<<
กันยายน 2559
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
20 กันยายน 2559

สบายดีหลวงพระบาง 16-18 ก.ย. 2559 ตอนที่ 1



16 ก.ย. 59

การเดินทางไปหลวงพระบางในตอนนี้ไม่ใช้เรื่องที่ยากเย็นแล้ว เพราะมีสายการบินแอร์เอเซียเปิดบินตรงจากดอนเมืองถึงหลวงพระบาง วันละ 1 เที่ยวบิน ไป-กลับ  ง่ายและสะดวกและประหยัดเงินเยอะเลย 

ช่วงเวลาที่เราเดินทางในครั้งนี้เป็นช่วงโลซีซั่น ค่าตั๋วเลยไม่แพงมากและค่าที่พักก็ราคาจะถูกกว่าช่วงหน้าท่องเที่ยว 

ครั้งนี้เราเดินทางไปกันเพียงสองคนกับคุณสามี เราเองเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว ที่ทำงานพาไปเที่ยว ติดใจในความเรียบง่ายและสงบ ในหลวงพระบาง เลยอยากไปอีกเลยชวนคุณสามีไปพักผ่อนกันสัก 3 วัน  

การเดินทางเราเริ่มต้น วันศุกร์ที่ 16 ก.ย. 59 ด้วยเที่ยวบินที่  FD1030  ออกจากดอนเมืองเวลา 14.10 น. ถึงสนามบินหลวงพระบางเวลา 15.05 น.  เราเดินทางไปถึงสนามบินกันเร็วมากไปถึงประมาณ 10 โมงกว่า ไปถึงก็ยังไม่ได้เวลาเช็คอิน เลยเดินเล่นยืนเล่นเพื่อรอเวลาที่จะเช็คอิน  เวลาเปิดเช็คอินและโหลดสัมภาระประมาณ 11 โมงกว่า พอได้เวลาเราก็ไปเช็คอินและโหลดสัมภาระ จากนั้นก็กรอกเอกสารออกนอกประเทศ และก็ทำไปตามขั้นตอนการตรวจคนออกนอกประเทศ และก็เข้าไปในเกท เพื่อเดินเล่น นั่งเล่นรอเวลา  ประมาณบ่ายโมงครึ่งเจ้าหน้าที่ทางสายการบินแอร์เอเซียก็ประกาศเรียกขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้เราไปขึ้นเครื่องกันที่เกท 6 


ระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องก็เดินเล่นถ่ายภาพเล่นไปเรื่อย ๆ 



ฟ้าแจ่มคะวันนี้  เลือกที่นั่งดีมากอยู่ตรงปีกเลย ที่นั่ง 18E, 18F ฮ่าๆๆ (บันทึกไว้ก่อน เพื่อคราวหน้าไปจะได้ไม่เลือกตรงนี้)



เข้าเขตประเทศลาวแล้ว ที่รู้คือมองไปด้านล่างเขียวมาก ต้นไม้ยังเยอะอยู่



และเวลา สามโมงกว่าเราก็มาถึงสนามบินหลวงพระบางกันแล้วคะ  ใช้เวลาในการบินประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เอง เร็วมาก ๆ

ลำนี้ละที่พาเรามาถึงจุดหมายปลายทาง 

มาถึงก็ไปต่อคิวรอตรวจคนเข้าเมือง เดินลงมาจากชั้นสองก็มาเจอด่าน ตม. ตรวจคนเข้าเมือง มองหาช่องสำหรับคนต่างชาติ  เจอก็เดินไปต่อแถว ได้เลย ตรงนี้ก็ง่าย ๆ ไม่มีอะไรเพียงส่งพาสปอร์ตและเอกสารที่แอร์แจกให้กรอกบนเครื่องให้กับเจ้าหน้าที่ ตม. และถอยมายืนตรงสัญญาลักษณ์รูปเท้า และตามองกล้องไว้ จะส่งยิ้มไม่ส่งยิ้มก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่เขาก็จะตรวจดูเองว่าหน้าตาคุณเหมือนกับในพาสปอร์ทหรือเปล่า ถ้าหน้าเดียวกันก็ให้ผ่านเข้าไปแบบสบาย ๆ



จากตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็ไปยื่นรอรับกระเป๋า แต่ไปถึงจริง ๆ กระเป๋าก็มาค่อยอยู่แล้วละคะ ไปถึงก็ไปหยิบกระเป๋าได้เลย 



รับกระเป๋าเสร็จเดินออกมาหน่อยก็จะมีร้านขายซิมโทรศัพท์ ถ้าใครต้องการซื้อซิมโทรศัพท์ก็ได้ มีให้เลือก ว่าจะใช้กี่วัน เราเลือก 3 วันในราคา 250 บาท ก็ไม่รู้นะว่าแพงไหม แต่ก็ใช้ดีนะ  สามวันนี้ก็ใช้เต็ม ๆ ให้คุ้ม แต่บ้างคนไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อก็ได้เพราะตามโรงแรมที่พักและร้านอาหารใหญ่ ๆ เขาก็จะมีบริการ wifi ให้อยู่แล้ว แต่เห็นมีคนไทยที่ไปทำงานที่นั้นบอกว่าถ้าไปซื้อในตลาดจะถูกว่านี้เป็นเท่าตัว ก็ลองเลือก ๆ ดูแล้วกัน 

จากซื้อซิมการ์ดเสร็จแล้วเราก็เดินออกมาด้านนอก ออกมาด้านนอกก็จะมาเจอร้านขายซิมการ์ดอีกนะคะ แต่ไม่รู้ว่าราคาจะราคาเดียวกันกับร้านที่เราซื้อหรือเปล่า ไม่ได้ถาม ด้านนอกนี้ก็จะมีให้แลกเงินกีบ เราก็เลยมาแลกเงินกีบไว้ใช้ ประมาณ 4,000 บาท (อุ๋ยเยอะไปไหมเนี้ย แต่ทริปนี้กะว่าจะใช้แต่เงินกีบ ) แลก 4,000 บาทได้กลับมาเก้าแสนกว่ากีบ แม้รวยในพริบตา มีเงินจะเป็นล้าน 



แลกเงินเสร็จแล้วเดินถัดไปนิดเดียวก็จะเจอกับจุดซื้อตั๋วขึ้นรถไปตัวเมืองหลวงพระบาง ณ จุดนี้เองที่ทำให้เรารู้จักกับพี่คนหนึ่งชื่อพี่อ๋อ พี่ท่านนี้เดินทางมาคนเดียว กำลังหารถเข้าเมืองแล้วเราก็เห็นที่เขาเขียนไว้ว่า 3 คนในราคา 50,000 กีบ พี่เขาเลยจะมาแจมด้วยจะได้สามคนพอดี แต่พอไปถามเจ้าหน้าที่ 3 คน 50,000 กีบต้องลงที่เดียวกัน แต่นี้เราลงคนละที พี่เขาเลยต้องจ่าย 50,000 กีบ ส่วนเรากับสามีก็จ่าย  50,000 กีบ  จากนั้นขึ้นไปบนรถ พี่เขาก็เลยคุยและทักทายกันว่ามาจากไหนและพรุ้งนี้จะไปไหนบ้าง ทางสามีเราเลยบอกว่าพรุ้งนี้จะไปน้ำตกพี่่เขาสนใจเลยขอไปด้วย เรากับสามีก็โอเค ดีมีเพื่อนร่วมทริปไปด้วยกัน ส่วนรถที่จะไปน้ำตกเราก็ถามกับพี่คนขับรถที่ไปส่งเราที่พักนี้เลยว่าจะเหมาไปน้ำตกราคาเท่าไร พี่เขาคิดอยู่ที่ 1,500 บาท เราก็เลยโอเค (ไม่รู้ว่าถูกหรือแพงอะ แต่เราไปกันสามคนก็คนละ 500 บาท ก็สะดวกดีไม่ต้องไปเดินหารถอีก)

รถตู้ขับมาส่งคนตามที่พัก ต่าง ๆ และมาส่งเราเป็นที่สุดท้ายเราพักกันที่ วิลล่า สันติ   เราได้ทำการนัดกับพี่ที่ขับรถตู้ว่าพรุ้งนี้ 10 โมงเช้าให้มารับพี่อ๋อก่อนที่โรงแรมที่พี่อ๋อพัก แล้วค่อยเลยมารับที่โรงแรม  

ภายในห้องพัก ถ่ายมาแค่เนี้ย เพราะรีบ ๆ ฮ่าๆๆ

มาถึงโรงแรมรีบเช็คอิน และเก็บของ และเตรียมตัวไปขึ้นพระธาตุพูสี แต่เรากับสามีต้องเดินไปรับพี่อ๋อที่ ที่พักของพี่เขาก่อน พี่เขาพักที่สายน้ำคานริเวอร์วิว จากที่พักเราไปที่พักพี่เขาไม่ไกลกันเท่าไร ไปรับเสร็จก็พากันไปเดินขึ้นพระธาตุพูสี เราเลือกที่จะขึ้นฝั่งที่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ เพราะฝั่งนี้บันไดไม่ชันมาก ขึ้นไปได้สักพักก็เป็นด่านเก็บเงิน เราต้องเสียค่าขึ้นพระธาตุ คนละ 20,000 กีบ ระหว่างเดินขึ้นก็มีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาเรื่อง ๆ ไม่ต้องกลัวเหงา ตอนเย็น ๆ แบบนี้นักท่องเที่ยวขึ้นไปกันเยอะ เพราะจะไปชมพระอาทิตย์ตก


ระหว่างทางเดินไปขึ้นพระธาตุพูสี


ทางเดินขึ้นพระธาตุพูสี


เพิ่งเริ่มต้นการขึ้นเท่านั้น จึงยังยิ้มไหวอยู่



ตรงนี้ละคะที่ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปพระธาตุพูสีในราคา คนละ 20,000 กีบ 



หยุดพักถ่ายรูป ถือเป็นการพักเหนื่อยไปด้วย



และแล้วเราก็ถึงพระธาตุพูสีกันแล้ว










เมื่อพระอาทิตย์ตก พวกเราก็พากันเดินลงจากยอดพูสี และมาเดินเล่นตลาดกลางคืนกันต่อ คือนี้ขอเดินสำรวจก่อนว่ามีอะไร แล้วพรุ้งนี้ค่อยมาเดินซื้อแล้วกัน





อันนี้น่ารักดี รู้ไหมว่าคืออะไร ได้ซื้อกลับมา 2 ชิ้น  ชิ้นหนึ่งน้องที่ทำงานฝากซื้อ อีกชิ้นซื้อมาไว้เล่น ราคาตัวละ 100 บาท แต่เราซื้อมาราคา 2 ชิ้น 30,000 กีบ คือแบบว่าต้องเดินดูหลาย ๆ ร้านและต่อ ๆดูนะคะ บ้างร้านลดให้เยอะ บ้างร้านลดน้อยแล้วแต่ว่าเราจะต่อได้เท่าไร แต่แม่ค้าเมืองหลวงพระบางน่ารักทุกคน ลดได้เขาก็จะลดให้ ก็เรียกว่าช่วย ๆ กันไป ทั้งคนซื้อคนขาย


เดินดูของได้สักพักก็พากันไปหาข้าวกินกัน มื้อเย็นนี้ เดิน ๆ อยู่แถวนั้นไม่รู้จะกินไร ก็ไปซื้อไก่ปิ้งกับข้าวเหนียวกิน 





ค่าอาหารเย็นนี้หมดไป 40,000 กีบ และมีน้ำเปล่ากับเบียร์ดำลาว 1่ ขวด ของคุณสามี สองอย่างอยู่ที่ 17,000 กีบ (ค่าน้ำ 10,000 กีบ ค่าเบียร์ดำลาว 7,000 กีบ )

กินข้าวเสร็จก็เดินเล่นอีกสักพัก  และก็กลับเข้าที่พัก 

สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก

แลกเงินไทย 4,000 บาท ได้ เงินกีบมา 932,120 กีบ  อัตรา  (1 บาท เท่ากับ 233.03)

1.ค่าตั๋วเครื่องบินแอร์เอเซีย ไป-กลับ 2 คน  10,816  บาท
2.ค่ารถแท๊กซี่ไปสนามบิน 180 บาท
3.ค่าข้าวที่สนามบิน 218 บาท
4.ค่าน้ำผลไม้และน้ำแร่ ที่ร้าน black canyon ในสนามบิน 95 บาท
5.ค่ายาแก้ไอและลูกอม ที่ร้าน Boots ในสนามบิน   66  บาท
6.ค่าซิมการ์ดลาว  250 บาท
7.ค่าที่พัก 2คืน 4,770 บาท (ที่วิลล่า สันติ)
8.ให้ทิปพนักงานยกกระเป๋าไป 50 บาท
9.ค่ารถเข้าเมือง 50,000 กีบ 
10.ค่าขึ้นพระธาตุพูสี  40,000 กีบ
11.ค่าน้ำดื่มขวดเล็ก 3,000 กีบ
12.ค่าไก่ย่าง ข้าวเหนียว 40,000 กีบ
13.ค่าน้ำขวดใหญ่และเบียร์ดำลาว 17,000 กีบ
14.ค่าขนม 25,000 กีบ 
15.ค่าข้าวจี่ (ขนมปัง) 10,000 กีบ
16.ค่าน้ำปั่น (น้ำแอปเปิ้ล+มะนาว)  10,000 กีบ
17.น้ำเปล่าขวดใหญ่่ 5,000 กีบ
18.โค๊กซี่โร่ 5,000 กีบ

รวมเงินไทย  16,445 บาท
รวมเงินกีบ 205,000 บาท ตีเป็นเงินไทย 879.72 บาท





Create Date : 20 กันยายน 2559
Last Update : 22 กันยายน 2559 21:06:30 น. 4 comments
Counter : 1204 Pageviews.  

 
ชอบพระธาตุสวยจัง
หิวตามของกินด้วย
อยากลองกินไก่ย่างเมืองลาว
ว้า.....ภาพน้อยเน๊าะ
งบหมดพรุ่งนี้ค่อยมาโหวต
พี่อุ้มมาเจิมชอบภาพสวยๆ จ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 21 กันยายน 2559 เวลา:15:48:46 น.  

 
เข้าใจความรู้สึกนั่งตรงกางปีเหมือนกัน กะถ่ายรูปวิวสวยๆตอนใกล้จะลงเจอปีกเต็มๆอย่างเซ็งเลย 555

ที่โรงแรมเค้าไม่ได้เอารถมารับให้เหรอครับ ดีนะที่เจอเพื่อนร่วมทริป เลยได้รูปคู่กันมาเยอะ พี่ไปทีไรไม่ค่อยมีภาพคู่ มีแต่วิว เห็นแล้วคิดถึงตลาดกลางคืนชอบเดินมาก ของกินก็เยอะดี รออ่านวันที่ 2 อยู่นะครับ

ชี้ไปที่ คห.1 สวัสดีครับคุณอุ้ม มาเร็วมากครับ


โดย: nongmalakor วันที่: 21 กันยายน 2559 เวลา:16:09:29 น.  

 
ไม่เห็นพี่ณีอัพบล็อกนานแล้ว คิดถึง


โดย: sawkitty วันที่: 21 กันยายน 2559 เวลา:20:09:22 น.  

 
สวยจังค่ะ วิวบน พระธาตุพูสีิ ว่าแต่จ๊อกจะมีปัญญาเดินขึ้นไหวมั๊ยน๊อ อยากเดินตลาดกลางคืนมั่งจังค่ะ รอๆๆวันที่สองนะคะ ใช้กล้องตัวใหม่ตัวเล็กถ่ายหรอคะ สนุกกกๆค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: จ๊อก คนชุมแสง IP: 1.46.72.148 วันที่: 22 กันยายน 2559 เวลา:7:47:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paerid
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




Paerid Bloggang

[Add paerid's blog to your web]