* + * + * + * + * รีวิวมาเก๊าตอนที่ 15 - ซากโบสถ์เซนต์ปอลแบบละเอียดยิบ * + * + * + * + *
สวัสดีค่ะ
หลังจากพาทุกท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของมาเก๊าดังนี้
ป้อมปราการเกีย (คลิกเพื่ออ่าน)
วัดเจ้าแม่กวนอิม (คลิกเพื่ออ่าน)
พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์และพิพิธภัณฑ์ไวน์(คลิกเพื่ออ่าน)
หม่ำที่ Restaurante Platao (คลิกเพื่ออ่าน)
ทาร์ตไข่ท่านลอร์ดและโบสถ์โคโลอาน (คลิกเพื่ออ่าน)
ดูโชว์ที่คาสิโน City of Dreams (คลิกเพื่ออ่าน)
ถนนสายอาหาร ณ ไทปา โจ๊กปู และไอศกรีม (คลิกเพื่ออ่าน)
พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา (คลิกเพื่ออ่าน)
เวเนเชี่ยน กาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ (คลิกเพื่ออ่าน)
การจองตั๋วเรือไปเซินเจิ้น และวัดอาม่า (คลิกเพื่ออ่าน)
เจ้าแม่กวนอิมริมทะเลและมาเก๊าทาวเวอร์ (คลิกเพื่ออ่าน)
ดูโชว์น้ำพุและต้นไม้ทองคำที่ Wynn (คลิกเพื่ออ่าน)
หม่ำๆ ที่ร้าน Long Kei ณ เซนาโด้สแควร์(คลิกเพื่ออ่าน)
ร้านนมตุ๋น Leitaria I Son ณ เซนาโด้สแควร์ (คลิกเพื่ออ่าน)
วันนี้จะพาไปเที่ยวสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของมาเก๊านั่นก็คือซากโบสถ์เซนต์ปอลนั่นเองค่ะ
ซึ่ง..เราขอรีวิวแบบละเอียดเป็นรายจุดๆ เลยนะคะ เพราะเท่าที่ดูรีวิวที่เคยหาเจอ ยังไม่เคยมีรีวิวบอกว่าแต่ละจุดของหน้าซากโบสถ์แห่งนี้มีเรื่องราวอะไร มีความหมายอย่างไรบ้าง ก็เลยขอทำไว้เก็บเป็นข้อมูลให้ตัวเองด้วยน่ะค่ะ แหะๆ
ซึ่งการไปซากโบสถ์นี้ เราไปตอนเช้าของวันสุดท้ายที่จะอยู่มาเก๊าค่ะ หลังจากที่กินอาหารเช้าที่โซฟิเทลเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบนั่งแท็กซี่ (แม้จนท.โรงแรมจะแนะนำว่า เดินหรือนั่งรถเมล์จะดีกว่า) เนื่องด้วยมีเวลาจำกัดเพราะต้องมาขึ้นชัตเติ้ลบัสของรร.เพื่อไปท่าเรือเฟอร์รี่ ซึ่งรถจะออกตอน 09.00 น.น่ะค่ะ
ก็นั่งแท็กซี่หมดไป 16 หรือ 17 เหรียญนี่แหละค่ะ (คือแท็กซี่วิ่งแล้วต้องวนๆๆ อ้อมไปน่ะค่ะ ก็เลยทำให้เสียตังค์เยอะ ทั้งที่จริงไม่ได้ไกลเลย แต่ทางบังคับน่ะนะ)
ถ้าหันหน้าเข้าซากโบสถ์ เราก็มองไปทางขวามือ ( คือถ้าเอาลงจากรถเลย จะมองไปทางซ้ายมือค่ะ แต่บอกอย่างนี้เผื่อใครจะไปจะได้จำง่ายๆ ว่า หันหน้าเข้าโบสถ์ มองไปทางขวามือ) อย่างอาวรณ์ เนื่องด้วยตรงที่ลูกศรชี้นั้นเป็นทางขึ้นไปพิพิธภัณฑ์มาเก๊าที่เค้าว่าโอที่สุดแล้วใน มาเก๊า (ในส่วนของพิพิธภัณฑ์)
แต่เราไม่ได้ไปง่ะ เพราะอย่างที่บอก เที่ยวอัดๆ มากๆ วางแผนผิดจริงๆ
แล้วก็เดินไปสู่หน้าซากโบสถ์เซนต์ปอลค่ะ ซึ่งโบสถ์นี้เป็นส่วนที่เหลือของโบสถ์มาแตร์เดอีในนิกายเยซูอิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยเซนต์ปอลซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1594 นะคะ อันเป็นโรงเรียนสอนศาสนาตามแบบตะวันตกแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกค่ะ
จนปี 1835 ไฟไหม้จนเหลือแต่ฐานโบสถ์และด้านหน้าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบันนะคะ ซึ่งก็ได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2005 ค่ะ
ต่อไปเรามาดูแต่ละส่วนของซากโบสถ์โดยละเอียดนะคะ (ข้อมูลจากแผ่นพับโบรชัวร์ของการท่องเที่ยวมาเก๊าที่มาเก๊าค่ะ และแม้ว่าเราจะเรียนโรงเรียนคริสต์ตั้งแต่ปอหนึ่งยันมอสาม แต่ความรู้ทางคริสตศาสนาก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ถ้าท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็บอกได้นะคะ)
หมายเหตุ ข้อมูลที่ทำตัวสีชมพู เป็นข้อมูลจากคุณ nene ณ เว็บเอชไฟลท์นะคะ ขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
จุดแรก จะอยู่ชั้นที่สาม (นับจากล่างขึ้นบนนะคะ) มุมฝั่งทางซ้ายมือ (ตามรูปแรกที่เขียนตัวเลขสีชมพูไว้อะค่ะ) มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Immaculate Conception นะคะ
ซึ่งน่าจะหมายถึงพระแม่มารีค่ะ (ปฏิสนธินิรมล)
"Je Suis L'Immaculee Conception" เป็นสิ่งที่พระนางมารี หรือคาทอลิกเรียกว่า "แม่พระ" บอกกับนักบุญเบเนดิกต์ ที่เมืองลูร์ด ประเทศฝรั่งเศส เพื่อยืนยันว่าท่านเป็นผู้ปฏิสนธินิรมล เป็นการปฏิสนธิพระเยซูเจ้าในครรภ์ของท่านั้นแหละค่ะ
ส่วนจุดที่สองเป็นรูปเทวฑูตแบกไม้กางเขนนะคะ (Angel carring a cross)
ต่อไปจุดที่สามค่ะ เป็นชื่อภาษาอังกฤษว่า The Dove representing Holy Spirit. Indication the "place" of Divinity
อันนี้ไม่แน่ใจนะคะว่าหมายถึงนกพิราบอันเป็นการแสดงถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงดินแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่า
พวกเราโรมันคาทอลิกเชื่อว่า พระจิตเจ้า ไม่มีรูปแบบค่ะ เป็นหนึ่งใน 3 พระบุคคลของพระเป็นเจ้า ในที่นี้พระจิตเจ้าถูกกำหนดให้อยู่ในรูปของนกพิราบ นอกจากนั้นยังปรากฎเป็นภาพของลิ้นไฟ (เปลวไฟเล็กๆ) และอื่นๆ
จุดที่สี่ค่ะ เป็น Angel carring a scourging pillar. ค่ะ อันนี้เราไม่มีข้อมูลในการอธิบายนะคะ
จุดที่ห้า God-child-saviour-of the world, accompanied by symbols of his passion/ redeeming death
น่าจะหมายถึงพระเยซูผู้ไถ่บาปให้มนุษย์ด้วยการตายของท่านนะคะ
จุดที่หกค่ะ
The sea Star guiding the Church in shape of "nau" crossing the Sea of Torments of Sin
จุดที่ 7 ค่ะ The Apocalyptic Woman smashing the 7-headed hydra.
แต่จุดนี้ ไกด์ท้องถิ่นบอกว่า คนมาเก๊าเชื่อกันว่า เอาพระแม่มารีมาเหยียบหัวมังกร ก็เลยทำให้โบสถ์นี้ถูกไฟไหม้หละค่ะ
งูในพระคัมภีร์เป็นสิ่งที่แทนความชั่วร้ายมาช้านาน ตั้งแต่สมัยของอาดัมและอีฟ
พระนางมารี ถือเป็น อีฟคนใหม่ ที่จะนำมนุษย์ไปสู่ความรอดจากบาป โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า (จุดที่ 5) จึงเปรียบได้ว่า พระนางมารีเป็นหนึ่งในแผนการไถ่บาปของพระเยซูเจ้าให้มนุษย์ (รูปจึงเป็นพระนางมารี ทำลายชั่วร้ายค่ะ)
จุดที่ 8 Lady of Assumtions surrounded by angels celebrating Her Ascension the Heaven
เราชาวโรมันคาทอลิกเชื่อว่าเมื่อพระนางมารีย์สิ้นพระชนม์ พระเยซูเจ้าบุตรของพระนาง (ในโลกนี้) ได้รับพระนางขึ้นสวรรค์ ทั้งร่างกายและวิญญาณ ("เป็นข้อความเชื่อ") โดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ค่ะ
จุดที่ 9 The power of Holy Spirit over the world
จุดที่ 10 Seven branches candle-holder (เลขเจ็ดนี่เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์เลยใช่ปะคะ? เคยได้ยินว่าอย่างนั้นน่ะนะ)
จุดที่ 11 ใช้ชื่อว่า Our lady ค่ะ ซึ่งในโบรชัวร์เน้นไปที่ตรงกลางของจุดที่ 8 นะคะ แต่ในโบรชัวร์จะเห็นพักตร์ท่านชัดกว่านี้
จุดที่ 12 ใช้ชื่อว่า The facade ซึ่งก็เป็นภาพด้านหน้าโบสถ์ค่ะ
จุดที่ 13 ใช้ชื่อว่า The Beautified Francisco de Borja ค่ะ
จุดที่ 14 St. Ignotius, the Founder
เนื่องจากโบสถ์นี้สร้างโดยคณะนักบวชที่ชื่อ เยซูอิต ในนิกายโรมันคาทอลิกค่ะจึงมีรูปนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านนักบุญ อิญาสซีโอ ผู้ก่อตั้งคณะฯ ค่ะ เยซูอิต เป็นภาษาอิตาเลียน แปลเป็นไทยว่า ทหารของพระเยซูเจ้า
มีประวัติเล็กน้อยค่ะ เยซูอิตเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยอยุธยานะคะ แต่คณะนักบวชแรกที่เข้ามาในอยุธยา คือ คณะโดมินิกันค่ะ ซากอารยธรรมหาชมได้ที่ บ้านปอรฺตุเกส ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ
จุดที่ 15 St. Francisco Xavier, the Apostle of the Orient
เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์ค่ะ ท่านเดียวกับที่โบสถ์ที่โคโลอานนะคะ
ความสำคัญของท่านก็ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในรีวิวตอนไปโบสถ์เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์หละค่ะ
เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ เป็นนักบุญค่ะ ท่านอุทิศตนเพื่อประกาศคำสอน ของพระเยซูเจ้า ณ ประเทศอันห่างไกล(มากกกกกกกกกก) ท่านมีแผนจะเข้ามาประกาศศาสนาในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่ท่าน มรณภาพ ซะก่อนค่ะ ศพของท่านอยู่ที่มาเลเซียนั่นแหละค่ะ (ที่เนินเซนต์ปอล มั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดจะมีรูปปั้นของท่านที่มีมือข้างเดียวอยู่ที่มะลักกา) (ย้ำนะคะถ้าจำไม่ผิด)
จุดที่ 16 The Beatified Luis Gonzaga ค่ะ
นอกจากนั้นก็เก็บรายละเอียดอื่นๆ มา ซึ่งคิดว่า ชาวคริสต์คงจะทราบความหมายแหละค่ะ
ถ้าท่านใดมีข้อมูลก็บอกเพิ่มเติมได้นะคะ
ข้างบน ที่มีรูปเยอะๆ นี่ ไม่มีข้อมูลในโบรชัวร์นะคะ ก็เลยให้ข้อมูลไม่ได้ แหะๆ
ภาพนี้เป็นโลโก้ของคณะนักบวชเยซูอิตค่ะ ปัจจุบันคณะนี้ยังทำงานอยู่ในประเทศไทยนะคะ พระสงฆ์บางท่านก็เป็นอาจารย์สอนในระดับมหาวิทยาลัย สถานที่ทำงานดังๆ ของท่านก็ได้แก่ บ้านเซเวียร์ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในต่างจังหวัดก็มีที่เชียงใหม่ค่ะ สวนเจ็ดริน รู้จักกันมั้ยเอ่ย
ส่วนนี่ก็เป็นชื่อโบสถ์นี้หละค่ะ
ส่วนรูปนี้ เหมือนอ่านเจอในรีวิวหรือหนังสือว่ามีความหมายบางอย่าง แต่จำไม่ได้แล้วง่ะ
ทั้งรูปปั้นด้านบน และรูปปั้นข้างล่างนี่จะอยู่บริเวณด้านหน้าของซากประตูโบสถ์แล้วนะคะ บริเวณรอบๆ นี่เรียกว่าจัตุรัสคอมปะนีออฟจีซัสค่ะ
ส่วนรูปนี้เป็นรูปหญิงสาวส่งดอกบัวให้ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาดีระหว่างโปรตุเกสกับประเทศจีน ซึ่งสร้างช่วงที่โปรตุเกสคืนมาเก๊าให้จีนค่ะ (ข้อมุลจากหนังสือได้เวลาเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊าของคุณอดิศักดิ์ จันทร์ดวงค่ะ)
จากนั้นเราก็เดินออกไปทางเซนาโ้ด้สแควร์นะคะ ระหว่างทางเจอร้านขายโปสการ์ดก็เลยซื้อมาค่ะ โปสการ์ดที่ซื้อมาสามแผ่น สองแผ่นเป็นแบบสามมิติค่ะ สวยดี ชอบๆ
จากนั้นก็เดินผ่านเซนาโด้สแควร์ ไปสู่โรงแรมและขึ้นรถของโซฟิเทลไปท่าเรือเฟอร์รี่ค่ะ
สำหรับการรีวิวซากโบสถ์เซนต์ปอลในบล็อกนี้ก็คงมีเพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าคงพอจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่คิดจะไปมาเก๊าและไปเที่ยวที่นี่กันบ้างนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
682517/4884/464
Create Date : 09 กรกฎาคม 2553 |
|
29 comments |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 18:47:55 น. |
Counter : 4706 Pageviews. |
|
|
|
วันนี้ได้เห็นซากเซนต์ปอลกับเรื่องราวเยอะจริงๆค่ะ
ไปเที่ยวไหนก็รักษาตัวด้วยนะคะ
อ่านๆดูแล้ว Blogger แต่ละท่านนี่เที่ยวเก่งกันจริงๆเลย
ดูแลตัวเองด้วยค่ะ