* = * * = * * = * การถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติ ตอนที่ 2 * = * * = * * = *







สวัสดีค่ะ




หลังจากที่ได้อัพเรื่องการถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติไปแล้วคือ

1. กาลิก 4 อย่าง (คลิกเพื่ออ่าน)








วันนี้จะมาพูด (เขียน) ถึงการถวายอาหารที่ญาติโยมนำไปถวายพระภิกษุนะคะ


อย่างถ้ามีอาหารมาก ก็ไม่ควรประเคนทั้งหมดค่ะ ควรเก็บไว้ที่โรงครัวบ้าง หรือจะนำมาให้พระภิกษุเห็นแล้วกล่าวคำถวายทานก่อน (ไม่ได้ประเคน) หลังจากรับพรจากพระภิกษุแล้วค่อยนำไกบไว้ที่โรงครัว เพื่อให้แม่ครัวทยอยแบ่งออกมาถวายพระภิกษุฉันในวันต่อๆ ไปก็ได้

เพราะถ้าหากพระภิกษุรับประคนทั้งหมด ก็ไม่สามารถเก็บไว้ฉันได้ ถือว่าเป็นยาวะกาลิก มีอายุแค่เช้าถึงเที่ยงวันเท่านั้น เหตุฉะนั้นทางวัดจึงได้สร้างโรงครัวไว้เพื่อเก็บอาหารที่ยังไม่ได้ประเคนให้พระภิกษุ



สำหรับญาติโยมที่นำข้าวสารมาถวาย ถ้าหากว่ามีข้าวสารอยู่ในรถร้อยกระสอบ และเจ้าศรัทธาอยากถวายทั้งหมด ก็นิมนต์พระภิกษุมาจับรถเพื่อรับประเคนข้าวสารทั้งหมดนั้น พระภิกษุก็จะไม่สามารถฉันได้เลยแม้แต่กระสอบเดียว เพราะข้าวสารจัดว่าเป็น ยาวะกาลิก สามารถเก็บไว้ได้ตั้ง้แต่เช้าถึงเที่ยงวันเท่านั้น และข้าวสารทั้งหมดก็ไม่สามารถนำไปถวายพระภิกษุวัดอื่นให้ฉันได้ด้วย เพราะเหตุผลเดียวกัน

แต่ถ้าหากว่าพระภิกษุไม่ได้รับประเคน ญาติโยมกล่าวคำถวายเฉยๆ แล้วนำไปเก็บไว้ในโรงครัวทั้งร้อยกระสอบ เพื่อให้แม่ครัวทยอยนำมาหุง มานึ่ง ถวายพระทุกวันๆ จนหมดก็ได้ เพราะพระภิกษุไม่ได้จับ ไม่ได้รับประเคน และศรัทธาญาติโยมก็จะได้บุญได้กุศลอย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน






ภาพจาก //www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOekEwTURrMU13PT0=






ผลไม้ทุกชนิดก็เช่นกัน ถ้าญาติโยมนำมาถวายมาก ก็ควรจะแบ่งถวายพอสมควรก่อน แล้วเก็บส่วนที่เหลือไว้ในโรงครัวก่อนเพื่อให้แม่ครัวทยอยนำออกถวายพระภิกาในวันต่อๆ ไป แต่ถ้าหากว่าเจ้าภาพไม่ยอม จะขอถวายทั้งหมด ก็ต้องสัญญาก่อนว่าผลไม้ที่เหลือนี่ต้องให้ศรัทธาญาติโยมกิน หรือจะนำไปบริจาคทานให้คนยากจนก็ได้ ถ้าญาติโยมอยากถวายอย่างนั้นก็ได้ แต่พระภิกษุจะฉันได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น นอกนั้นก็ต้องจำแนกแจกทานไป เพราะถ้าพระภิกษุรับประเคนในตอนเช้าแล้ว พระพุทธองค์ท่านห้ามไม่ให้เก็บอาหารนั้นไว้ตอนบ่าย แต่ญาติโยมบางคนที่ไม่เข้าใจก็จะขัดข้องตรงนี้แหละว่า เขาอยากนำมาทำบุญแล้วทำไมพระภิกษุท่านไม่รับประเคน เพราะญาติโยมไม่เข้าใจว่าถ้าพระภิกษุรับประเคนแล้วถ้าหากเลยเที่ยงวันไปก็จะไม่สามารถฉันได้เลย เพราะผลไม้จัดเป็นยาวะกาลิก สามารถเก็บไว้ได้ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงวันเท่านั้น


ถ้าคณะศรัทธาผู้บริจาคทานได้ปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ ก็จะได้บุญได้กุศลมาก เพราะพระภิกษุได้ฉันอาหารหรือผลไม้นั้นทั้งหมด และถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสไว้ แต่ถ้าหากพระภิกษุรับประเคนอาหารหรือผลไม้ แล้วนำไปเก็บไว้ข้ามคืนและนำมาฉันใหม่ พระพุทธองค์ทรงห้าม จะปรับให้ศีลขาดทุกคำกลืน เช่น ถ้าพระภิกษุฉันถึง 20 คำ ศีลก็จะขาด 20 ข้อ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติห้ามไม่ให้พระภิกษุสะสมอาหารหรือผลไม้ไว้ที่กุฏิของตนเอง เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นในสมัยครั้งพุทธกาลเมื่อพระองค์ทรงมีพระชนม์อยู่ พระภิกษุสะสมอาหารไว้ในกุฏิมาก เมื่อโจรมาเห็นก็ปล้นเอาอาหารและผลไม้ทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าพระภิกษุไม่ยอมให้ โจรก็จะทำร้ายพระให้มรณภาพไป จึงมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นเหตุ


บัดนี้ ถ้ามีญาติโยมนำอาหารหรือผักผลไม้มา และมาพักอยู่กับพระภิกษุที่กุฏิ แต่ยังไม่ได้ประเคนก็ไม่เป็นไร เมื่อถึงวันใหม่ญาติโยมจึงนำมาประเคน พระภิกษุก็ไม่ผิดศีล สาเหตุที่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตให้พระภิกษุเก็บอาหารหรือผลไม้ไว้ที่กุฏิ เพราะจะทำให้จิตใจมีความกังวลเวลานั่งสมาธิ กลัวว่าจะมีหนู แมว สุนัข มากินหรือโจรมาโขมยอาหารหรือผลไม้ที่สะสมไว้ จิตใจก็จะไม่สงบ และจะทำให้เกิดกิเลสคือเป็นผู้มักมากนั่นเอง






ภาพจาก ลิงก์นี้ (คลิก)






สาวไกด์ฯ เพิ่มเติมว่า


สรุปแล้ว พวกอาหาร ผลไม้ หรืออาหารใดๆ ที่เราอยากถวายทีละเยอะๆ เพื่อให้พระท่านได้ฉันหลายๆ วัน หากอยากที่จะให้ท่านฉันได้ครบๆ ก็ควรแบ่งถวายแค่เฉพาะที่ท่านจะฉันได้วันนั้นค่ะ ส่วนที่เหลือให้เอาไปที่โรงครัวเพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการถวายในวันอื่นๆ เพราะถ้าเราถวายท่าน ณ วันนั้น เท่ากับอาหารทั้งหมดนั่น ท่านฉันได้วันนั้นวันเดียว เก็บข้ามวันไม่ได้


สำหรับกรณีของข้าวสาร ต้องเอาไปถวายที่โรงครัวทั้งหมด เพื่อให้ทยอยหุงให้ท่านฉัน เพราะถ้าเห็นครบหมด รับประเคนครบหมด จะร้อยกระสอบ สิบกระสอบ ท่านก็ฉันไม่ได้เลยสักนิดค่ะ












สำหรับเหตุผลที่ให้ศรัทธาญาติโยมประเคนสิ่งของทั้งหลายทุกสิ่งทุกอย่างที่นำมาทำบุญกับพระภิกษุ ทั้งยาวะกาลิก ยามะกาลิก สัตตาหะกาลิก หรือยาวะชีวิกก็ดี ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำปานะ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล เนยแข็ง หรือยารักษาโรคทุกชนิดก็ดี ทำไมจึงให้ประเคนก็เพราะมีเหตุเบื้องต้นนั่นเอง

สมมติว่าพระภิกษุที่อยู่ในสำนักสงฆ์ หรืออยู่ในวัดทั้งหลายที่สร้างศาลาไว้ แล้วมีชาวไร่ชาวสวน หรือคนที่ทำงานอยู่รอบๆ วัด นำปิ่นโตที่มีอาหารมาวางไว้ที่ศาลาโรงฉัน ในขณะที่พระภิกษุออกไปบิณฑบาตหมด โยมที่นำปิ่นโตมาวางไว้ก็คิด่วาเป็นที่ปลอดภัยแล้วจึงนำมาวางไว้ แล้วก็ไปทำไร่ทำสวนกันหมด บังเอิญพระภิกษุที่ออกไปบิณฑบาตกลับมาที่ศาลาดรงฉัน เห็นปิ่นโตตั้งอยู่ก็เลยให้สามเณรนำปิ่นโตไปเปิดและฉันอาหารจนหมด เมื่อชาวไร่ชาวสวนกลับมาเพื่อจะรับประทานอาหารของตนเอง แต่พระภิกษุได้นำอาหารไปฉันจนหมดแล้ว ญาติโยมก็ไม่ได้รับประทานอาหารที่ได้เตรียมไว้ จึงไปฟ้องพระพุทธองค์ว่า เขาไม่ได้มอบปิ่นโตอาหารให้ ไม่ได้ประเคนให้ ถ้าพระภิกษุนำอาหารของเขาไปฉัน พระภิกษุก็ผิดศีล เพราะเขาตั้งไว้เฉยๆ เจ้าของเขาไม่ได้ประเคนให้ถือว่าเป็นของไม่บริสุทธิ์ เรียกว่าผิดศีลโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาสามารถกล่าวหาว่าพระภิกษุขโมยอาหารของเขาไปฉันหมดได้ ดังนั้นจึงมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น

เหตุฉะนั้นพระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติเรื่องอย่างนี้ไว้ว่า สิ่งของทุกอย่างที่จะนำมาถวายแด่พระภิกษุ จึงต้องให้ประเคน ถ้าเจ้าของยังไม่ได้ประเคนให้ หากเป็นอาหารก็ฉันไม่ได้ หากเป็นสิ่งของก็ไม่ให้ใช้ เพราะโยมไม่ได้ออกวาจามอบให้ ไม่ได้กล่าวคำถวาย แต่ถ้าเป็นของที่ญาติโยมประเคนให้ มอบให้ ก็มีสิทธิ์เต็มที่ อาหารก็แนได้ ของก็ใช้ได้ ญาติโยมจะมาฟ้องว่าพระภิกษุเป็นขโมยไม่ได้ ถ้าหากญาติโยมไม่ได้ประเคนให้ ไม่ได้มอบให้ ก็สามารถฟ้องว่า พระภิกษุเป็นขโมยได้ จะต้องให้พระภิกษุสึกเพราะขโมยของของเขา





ภาพจาก //www.kalyanamitra.org/culture/index31.html









เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับพระภิกษุ เพราะถ้าไม่ละเอียดถี่ถ้วนในการรักษาพระวินัย ก็จะทำให้ผิดศีลได้โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น เวลาพระภิกษุไปบ้านญาติโยมที่รู้จักคุ้นเคยกัน ก็จะเข้าไปใช้โทรศัพท์โดยไม่ได้ขออนุญาต ญาติโยมก็กล่าวหาพระภิกษุได้ว่าไปขโมยใช้โทรศัพท์ของเขา ครั้งหนึ่งก็เป็นเงิน 3 บาท 5 บาท เขาก็สามารถฟ้องให้พระภิกษุสึกได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่พระภิกษุต้องระวังว่าต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านก่อน

นอกจากนี้สิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในบ้านของญาติโยม เช่น บนโต๊ะหมู่บูชา มีเหรียญหลวงปู่ต่างๆ รูปเหมือน พระพุทธรูป ฯลฯ ห้ามจับเป็นเด็ดขาดถ้าเจ้าของไม่ได้อนุญาต ถ้าหากพระภิกษุไม่รอบคอบ ไปหยิบเหรียญมาดู ไปยกรูปเหมือนหลวงปู่นั่น หลวงปู่นี่ออกจากฐานมาดูโดยไม่ได้ขออนุญาต หากไปจับของของเขาเคลื่อนที่ เจ้าของเขาฟ้องได้ทันที ก็ต้องให้สึกอย่างเดียว


เวลาที่พระภิกษุเข้าไปในบ้านของโยม สถานที่ทำงาน ศาลากลางจังหวัด ฯลฯ ถ้าเจ้าของสถานที่นั้นเขานิมนต์ให้สรงน้ำก่อนกลับวัดและบอกไว้ว่ามีสบู่ มีผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ให้ใช้ได้ ก็สามารถสรงน้ำได้ เพราะญาติโยมได้อนุญาตแล้ว แต่ถ้าโยมไม่อนุญาต แล้วพระภิกษุจะไปสรงน้ำเยๆ ไมได้ เขาจะกล่าวหาได้ว่าไปขโมยน้ำ เพราะสรงน้ำครั้งหนึ่งใช้น้ำหลายลิตร

ถ้าพระภิกษุเข้าไปในร้านขายสิ่งของต่างๆ เช่น ร้านขายผ้าเหลือง เครื่องสังฆภัณฑ์ ฯลฯ เมื่อเข้าไปแล้ว ถ้าจะให้ถูกต้องควรให้เจ้าของร้านเป็นผู้ถามก่อนว่าต้องการสิ่งของอะไร หรือเครื่องสังฆภัณฑ์อะไรบ้าง ชนิดไหน แบบไหน ขอนิมนต์ให้จับเลือกดูก่อนได้ อย่างนี้ พระภิกษุจึงจะจับสิ่งของมาดูได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเข้าไปในร้านแล้วหยิบสิ่งของต่างๆ ออกมาดูโดยที่เจ้าของร้านยังไม่ได้อนุญาต ไม่ได้ถามก่อน เขาก็สามารถฟ้องพระภิกษุได้

ดังนี้แหละ ความละเอียดของทางปฏิบัติในพระพุทธศาสนา พระภิกษุทั้งหลายต้องพากันสำรวม ระวังตนเองให้ดี พระพุทธองค์จึงทรงให้พระภิกษุรอบคอบ ต้องระวังตัวตลอดเวลา เพราะเกรงว่าจะผิดพระวินัยซึ่งเป็นกฎหมายของพระภิกษุโดยตรง
















ภาพจาก ลิงก์นี้ (คลิก)






บัดนี้จะกล่าวถึงเรื่อง พระภิกษุที่อาพาธ ซึ่งเป็นเรื่องที่ญาติโยมควรจะเข้าใจ เมื่อพระภิกษุเกิดอาพาธ มีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้น พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้โยมนำข้าวเหนียว หรือข้าวสุกมาปั้น ย่างไฟ เรียกว่า ข้าวจี่ แล้วนำมาแช่น้ำเพื่อเอาน้ำนั้นมาฉันเป็นยา อย่างนี้ท่านทรงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ฉันหลังเที่ยงวันได้

นอกจากนั้น ยังมีสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตอีกอย่างคือ กระดูกหมูที่ร่อนเอาเนื้อออกจนหมดเหลือแต่กระดูก นำมาต้มเอาไขมันที่ออกมาจากกระดูกแล้วผสมเภสัช คือ ผสมยาต่างๆ เหมือนยาจีน อย่างนี้พระพุทธองค์ท่านทรงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเฉพาะพระภิกษุที่อาพาธให้ฉันหลังเที่ยงวันได้


นอกนั้นพระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ฉันอาหารหลังเที่ยงวันไป แม้แต่ข้าวต้ม พระพุทธองค์ท่านก็ห้ามไม่ให้ฉัน ถ้าพระภิกษุที่อาพาธฉันอาหารทุกมื้อ ทั้งตอนเช้า กลางวัน และตอนเย็น เพื่อจะได้ฉันยาหลังอาหาร พระภิกษุก็ผิดศีล ถือว่าศีลขาด ต้องอาบัติ เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามไว้ว่าถ้าพระภิกษุฉันอาหาร ตั้งแต่หลังเที่ยงเป็นต้นไป จะปรับศีลขาดทุกคำกลืน เป็นบาป


ดังนั้น พระภิกษุที่อาพาธก็ให้ฉันอาหารตอนเช้าครั้งหนึ่ง และฉันอาหารตอน 11.30 น.อีกครั้งหนึ่ง ต่อนั้นไปพอตอนเย็นก็ให้ฉันน้ำจากข้าวจี่หรือน้ำซุปที่ต้มจากกระดูกหมูผสมยา หรือฉันสัตตาหะกาลิก เช่น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล ช็อกโกแลตไม่ผสมนม หรือฉันเนยแข็ง เนยใส เพื่อให้มีพลังงาน ให้มีกำลัง ก็น่าจะอยู่ได้ เพราะได้ฉันอาหารไปก่อนเที่ยงถึง 2 มื้อแล้ว แต่ถ้าพระภิกษุที่อาพาธฉันอาหารตอนบ่ายก็ผิดศีลตลอด เช่น ถ้าพระภิกษุเกิดป่วยเป็นเวลา 1 เดือน ก็ไม่รู้ว่าศีลจะขาดไปกี่ข้อ ถ้าวันนี้ฉัน 10 คำ ศีลก็ขาดหมด 10 ข้อ เป็นบาป ผิดศีลและยังต้องอาบัติอีกด้วย พระพุทธองค์จึงไม่ให้ประมาทในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ





ภาพจาก //www.hondafamily.in.th/forum/viewthread.php?action=printable&tid=435







สาวไกด์ฯ เพิ่มเติมว่า


สรุปแล้ว อาหารอื่นที่ท่านให้ภิกษุอาพาธฉันได้ (หลังเที่ยง) จะมีแค่

1. น้ำแช่ข้าวจี่

2. น้ำซุปจากกระดูกหมู (ใส่ยาจีนได้)











อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย ก็ควรจะศึกษาให้รู้จักกาลเทศะในการปฏิบัติต่อพระภิกษุให้ถูกต้อง เรียกว่า กาลัญญุตา คือ รู้จักกาละสมัยในการประเคนสิ่งของต่างๆ ในการทำบุญทำกุศล เมื่ออุบาสกอุบาสิการู้จักวิธีการปฏิบัติต่อพระภิกษุอย่างถูกต้องตามกาลเทศะแล้ว ก็จะได้บุญจริงๆ

การทำบุญที่ถูกต้อง ไม่ให้ผิดพลาดในการทำความดีของตน ไม่ให้เกิดความด่างพร้อยเสียหาย ทางพระพุทธศาสนา ก็ถือว่าเป็นการทำบุญที่บริสุทธิ์
เปรียบเสมือนจีวรของพระภิกษุที่ไม่ขาด คือ พระภิกษุก็ไม่ต้องผิดศีล ผู้ที่ทำบุญก็ได้บุญเต็มเปี่ยม ไม่ขาดตกบกพร่อง ถือว่าได้บุญบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย













สำหรับบล็อกวันนี้ก็เพียงแต่เท่านี้ก่อนนะคะ บล็อกหน้าจะมาพูดเรื่องการถวายผลไม้แก่พระภิกษุค่ะว่าที่ถูกต้องต้องทำอย่างไร เอ๊ะ..ทำไมเราทำถวายไปแล้วท่านไม่ฉันนะคะ













ปฏิทินธรรม








วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2554 (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)

1. ทำบุญตักบาตร ฟังธรรมพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ณ ศาลาการเปรียญ วัดพุทธบูชา ถนนพุทธบูชา บางมด






วันอาิทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2554 (ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.

ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447





วันจันทร์ (ทุกวันจันทร์)

เรียนอภิธรรมเบื้องต้น บรรยายโดยพระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม
ณ บ้านอารีย์ เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net






วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2554

1. ฟังธรรมโดยพระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาหนองดินแสง จ.จันทบุรี

เวลา 18.30-21.00 น. ณ หอประชุมพุทธคยา อาคารอัมรินทร์พลาซ่า (สี่แยกราชประสงค์ - บีทีเอสชิดลม) ชั้น 22 ถ.เพลินจิต

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

เฟซบุ๊คชมรมคนรู้ใจ / เรือนธรรม
//www.facebook.com/konrujai





วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2554


1. ฟังธรรมโดยพระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี วัดมเหยงค์ อยุธยา

เวลา 18.00-20.00 น. ณ ศาลาปันมี บ้านอาีรีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net







วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2554

1. (ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ร่วมปฏิบัติธรรมบูชา ณ โลหะปราสาท กับยุวพุทธิกสมาคมฯ
สวดมนตร์ถวายพระพร ปฏิบัติธรรมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
วัดราชนัดดารามวรวิหาร เวลา 13.30-16.30 น.

สอบถามเพิ่มเติมที่คุณมนัสวิน, คุณอดุล 02-4554525 ต่อ 2208, 4214


เว็บไซต์ยุวพุทธิกสมาคม
//www.ybat.org/v4/index.asp


































ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,001,621+112328+11097=1,125,046/6859/640






Create Date : 01 ธันวาคม 2554
Last Update : 1 ธันวาคม 2554 6:45:41 น. 20 comments
Counter : 5384 Pageviews.

 
บล็อกนี้เข้ากับสถานการณ์เลยค่ะ น้ำท่วมหนัก พระออกบิณฑบาตไม่ได้ ญาติโยมต้องนำของไปถวายพระ อ่านบล็อกนี้แล้วจะได้ถวายของพระได้อย่างถูกต้อง


โดย: haiku วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:11:15:33 น.  

 

 

ขอบคุณความรู้ใหม่ๆ จ้ะเต้ย รู้ไว้ใช่ว่า...อย่าสักแต่ว่าทำบุญ ถวายทาน...ใช่เลยเนอะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:14:36:04 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลยนะคะเกี่ยวกับของถวายพระ

ขอบคุณมากๆค่ะคุณสาวไกด์ที่โหวตให้นะคะ


โดย: LoveParadise วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:15:11:55 น.  

 
เรื่องข้อปฏิบัติแบบนี้ สนุกมา พ่อเราเล่าให้ฟังบ่อยค่ะ

พ่อเคยเล่าว่า ตอนบวช คุณย่า(หมายถึงแม่ของพ่อ) อุตส่าห์ตำน้ำพริกมะขามสุดฝีมือมาถวาย โดยให้ลูกศิษย์วัดนำมาให้ แต่พ่อเพิ่งฉันอิ่มพอดี พอลูกศิษย์ประเคน พ่อฏ็ต้องรับประเคน

พอหมดมื้อนั้น เอามาฉันต่อไม่ได้ เพราะของที่ประเคนแล้ว ทิ้งข้ามวันไม่ได้
น้ำพริกชามนั้นเลยเสร็จลูกศิษย์วัดไป...

เสียดาย


โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:15:53:17 น.  

 
ยกดอกไม้มาฝากคุณสาวไกด์นะคะ วันพรุ่งนี้ปรัซซี่จะไม่ได้แวะมาค่ะ พอดีจะไปหม่ำกับเพื่อนคาดว่าคงกลับดึก





โดย: ปรัซซี่ วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:19:56:37 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเต้ย




โดย: pantawan วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:19:58:44 น.  

 
ตั้งใจอ่านเลยค่ะคุณสาวไกด์
มีหลายอย่างที่ญาติโยมไม่รู้ และเข้าใจผิด
รวมทั้งตวงด้วย ขอบคุณมากๆน่ะค่ะต่อไปจะได้ปฏิบัติถูกต้องตามกาลเทศะ


โดย: T+c+ake Time 2002 วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:23:39:18 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลยค่ะเกี่ยวกับของถวายพระ

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:4:27:20 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคณเต้ย








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:6:43:56 น.  

 

ศุกร์สวัสดีจ้ะเต้ย





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:9:19:47 น.  

 

 
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ เพิ่งทราบเหมือนกันครับ แต่ไม่เคยทำผิดนะ เพราะไม่เคยถวายมากขนาดนั้น


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:21:24:01 น.  

 
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]
--------------------------
แอบแวะมาเยี่ยมดึกมากกกกกกกก คิดถึงนะคะคุณเต้ย


โดย: เกศสุริยง วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:0:52:41 น.  

 
มาอ่านหาความรู้ไว้ค่ะ


โดย: Just a life วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:1:48:06 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย












โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:6:51:41 น.  

 
สวัสดียามดึกค่ะ


โดย: เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์ วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:23:28:53 น.  

 
ปรัซซี่ up blog ใหม่แล้ว เลยยก "ข้าวตังหน้าตั้ง" มาฝากคุณสาวไกด์นะคะ





โดย: ปรัซซี่ วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:11:09:59 น.  

 
ไม่ได้แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านนี้นานมาก คุณสาวไกด์สบายดีนะครับ ! หลัง ๆ นี่เปิดเจอธรรมะทุกครั้ง คงสุขใจนะครับ


โดย: sirimas_m วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:15:41:24 น.  

 
มาเยี่ยมพี่เต้ยวันพ่อค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 5 ธันวาคม 2554 เวลา:17:05:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.