บันทึกรถพัง อาการที่ 3 - 4 หลังจากอุบัติเหตุ นอกจากความเสียหายภายนอกที่มองเห็นแล้ว ตัวเครื่องยนต์ก็เหมือนไม่พร้อมให้ขับซะแล้ว แต่จำเป็นต้องให้น้องขับไปโรงพัก เพื่อถ่ายรูปเพิ่ม ตัวแทนประกันถ่ายรูปไปไม่ครบ ด้านข้างรถถลอกไปเป็นทาง ก็ต้องเพิ่มรายการในใบเครมประกัน ตอนขับกลับจากโรงพัก เกิดอาการบางอย่าง อาการที่ 3....เสียงเครื่องยนต์ดังมาก ตอนเหยียบคันเร่ง นั่งอยู่ในรถก็กลัวรถระเบิดประมาณนั้นเลย รู้แล้วว่ารถไม่ปกติแน่ๆ ไม่เคยดังขนาดนี้มาก่อน ให้พี่ที่พอจะรู้เรื่องรถดู เค้าบอกว่าท่อน่าจะรั่วซักที่ แนะนำให้ไปอู่ซ่อมท่อ ปรากฏว่าต้องเปลี่ยนคอท่อเฮดเดอร์+ประเก็นท่อ ช่างบอกว่ามันรั่ว แล้วก็มีอะไรหลุดไปอยู่ข้างใน ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เพราะไม่ได้ไปด้วย ถามพี่มากไปเดี๋ยวโดนบ่นอีก แฮ่ เปลี่ยนเสร็จเสียงที่ดังๆก็หายไป ลองขับดูก็รู้สึกว่ารถแรงขึ้น เร่งทีไปปรู้ดเลย พี่บอกขับมา 100 กว่าสบายๆเลย รวมค่าเสียหาย 2,200 บาท คราวนี้พี่แมวจัดการพาไปเปลี่ยนให้ หมดปัญหาไปอีกเรื่อง แต่ยัง...ยังไม่หมด . . . อาการที่ 4.... ตามมาติดๆเลย ตอนพี่ขับพาไปเปลี่ยนท่อนั่นแหละ ก่อนออกจากบ้าน ได้ยินเสียง เอี้ยดดดดด ดังมาก แสบแก้วหูเลย ดังตอนที่หักพวงมาลัย เพื่อถอยหลังออกจากที่เก็บรถ พอกลับจากเปลี่ยนท่อเฮดเดอร์ พี่แมวบอกพวงมาลัยเบี้ยวแล้วนะ ต้องคอยจับไว้ตลอด ปล่อยพวงมาลัยไม่ได้เลย กินเลนเข้ากลางถนนทันที เราบอกไม่เคยเป็นแบบนี้นะ ตอนขับอยู่ก็เห็นตรงดี อาการใหม่อีกแล้วซีนะ ถามผู้รู้(มาก) เค้าบอกว่าเอาไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ซะ เอาล่ะซี คราวนี้จะกี่ตังค์กันล่ะนี่ แต่ยังไม่ซ่อมทันที เพราะไม่รู้ว่าจะพาไปอู่ไหนดี ช่วงที่กำลังถามหาข้อมูลจากคนรู้จัก ก็หัดขับไปเรื่อยๆก่อน เบื่อตัวเองมากช่วงนั้น อยากขับรถเป็นเร็วๆ แต่รถก็ไม่ค่อยเต็มใจซะเลย ก็พวงมาลัยมันเบี้ยวไปทางซ้ายเยอะมาก กลัวเหมือนกันว่าขับไปนานๆเข้า จะมีอะไรที่พังไปอีก ไม่กี่วันให้น้องขับไปตระเวนหาร้านซ่อม เจอร้านที่เค้าแนะนำมา ช่างบอกว่าพวงมาลัยเนี่ยเบี้ยว เดี๋ยวตั้งให้ใหม่ ส่วนถ้าจะให้ตั้งศูนย์ใหม่ยังไงก็ไม่แนะนำ เพราะยางเก่าแล้ว ตั้งศูนย์ไปก็เท่านั้น เปลี่ยนยางใหม่พร้อมตั้งศูนย์เลยดีกว่า สรุปว่ายางเก่าอีกอย่างนึงแล้วเหรอเนี่ย รับรู้ไว้แต่ยังไม่เปลี่ยนค่ะ สี่เส้นก็หมื่นกว่าเข้าไปโน่น เอาไว้ก่อน อิอิ ส่วนเสียงที่ดังเอี๊ยดๆเนี่ย ช่างบอกว่าสายพานหย่อน ปรับสายพานก็จะดีขึ้น ช่างบอกอย่างนั้นก็เชื่อ.... วันนั้นปรับพวงมาลัย ปรับสายพานให้ตึง ค่าแรง 200 บาท เออ...ถูกดีจังน้อ....แต่หารู้ไม่...ช่างวางยาซะแล้ว............. ปรับพวงมาลัยมาก็ไม่ได้ตรงเหมือนเดิม มันดันเบี้ยวไปอีกทางจากตอนแรก เบี้ยวซ้าย ตอนนี้ดันเบี้ยวไปทางขวาอยู่หน่อยนึง ซ้ายมั่ง ขวามั่ง เหนื่อยใจว้อยยย.... ให้น้องขับรถออกจากอู่ ด้วยความรู้สึกว่าไม่ค่อยเต็มร้อยเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยพวงมาลัยก็เบี้ยวน้อยลงอ่ะนะ ฮ่าๆๆๆ ออกจากอู่ก็ไปซื้อของในเมือง เลยไปเที่ยวงาน OTOP แถวๆนอกเมือง กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ปัญหาใหม่ตามมาทันที ได้กลิ่นไหม้มาจากไหนว้า เดินเข้ามาในบ้าน สงสัยแม่อุ่นกับข้าวอยู่บนเตามั้ง คิดไปนั่น... แม่ก็บอกไม่เห็นได้กลิ่นอะไร พอออกมาดูที่รถอีกที กลิ่นมันออกมาจากฝากระโปรงหน้านี่นา ลองเปิดฝากระโปรงดู ชัดเลย.... ลองก้ม ๆ ดม ๆ ดูแถวสายพานที่ไปปรับมา กลิ่นมาจากตรงนั้นแน่ๆ แต่ก็ยังคิดบวกอยู่ คงเป็นเพราะปรับสายพานมาตึงกว่าเดิม มันเสียดสีมากๆเข้า อาจจะได้กลิ่นไหม้บ้างเป็นปกติมั้ง สังเกตุอีกอย่างว่าเครื่องร้อนมาก เข้าบ้านไปนานแล้ว ออกมาดูใหม่ เครื่องยนต์ยังร้อนยังระอุอยู่เลย หรือว่าขับตอนเที่ยงมันเลยร้อนมากกว่าปกติหว่า ดูที่หม้อน้ำก็มีน้ำอยู่เกือบเต็มนี่นา ผิดปกติมากๆ บอกไม่ถูก ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่คิดว่าวันต่อมา จะต้องเจอปัญหาใหญ่อีกครั้ง . . . สนุกนะคะ อย่างที่บอกว่า ปัญหาทำให้เราเก่ง และแกร่งขึ้น ถ้าเราไม่เครียดไปกับมัน ปัญหาก็คือปัญหา แก้ได้เสมอ แค่มีสติ(และสตางค์) คราวหน้ามาเล่าใหม่ค่ะ.....   Create Date : 25 มีนาคม 2553 1 comments Last Update : 25 มีนาคม 2553 11:18:11 น. Counter : 1195 Pageviews. Share Tweet

ภายใต้ 25 มีนาคม 2553 12:25:57 น.