สวนผึ้ง ราชบุรี 2 วัน 1 คืน /2556
15-16 มิ.ย. 56 ตั้งแต่มาเริ่มต้นใช้ LINE กันนี่ทำให้เราและเพื่อนรัก ได้ติดต่อพูดคุยกันมากขึ้น ได้คุยกันทุกๆ วัน และก็ได้นัดพบปะ และนัดเที่ยวกัน ทำให้รู้ว่าเราไม่ห่างไกลกันเลย ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะอยู่กันคนละจังหวัดก็ตาม เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้เรามาใกล้กันมากขึ้นแบบนี้ต้องยกข้อดีให้เทคโนโลยี และทริปนี้ก็เกิดจากการที่ต่างคนต่างอยากเที่ยว อยากเจอกัน ก็เลยเกิดทริปเล็ก ๆ ขึ้นมา เอาแบบไปง่าย ๆ ชิว ๆ ก็นี่เลยสวนผึ้ง เพราะเพื่อนรักเราทั้งสองยังไม่เคยมาเที่ยวที่สวนผึ้งเลย เราเลยจัดการหาที่พัก และสถานที่เที่ยว ทีแรกคุยกับเพื่อนว่าจะเลือกพักที่บ้านริมเขา เพราะบ้านริมเขาจะติดริมน้ำด้วยเผื่อจะได้เล่นน้ำกัน แต่สุดท้ายโทรไปสอบถามทางบ้านริมเขา ที่พักของเขาเต็มแล้ว เราเลยต้องมาหาใหม่ สรุปไปสรุปมาก็มาเลือกพักที่ Panalee Home And Camping ซึ่งเป็นที่พักที่เราเคยไปพักมาแล้ว ที่นี้บรรยากาศดี เราเลือกพักบ้านที่เป็นสองห้องนอน (ชื่อบ้านช้างกระ) เพราะไปกันสี่คน ช่วงที่เข้าพักก็ได้ราคาโปรโมชั่นสะด้วย ลดไป 20 % จากราคาเต็ม เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนทาง Panalee เขาจัดโปรโมชั่นสำหรับหน้าฝน ถ้าใครมาพักที่นี้มีส่วนลดให้ห้องละ 20 % (เฉพาะช่วงนี้ละคะ ) จากเมื่อได้ที่พักแล้ว ก็มาเซต ตารางการท่องเที่ยวกันว่าจะไปที่ไหนบ้าง และแล้วก็ถึงวันเดินทาง วันนี้ เพื่อนสาว 2 คนเดินทางมาถึงที่ บ้านเราเวลา 7.30 น. เอารถมาจอดไว้ที่บ้านและไปคันเดียวกัน เราเริ่มต้นออกเดินทางจากบ้านนนท์เวลา 8.00 น. ในแผนการเดินทางทำไว้ว่าจะแวะทานข้าวเช้ากันที่ร้านต้มเลือดหมูสาหร่าย แถวถนนกาญจนาฯ ตรงนี้ตัดทิ้งไปเลย เพราะตอนเช้าคุณสามีเราเขาปั่นจักรยานไปซื้อหมูปิงมาเตรียมไว้ต้อนรับเพื่อน ๆ แล้วมื้อแรกก็เลยทานหมูปิงกันไปก่อน ออกจากบ้านนนท์ก็ตรงไปเข้าตัวเมืองราชบุรีเลย จากแผนบอกว่าถึงราชบุรีจะแวะทานก๊วยเตี๋ยวก่อนแต่เอาเข้าจริงไปถึงราชบุรียังไม่เที่ยงเลย แค่ 10 โมงกว่า ก็เลยไปแวะไหว้พระกันก่อนที่วัดมหาธาตุ
วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สร้างตั้งแต่สมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งเขมร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่เกือบใจกลางเมืองราชบุรีทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำแม่กลอง เดิมเรียกว่า วัดหน้าพระธาตุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มีพระปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงสูง12วา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่พระปรางค์เป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
จากไหว้พระกันเสร็จก็ ไปทานข้าวกลางวันกันต่อ เราไปทานข้าวกลางวันที่ร้านก๊วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม เป็นร้านดังที่ออกสื่อทางเน็ต ไปถึงร้านแค่ 11.30 น. คนค่อยข้างเยอะเหมือนกัน กินกันเสร็จก็ไปต่อ
ทีแรกกะว่าจะไปสวนผึ้งกันเลย แต่เห็นว่าเวลามีเยอะ คุณสามีเลยออกนอกแผนที่เราจัดไว้ โดยพาไปแวะไหว้พระพุทธนิรโรคันตราย กันก่อน ซึ่งพระพุทธนิรโรคันตราย ตั้งอยู่ที่เขาแก่นจันทร์ "พระพุทธนิรโรคันตราย" มีชื่อเต็มซึ่งเป็นนามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ" หรือ "พระพุทธรูปสี่มุมเมือง"
ซึ่งมีอยู่ 4 องค์ทั่วประเทศ ได้แก่ ทิศเหนือ อยู่ที่ ศาลหลักเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ทิศใต้ อยู่ที่ จังหวัดพัทลุง ทิศตะวันออก อยู่ที่ วัดศาลาแดง จังหวัดสระบุรี ทิศตะวันตก อยู่ เขาแก่นจันทน์ จังหวัดราชบุรี
ซึ่งถูกจัดสร้างขึ้นตามความเชื่อและโบราณประเพณีของบ้านเมืองที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องขอบขัณฑสีมาทั้งสี่ทิศ โดยการสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศนั้นเป็นการสร้างพระพุทธรูปแบบ "จตุรพุทธปราการ" กล่าวคือเป็นการนำเอาวัดหรือพระพุทธรูปเป็นปราการทั้งสี่ด้าน เพื่อปกป้องภยันตรายจากอริราชศัตรู ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมสร้างดวงชะตาแก่บ้านเมืองและคุ้มครองพสกนิกรทั้งมวลให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
หลังจากไหว้พระพุทธนิรโรคันตราย เสร็จแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่เที่ยวของสวนผึ้ง จุดแรกที่แวะเที่ยวก็คือ โมอาย (เป็นตามแผนว่าจะแวะที่นี้) ไปถึงที่นี้อากาศดีมากฝนลงมานิดหน่อย พวกเราก็แค่แวะถ่ายภาพกัน นิดหน่อยแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ไม่ได้ไปชิมกาแฟของที่นี้เลย เพราะเพิ่งกินกาแฟกันมาคนละแก้วแล้ว
จากนั้นก็ไปแวะกันต่อที่ บ้านหอมเทียน ใช้เวลากันที่นี้เยอะพอสมควร ถ่ายรูปเล่น เลือกซื้อของฝากต่างๆ
จากนั้นก็ตกลงกันว่าจะเข้าที่พักเลย เพราะอากาศดีเกินไป เพราะฝนตก เลยอยากเข้าไปพักผ่อนกันมากกว่า ระหว่างทางที่จะไปที่พัก ออกจากบ้านหอมเทียนขับรถมาได้หน่อย ก็จะมาเจอกับเบลลิสซิโม่ ได้แต่มองผ่าน ๆ และกดภาพมาได้ 1 ภาพ
จากนั้นก็ขับมาเรื่อย ๆ ที่พักเราจะอยู่เส้นทางไปธารน้ำร้อนบ่อคลึง ก่อนจะเข้าที่พักก็ขับเลยไปแวะธารน้ำร้อนบ่อคลึกกันก่อน ไปถึงธารน้ำร้อนฝนตกอีก ก็ไม่มีใครยอมลงจากรถ ขอกลับเข้าที่พักดีกว่า ก็เลยกลับกันเลย
ถึงที่พักก็เช็คอิน รับกุญแจห้อง เข้าพักห้องใครห้องมัน เรากับเพื่อน ๆ ก็อาบน้ำ อาบท่าให้สบายตัวหลังจากนั้นก็ออกไเดินเล่นที่ พาโนซ่า (ก็อยู่ในรีสร์อทนี่แหละ) ปล่อยให้คุณสามีนอนพักผ่อนไปตามสบาย
ที่พาโนซ่า ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย มีเพียงเราสามคน และก็น้อง ๆ พนักงาน ดีมากเลย จะถ่ายรูป มุมไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนรอถ่าย เหตุผลที่ไม่มีใครก็เพราะว่าฝนตกนั้นเอง แต่พวกเราก็ไม่หวั่นคะ ฝนตกก็ถ่ายรูปเล่นกันได้เสมอ ถ่ายในร่มบ้าง เดินไปให้เปียก ๆ ฝนบ้าง เป็นที่สนุกสนานของบรรดาสาว ๆ แบบพวกเรา
ถ่ายรูปกันได้สักพักก็ชวนกันเข้าไปทานไอศรีม และขนมเค๊กกัน เพื่อเป็นการฆ่าเวลาช่วงฝนตก และ ไปกินกันแบบไม่มีเงินเลย เพราะทีแรกที่ออกจากห้องพัก ตั้งใจมาถ่ายภาพกันอย่างเดียวเลยไม่ได้หยิบเงินกันออกมาเลยสักคน ก็ต้องบอกน้องพนักงานเขาว่า เราพักห้องอะไร เดียวค่อยตามไปจ่ายให้อีกทีหนึ่ง
ขอโฆษณานิดหนึ่งไอศรีมกับขนมเค๊กที่นี้อร่อยนะคะ เค๊กแบบว่านุ่มมากเลย ...
จะบ่ายสี่โมงแล้ว อากาศแบบว่าครึ้ม ๆ ฝนตกปรอย ๆ ตลอด เลยชวนกันไปทานอาหารเย็นกัน ทีแรกตอนเย็นกะจะแวะ ให้อาหารแกะกันก่อน แต่ว่าฝนตกแบบนี้แกะคงไม่ออกมาแน่ เลยพาไปกินอาหารที่ร้านม่อนไข่ กันเลย
เต็มทีกับมื้อเย็นที่ ร้านม่อนไข่ ร้านม่อนไข่ได้ปรับเปลี่ยนร้านใหม่แล้ว ใหญ่กว่าเดิม รู้สึกว่าจะอยู่ก่อนถึงที่เก่านะ อาหารรสชาดอร่อยเหมือนเดิม ไปถึงก็สั่ง ๆ และก็กิน ๆ จากนั้นก็กลับ มาแวะเซเว่นตรงปากทางภูผาผึ้ง (เดียวนี้มีเซเว่นแล้วนะคะ เจริญแบบไม่หยุดยั่ง) ใกล้ ๆเซเว่นก็มีร้านขายของฝากของที่ระลึก ก็เดินดูกันนิดหน่อย เพื่อน ๆ เขาซื้อของฝากกันแต่เราไม่ได้ซื้ออะ เดินดูเฉย ๆ
และก็เข้าเซเว่นซื้อขนมและสปาย (เพื่อนชวนกิน ไม่ขัดศัทธา จัดไปเลยเพื่อนเต็มที เดียวเมาให้ดู) จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก ถึงที่พักก็นั่งคุยนั่งโม้กันอย่างสนุกสนาน โดยตั้งวงดื่มสปายไปด้วย คุณเพื่อนจัดเต็มเทให้เรา 2-3 แก้วกินจริง ๆ ไปประมาณแก้วนิด ๆ เท่านั้นก็เล่นเอาแย่แล้ว หน้าตาแดง ไปหมด อิๆๆ ก็คนดีเนอะไม่เคยทาน ทานนิดเดียวก็ออกอาการแล้วละเรา
สี่ทุ่มกว่ารู้สึกว่าไมไหวแล้วง่วงนอนมึนหัว เพื่อนไล่ไปนอน เลยจัดไป นอนดีกว่า ตื่นมาอีกทีก็หกโมงเช้า ล้างหน้า ล้างตา ชวนคุณเพื่อนๆ ไปเดินเล่นถ่ายภาพ
เวลา 8 โมง กินข้าวเช้า หลังทานข้าวเช้าเสร็จก็ได้เวลาเคลื่อนขบวนออกจากที่พัก ลาก่อนพนาลี ไว้มีโอกาสคงได้มาเยื่อนอีก
ทริปของเช้าวันที่ 16 มิ.ย. 56 นี้คือ ตามแผนที่วางไว้จะไปธารน้ำร้อนบ่อคลึง ไปน้ำตก แต่สรุปว่าเราไม่ไปกันแล้ว เราจะไปแวะกันที่เซอเนอรี่ ที่เดียวพอ
แวะที่เซนเนอรี่ให้อาหารแกะ ยิงธนู ถ่ายรูปเล่น ออกจากเซนเนอรี่ก็เป็นเวลา 11 โมง ก็ยิ่งยาว ไปนครปฐมเลย
ได้เวลาโบกมือบายบ๊าย สวนผึ้งกันแล้วคะ คราวหน้าคงได้มาเยือนกันอีกครั้งนะ ( มาแต่ละครั้งก็พัฒนาไปกันแบบไม่หยุดยั้งจริง ๆ ถนนหนทาง ขยาย รีสอร์ท เกิดขึ้นมาเยอะแยะไปหมด ร้านอาหารก็เยอะขึ้น ร้านสะดวกซื้อเข้าถึง เฮ้อ...ธรรมชาติจะหมดไปแล้วนะเนี้ย )
จุดหมายต่อไปของทริปในครั้งนี้พาเพื่อน ๆ ไปไหว้พระที่นครปฐม ก่อนไปไหว้พระก็แวะหาข้าวกลางวันทานกันก่อน
มื้อกลางวัน วันนี้นำเสนอร้าน ยาลัน เป็นร้านของน้องหนึ่งในสมาชิกโซลูน่าคลับ ร้านน้องเข้าจะขายกาแฟเป็นหลัก และก็มีอาหารจานเดียวเพิ่มเข้ามา ไปถึงนครปฐมแล้วก็แวะไปอุดหนุนน้องเขาหน่อย
จากทานข้าวกันเสร็จก็พาไปไหว้พระปฐมเจดีย์ กันต่อ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหารเป็นที่ประดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งถือว่าเป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจังหวัดนครปฐมได้ใช้พระปฐมเจดีย์เป็นตราประจำจังหวัด
พระปฐมเจดีย์ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่4 เมื่อพ.ศ. 2396 โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำและมียอดปรางค์อยู่ข้างบนสันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4 เนื่องจากรูปร่างของเจดีย์แบบโอคว่ำมีลักษณะคล้ายกับสาญจีเจดีย์ในอินเดียซึ่งสร้างสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช การก่อสร้างเจดีย์ครอบองค์ใหม่เสร็จเรียบร้อยในสมัยรัชกาลที่5 เมื่อพ.ศ. 2413 รวมเวลาก่อสร้าง 17ปี พระเจดีย์องค์ใหม่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลม รูประฆังคว่ำแบบลังกามีความสูงจากพื้นดินถึงยอดมงกุฎ 3 เส้น 1 คืบ 10 นิ้ว (หรือประมาณ 120.5เมตร) ฐานวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 17 วา 3 ศอก (หรือประมาณ 233 เมตร)ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ทรงบูรณะวัดพระปฐมเจดีย์ให้สง่างามมากขึ้นและถือว่าวัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6
จากไหว้พระปฐมเจดีย์เสร็จแล้วตามแผนจะต้องมีแวะไหว้พระที่วัดศรีษะทองกันอีกทีหนึ่ง แต่ดูเวลาแล้วบ่ายกว่าแล้ว และเพื่อน ๆ ก็ต้องเดินทางกันอีกไกล เพราะคนหนึ่งอยู่ระยอง อีกคนอยู่ฉะเชิงเทรา เลยตกลงกันว่าเดินทางกลับกันเลยดีกว่า
ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวและไปค้างคืนด้วยกันครั้งแรก ในรอบหลายสิบปี (ต้องเรียกว่าหลายสิบปี เพราะตั้งแต่จบมาก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานไปมีครอบครัว ก็เพิ่งมีวันนี้ที่พวกเราร่วมตัวกันได้และได้เที่ยวด้วยกัน ) เรียกว่าเป็นทริปที่ Happy Happy เป็นที่สุดเลย
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้ ทริปนี้เก็บเงินคนละ 2,400 บาท รวมเป็นเงิน 9,600 บาท 1.จ่ายค่าที่พัก 4,400 บาทา 2. ค่ากิน ค่าที่เข้าและค่าน้ำมันรถ ค่าแก๊ส ฯลฯ 5,200 บาท (กินกันแบบไม่อัน)
ปล. ทริปหน้าบรรดาสาว ๆ มีโปรแกรมไปไหว้พระ อยุธยา รอไปอีก 3 เดือน เจอกันใหม่คะ
Create Date : 17 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 26 ธันวาคม 2556 12:21:54 น. |
|
2 comments
|
Counter : 9428 Pageviews. |
|
|
|
วัดมหาธาตุ อยู่หลังบ้านพี่เลย ตอนเด็กไปวิ่งเล่นประจำ เสียดายพระปรางค์ไม่น่าเอาปูนมาโบกเลย สู้ปล่อยให้หักอย่างเดิมดีกว่า ดูไม่ขลังเหมือนเดิม แถมกำแพงก็สร้างมาใหม่ พี่ไม่ชอบเลยอ่ะ 555 บ่นเป็นคนแก่เลยเนอะ
เขาแก่นจันทร์ถ้าอากาศดีๆจะมองเห็นยอดองค์พระด้วยนะ ส่วนกลางคืนก็สวยไปคนละแบบ เมื่อก่อนตอนเรียนที่เทคนิคราขบุรีเคยปั่นจักรยานซ้อนสาวคหกรรมขึ้นไปด้วย นีพาไปเที่ยวแล้วนึกถึงตอนเด็กๆเลย ภาพเก่ามาเป็นฉากๆ 555
ส่วนก๋วยเตี๋ยวไข่ก็กินสมัยอยู่หน้าเขาวังตอนนั้นยังเป็นร้านเล็กๆอยู่เลย พอตอนนี้ย้ายมาอยู่หน้า รพ.ก็ไปกินไม่ถึงห้าครั้งมั้ง ที่ไปส่วนมากเพื่อนให้พาไปลองชิม เพราะร้านเค้าดังไปแล้ว เป็นร้านคอยต้อนรับเพื่อนที่มาเที่ยวราชบุรีนะ
สวนผึ้งพี่ก็ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยเนอะ สงสัยกลับราชรีเที่ยวนี้ต้องเข้าไปเยี่ยมหน่อยแล้ว
ปล.ช่วงนี้งานยุ่งอ่ะ เลยไม่ค่อยได้คุยกันเลย ไว้ว่างๆค่อยนัดไปหาอะไรกินกันเนอะ