หลายวันก่อนน้องชาย น้องสะใภ้ และหลานๆ
พากันยกครัวไปเยี่ยมแม่กับพ่อของน้องสะใภ้ที่จังหวัดสกลนคร
ก็เลยขอให้จขบ.ไปอยู่เฝ้าบ้านให้ เสียหลายวัน
ตอนกลับมาน้องสะใภ้มีของมาฝากหลายอย่าง เช่น หน่อไม้หวานต้ม
ปลาส้ม น้อยหน่า เออ...ดีจังฝากแต่ของกินทั้งนั้นเลย ลาภปากป้าของหลาน ๆ
หน่อไม้หวานนั้นน้องสะใภ้บอกว่าทำซุปหน่อไม้อร่อย
แต่เพราะป้าทำไม่เป็น ไม่มีปลาร้า ไม่มีใบย่านาง
จิ้มน้ำพริกกินเฉย ๆ ก็เสียของ
เลยคิดว่าจะแกงไตปลากับปลาย่าง เพราะไม่ได้กินนานแล้ว
เมนูพื้นบ้าน แบบบ้านได้ใจของจขบ.วันนี้คือ
แกงไตปลาแบบใส่กะทิ
แกงไตปลาของทางใต้นั้นจะมีสองแบบ
คือแกงแบบแกงป่า ซึ่งก็จะใช้พริกแกงเผ็ดธรรมดา
แต่จะเพิ่มพริกไทยในพริกแกงมากหน่อย แกงแบบนี้จะไม่ใส่กะทิ
ส่วนแกงอีกแบบคือแกงไตปลาแบบใส่กะทิ ไปดูกันเลยค่ะ
ส่วนประกอบ
ไตปลา วันนี้เราจะใช้แค่ครึ่งขวดนะคะ
ซื้อมาขวดหนึ่งก็ใช้ได้สองครั้ง เปิดใช้แล้วเก็บใส่ตู้เย็นไว้ค่ะ
ปลาย่าง ที่เห็นคือปลากระเบนค่ะ นำมาหั่นชิ้นพอคำ
อันที่จริงจขบ.อยากจะได้ปลาโอ แต่หาไม่ได้เพราะไ่ม่ใช่วันตลาดนัดใหญ่
เห็นปลากระเบนย่างก็เลยสอยมาแทน แกงแล้วก็อร่อยคนละแบบค่ะ
ผัก วันนี้ใช้ผักแกงสามอย่างค่ะ หน่อไม้หวานที่ต้มแล้ว มะเขือพวง ฟักทอง
ล้างให้สะอาาด แล้วหั่นเป็นชิ้น พอคำ
ฟักทองหั่นชิ้นใหญ่หน่อยนะคะ เวลาอุ่นซ้ำจะได้ไม่เละ
พริกชี้ฟ้าเขียว แดง และใบมะกรูด ไว้ตกแต่ง
กะทิ คั้นสองครั้ง ให้ได้ 1.5 ถ้วยตวง ไม่ต้องแยกหัวหางนะคะ
ส่วนประกอบของพริกแกง
ได้แก่
1. ข่าฝานประมาณ 4- 5 แว่น
2. ตะใคร้ 3 ต้นใหญ่
3. ขมิ้นหนึ่งท่อนยาวสัก 1 นิ้ว ค่ะ
4. กระชายหั่นให้ได้ประมาณ 1.5 ข้อนโต๊ะ
5. พริกแห้ง 40 - 50 เม็ด ชอบเผ็ดก็เพิ่มไปนะคะ
6. หอมแดง 4 ห้ว 7. กระเที่ยม 4 -5 กลีบ
8. เกลือ 1 ช้อนชา 9. กะปิ ครึ่งช้อนโต๊ะ
* ใครต้องการใส่พริกไท กับผิวมะกรูด ก็ใส่ลงไปได้ แต่จขบ ไม่มีเลยไม่ได้ใส่ค่ะ
ซอยข่า ตะใคร้ ผิวมะกรูด กระชาย ขมิ้น ให้บาง จะได้ตำง่าย
หรือบางคนใส่เครื่องปั่นก็สะดวกดีค่ะ
ใส่ทุกอย่างลงในครกยกเว้นกะปิ แล้วก็ทำพิธีโขลก
ใกล้เป็นรูปเป็นร่างละ โขลกต่อไปเรื่อยๆ จนพริกแกงละเอียด
ใส่กะปิแล้วโขลกต่อไปจนกว่าพริกแกงกับกะปิเข้ากันดี
หมายเหตุนิดหนึ่งว่าเวลาแกงไตปลา ในพริกแกงไม่ต้องใส่เกลือและกะปิมาก
เพราะไตปลาจะเค็มอยู่แล้ว ถ้ารสอ่อนไปเราเติมทีหลังได้ค่ะ
เครื่องเคราครบแล้วเราก็ลงมือแกงกันค่ะ
นำกะทิใส่หม้อ ใส่พริกแกงแล้วคนให้ละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ รอให้น้ำแกงเดือด
เดือดแล้วใส่ไตปลาลงไปประมาณครึ่งขวด ที่เห็นเป็นจุดดำ ๆ คือไตปลาค่ะ
ใส่ไตปลาลงไปแล้วอย่าคนนะคะ รอให้เดือดก่อนค่อยคน
เดือดแล้วลองชิมรสดูค่ะ ว่าออกรสเค็มหรือยัง
แต่ของจขบ.รสเค็มกำลังดีแล้ว จึงใส่เพียงน้ำตาล 1 ช้อนชาเพื่อให้รสกลมกล่อมขึ้น
แต่บางคนอาจจะไม่ใส่เลยก็ได้ เพราะแกงจะหวานกะทิอยู่แล้วค่ะ
เดือดอีกครั้งทีนี้ใส่ปลาและผัก (ยกเว้นมะเขือพวง) พร้อมกันลงไปได้เลยค่ะ
ที่ใส่พร้อมกันเพราะปลาของเราสุกแล้ว หน่อไม้ก็สุกแล้วเช่นกัน
รอให้เดือดดีอีกครั้งจนกระทั่งฟักทองสุก ก่อนปิดไฟใส่มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า และใบมะกรูดค่ะ
ไปตั้งโต๊ะกันเลยค่ะ
แกงไตปลา ต้องกินกับผักสดหลาย ๆ อย่าง เพราะรสที่เผ็ดร้อน
สูตรนี้กินกับข้าวสวย หรือขนมจีนก็ได้ค่ะ
มีไข่เจียว ไข่ต้มยางมะตูม หรือหมูเค็ม ด้วยก็แหล่มเลยค่ะ
จขบ. มีปลาส้มที่น้องสะใภ้ให้มาด้วย
เลยทอดกินคู่กันแต่ทอดออกมาไม่ค่อยสวย เลยไม่ได้เอามาโชว์ด้วยค่ะ
ผักเคียง อย่าว่ากันนะคะ ถ้าพักนี้จะเห็นจขบ.แก่แกะสลักเหลือเกิน
กำลังสนใจงานแกะสลักมากและเพิ่งเริ่มฝึกค่ะ
ตักกินชามแรกรสน้ำแกงอร่อยอยู่ค่ะ แต่น้ำแกงยังไม่ซึมเข้าไปในเนื้อผักและปลา
หน่อไม้กรอบและไม่มีรสขื่นเลยค่ะ ไม่ผิดหวังจริง ๆ
มื้อเย็นพอเอามาอุ่นซ้ำอีกครั้งแล้วอร่อยค่ะ
โดยเฉพาะหน่อไม้ เข้าเครื่องเข้าน้ำแกงอร่อยมากเลย
ใครอยากชิมก็ตักข้าวสวยร้อนๆ หรือขนมจีนมา แล้วนั่งลงเลยค่ะ
วิธีทำชัดแจ้งขอบคุณสำหรับสูตรนะคะ