แม่ผัวลูก-สะใภ้ กับดอกไม้ สปริงเบรค
เห็นข่าวน้องกบแล้วทำให้อย่างลุกมาเขียนเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ พี่สาวเราเอง "แม่ไมให้ลูกสะใภ้มาอยู่กับแม่เด็ดขาด ต้องไปอยูบ้านพักครู หรือไม่ก็เช่าบ้านอยู่ เพราะมันเป็นคำสาป ห้ามแม่ผัวลูกสะใภ้อยู่ด้วยกัน ประเดี๋ยวกินเกาเหลากัน (ภาษาวัยรุ่น) นั้นคือคำพูดที่ฉันยินมาเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว คนชาวไร่ชาวนาคิดได้อย่างไรกัน ตำนานรักพี่เขยกับพี่สาวฉัน พอจบ ป.ว.ช.แล้วพี่สาวก็ไปทำงานกรุงเทพได้สองปีกลับมาบ้าน พี่เขยก็ได้บรรจุเป็นครูครั้งแรกในหมู่บ้าน พอพี่สาวกลับมาเยี่ยมบ้านงานบุญประจำปี พี่เขยเห็นครั้งแรกชอบเลย พี่มาอยู่ได้สามวันก็กลับไปทำงานต่อ พี่เขยก็ตามลงไปกรุงเทพบอกจะแต่งงานให้ได้ ก็ให้พ่อแม่มาขอ ทั้งที่พี่เราก็ไม่ได้เป็นครูฐานะทางบ้านก็ไม่ดีช่วงนั้น อ้อพี่สาวคนโตก็ได้บรรจุครูพอดี พี่สาวก็ตัดตสินใจอยู่นานเพราะมีหนุ่มขับแทคชี่ที่แอบชอบ หน้าตาดีด้วย สรุปผ่านมายี่สิบปี พี่สาวเราก็มีลูกชายสองคนโตเป็นหนุ่มแล้ว อายุยี่สิบปีสำหรับคนโต ที่ฉันต้องเขียนเพราะทึ่งในความคิดของ พ่อแม่พี่เขย ลูกแต่ละคนรักใครชอบใครไม่เคยเห็นท่านขัดใจลูก (หรือขัดไม่ได้ก็ไม่รู้) ก็เห็นลูกท่านแต่ละคนได้งานทำที่ดี คนโตพี่เคยเป็นครู คนรองเรียนการเขียนแบบ อีกคนเป็นตำรวจ ลูกสาวสองคน คนหนึ่งอยู่บ้านเลี้ยงพ่อแม่ ลูกสาวคนเล็กเรียนเทคนิคการแพทย์ ท่านมีทีทำกิน ๙๕ ไร่ แบ่งให้ลูกสาวที่อยู่ด้วย ๔๕ ไร่ ท่านบอกว่า เขาเลี้ยงฉันต้องให้เยอะกว่าเพื่อน อีกห้าสิบไร่หารสี่คนแบ่งกันคิดได้ไง ตอนฉันยังไม่แต่งงานไปหาพี่สาวที่อุดร ฉันกับพี่เสาวก็ออกไปเกี่ยวข้าวที่ไร่ มันติตกับไร่อ้อยเราไปสองคนพี่เคยยังไม่ตื่น ก็ไม่เห็นพ่อแม่ไปปลุก ฉันก็คิดว่าดีจัง พ่อเราไม่ได้หรอกบังคับจัง พอสายๆ พี่เขยตามออกไปเกี่ยวข้าว พ่อเจ้าประคุณ ไปไม่ถึงชั่วโมงเกี่ยวได้เป็นไร่ เราสองคนกับพี่สาวขนาดไปแต่เช้ายังได้นิดเดียวเอง ไม่ถึงครึ่งไร่ด้วยช้ำไป เลยเข้าใจพ่อแม่พี่เขยว่า ลูกชายเขาๆก็จะรู้ดี ที่น่าทึ่งทั้งสองท่านเป็นคนทำไร่ทำนา แต่เข้าใจลูกนะ ไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นพ่อแม่ฉันละไม่ได้ ได้หนุ่มในหมู่บ้านต่อต้านเต็มที่ ลูกเขยแต่ละตั้งเป้าไว้ชะสูงเชี่ยว ยังกลับลูกสาวสวยนักนี่ ลูกแม่นะมีสามีฝรั่งน่าจะได้แบบปุ๋ยภรณ์ทิพย์นะ โอ้ย วาสนาลูกแม่แต่ละคนก็ได้เท่านี้แหละ ดีกว่านี้คงไม่ได้หรอก ได้ข่าวพี่เขยติดเหล้า แม่ก็บ่น แม่อย่าลืมชิ พี่เขยนะเป็นครูเขายังแต่งงานกับลูกแม่เลย สมัยนี้ทำไม่ได้หรอก สามีภรรยาต้องทำงานด้วยกันถึงอยู่ได้ ตอนไปอุดรครั้งแรก พ.ศ.๒๕๒๗ ฉันบอกว่า จ้างให้ก็ไม่มาอยู่ที่อุดรนี้หรอก น้ำท่าก็แห็งแร้ง ดึงขามาอยู่ไม่อยู่แม่ก็สะกิดไว้ห้ามพูด มาพ.ศ.นี้ น้องสาวอีกคนไปชื้อที่อุดรไว้ ๑๘ไร่ ราคามันก็ถูกกว่าแถวบ้านที่ศรีสะเกษ หรือว่าเราจะได้ไปสร้างบ้านที่อุดรนะ แต่ที่ดินที่เชียงใหม่ก็มีไว้ นั้นคืออนาคต อยู่ไปวันๆดีไหมเรา ปีนี้เป็นเพราะโลกร้อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ฝนก็ตกอยู่นะ ดอกไม้สีชมพู แต่ละต้นออกดอกไม่สวยเลย ฉันชอบเรียกมันว่า ดอกชากุระฟรอริด้า แต่ดอกสีเหลืองสวยเหมือนเดิม คงไม่ได้ไปยืนถ่ายรูปเป็นนางเอกมิวสิกแน่เราปีนี้ ถนนเส็นไหนที่ดอกไม้สวยฉันก็จะไปเส้นนั้นทุกวันก่อนถึงโรงเรียนสอนภาษา
Create Date : 30 มีนาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2551 16:05:43 น. |
Counter : 818 Pageviews. |
|
|
|
สองคนกะตานุก็นั่งวิจารณ์กันมันปากเชียวเรื่องน้องกบ
แต่ค่อนข้างเอียงไปทางน้องเขาเล็กน้อย เพราะดูอากัปกริยาของคุณแม่แล้ว "ร้าย" ใช่เล่น
ปลายแปรงค่อนข้างโชคดีค่ะสำหรับเรื่องนี้
ตอนตกงานแล้วหอบหิ้วกันมาอยู่ที่นี่
รอบบ้านเขาก็อึดอัดใจแต่พ่อกับแม่ตานุไม่พูดอะไรเลย
แล้วปลายแปรงเองยังห่ามเสียด้วย มาอยู่บ้านเขาแทนที่จะสำนึก....555
ก็บอกตรงๆว่าชอบทำกับข้าวนะ ตื่น ตี 4 มาทำน่ะซำบาย
แต่เรื่องกวาดบ้านถูบ้านน่ะขี้เกียจสุดๆ
ก็เสมอต้นเสมอปลายจริงๆค่ะ...ตอนนี้ก็เน้นตลกโปกฮากันได้เรื่อย
แม่แกค่อนข้างทันสมัย และใจถึง ลูกรักใครแม่รักด้วยเพราะเมียลูกอยู่กับลูก ไม่ได้อยู่กับแม่ เดี๋ยวแม่ก็แก่ตาย
แม่ปลายแปรงก็เหมือนกัน พาตานุเข้าบ้านไม่พูดอะไร เราบอกว่าไม่แต่งงานนะอยู่เฉยๆ
แกก็ขอผูกข้อมือเสีย เพราะธรรมเนียมทางเหนือ ถ้าผูกข้อมือแล้วก็ถือว่าแต่งงานกันชอบธรรมแล้ว...ก็แค่นั้น
เราก็อยู่กันมา 10 ปี ไม่มีอะไร ถึงจะไม่มีลูก แต่ก็เปลี่ยนกันไปดูแลครอบครัว
อยู่บ้านปลายฟ้าครึ่งปี เข้าพรรษาหน้าฝนก็ขึ้นไปอยู่กับแม่ที่พะเยา 3-4 เดือน
เพราะเราไม่ต้องโอ้อวดกับชาวบ้านกระมังคะ
เอ๊า...เล่าซะเพลินเชียว คิดถึงนะคะ
พอดีเพิ่งเสร็จงานเลยได้มานั่งแปะเล่นเน็ตได้