มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลฉะเชิงเทรา
เรือแล่นออกจากร้านอาหารเอกเขนกมุ่งหน้าไปบางคล้า โดยผ่านตลาดฉะเชิงเทรา ตลาดบ้านใหม่ และวัดต่าง ๆ
ผ่านรีสอร์ทริมน้ำ ชื่อรีสอร์ทบ้านบางปะกง เห็นแล้วน่าพักจัง แต่ราคาคงจะแพงอยู่นะเนี้ย
ผ่านเขื่อนทดน้ำบางปะกง
วิถีชาวบ้าน ที่เรายังพบเห็นอยู่ในลำน้ำบางปะกง
บ้านเรือนริมน้ำ
เจอกับเรือท่องเที่ยวที่วิ่งผ่านในเกาะลัดบางคล้า
สายน้ำและท้องฟ้า เข้ากันได้ดี สวยงามมาก อยากให้เพื่อนได้มาเที่ยวและเจอกับธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้นะคะ
นั่งเรือชมสองฝั่งมาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายแรกที่เราแวะกันคือ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศ องค์พระพิฆเนศ เนื้อสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ความสูงรวมแท่นฐาน 39 เมตร ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางตลาด อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
แวะขึ้นไปสักการะพระพิฆเนศ
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ ถ้ามีเวลาเราก็จะได้แวะตลาดน้ำบางคล้า แวะไหว้พระวัดปากน้ำ และแวะดูค้างคาวแม่ลูกไก่ และปิดท้ายด้วยแวะไหว้พระวัดสนามเหนือ แต่สุดท้ายเวลาของเรามีจำกัดเพราะวันนี้มีภาระกิจงานศพกันตอนเย็นเลยทำให้ไม่ได้แวะไหน ได้แต่นั่งเรือผ่านเก็บภาพกันบนเรือไปก่อน คราวหน้าคงได้ไปกันใหม่อีกที นำภาพมาฝากกันคะ
วัดปากน้ำ ตั้งอยู่ อ. บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ชมพระอุโบสถหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ทาสี ทองทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็น ภาพในหรือหรือนอกตัวอุโบสถ์ ที่งดงามตระการตาเป็น อย่างมาก และภายนอกวัด ก็มี เรือโบราณ ในสมัยก่อนที่อยู่ในยุค สมเด็จพระจ้าตากสิน โชว์ไว้อีกด้วย นอกจากนี้ภายในอุโบสถ ยังสามารถลอด ใต้ฐานพระประธานได้เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย แต่เดิม วัดปากน้ำโจ้โล้ เป็นสำนักสงฆ์ ในอดีตบริเวณนี้เป็น ที่ ตั้งของ ทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกทัพเรือไปปะทะกับกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต่อมาสมเด็จ พระเจ้าตากสิน มหาราชทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันได้มีการสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นสีทองทั้งหลัง
ผ่านศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ได้รับชัยชนะในการสู้รบกับพม่าบริเวณปากน้ำโจ้โล้ ทรงใช้เมืองฉะเชิงเทราเป็นเส้นทางเดินทัพผ่านในการกอบกู้เอกราช หลังเหตุการณ์เสียกรุง เล่ากันว่าก่อนหน้านั้น สถานที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของเจดีย์อนุสรณ์ชัยชนะของพระองค์คราวสู้รบกับพม่าในบริเวณนี้ ภายหลังเจดีย์ได้พังทลายลงในปีพ.ศ. 2484 โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ยังคงเล่าเรื่องราวสืบต่อกันมา และได้สร้างศาลพร้อมอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชนี้ขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2531
ตลาดน้ำบางคล้า มีลักษณะเป็นโป๊ะที่ยื่นลงสู่แม่น้ำบางปะกง และมีการค้าขายสินค้าทางเรือโดยส่วนมาก โดยมีการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างหลากหลายทั้งยังเป็นสินค้าที่ผสมผสานความเป็นไทยในอดีตกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นหีบห่อของอาหารที่ทำจากใบตอง ภาชนะใส่เครื่องดื่มทำจากดินปั้นเป็นต้น
เรือพายที่พายข้ามจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง
ผ่านวัดที่วัดโพธิ์บางคล้า ที่มีค้างคาวแม่ไก่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ค้างคาวแม่ไก่เป็นค้างคาวที่มีปีกสีดำ หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกคือ มีจมูกและใบหูเล็ก ตาใหญ่ ขนสีน้ำตาลแก้มแดง ในเวลากลางวันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เกาะกิ่งไม้ห้อยหัวลงมา ยามพลบค่ำก็จะออกบินไปหากิน
และที่สุดท้ายถ้ามีเวลาเราก็จะต้องแวะกันคือวัดสมานรัตนาราม เป็น วัดที่มีองค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูง 16 เมตร ยาว 22 เมตร เนื้อชมพู เป็นพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลักษณะกึ่งนั่งนอนตะแคง โดยพระหัตถ์ซ้าย ถืองาที่ หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว โดยรอบฐานมีพระพิฆเนศ 32 ปาง
จากนั้นก็แล่นเรือกลับกัน เก็บภาพบรรยากาศ มาเรื่อย ๆ ดูเงียบสงบและน่าสัมผัสดีจริง ๆ
ถึงก็ถ่ายรูปเล่นกันที่ร้านอาหารเอกเขนกกันนิดหน่อย ก่อนเดินทางกลับเพื่อไปทำภาระกิจต่อไป
ปิดทริปเดินทางด้วยภาพ ๆ นี้แล้วกัน เก็บเรือแล้วครับ....
ทริปครั้งนี้ต้องขอขอบคุณพี่ชายที่แสนดีของเรา ที่พาน้อง ๆ หลาน ๆ ไปสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวสายน้ำบางปะกง ซึ่งได้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และhappy กันไปตาม ๆ กัน เสียดายที่มีเวลาน้อย เลยได้แวะแค่แห่งเดียว ถ้ามีเวลาเยอะ ๆ เราคงได้เที่ยวตามจุดต่าง ๆ
งานนี้ฝากถึงเพื่อน ๆ ทุกคน ที่อยากไปทริปสนุก ๆ แบบเราได้นะคะ พี่ชายเราเขามีบริการเรือสปีดโบ๊ทท่องเที่ยวช่วงเสาร์-อาทิตย์ ล่องไปตามสายน้ำแม่น้ำบางปะกง มีไปทางบางคล้า กลับไปทางปากอ่าว เพื่อ เพื่อน ๆ คนใดสนใจติดต่อเบอร์โทรพี่ชายเราได้เลย
ติดต่อ คุณธนา ชะเอมทอง 086-3663564,089-9206040 ติดต่อสอบถามราคากันได้นะคะ ฝากไว้ด้วยแล้วกัน งานนี้ขอโฆษณาให้คุณพี่ชายที่แสนดีหน่อยคะ