|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
นักเขียนหนุ่มไม่มีวันตาย
หลายวันก่อนไปเดินดูหนังสือร้านซีเอ็ดบุ๊ค เห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่ในตู้ประเภทประวัติศาตร์ สังคม และการเมือง ชื่อหนังสือที่สันปกคือ " 7 นักเขียนหนุ่มไม่มีวันตาย" หยิบมาอ่านดูคำโปรยบนหัวหนังสือบอกว่า "หนังสือวรรณกรรมสำหรับคนคอแข็ง" ต่อมาฉันเปิดดูในหน้า "จากบรรณาธิการ" เขาได้กล่าวถึงความตายของนักเขียนหนุ่มที่ชื่อ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
แวบแรกที่ชื่อนั้นผ่านสายตา ฉันรู้สึกราวกับตัวเองสัมผัสได้ถึงความพิเศษอะไรสักอย่างต่อชื่อนี้ ใจฉันขณะนั้นอยากได้หนังสือเล่มนี้มาก แต่ด้วยวินัยที่ตั้งไว้ให้ตัวเองว่า สัปดาห์หนึ่งจะซื้อได้ไม่เกินสองเล่ม และวันนั้นฉันมีชื่อหนังสือที่ตั้งใจจะซื้อแล้ว ทำให้ต้องตัดใจสอดมันกลับเข้าชั้นวางอย่างเดิม
เมื่อกลับถึงบ้าน น้องสะใภ้ยื่นซองสีน้ำตาลที่ไปรษณีย์นำมาส่งให้ เปิดดูเห็นมีนิตยสารสองเล่ม เล่มหนึ่งคือกุลสตรี ฉันเปิดหน้าสารบัญมาไล่ดูรายชื่อคอลั่มน์ต่างๆ แล้วก็ต้องใจเต้นแรงด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่า คอลั่มน์หนึ่งในนั้นเขียนถึง กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ฉันเปิดมันอ่านเดี๋ยวนั้น และนั่นทำให้ได้รู้จักนักเขียนหนุ่มคนนี้เพิ่มขึ้นอีกนิด
คงจำต้องยอมรับว่า โลกของหนังสือยังกว้างนักสำหรับฉัน แม้ใครๆจะพากันพูดว่าฉันเป็นหนอน แต่ก็คงไม่บังอาจยอมรับว่าตัวเอง "ใช่" ก็ดูเถอะฉันเพิ่งรู้จัก กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ทั้งๆที่เขาเป็นนักเขียนรางวัลซีไรท์ แม้จะพอมีข้อแก้ตัวได้บ้างว่า ฉันไม่ค่อยสัดทัดนักเกี่ยวกับวงการเรื่องสั้น หากก็ไม่อาจยืดอกรับได้อย่างภาคภูมิ ว่าตัวเองเป็นหนอนหนังสือ
20 มิถุนายน เป็นวันที่ฉันได้หนังสือเล่มนั้นมา แต่กว่าจะได้อ่านป็นเรื่องเป็นราวก็ล่วงเลยไปหลายวัน เพราะใจฉันช่วงนั้นจดจ่ออยู่กะเน๊ต อันดับแรกที่ได้อ่านคือเรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายของเขา ชื่อว่า "กลับบ้าน" เพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียวฉันก็พบได้ อย่างไม่ยากเย็นว่าเขาคืออัจฉริยะ กนกพงศ์ ปาวารณาตัวเป็นนักเขียนเพื่อชีวิตคนสุดท้าย นั่นหมายถึงว่าไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป เขายืนยันจะเขียนในแนวที่เขายึดมั่น แม้จะเป็นคนสุดท้ายก็ตาม
ถ้าหากจะหาความหมายหรือตัวอย่างของคำว่า "นักเขียนไส้แห้ง" ฉันก็เข้าใจเอาว่าเราคงจะหาดูได้จากนักเขียน ที่จัดอยู่ในประเภทนักเขียนเพื่อชีวิตนี่กระมัง เพราะเคยได้ยินมาว่าหนังสือประเภทนี้มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางด้านรายได้เท่าไหร่นัก เคยได้อ่านมาจากที่ไหนสักแห่ง เป็นคำใหสัมภาษณ์ของ วิมล ไทรนิ่มนวล เขาเล่าว่าตัวเองต้องปลูกกล้วยไว้กิน เพราะหากจะหวังรายได้จากการขายหนังสือก็คงต้องอดตาย ทั้งที่เขาก็มีชื่อเป็นนักเขียนรางวัลซีไรท์คนหนึ่งเหมือนกัน
นี่จะเป็นเพราะว่า รสนิยมในการเสพวรรณกรรมของเราถึงยุคที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วหรืออย่างไร เพราะฉันสังเกตุเห็นว่า ในปัจจุบันมีหนังสือที่รับง่าย บริโภคง่ายกว่าวรรณกรรม ที่ต้องอาศัยจินตนาการเพื่อการเสพย์และเข้าถึง อยู่ดื่นดาษ กลาดเกลื่อน ประเดี๋ยวก็ผู้ประกาศข่าวออกหนังสือ ประเดี๋ยวก็ดารานักร้องออกหนังสือ ไม่เว้นกระทั่งนางอิจฉาก็พากันมาออกหนังสือ แล้วพวกเราก็แห่กันไปซื้อหามาอ่าน
ฉันมีตัวอย่างบางตอนที่กินใจมาก จากเรื่องคนใบเลี้ยงเดี่ยวของ กนกพงศ์
"เพื่อนของเขาเป็นกวี ตอนนี้มันอาจเดินอยู่ที่ไหนสักแห่งในประเทศนี้ หรือนอนอยู่ใต้ร่มไม้ แต่มันไม่ออกจากประเทศนี้หรอก กวีไม่มีโอกาสเดินทางออกนอกประเทศ และไม่ใช่เรื่องน่าห่วงว่ามันจะตาย กวีสามารถอดได้เป็นเดือนหรือมากกว่านั้น มันอาจตายได้หากถูกรถชน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าห่วง น่าตกใจ หรือน่าเสียดาย กวีไม่มีค่าอะไร (บ่ายบัดซบ,คนใบเลี้ยงเดี่ยว)
นี่จึงอาจจะคือเหตุผล ที่นักเขียนเพื่อชีวิตเหล่านี้ค่อยๆตายไปจากวงการวรรณกรรม วิธีตาย...ก็ตายไปในแบบที่ต่างกัน บ้างตายเพราะหมดลมหายใจ บ้างก็ตายไปจากความทรงจำของผู้คน หากแต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก่อนจะตายนั้นก็คงคล้ายคลึงกัน
กนกพงศ์อาจโชคดีก็ได้ ที่ตาย..ของเขา ในเวลาที่เร็วเกินเชื่อตามความรู้สึกของญาติ พี่ น้อง มันอาจกลายเป็นการนำพาเขาไปพ้นจากสภาพความขมขื่น ที่จะต้องเห็นตัวเองค่อยๆตายไปจากความทรงจำของผู้คน ทั้งๆที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็อาจเป็นได้
แต่...สำหรับฉัน ฉันตั้งใจ อย่างมุ่งมั่น อย่างจริงจัง จะขออ่านทุกเล่มจากปลายปากกาของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เพื่อให้นักเขียนหนุ่มผู้นั้นไม่มีวันตาย
Create Date : 12 กรกฎาคม 2549 |
|
31 comments |
Last Update : 18 มีนาคม 2550 12:46:55 น. |
Counter : 983 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: spirit (pooktoon ) 13 กรกฎาคม 2549 4:15:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 13 กรกฎาคม 2549 9:28:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: 304 คอนแวนต์ (304 คอนแวนต์ ) 13 กรกฎาคม 2549 11:20:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: 9A 13 กรกฎาคม 2549 23:24:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 13 กรกฎาคม 2549 23:33:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทูน่าค่ะ 14 กรกฎาคม 2549 13:27:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: บรรณภรณ์ 14 กรกฎาคม 2549 14:48:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: 304 คอนแวนต์ (304 คอนแวนต์ ) 14 กรกฎาคม 2549 15:04:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: Malee30 14 กรกฎาคม 2549 16:25:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 14 กรกฎาคม 2549 21:37:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: สีน้ำฟ้า 15 กรกฎาคม 2549 7:21:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 15 กรกฎาคม 2549 9:50:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: บรรณภรณ์ 15 กรกฎาคม 2549 10:16:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 15 กรกฎาคม 2549 10:43:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 15 กรกฎาคม 2549 12:11:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: NinG_CDC 15 กรกฎาคม 2549 12:25:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: PANDIN 15 กรกฎาคม 2549 21:03:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 15 กรกฎาคม 2549 23:51:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
"ถ้าลดขนาดความต้องการของเราให้เล็กลง ขนาดของความสุขจะเพิ่มมากขึ้น"
Everything happens for a reason,live it, love it,learn from it, make your smile change the world but don't let the world change your smile
ชื่อติ๊กนะคะ ...... จะเรียกน้อง (ถ้ายังมีคนที่อายุมากกว่าอยู่อ่ะนะ) จะเรียกพี่ เรียกน้า อา หรือป้าก็ได้ไม่ว่ากัน แต่อย่าเพิ่งเรียกยายเท่านั้นเพราะอายุยังไม่ถึง ขณะนี้อยู่ที่สถานีรถไฟหลักสี่ตอนต้น ๆ ค่ะ
ก่อนอื่นใด ....คงต้องกล่าวคำขอบคุณจากใจ ทั้งกับเพื่อนเก่าที่ไม่ลืมกัน......... และเพื่อนใหม่ที่เข้ามาทักทาย และให้โอกาส จขบ. ได้ทำความรู้จักนะคะ รู้สึกเป็นเกียรติมาก สำหรับมิตรภาพที่ทุกคนมีให้ ขอบคุณที่เข้ามาบ้านนี้และทิ้งคำทักทายไว้ให้ ไม่โหวด ไม่ไลค์ไม่เป็นไรค่ะ แค่เข้ามาอ่านและทักทายกันก็ดีใจแล้ว kiss kiss
|
|
|
|
|
|
|
|