ทริปพักผ่อน ณ หัวหิน 2 วัน 1 คืน (28/2555)

15-16 กันยายน 2555

อีกครั้งกับการไปหัวหิน ทริปนี้เดินทางกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องไปกันที่หัวหิน กะจะไปพักแถว ๆ สวนผึ้งแต่นั่ง ๆหาที่พักแถบทางสวนผึ้งแล้ว รีสอร์ทที่ต้องการจะพักก็เต็มซะเป็นส่วนใหญ่ เลยเปลี่ยนไปทางแถวอื่นแทน และเผอิญไปเจอ บริษัทที่ขายที่พักของ คอนโด Navio มาออกบูทที่เซ็นทรัลเข้าพอดี ก็เลยบอกกับเซลที่ขายว่าให้ลองเช็คดูถ้า เสาร์-อาทิตยฺ์นี้ว่างเราก็จะซื้อกิ๊ฟวอชเชอร์ของคุณเลย ทางเซลเขาก็โทรเช็คให้ ตกลงว่างก็เลยซื้อมา 1 คืน (ซึ่งจะได้พร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น) ที่พักที่ Navio จะเป็นคอนโดที่ไม่อยู่ติดกับทะเล แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะทริปนี้ตั้งใจอยากไปนอนเล่นพักผ่อนมากกว่า

เราออกเดินทางจากบ้านกันตอนเก้าโมง ขับรถกันแบบไม่เร่งรีบ ค่อย ๆ ไปเราใช้เส้นพระราม 2 ไปเลี้ยวซ้ายตรงแยกวังมะนาว ก่อนถึงแยกเห็นวัดวังมะนาวเลยจอดรถ ขอสักรูปสองรูปสวยดี

อีกไม่ไกลนะ หัวหิน แค่ 103 กิโล เอง  แต่เราจะแวะที่ตัวเมืองเพชรบุรีกันก่อน เพระจะไปไหว้พระ

วิ่งกันมาเรื่อย ๆ ก็เข้าเขตจังหวัดเพชรบุรีแล้ว... วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนมาก คงไม่รอดแน่

เราแวะไปไหว้พระที่ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีอายุนับพันปี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด "วรวิหาร" ซึ่งเป็น 1 ใน 4 วัด ของจังหวัดเพชรบุรี

วัดมหาธาตุวรวิหารตั้งอยู่ในเขตเทศบาล กลางใจเมืองเพชรบุรี ริมแม่น้ำเพชร ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 500 เมตร ภายในวัดมีพระปรางค์ห้ายอด สร้างตามศิลปะขอม ปรางค์แต่ละองค์สร้างด้วยศิลาแลง ปรางค์องค์ใหญ่สูง 42 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ภาพปูนปั้นที่ประดับอยู่ตามพระอุโบสถวิหารหลวง รวมถึงศาลาภายในวัดล้วนเป็นฝีมือช่างเมืองเพชร ซึ่งงดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนั้นในวิหารยังบรรจุพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเพชรบุรีนับถือมาก คือ รูปหลวงพ่อวัดมหาธาตุ รูปหลวงพ่อบ้านแหลม และรูปหลวงพ่อวัดเขาตะเครา

เมื่อไหว้พระที่วัดมหาธาตุกันเสร็จแล้วก็ไปต่อที่วัดพระพุทธไสยาสน์(วัดพระนอน) เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของ จังหวัดเพชรบุรีไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นโบราณสถานประกาศให้ขึ้นทะเบียน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 เป็นพระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่องค์หนึ่งในจำนวน 4 องค์ ที่มีอยู่ในเมืองไทย มีความยาว ถึง 43 เมตร ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง

เมื่อไหว้พระที่นี้เสร็จแล้วก็แวะไปทานข้าวกลางวันกันที่  ร้านผัดไทยท่ายาง 2

จากทานข้าวกันเสร็จก็ได้เวลาออกจากตัวเมืองเพชรบุรีแล้ว จุดหมายต่อไปคือการแวะเที่ยวให้อาหารแกะ ถ่ายรูปเล่นที่ Swiss sheep farm

เก็บมาฝากคะ ซานโตรินี่ จะผ่านก่อนถึงฟาร์มแกะ ได้แต่ผ่านไม่ได้แวะ

Swiss sheep farm เป็นฟาร์มแกะที่เพิ่งเปิดใหม่อยู่ก่อนถึงชะอำ  ช่วงที่เราไปถึงท้องฟ้าอย่างแจ่มเลย แดดแรงมาก ถ่ายรูปเวลานี้ได้ฟ้าสวย แต่ก็สู้กับแดดไม่ค่อยไหวเหมือนกัน

ก่อนจะเข้าไปใน Swiss sheep farm ต้องไปซื้อบัตรก่อนนะคะ ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท แต่เราสามารถนำหางบัตรไปแลกหญ้าเพื่อให้อาหารแกะได้คะ แต่แกะที่นี้คงอิ่มมั่งคะ ให้หญ้าไม่อยากกินกันเลย สงสัยวันนี้คงได้กินหญ้าเยอะแน่ๆ แกะเท่าที่เห็นๆ ก็มีไม่กี่ตัวเอง

นอนกันแล้วอะ สงสัยจะอิ่มมาก

ไปถึง คุณสามีก็อยากจะยิงธนู เลยจัดให้คะ ชุดละ 100 บาท จัดไปสองชุด เพราะเราไปแย่งเขายิงเลยต้องจัดเพิ่มอีกชุดหนึ่ง

มีมุมให้ถ่ายรูปหลายมุมเลย แบบนี้ชอบ ๆ คะ แต่วันนี้คนเยอะไปหน่อย แต่ละมุมเลยไม่ค่อยว่างอะคะ

สวยไหม (นางแบบ,สถานที่ )

อีกสักรูปก่อนจะกลับ

นับว่าที่นี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่บรรดาช่างกล้อง และนางแบบนายแบบชอบนะคะ  ถ้าผ่านไปแถวชะอำก็ลองแวะเข้าไปดูกันนะคะ สวยดี

หลังจากเดินถ่ายรูปกันได้สักพักก็ออกคะ ร้อนมาก แดดดีเกินไป เดินไม่ไหวแล้ว ที่จริงก็อยากถ่ายให้เยอะกว่านี้ แต่เพราะสู้กับแสงแดดไม่ไหวเลยต้องยอมแพ้กลับก่อนดีกว่า จุดหมายต่อไปของเราคือที่พัก ที่ Navio คอนโด หัวหิน ไปถึงที่ Navio ก็จะสี่โมงเย็นแล้วคะ ถึงก็เข้าห้องพักผ่อน นอนเล่นรอเวลาสัก 6 โมงเย็นก็ลงไปทานอาหารเย็น  อาหารเย็นไปทานตรงร้านข้าง ๆ คอนโด  ซึ่งอาหารเย็นจะจัดเป็นชุดมาให้ กับข้าว 3 ถ้วย ข้าวสองจาน น้ำหนึ่งขวด และขนมหวานสองถ้วย ซึ่งเป็นมื้อฟรีที่อยู่ในโปรโมรชั่นของพัก

หน้าตาอาหารเย็นคะ(กับข้าวมี มัสมันไก่ ไข่เจียวหมูสับ ผัดผักรวมมิตร เฉาก๊วย)

ทานข้าวกันอิ่มก็ออกไปเดินที่ตลาด cicada จากที่พักไปตลาด cicada ก็ประมาณ 300 เมตร ใช้เวลาในการเดินไม่นาน เรามา cicada ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ดูเหมือนสินค้าน้อย ๆ ลง คนน้อยลง สินค้าส่วนใหญ่ก็จะซ้ำ ๆ กันซะเยอะ ที่ถูกใจที่สุดในตลาดก็คือการแสดงละครเวที นี้แหละ ทีแรกก็ไม่คิดจะดู แต่พอยืนดูอยู่แป๊บหนึ่ง อุ้ยสนุกดีนะ ดูเพลินดี นักแสดงจำชื่อเรื่องไม่ได้ซะแล้ว  เรียกว่าเป็นการแสดงที่ดีเชียวละ

การแสดงเริ่ม เวลาทุ่มสี่สิบ ใช้เวลาในการแสดง 45 นาที

ดูการแสดงที่ Cicada เสร็จก็เดินกลับไปที่คอนโด เพื่อไปเอารถ ขับไปเดินเล่นตลาดโต้รุ่งหัวหินต่อ เราขับรถไปจอดกันตรงสถานีรถไฟหัวหิน และก็เดินไปตลาดโต้รุ่ง ซึ่งไม่ไกลกันเท่าไร

เดินอยู่ในตลาดโต้รุ่งก็จะเจอกับตลาดฉัตรศิลา ซึ่งเป็นตลาดเปิดใหม่ อีกแห่งแต่ก็อยู่ติดกับตลาดโต้รุ่งนี้ละคะ เลยแวะเข้าไปเดินได้นิดหนึ่ง เพราะทั้งเราและคุณสามีเริ่มจะเดินกันไม่ไหวแล้ว เมื่อยไปหมด อยากกลับห้องนอนแล้วละ

สินค้าแนวนี้ใครชอบก็เลือกซื้อได้เลยนะ แต่สำหรับเรามันไม่ใช้ ฮะๆๆ

ร้านทำพวงกุญแจ ในตลาดโต้รุ่งเจอหลายร้านอยู่เหมือนกัน เราแวะซื้อร้านนี้ พอเห็นคนขายคุณสามีก็บอกว่าเป็นร้านที่เคยซื้อเมื่อครั้งที่แล้ว อ้าว! เหรอ ไม่รู้จำหน้าไม่ได้ เลยได้อุดหนุนเจ้าเดิม ...เจ้าอื่นก็อย่าน้อยใจนะ

ปิดด้วยภาพสุดท้ายในค่ำคืนวันนี้นะคะ ด้วยร้านโรตี ซึ่งมีหลายร้านมาก ไม่รู้เขานิยมกันร้านไหน เราเห็นร้านนี้ตอนเดินขาไปคนแน่นร้านพอกลับมาคนไม่มีเลยแวะซื้อหน่อย

จากเดิน ๆ ดูในสามตลาด สินค้าก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเท่าไร ตลาดโต้รุ่งก็จะมีของกินขายเยอะ หน่อย   เรามาเดินในคืนนี้ก็ซื้อโรตี และบาร์บีคิว กะพวงกุญแจ แค่นี้แหละ  เดินเสร็จก็กับเข้าที่พักนอนละ เช้าวันพรุ้งนี้ค่อยว่ากันใหม่

----------------------------------------------------------------

เช้าวันอาทิตย์ วันนี้ไม่รีบร้อนคะ ตื่นก็เกือบแปดโมง ล้างหน้าล้างตาแล้วชวนคุณสามีลงไปทานอาหารเช้ากัน ก็ไปทานที่ร้านเดิมนี้ละคะ เช้านี้มีขนมปัง ไส้กรอก ไข่ดาว กาแฟ

หลังจากทานเสร็จก็เดินไปเซเว่น ใกล้ ๆ นั้นแหละ คุณสามีไปหาซื้อของกินเพิ่ม บอกว่าไม่อิ่ม ฮะๆๆ

กลับจากเซเว่นก็ขึ้นไปนอนเล่น ดูทีวี อ่านหนังสือ จนได้เวลาประมาณ สิบโมงกว่าก็อาบน้ำแต่งตัว และก็ออกเดินทางกลับ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวแล้วออกจากที่พักช้าแบบนี้ ปกติเราไปเที่ยวไหน พอเช้ามาก็จะรีบ ๆ กลับ รีบออก แต่ครั้งนี้ไม่ใช้ เป็นอะไร ที่ชิว ๆ สบาย ๆ ไม่รีบไม่ร้อน เพราะโปรแกรมในวันนี้เราไม่มีอะไรมาก นอกจากจะแวะหาร้านอาหารอร่อย ๆ แถวบางตะบูน ทานเท่านั้นเอง  ขากลับในวันนี้เราไม่ใช้เส้นทางที่มาเมื่อวานแล้ว เราเปลี่ยนใช้เส้นด้านในติดทะเล แวะไปทางชะอำ แวะไหว้พระที่วัดเนรัญชราราม ก่อนกลับบ้าน วัดนี้เราเคยมาเมื่อสองปีที่แล้ว ครั้งนี้ผ่านเลยแวะไหว้พระกันก่อนกลับ  เอาประวัติวัดมาฝากนิดหน่อยคะ

วัดเนรัญชราราม ตั้งอยู่ริมทะเลบริเวณด้านทิศเหนือของหาดชะอำ ชื่อวัด เนรัญชราราม ได้รับการตั้งให้สอดคล้องกับชื่อวังมฤคทายวันซึ่งสร้างโดยรัชกาลที่ 6 ตามเรื่องราวในพุทธประวัติเกี่ยวกับแม่น้ำเนรัญชราและป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สิ่งสำคัญที่น่าสนใจในวัดได้แก่ พระอุโบสถลักษณะทรงอินเดีย ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นในประเทศไทย เป็นพระอุโบสถที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2377 พระประธานในพระอุโบสถ คือ หลวงพ่อทอง สร้างเมื่อปี 2478 เป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ บริเวณลานกลางแจ้งมี พระพุทธรูปปิดทวารทั้ง 9 ที่ไม่เหมือนที่ใดในประเทศไทย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2527 เพื่อให้ประชาชนที่มาเที่ยวชะอำได้มีสิ่งสักการะ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาว นั่งปิดทวารทั้ง 9 คือ ตาสอง จมูกสอง หูสอง ปากหนึ่ง ทวารหนัก ทวารเบา รวมเป็น 9 เป็นปริศนาธรรมซึ่งหมายความถึงการตัดกิเลสโดยวิธีปิดช่องทางการเข้าและออกของกิเลสหรือสิ่งไม่ดีงามทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีศาลาจตุรมุขประดิษฐานรอยพระพุทธบาททองเหลือง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2491 และรูปหล่อพระครูสุนทรวิโรจน์ (สงวน ชาคโร) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้เป็นระยะเวลานานถึง 52 ปี และได้สร้างความเจริญให้แก่วัดและท้องถิ่นเป็นอันมาก

 ไหว้พระกันเสร็จก็เดินทางกันเลยคะ ชอบเส้นทางนี้จัง รถน้อย แถมสองข้างทางมีวิวให้ดูเยอะดี ขับกันแบบเรื่อย ๆ ชิว ๆ ไม่เร่งรีบ

เส้นทางนี้หน้าปั่นจักรยานจัง มีทางสำหรับจักรยานด้วย

คุณสามีจอดรถลง ไปถ่ายรูปข้างทาง ฮะๆๆ เห็นมีจุดชมวิวเยอะมากเลย เลยจอดซะหน่อย

และเราก็มาแวะกันอีกที่ที่หาดเจ้าสำราญ แวะถ่ายรูปเล่น

ที่หาดเจ้าสำราญ ก็พอมีคนบ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่ ผู้ใหญ่ ๆ ก็จะปูเสื้อนั่งอยู่บนฝั่งทานข้าวกัน ส่วนเด็ก ๆ ก็จะลงไปเล่นน้ำกันคะ หาดเจ้าสำราญเป็นหาดที่ไม่พลุกพล่าน เหมาะกับการนั่งพักผ่อนเป็นอย่างดี

เก็บภาพชายหาดมาเยอะเหมือนกัน

ถ่ายรูปเล่นกันได้สักพัก ก็ออกเดินทางกันต่อ ขับกันมาเรื่อย ๆ เจอนาเกลือเยอะไปหมด แต่ไม่เห็นเกลือเท่าไรเลย หรือว่าช่วงนี้ไม่ใช้ช่วงทำนาเกลือละเนี้ย

ชอบจริง ๆ เส้นทางนี้ รถน้อย ขับกันเพลิน ๆ

ขับกันมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบางตะบูน ผ่านร้านเรือแลแล ผ่านร้านครัวบางตะบูน สองร้านนี้คนเยอะมาก  พี่แป๊ะตั้ง GPS ไว้ที่ร้าน แม่จินดา เพราะคุณพี่เขาอยากทานฮ่อยจ๊อ เราเลยแวะกันที่ร้านนี้ แวะทานข้าวกันด้วย

ฮ่อยจ๊อที่นี้อร่อยจริง  ๆ ชอบมาก ยังซื้อกลับมาบ้านอีกครึ่งกิโล 

หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จก็ออกเดินทางกลับบ้าน โดยที่ไม่ได้หยุดแวะที่ไหนอีกเลย ขับมาถึงมหาชัย ก็เจอกับฝนตกลงมาอย่างแรง ตกแรงมาก มองไม่เห็นทางเลย เลยต้องค่อยๆขับกันมาเรื่อยๆ กลับถึงบ้านสี่โมงกว่า

ทริปนี้เป็นทริปง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่มีอะไรเร่งเรีบ

ค่าใช้จ่ายในทริปนี้หมดไปทั้งหมด
ค่าที่พัก 2,500 บาท
ค่ากินและอื่น ๆ 2,236 บาท
ค่าแก๊ส  550 บาท

Create Date : 17 กันยายน 2555		8 comments
Last Update : 19 กรกฎาคม 2556 16:10:01 น.
Counter : 18018 Pageviews.
Share Tweet