เหตุการณ์ระทึกขวัญตอนที่เรากินข้าวเสร็จตอนนั้นลมก็พัด ฝนเริ่มลงเม็ดแรง เราเลยวิ่งไปเอารถ แล้วมารับพ่อกับแม่คะแต่พอพ่อกับแม่ขึ้นรถ ฝนจากพายุฤดูร้อนก็เริ่มลง แรงมากกกกกกกกกกกกกกกกเราไม่สามารถเห็นเกิน สิบเมตร ตอนแรกก็ยังฝืนขับคะ ไปโผล่ที่ไหนไม่รู้เราเลยต้องจอดรถเฉยๆ มองไปข้างหน้าเห็นรถจอดกางถนนกันเต็มไปหมด ป้ายอะไรล้มมาหมดแล้วต้นไม้เริ่มหัก ไฟดับดับติด ตอนนั้นกลัวมากจริงๆๆ พยายามไม่จอดรถที่เสาไฟอะไรธรรมชาติมันน่ากลัวจริงๆ ผ่านไป ยิ่สิบนาที พายุเริ่มหยุด เราก็เริ่มกลับที่พักแต่สภาพเมืองตอนนั้น  ทุกอย่างระเนระนาดไปหมด เสาไฟ ไฟแดง ล้มไม่รู้เท่าไหร่ พอมานั่งคิด คนเรามันตัวเล็กจริงๆถ้าธรรมชาตจะเอาคืน เราทำอะไรไม่ได้เลย

ครั้งหนึ่งในชีวิตเลย เคยได้ยินแต่พายุฤดูร้อน เพิ่งเคยเจอวันนี้

วันที่สองที่พัก มีอาหารเช้าให้คะเป็นอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่  แต่อาหารก็ไม่ได้เยอะมากคะที่กับข้าวที่กินกับข้าวสวย สองอย่าง มีไข่ดาว เบค่อน ขนมปัง ผลไม้ แต่ข้าวแกงเขาอร่อยทุกวันเลย

ตั้งแต่เช้ามีฝรั่งขี่จักรยานไปเที่ยวแล้ว ที่นี่มีจักรยานให้เช่า เยอะแยะเลยคะ ทั้งวันแค่ 50 บาทเอง

ได้ออกกำลังด้วย ได้เที่ยวเพลินเพลินด้วย

เติมพลังเสร็จแล้ว เราจะไปอุทยานประวัติศาตร์อีกอัหนึ่งคะ อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยห่างจากตัวเมืองประมาณ หกสิบโลคะ ออกจากที่พักเราก็ตามป้าย จังหวัดตากไปเลยคะแล้วจะมีแยกที่ไป ศรีสัชนาลัย ทางจะเป็นสองเลนส์ สวนกันคะ

แต่ไม่รถไม่มาก ขับสบายคะ แต่เตือนเอาไว้ก่อนว่าควรเติมน้ำมันให้พร้อมเพราะระหว่างทางหาปั้มยากเหมือนกัน

ขับไม่ถึง ชม ก็ถึงอุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย  ก่อนจะเข้าไปเที่ยวกันแวะเข้าไปดูนิทรรศการก่อนอ่านประวัติความเป็นมาก่อนคะ จะได้เที่ยวสนุกยิ่งขึ้น

ที่นี่อาจจะสภาพแวดล้อมไม่สวยเท่า ที่สุโขทัยแต่ก็มีหลายที่ที่ยังสวยมากมากอยู่

เริ่มจากวัดสวนแก้วอุทยานน้อย ยังมีฐานเจดีย์ให้เห็นอยู่บ้างคะ

แต่ตัวโบสถ์เจดีย์ หายไปหมดแล้ว

วัดเจดีย์เจ็ดแถว ศิลปะสุโขทัยแท้และเป็นศิลปะแบบศรีวิชัยผสมสุโขทัย โบราณสถานที่สำคัญคือเจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูมอยู่ด้านหลังพระวิหารและมีเจดีย์รายรวมทั้งอาคารขนาดเล็กแบบต่าง ๆ จำนวน 33 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่งนอกกำแพงมีโบสถ์ และบ่อน้ำเจดีย์รายที่วัดเจดีย์เจ็ดแถวมีรูปแบบที่ได้รับบอิทธิพลศิลปะจากที่ต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ลังกา และพุกาม ด้านหลังเจดีย์ประธานมีเจดีย์รายที่มีลักษณะเด่น คือฐานเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมจัตุรัส ยอดเป็นทรงกลม ภายในเจดีย์มีซุ้มโถงส่วนซุ้มโถงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้นมีภาพจิตรกรรมเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้า และเหล่าเทวดากษัตริย์ส่วนซุ้มจรนัมด้านหลังของเรือนธาตุทำเป็นพระพุทธรูปนาคปรก สาเหตุที่เรียกว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวเนื่องจากได้พบเจดีย์จำนวนมากหลายแถวภายในวัด และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของพระราชวงศ์สุโขทัย

ที่นี่น้ำอาจจะไม่เต็มเหมือนที่สุโขทัยเลยอาจจะไม่ดูร่มรื่นเท่า แต่เราชอบวัดนี้นะคะ ดูอลังการ ถ่ายรูปได้หลายมุมเลย

วัดข้างข้างเป็น วัดช้างล้อม

โบราณสถานที่สำคัญคือเจดีย์ประธานทรงลังกา ตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้วสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งอยู่บนฐานประทักษิณรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นยืนหันหลังชนผนังเจดีย์อยู่โดยรอบ จำนวน 39 เชือกและช้างที่อยู่ตามมุมเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งเป็นช้างทรงเครื่องมีลวดลายปูนปั้นประดับที่คอ ต้นขา และข้อเท้าส่วนทางด้านหน้าเจดีย์ประธานมีบันไดขึ้นสู่ลานประทักษิณเหนือฐานประทักษิณมีซุ้มพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยผนังซุ้มมีรูปประติมากรรมรูปต้นโพธิ์อยู่เบื้องหลังพระพุทธรูปแต่พระพุทธรูปได้ถูกทำลายไปคงเหลือเพียงองค์เดียวทางด้านทิศเหนือบริเวณองค์ระฆังขึ้นไปเป็นบัลลังก์ก้านฉัตรประดับด้วยรูปพระสาวกปูนปั้นลีลานูนต่ำจำนวน 17 องค์

วัดช้างล้อมนี่มีทุกเมืองเลยนะคะ

ตอนที่เราไป ใบไม้แห้งกรอบหมดแล้ว ถ้าไป ตอนหน้าฝน หรือหลังหน้าฝนหน่อยคงเขียวชอุ่ม

วัดเขาพนมเมือง ต้องเดินขึ้นเรียกเหงื่อนิดหน่อยข้างบนสวยดีคะ พ่อกับแม่เรารออยู่ข้างล่าง เราขึ้นไปคนเดียว โชว์ความฟิตแต่พอขึ้นไปถึงแล้วไม่มีใครเลย เราก็แอบขนลุกเหมือนกัน

ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมเพลิงภายในกำแพงเมืองมีโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงกลม และมณฑปก่อด้วยศิลาแลงฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกพื้นสูง หลังคาโค้งแหลม มีบันไดทางขึ้นสู่มณฑปชาวบ้านเรียกว่า ศาลเจ้าแม่ละอองสำลี ส่วนทางขึ้นวัดสามารถขึ้นได้ 2 เส้นทางคือ จากด้านหน้าวัดแก่งหลวง และด้านข้างวัดซึ่งทางขึ้นได้ทำเป็นบันไดศิลาแลงระหว่างทางขึ้นทั้งสองด้านมีศาลาที่พักด้วย  

เราก็อยู่ในนั้นประมาณ 3ชมคะ ดูดูพักพัก ร้อนหลบแดดบ้างขับรถผิดบ้าง

ออกจากอุทยาน มาที่อำเภอนี้เขาดังเรื่อง เครื่องเงินเครื่องทอง แม่เราชอบเรื่องเครื่องเงินมาก ก็เลยแวะ และได้ สร้อยข้อมือไป หนึ่งเส้น ราคา ก็พอได้นะคะ แต่เราว่าถูกว่า ที่เชียงใหม่ และแบบสวยกว่า

ระหว่างทางเราก็แวะหาของฝากไปเรื่อยคะจากรีวิวทีอ่านอ่านมา เขาให้แวะกินข้าวที่ร้านสุโข ที่สนามบินสุโขทัย เวลามาทำงานมาเครื่องบิน ก็ยังคิดว่าเป็นสนามบินที่สวยจริงๆๆคะแต่ก็ไม่เคยออกมากินข้าวที่ร้านนี้ซะที

ร้านสุโข เป็นร้านออแกนนิคแล้วข้างล่างเขาก็มีนา อินทรีย์เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เราลงไปดูได้คะ