+ + = = = + + การถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติ ตอนที่ 5 + + = = = + +







สวัสดีค่ะ





หลังจากที่ได้อัพเรื่องการถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติไปแล้วคือ

1. กาลิก 4 อย่าง (คลิกเพื่ออ่าน)

2. การถวายของจำนวนมากๆ การประเคนของและการถวายอาหารแด่ภิกษุอาพาธ (คลิกเพื่ออ่าน)

3. การถวายผักผลไม้ และการกัปปิยะ (คลิกเพื่ออ่าน)

4. ปะระมัตถะทาน การทำบุญในพระวินัย การทำบุญในพระสูตร (คลิกเพื่ออ่าน)















วันนี้จะมาพูดถึงข้อควรระวัง หากเรานิมนต์พระมาฉันที่บ้านกันบ้างค่ะ







บัดนี้จะกลับมาพูดถึง สิ่งที่ประเคนแล้วเป็นอนุโลมจากพุทธฎีกาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ถ้าหากญาติโยมจะนิมนต์พระภิกษุไปฉันที่บ้านของตน หรือตามสถานที่ต่างๆ นั้น ห้ามออกชื่อโภชนะทั้งห้า (โภชนะทั้งหาได้แก่ อาหารชนิดต่างๆ เช่น เผือก มัน ข้าว ข้าวสาลี ขนมต้ม ขนม เนื้อสัตว์ หรือผักผลไม้ต่างๆ) เช่น โยมพูดกับพระภิกษุไว้ก่อนว่าจะทำอาหารชนิดนั้นชนิดนี้ถวาย เช่น จะทำข้าวต้ม ขนม จะทอดกล้วยแขก จะทำก๋วยเตี๋ยวถวาย ฯลฯ อย่างนี้ ถ้าโยมออกชื่อโภชนะทั้งห้าแล้ว พระภิกษุก็จะฉันไม่ได้เลย เพราะถ้าพระภิกษุฉัน ก็จะต้องอาบัติ ผิดศีลทุกคำกลืน การนิมนต์พระภิกษุไปฉันแล้วกล่าวไว้เช่นนี้ ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย



เหตุที่ไม่ควรออกชื่อโภชนะทั้งห้า ยกตัวอย่างเช่น ถ้านิมนต์พระภิกษุมาฉันที่บ้าน และได้ออกชื่อโภชนะไว้แล้ว อย่างบอกพระภิกษุไว้ว่าจะซ์อกล้วยไข่กำแพงเพชรมาถวาย หรือจะนำกล้วยไข่จากกำแพงเพชรมาทำขนมแบบนั้นแบบนี้ ทำอาหารชนิดต่างๆ ถวายท่าน ครั้งเมื่อถึงเวลาไปซื้อของ แล้วไม่มีกล้วยไข่กำแพงเพชรขาย จะไปหาซื้อที่ไหนก็ไม่มี ก็ทำให้โยมเกิดความลำบากยากเย็น เกิดความทุกข์ขึ้น เพราะเสียสัจจะที่ตนเองได้พูด ได้สัญญากับพระภิกษุไว้แล้ว โยมจะเกิดความลำบากอย่างนี้เองและโยมก็จะไม่ได้บุญเต็มที่ ทำให้มีทุกข์เกิดขึ้นแก่ตน เพราะโยมไปแสวงหาสิ่งที่ตนเองสัญญาเอาไว้ไม่ได้ เป็นเรื่องอย่างนี้





ภาพจาก //recgoodness.blogspot.com/2011/04/blog-post_17.html








ถ้าเราไม่ได้บอกชื่อโภชนะทั้งห้าไว้ เราจะซื้อกล้วย ซื้อผลไม้ หรือซื้ออาหาร จากที่ไหนก็แล้วแต่ที่พอหาซื้อได้ เราก็ซื้อมาถวายท่านได้สบาย ผุ้มีศรัทธาก็ไม่เดือดร้อน ไม่ต้องเกิดทุกข์ พระภิกษุก็ไม่ผิดศีล ดังนั้นเมื่อเรานิมนต์พระภิกษุไปฉันที่บ้าน หรือตามสถานที่ต่างๆ ให้ถูกต้องตามพระพุทธศาสนา ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ก็ไม่ควรออกชื่อโภชนะทั้งห้า เพราะจะเรียกว่าเป็ฯ "มังสะอุทิศ" หมายถึง เป็นของอุทิศต่อพระภิกษุ หรือ เป็นอาหารที่ญาติโยมพูดไว้ว่าจะทำเพื่อถวายให้พระภิกษุ เมื่อพระภิกษุได้ยินเสียงพูด และได้เห็น ก็จะรังเกียจอหารที่ทำมาเพื่อถวายเฉพาะตน ทำให้ผู้อื่นต้องเกิดทุกข์กับตน เพราะพระภิกษุไม่ควรให้ญาติโยมมาทุกข์กับตน



พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าให้พระภิกษุปฏิบัติตนเป็นโสวะจะสัตตาคือ เป็นเป็ว่าง่ายสอนง่าย เป็นสุภะรัตตา คือ เป็นผู้เลี้ยงง่าย พระภิกษุต้องไม่เป็นผู้เลี้ยงยาก ถ้าโยมไปคิดให้ตนเองเกิดทุกข์ยากกับการเลี้ยงอาหารพระ หรือพระภิกษุจะไปบอกญาติโยมว่าอยากฉันอาหารอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไม่ได้ ผิดศีลอีก ญาติโยมถวายสิ่งใดมาก็ให้ฉันสิ่งนั้น ถ้าฉันไม่ได้ก็ไม่ต้องฉัน ถ้าฉันแล้วปวดท้อง ฉันแล้วไม่ค่อยสบาย เป็นของแสลง เราก็ไม่จำเป็นต้องฉัน แต่เรารับประเคนได้ พระภิกษุควรเลือกแนสิ่งที่ฉันแล้วถูกกับธาตุขันธ์ ถูกกับร่างกายของเราก็ให้ฉันได้ ถ้าพระภิกษุจะแนอาหารมังสวิรัติก็ให้เลือกฉันเอาเอง ไม่ต้องพูดบอกโยมให้ถวายแต่อาหารมังสวิรัติ ถ้าโยมถวายเนื้อสัตว์มาก็รับประเคนไว้แล้วเลือกแนสิ่งที่ถูกกับร่างกายของเราเท่านั้นก็ได้ ยกเว้นมังสะ 10 อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้รับประเคนและห้ามไม่ให้พระภิกษุฉัน ได้แก่

1. เนื้อมนุษย์
2. เนื้อช้าง
3. เนื้อม้า
4. เนื้อเสือเหลือง
5. เนื้อเสือโคร่ง
6. เนื้อเสือดาว
7. เนื้อหมี
8. เนื้อราชสีห์
9. เนื้อสุนัข
10. เนื้องู





ภาพจาก //atcloud.com/stories/85697






ภาพจาก ลิงก์นี้




เนื้อทั้งหมดนี้พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้รับทั้งสุกหรือดิบ เพราะทุกอย่างมีเหตุ ดังนี้





เหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อมนุษย์ เพราะมีเรื่องดังนี้คือ นางสุปปิยาอุบาสิกา ไปเที่ยวชมวัดดูพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายและไปพบพระภิกษุอาพาธองค์หนึ่ง ก็เลยถามพระภิกษุองค์นั้นว่า "ท่านฉันภัตตาหารอะไรจึงจะสบาย" พระภิกษุองค์นั้นตอบว่า"อาตมาฉันแกงเนื้อจึงจะสบาย" ดังนั้นนางสุปปิยาอุบาสิกาก็เลยปวารณาพระภิกษุไว้ว่า "ข้าพเจ้าจะทำแกงเนื้อมาให้ท่านฉันในวันพรุ่งนี้"

เมื่อนางสุปปิยาอุบาสิกากลับบ้านไป ก็สั่งให้บริวารไปหาซื้อเนื้อในหมู่บ้าน บังเอิญวันนั้นเป็นวันขึ้น 14 ค่ำ ซึ่งในสมัยครั้งพุทธกาลจะฆ่าสัตว์เฉพาะวันขึ้น 2 ค่ำถึงขึ้น 13 ค่ำเท่านั้น และจะไม่ฆ่าสัตว์ในวันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ ดังนั้นใน 3 วันนี้จะหาซื้อเนื้อสัตว์ไม่ได้เลย เมื่อนางสุปปิยาอุบาสิกาไม่ได้เนื้อมาก็กลัวจะเสียสัจจะที่ได้ปวารณากับพระภิกษุไว้แล้ว และเหตุที่นางสุปปิยาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบันบุคคล เป็นผู้ที่มีหิริโอตตัปปะและเป็นผู้ที่รักษาสัจจะ จึงตัดสินใจใช้มีดหั่นเนื้อที่ต้นขาของตนเองเพื่อนำมาให้บริวารแกง แล้วก็นำไปถวายพระภิกษุที่อาพาธองค์นั้น

เมื่อพระภิกษุฉันแกงที่นำมาถวายก็เกิดความเหนื่อยและอ่อนเพลียมากจนทำให้นอนไม่อยากลุก เมื่อเพื่อนพระภิกษุทั้งหลายมาเยี่ยม พระภิกษุอาพาธองคืนั้นก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า วันนี้ได้ฉันแกงเนื้อแล้วรู้สึกอ่อนเพลียไม่อยากลุกเลย

วันต่อมา เศรษฐีผุ้เป็นสามีอยากเลี้ยงภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์ จึงได้นิมนต์พระพุทธองค์พร้อมทั้งพระภิกษุทั้งหลายมาฉันภัตตาหารที่บ้านของตน เมื่อพระพุทธองค์เสด็จขึ้นไปบนบ้านเศรษฐีและทรงทอดพระเนตรไม่เห็นนางสุปปิยาอุบาสิกาออกมาต้อนรับ มีแต่เศรษฐีสามีมาต้อนรับ พระพุทธองค์จึงตรัสถามถึงนางสุปปิยาอุบาสิกาว่าไปที่ใด ไม่เห็นมาต้อนรับอาตมาภาพ เศรษฐีผู้เป็นสามีจึงตอบพระพุทธองค์ว่าภรรยาไม่ค่อยสบายนอนอยู่ในห้องนอนพระเจ้าค่ะ พระพุทธองค์จึงให้บริวารไปประคองนางสุปปิยาอุบาสิกาออกจากห้องมาพบพระพุทธเจ้า พอได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับยืนอยู่ที่บ้านของตนก็เกิดความสุขใจมากที่ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า จนลืมความเจ็บปวดที่แผลของตน แล้วก็นั่งลงกราบนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความเรียบร้อย

เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จไปประทับนั่งบนอาสนะที่จัดไว้สำหรับพระพุทธองค์ เศรษฐีและภรรยาก็จัดภัตตาหารเพื่อน้อมนำไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายที่ได้นิมนต์มาฉันภัตตาหารที่บ้าน เมื่อได้ประเคนสิ่งของเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ก็ฉันภัตตาหาร นางสุปปิยาอุบาสิกาก็กราบนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปิดดูแผลที่เอาผ้าพันไว้นั้น เนื้อที่ต้นขาก็งอกขึ้นมาเต็มอย่างเดิมเหมือนไม่มีบาดแผลและไม่มีความเจ็บปวด รู้สึกสบายเป็นปกติ จึงกลับออกมานั่งอยู่ห่างๆ ดูพระผู้มีพระภาคเจ้าฉันภัตตาหารจนเสร็จแล้วพระพุทธองค์ก็กระทำอนุโมนทาให้แก่สามีภรรยา เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จกลับวัดพร้อมทั้งพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย และในตอนค่ำวันนั้น เมื่อพระพุทธองค์เทศนาอบรมพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจบแล้ว พระพุทธองค์ทรงมีญาณหยั่งรู้ดีว่า พระภิกษุที่อาพาธองค์นั้นฉันเนื้อมนุษย์ พระพุทธองค์จึงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายได้ฟังว่า พระภิกษุอาพาธองค์นั้นฉันเนื้อมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะฉัน พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า "ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อมนุษย์ และไม่ให้รับประเคนทั้งสุกและทั้งดิบ" ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นต้นเหตุพุทธฎีกาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างนี้





เหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อช้าง เพราะเมื่อพระภิกษุไปเจริญสมณธรรมในป่าในเขา และถ้าพระภิกษุองคืใดเคยกินเนื้อช้างมาก่อนตั้งแต่เป็นฆราวาสนั้น หากช้างได้กลิ่นตัวของพระภิกษุที่เคยฉันเนื้อช้างมาก่อน ช้างก็จะเข้าไปทำร้ายพระภิกษุนั้นให้มรณภาพไป แต่ถ้าองค์ไหนไม่ได้ฉันก็ไม่เป็นไร ไม่ถูกช้างทำร้าย พระภิกษุทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมากราบนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสถามว่า "พระภิกษุเพื่อนของพวกเธอหายไปไหน" พระภิกษุเหล่านั้นตอบว่า "ถูกช้างทำร้ายจนมรณภาพไปพระเจ้าค่ะ" พระพุทธองค์จึงทรงตรัสแก่พระภิกษุทั้งหลายว่าห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อช้าง และไม่ให้รับประเคนเนื้อช้างทั้งสุกและทั้งดิบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยเหตุอย่างนี้












เหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อม้า
เพราะถ้าพระภิกษุเคยกินเนื้อม้ามาก่อนตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส เมื่อมาบวชเป็นพระภิกษุ เวลาเดินเข้าไปบิณฑบาตในบ้านในเมืองและม้าได้กลิ่นตัวพระภิกษุ ม้าก็จะใช้สองขาหลังดีดตัวพระภิกษุล้มลงจนบาตรหลุดมือไปทำให้พระภิกษุเจ็บตัว ดังนี้เป็นต้นเหตุที่พระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อม้า และไม่ให้รับประเคนเนื้อม้าทั้งสุกและทั้งดิบ


เหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อเสือเหลือง เสือโคร่ง เสือดาว เนื้อราชสีห์ เนื้อหมี เพราะถ้าพระภิกษุเคยกินเนื้อต่างๆ ดังกล่าว ตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส เมื่อมาบวชเป็นพระภิกษุแล้วไปเจริญภาวนาในป่าในเขาและสัตว์ต่างๆ เดินมาได้กลิ่น ก็จะมาตะครุบกัดพระภิกษุให้มรณภาพไป แต่ถ้าพระภิกษุองค์ไหนไม่เคยฉันเนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ปลอดภัย พระภิกษุทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมานมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสถามว่า "เพื่อนของพวกเธอหายไปไหน" พระภิกษุเหล่านั้นตอบว่า "ถูกสัตว์ต่างๆ ทำร้ายจนมรณภาพไป" ดังนี้จึงเป็นต้นเหตุที่พระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อเสือเหลือง เสือโคร่ง เสือดาว ราชสีห์ หมี และไม่ให้รับประเคนเนื้อสัตว์ต่างๆ ดังกล่าว ทั้งสุกและทั้งดิบ

เหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อสุนัข เพราะถ้าพระภิกษุเคยกินเนื้อสุนัชมาก่อนตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส เมื่อเวลาพระภิกษุไปบิณฑบาต หรือไปไหนก็ดี สุนัขก็จะเห่า จะกัดพระภิกษุองค์นั้น แต่องคืไหนไม่เคยกินเนื้อสุนัขมาก่อน สุนัขก็ไม่เห่าและไม่กัด ดังนี้จึงเป็นเหตุที่พระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้อสุนัข และไม่ให้รับประเคนเนื้อสุนัขทั้งสุกและทั้งดิบ

เหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้องู เพราะพญานาคเข้ามากราบนมัสการพระพุทธเจ้า บอกพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้องูทุกชนิด เพราะงูเป็นตระกูลเดียวกับพญานาค ถ้าพระภิกษุองค์ไหนฉันเนื้องู แล้วลงไปสรงน้ำในแม่น้ำต่างๆ พวกพญานาคก็อาจจะโกรธและมาทำร้าย มาฆ่าพระภิกษุที่ไปสรงน้ำให้มรณภาพไป ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระพุทธองค์จึงทรงตรัสห้ามไม่ให้พระภิกษุฉันเนื้องูทุกชนิด และไม่ให้รับประเคนเนื้องูทั้งสุกและดิบ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


นอกจากเนื้อสัตว์ทั้ง 10 อย่างดังที่ได้กล่าวมานั้น พระพุทธองค์ไม่ทรงห้ามให้ฉัน แต่ต้องทำให้สุกดี ถ้าหากพระภิกษุองค์ไหนฉันเนื้อสัตว์แล้วไม่สบายก็ไม่ควรฉัน ให้ฉันผักผลไม้ชนิดต่างๆ หรือสิ่งที่ไม่แสลงต่อร่างกาย



สาวไกด์ฯ เพิ่มเติมว่า


กรณีของเนื้อสัตว์ที่ต้องทำให้สุกนี่ ขอย้ำว่าแม้กระทั่งไข่ที่เป็นตานี (ไม่สุก) ก็ถือว่าเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกนะคะ อันนี้เราเองก็เพิ่งทราบตอนไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อสงบ วัดป่าสัีนติพุทธาราม จ.ราชบุรีนี่แหละค่ะว่า ถ้าทำไข่เป็นตานีไป ท่านก็รับประเคน หรือฉันไม่ได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าใครจะต้มไข่ ยำไข่ดาว ฯลฯ ก็ต้องทำไข่ให้สุกจริงๆ นะคะ เป็นตานีไม่ได้ค่ะ


หรืออย่างกะปิ ซึ่งทำจากเคย หากจะตำน้ำพริกถวายก็ต้องทำให้สุกก่อน (จะย่าง จะคั่วก็แล้วแต่ค่ะ) หรือแหนมซึ่งเป็นเนื้อไม่สุกก็ต้องทำให้ผ่านไฟก่อนนะคะ ไม่สามารถจะถวายทั้งดิบๆ ได้ค่ะ อย่างยำแหนมโดยไม่ลวกแหนมให้สุกก่อน อย่างนี้ท่านก็ฉันไม่ได้ค่ะ













ดังนั้น ไม่ว่าพระภิกษุองค์ใดจะฉันมังสวิรัติ หรือญาติโยมจะกินมังสวิรัติก็ดี ไม่ว่าพระภิกษุองค์ใดจะฉันเนื้อที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาต หรือญาติโยมกินเนื้อที่กินได้ก็ดี เวลาฉันแล้ว กินแล้ว ที่สำคัญคือเพื่อให้ตนเองอยู่สบาย เวลาปฏิบัติธรรมก็ทำให้ตนเองสบายใจ หากมีสติปัญญาก็สามารถที่จะบรรลุธรรมได้เหมือนกัน แต่ถ้าหากพระภิกษุหรือญาติโยมก็ดีไม่มีสติปัญญาแล้วก็ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมได้







ตอนหน้าจะเป็นเรื่องของอินทรีย์ 5 และเป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ (จากหนังสือเล่มนี้แล้วค่ะ)



















ปฏิทินธรรม







วันอาิทิตย์ที่ 1 มกราคม 2555 (ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.

ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447





วันจันทร์ (ทุกวันจันทร์)

เรียนอภิธรรมเบื้องต้น บรรยายโดยพระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม
ณ บ้านอารีย์ เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net






วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2555


1. ร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งกับพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ณ มูลนิธิกรุงเทพกรีฑา

รายละเอียดเพิ่มเติมที่
//www.facebook.com/photo.php?fbid=268146363246698&set=a.115953131799356.14646.115726131822056&type=3&theater



2. มูลนิธิดวงแก้ว เชิญร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งและรับจังหัน
ณ สโมสรสัญญาบัตร รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ
เวลา 06.00-11.00 น.

สอบถามที่โทร. 08-1875-5588, 08-9892-8822






วันพุูธที่ 11 มกราคม 2555

1. ฟังการบรรยายธรรมจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม วัดเขาดินหนองแสง จ.จันทบุรี
ณ หอประชุมพุทธคยา ตึกอมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22 เวลา 18.30-21.00 น.

เฟซบุ๊คชมรมคนรู้ใจ / เรือนธรรม
//www.facebook.com/konrujai?sk=events






วันพุูธที่ 18 มกราคม 2555

1. กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง (สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) ขอเชิญร่วมนมัสการและรับฟังพระธรรมเทศนา หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน อ.เมือง จ.เลย

ณ กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง
อาคารสวรรคโลก ชั้น 4 ห้อง 403 เวลา 15.00-17.00 น.

..............................................
กำหนดการ
เวลา 15.00 น. หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เดินทางมาถึง กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง , ไหว้พระ , รับศีล
เวลา 16.00 น. เริ่มแสดงพระธรรมเทศนา ( งดช่วงตอบปัญหาธรรมะ เนื่องจากสุขภาพหลวงปู่ไม่อำนวย ) ถวายจตุปัจจัยไทยทาน , พิธีทำวัตรขอขมาหลวงปู่ท่อน ญาณธโร
เวลา 17.00 น. หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เดินทางกลับ

สอบถามโทร. 084-1232750 , 082-1020323

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : //www.kammatanclub.com






วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2555

1. ฟังการบรรยายธรรมจากพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม จ. กาญจนบุรี
ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
เวลา 18.00 น. – 20.00 น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php






วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2555

1. ฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ เขาดินหนองแสง จ. จันทบุรี
เวลา 18:00 น. – 20:00 น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์


เว็บไซต์บ้านอารีย์

//www.baanaree.net/index.php





วันศุกร์ที่ 27 - อาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2555


เครือข่ายพุทธธรรมกรรมฐาน แห่งประเทศไทย 5 สถาบัน ประกอบด้วย กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง, กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ขอเชิญร่วมงานบุญสัมพันธ์พุทธธรรมกรรมฐาน ครั้งที่ 1 ในวันที่ 27 - 29 มกราคม พ.ศ.2555 ณ อาคารคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง(หัวหมาก)


....................................................................


กำหนดการ


วัน ศุกร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ.2555

เวลา 18.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น ณ บริเวณชั้นล่างอาคารคณะนิติศาสตร์หลังใหม่ (สถานที่จัดงาน)

เวลา 18.45 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม วัดป่าหนองไผ่ อ.เมือง จ.สกลนคร

เวลา 19.45 น. ตอบปัญหาธรรมะ

เวลา 20.15 น. ถวายจตุปัจจัยไทยทาน , พิธีทำวัตรขอขมาพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม

เวลา 20.30 น. พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม เดินทางกลับที่พัก





วัน เสาร์ ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2555 ( วันจัดงานใหญ่ )

เวลา 07.00 น. พ่อแม่ครูอาจารย์เดินทางมาถึงบริเวณงาน อาคารสวรรคโลก ชั้น 4 ห้อง 403 เป็นที่ตั้งของกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ใช้เป็นสถานที่รับรองพ่อแม่ครูอาจารย์ก่อนออกรับบิณฑบาต และชั้นล่างของอาคารคณะนิติศาสตร์หลังใหม่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน

เวลา 07.45 น. ประธานในพิธี ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ( อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ) จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย , รับศีล , พ่อแม่ครูอาจารย์เจริญพระพุทธมนต์

เวลา 08.15 น. พ่อแม่ครูอาจารย์พร้อมพระติดตาม (รวมประมาณ 50 รูป) ออกรับบิณฑบาตตั้งแต่แยกหน้าอาคารศรีชุม ผ่านหน้าอาคารคณะนิติศาสตร์หลังใหม่ ไปจนถึงแยกหน้าอาคารสวรรคโลก

(รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่นิมนต์มาร่วมงานในครั้งนี้ )

1.หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม วัดศรีวิชัย อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
2.พระอาจารย์บุญกู้ อนุวัฒฑโน วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
3.หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
4.พระอาจารย์อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
5.หลวงปู่วิไล เขมิโย วัดถ้ำพญาช้างเผือก อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
6.หลวงพ่อคูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
7.พระอาจารย์ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
8.พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม วัดป่าหนองไผ่ อ.เมือง จ.สกลนคร
9.หลวงปู่ลี ถาวโร วัดป่าหนองทับเรือ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก
10.พระอาจารย์สนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน อ.เมือง จ.นนทบุรี
11.ท่านพ่อสุชิน ปริปุณโณ วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง
12.พระอาจารย์ไชยา สิริธัมโม วัดพระรามเก้า ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
13.หลวงปู่วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย
14.พระอาจารย์สวัสดิ์ ปิยธัมโม วัดป่าคูขาด อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
15.หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
16.หลวงปู่สมศักดิ์ ปัณฑิโต วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
17.หลวงปู่เสน ปัญญาธโร วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
18.พระอาจารย์บุญช่วย ปัญญวัณโต วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
19.หลวงปู่ประสาน สุมโน วัดป่าหนองไคร้ อ.เมือง จ.ยโสธร
20.หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
21.หลวงปู่คำ กาญจนวัณโณ วัดถ้ำบูชา อ.เซกา จ.บึงกาฬ

เวลา 09.00 น. ถวายภัตตาหารพ่อแม่ครูอาจารย์

เวลา 10.30 น. แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ 1โดยพระอาจารย์อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

เวลา 11.30 น. แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ 2 โดยท่านพ่อสุชิน ปริปุณโณ วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง
( หลังแสดงพระธรรมเทศนาจบผู้มาร่วมงานปฏิบัติธรรมหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย )

เวลา 18.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น ณ บริเวณชั้นล่างอาคารคณะนิติศาสตร์หลังใหม่ (สถานที่จัดงาน)

เวลา 18.45 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์อัครเดช(ตั๋น) ถิรจิตโต วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

เวลา 19.45 น. ตอบปัญหาธรรมะ

เวลา 20.15 น. ถวายจตุปัจจัยไทยทาน , พิธีทำวัตรขอขมาพระอาจารย์อัครเดช(ตั๋น) ถิรจิตโต

เวลา 20.30 น. พระอาจารย์อัครเดช(ตั๋น) ถิรจิตโต เดินทางกลับ




วัน อาทิตย์ ที่ 29 มกราคม พ.ศ.2555

เวลา 08.00 น. พ่อแม่ครูอาจารย์ (พร้อมพระติดตามรวมประมาณ 5 รูป ) ออกรับบิณฑบาตที่บริเวณชั้นล่างอาคารคณะนิติศาสตร์(หลังใหม่) มหาวิทยาลัยรามคำแหง นำโดย

1.หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

2.พระอาจารย์สวัสดิ์ ปิยธัมโม วัดป่าคูขาด อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
เวลา 08.30 น. พิธีรับศีล , ถวายภัตตาหาร

เวลา 09.30 น. แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ 1 โดยหลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

เวลา 10.30 น. แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ 2 โดยพระอาจารย์สวัสดิ์ ปิยธัมโม วัดป่าคูขาด อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม

เวลา 11.30 น. เสร็จงานบุญสัมพันธ์พุทธธรรมกรรมฐาน ครั้งที่ 1


.................................................................................

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ : //www.kammatanclub.com

หมายเหตุ : กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 084-1232750 , 082-1020323 , 089-7218324 , 085-5022908





วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2555

1. ฟังธรรมโดยพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส วัดพระธาตุผาแก้ว จ.เพชรบูรณ์
บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2 เวลา 14.30 - 16.00 น.

รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392

เว็บไซต์บ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/index.php




2.เชิญร่วมฟังพระธรรมเทศนาพิเศษ เรื่อง "เดินทางโดยสวัสดี ตลอดปี ๒๕๕๕" จากพระมิตซูโอะ คเวสโก (เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม)
เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.
ณ ชั้น ๔ อาคารธรรมนิเวศ ยุวพุทธิกสมาคมฯ

สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐๒ ๔๕๕ ๒๕๒๕


เว็บไซต์ยุวพุทธิกสมาคม

//www.ybat.org/v4/index.asp





วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555

1. ฟังธรรมจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2 เวลา 13.00 - 14.30 น.

รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392

เว็บไซต์บ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/index.php


























ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาบล็อกเราค่ะ

1,159,285+20874=1,180,159/6973/654


Create Date : 18 มกราคม 2555
Last Update : 18 มกราคม 2555 8:17:15 น. 33 comments
Counter : 4970 Pageviews.

 
อรุณสวัสดิ์ครับ

สิ่งละอันพันละน้อยที่คุณเต้ยนำมาลงในบล็อก
เป็นประโยชน์กับพุทธบริษัทจริงๆครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:7:25:22 น.  

 


มีหลายสิ่งเลยครับที่ชาวพุทธเราไม่รู้


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:7:59:33 น.  

 
หลายอย่างที่เราไม่รู้จริงๆค่ะ

อย่างไข่ต้ม ยางมะตูม พระก็ฉันไม่ได้สิคะ เราเคยถวายด้วย ในข้าวหมูแดงน่ะ คิดว่าพระน่าจะโปรด

ว้า ผิดโดยไม่ตั้งใจ


โดย: Love At First Click วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:9:05:53 น.  

 
ละเอียดเหมือนกันครับ แต่เนื้อ 10 ชนิดนั่นปกติไม่ค่อยกินกันอยู่แล้วเลยไม่เคยทำผิดครับ



โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:9:25:08 น.  

 
อนุโมทนาบุญในธรรมทานอันยอดเยี่ยมครับสาธุ


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:9:31:24 น.  

 
ชอบจังค่ะ ทั้งภาพและเรื่อง

จขบ.มีมุมมองที่น่ารักจัง
...... ขอบคุนที่แวะไปทักทายนะคะ ขอบคุนสำหรับคำชมด้วยคะ ^_____^


ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ
.... ยินดีที่ได้รุ้จักเช่นกันคะ
อาเมะนะคะ แล้วจะแวะมาอีกนะคะ


โดย: besmile-me วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:9:53:37 น.  

 
วันนี้ขอบคุนสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ พี่ไกด์...

^____^


โดย: besmile-me วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:10:01:28 น.  

 
สพฺพํ สุตมธีเยถ หินมุกฺกฏฐมชฺฌิมํ
สพฺพสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย น จ สพฺพํ ปโยชเย
โหติ ตาทิสโก กาโล ยตฺถ อตฺถาวหํ สุตํ

อันความรู้ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำสูง หรือปานกลาง
ควรรู้ความหมาย เข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง
วันหนึ่งจะถึงเวลาที่ความรู้นั้น นำมาซึ่งประโยชน์

มีความสุขกับการเรียนรู้ เพื่อยังประโยชน์ในภายหน้า ตลอดไป...นะคะ



เป็นบทความที่มีประโยชน์มากเลย...ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:10:40:40 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้ขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:12:45:29 น.  

 
เห็นด้วยเลยครับคุณเต้ย
เรารู้แต่อะไรที่ไม่ควรรู้
ในสิ่งที่รู้
เรากลับไม่รู้ซะอย่างนั้นเอง 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:13:27:11 น.  

 
อนุโมทนาบุญที่ถือศีลแปดในวันนี้ครับสาธุ


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:13:44:20 น.  

 

ความรู้ใหม่พี่อีกละ...ไข่ตานี ถือว่าเป็นเนื้อสัตว์ไม่สุก...


ขอบคุณจ้ะเต้ย





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:15:08:24 น.  

 
เเอบดูใน list มีหนึ่งเนื้อที่เราเคยกิน คือ เนื้อคน ( 555 ไม่ใช่ค่ะ เนื้อม้า) รีบอ่านเหตุผล อืมไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อยค้า



โดย: ellie@aggie วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:15:10:20 น.  

 
ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ


โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:16:14:30 น.  

 

อย่าลืมแวะมา ชมกันนะคะ เกศสุริยง
สร้างกริตเตอร์

แวะมาทักทายยามเย็น วันนี้ร้อนมากๆที่อ่างทอง อากาศแปรปรวนอยู่เรื่อยไปเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ช่วงนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะคะเดี๋ยวเจ็บป่วยไปจะไม่คล่องตัวกันนะคะ ขอให้มีสุขภาพดีๆนะคะคุณเต้ย


โดย: เกศสุริยง วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:16:17:52 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่เต้ย

สิ่งเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรรู้จริงๆ เลยค่ะพี่เต้ย

เพราะ บางคนก็ยังทำโดยที่ไม่รู้ แต่กลายเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว

แต่ผู้ไม่รู้ย่ิอมไม่ผิดไม่ใช่เหรอคะพี่เต้ย แหะๆ

ก็ว่ากันไป



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:18:12:18 น.  

 


เรื่องผี ตอนจบมาแล้วฮะ
ปล. โปรดพก ยันตร์ ฮู้ สายสิญปลุกเสก มาด้วย
ด้วยความปรารถดีจาก ผู้พบและนำมาเขียน



โดย: โสมรัศมี วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:19:08:41 น.  

 
Photobucket Pictures, Images and Photos

ของฝากจากเชียงคานนนน ^____^


โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:20:03:03 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะคุณไกด์ สบายดีนะคะ

ปล.มาศึกษาไว้ด้วยค่าาาา


โดย: Just a life วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:20:25:23 น.  

 
ยังไม่รู้อีกตั้งหลายอย่างเลยนะคุณเต้ย ถึงแม้จะบวชเรียนมาแล้วก็เถอะ เพิ่งรู้อะไรดีๆก็จากบล็อกนี้แหละ สุดยอดความรู้เลยจ้า


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:20:32:53 น.  

 
ต้องบอกเลยค่ะว่า บางเรื่องมาอ่านย้อนแล้ว
ก็ต้องก็อปเซฟเอาไว้เลยล่ะค่ะ เพราะว่า
อ่านแล้วง่ายต่อการเข้าใจได้ดี อย่างเรื่องของ
อาหารการกินที่ถวาย มาอ่านบล็อกวันนี้
เลยรู้แล้วว่าเค้ามีสาเหตุเพราะอะไรถึงห้ามถึงไม่ควร
อ้อ ... สงสัยมาตั้งนาน ^^


ขอบคุณสำหรับการโทรมาหาชวนไปแอ่วนะค่ะ
เสียดายจัง อดเลยค่ะ นี่ล่ะมั้งเน๊าะดวงคน
อดจะได้เที่ยวเลยล่ะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:0:20:05 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:5:52:05 น.  

 
รีบมาตอบที่ไม่กินปลาน้ำจืดเพราะว่า เกิดจังหวัดที่มีทะเลอะคะ (เหมือนกันนี่นา) มีปลาทะเลกินเยอะ พอมากินปลาน้ำจืดรู้สึกว่าเหม็นโคลน เหม็นคาว กินไม่ได้ซะงั้น เลยไม่กินถาวรค่ะ อิอิ เหตุผลมีแค่นี้แหละ


โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:8:54:15 น.  

 

...เมื่อน้ำใสกระจ่างแจ๋ว ก็จะมองเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และฝูงปลาได้ชัดเจน ฉันใด...

เอวํ อนาวิลมฺหิ จิตฺเต โส ปสฺสติ อตฺตทตฺถํ ปรตฺถํ

เมื่อจิตไม่ขุ่นมัว จึงจะมองเห็นประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่นได้ชัดเจน ฉันนั้น

มีความสุขกับการรักษาจิตมิให้ขุ่นมัวได้ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:10:07:04 น.  

 
สวัสดีค่ะสาวไกด์
เป็นความรู้ที่ดีจริงๆ ค่ะ หลายๆ เรื่องยังไม่รู้มาก่อนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ อย่างนี้ค่ะ



อากาศเย็นๆ ชงกาแฟร้อนๆ มาฝากค่ะ

วันนี้ นะคะ


โดย: PhueJa วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:11:38:31 น.  

 
อนุโมทนาบุญที่ถือศีลแปดในวันนี้ครับสาธุ


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:12:10:37 น.  

 
แวะมาอ่านสาระดีดีที่ควรปฏิบัติในการถวายของพระคะพี่เต้ย


โดย: sawkitty วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:16:53:45 น.  

 
เป็นบล็อกที่ให้ความรู้กับพุทธศาสนิกชนได้ดีเลยนะคะคุณเต้ย หาคนที่รู้เรื่องเหล่านี้น้อยลงทุกทีๆ คุณเต้ยให้ทานด้วยปัญญาแบบนี้ดีจังเลยค่ะ

ว่าจะชวนไปชิมไก่แช่เหล้าที่บล็อกซะหน่อย เห็นว่าคุณเต้ยถือศีลแปดอยู่ ไว้ค่อยแวะไปวันพรุ่งนี้ก็ได้นะคะ

อนุโมทนาบุญด้วยค่า... _/|\\_


โดย: L@st love วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:17:16:02 น.  

 
มาตอบนะคะ

ไม่ต้องห่วงค่ะพี่เต้ย หวานเย็นจะไม่ทานเนื้อคน เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือดาว เนื้อหมี เนื้อราชสีห์ เนื้อสุนัข เนื้องู รวมไปถึงเนื้อวัว เนื้อควายด้วยล่ะค่ะ เพราะหวานเย็นไม่ถนัดเปิบพิสดารอะค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:17:42:57 น.  

 
อ่านเรื่องดีๆก่อนนอนครับ


โดย: คนเคยผ่านมหาสมุทร วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:21:23:25 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:6:44:55 น.  

 


ละเอียดมากเลยค่ะ

ขอโทษด้วยนะคะ ที่หายไปหลายวัน
ช่วงนี้ยุ่งๆนะคะ งานยุ่ง รถก็มาพัง
ต้องตระเวณหาดูรถคันใหม่
ตอนนี้ได้แล้วค่ะ ไปไหนมาไหนสะดวกเหมือนเดิม
แล้วก็มาวุ่นๆจัดห้องใหม่ให้น้องแคทอีก
คงอีกสักพักได้กลับมาอัพบล๊อกเหมือนเดิม

สุข สดชื่นกับทุกๆวันนะคะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:7:00:11 น.  

 


*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*




. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .

. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .

. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .

..HappY BrightDaY..


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 22 มกราคม 2555 เวลา:0:04:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.