ เป็นใคร และ เขามีจุดประสงค์อะไรกัน ...
สิ่งที่ "จังโก้" แสดงให้เราเห็นตลอดทั้งเรื่อง .. คือ "ความรุนแรง" แบบไม่บันยะับันยัง .. ฉากการยิงวินาศสันตะโร กลางเมือง ที่คนล้มตายเป็นเบือยังกะสงคราม ... ฉากการยิงแสกหน้าแบบจะจะ ... หรือ ฉากการทรมาน "จังโก้" ในช่วงท้ายเรื่อง .. ล้วนแล้วแต่เป็นความรุนแรงที่สุดขั้วในสมัยนั้นอย่างยิ่ง ... หนังเต็มไปด้วย "เลือด" จากซากศพและคนเป็นที่ปางตาย ... ยังความตื่นเต้นปนระทึกใจให้แก่คนดูอย่างยิ่ง ... เพราะความหฤโหดแบบนี้ หายากที่จะปรากฏในหนังคาวบอยอเมริกันซักเรื่อง หรือกระทั่งหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้เรื่องอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ...
หนังเป็นความดังทั่วโลกชนิดฉุดไม่อยู่ ... หนังคาวบอยสปาเก็ตตี้เริ่มเปลี่ยนมาตรฐานตัวเอง จากหนังที่ว่าด้วย โจร ประทะ โจร ด้วยวิธีสกปรก ๆ และเล่ห์เหลี่ยมมากมาย มาเป็นหนังที่หักล้างกันด้วยปืน .. เซ่นกันด้วยเลือด อย่างถึงเลือดถึงเนื้อมากเท่าที่จะทำได้ ... จนกระทั่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นหนังคาวบอยที่เน้น "ขายความรุนแรง" แบบเพียว ๆ ... ----------------------------------------------------------------
" ฟรังโก้ เนโร่ " คือชื่อที่คอหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ มองหาเสมอเมื่อได้ยินชื่อ "จังโก้" ... เพราะนี่คือ ตัวละครกลายเป็นภาพลักษณ์ของตัว ฟรังโก้ เนโร่ ไปตลอด ... หนังจังโก้ หลายเรื่องถูกสร้างตามมา ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเดิมเลย แต่กับการที่ ฟรังโก้ เนโร่ รับเล่นนั้น คนดูก็อนุมานว่า พวกเขากำลังดูหนังอีกเรื่องหนึ่งของ "จังโก้" อยู่
ตัวเอกที่ไม่ยินดียินร้ายต่อสังคม คือ เอกลักษณ์สำคัญของตัวเอกหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ .. พวกเขาอาจถูกตราหน้าว่า เป็นมือปืนรับจ้าง , เป็นโจรรับจ้าง , เป็นพวกที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน ...และ สิ่งที่พวกเขากระทำนั้น ผลจะเป็นอย่างไร และกระทบต่อใครบ้าง .. ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาคิดในหัวเลยแม้แต่น้อย ...
... แต่คนดูกลับชื่นชอบพวกเขา .. เพราะแม้จะเลวร้ายอย่างไร แม้จะดูเฉยชาอย่างไร แต่ทุกการกระทำของพวกเขาล้วนมี "แรงจูงใจ" ทั้งสิ้น .. พวกเขาดูคล้ายกับตัวผู้ชมเอง ทีั่มีผิดชอบชั่วดี คละเคล้ากันไป ..
---------------------------------------------------------------
.. " Django " ออกฉายเมื่อปี ๑๙๖๖ ปีเดียวกันกับ " The Good, The Bad and The Ugly" แม้จะได้ชื่อว่าเป็น "คาวบอยสปาเก็ตตี้" เช่นกัน .. แต่หนังทั้งสองเรื่องกลับยืนอยู่ในจุดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ..
" The Good, The Bad and The Ugly" บอกกับเราว่า สงคราม คือ เรื่องไร้สาระ .. และที่ไร้สาระยิ่งกว่าคือ การที่เราติดบ่วงกิเลศตัวเอง ... เหมือนกับที่ " อีไล วอลเลซ " ต้องติดกับบ่วงเชือก ที่รัดรอบคอเขา รอเพียงแต่ว่า .. เมื่อไหร่ที่ขาเขาจะตกลงจากเสาไม้ .. เมื่อนั้นเชือกก็จะรัดคอจนถึงแก่ความตายในทันที ...
แต่กับ " Django " ... ความเคียดแค้นของ "จังโก้" ถูกสะสางจนสิ้น .. แต่สิ่งที่แลกมา คือ มือขวาที่ถูกม้าเหยียบจนเละ ... และ คนตายเป็นเบือ ...แถมยังชวดทองที่อุตส่าห์แอบไปขโมยมาอย่างยากลำบาก... ... การแก้แค้น .. ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ...
และ .. ยิ่งเป็นสิ่งที่ " ผิดมหันต ์" .. เมื่อการแก้แค้นผนวกกับความโลภของเราเอง ..
"จังโก้" อาจโชคดี ที่ไม่ได้นอนในโลงที่เขาลากมาตลอด ...
แต่กับชีวิืตจริง .. หากพลาดให้กับกิเลศ และ ความแค้นแล้ว ... คงยากจะรอดอย่าง "จังโก้" ได้ ...
..เพราะกิเลศ กับ ความโลภ .. ไม่เคยปราณีใครในความเป็นจริงของสังคม ...
Create Date : 09 พฤษภาคม 2550 |
|
15 comments |
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 15:40:26 น. |
Counter : 19982 Pageviews. |
|
|
|