Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 

Xinchao Vietnam ( 12 )

ต้องขออภัยครับ ที่ทิ้งช่วงนานไปหน่อยจนเกือบลืม แต่เรื่องก็งวดเต็มทีแล้วล่ะ



รุ่งขึ้น เปิดห้องมาที่ห้องโถงชั้นสองของโรงแรมแล้วต้องผงะ มีเสือโคร่งตัวเบ้อเริ่ม ยืนจังก้า แยกเขี้ยวต้อนรับแต่เช้าเลยครับ กำลังสงสัยว่าเขาปล่อยเสือมาเดินเพ่นพ่านได้อย่างไร ?



แต่น้องผมกลับชอบใจ แถมให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยสิ

เป็นเสือโคร่งสตั๊ฟฟ์ ยืนอยู่ห้องโถงชั้นที่พักครับ ปลุกแขกที่กำลังงัวเงียหรือกำลังเดินสะเงาะสะแงะกลับเข้าห้องดีนักแล



วันนี้ต้องแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อยกันอีกวันครับ เพราะมีกำหนดนัดพบกับคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยฮาติ่งห์ (Ha tinh University) ในช่วงบ่าย ซึ่งต้าอ่วยกันเพื่อหาทางทำ MOU แลกเปลี่ยนนักศึกษา และอาจารย์ กับทาง มข.ด้วย



หลังจากอิ่มมื้อเช้า และเช็คเอ้าท์จากโรงแรมเสร็จสรรพแล้ว ก็พากันมาขึ้นรถ ให้ไกด์เช็คหัวเป็นรายคนตามปกติประจำวัน



พอนับหัวครบดีแล้ว ไม่มีใครตกหล่นกับสาวเวียตนามแต่ประการใด ล้อก็เริ่มหมุนทันที

ระหว่างทางช่วงนี้ มีเส้นทางรถไฟขนานกับถนนไปจนถึงเมืองวิงห์ (Vinh) และรถด่วนเที่ยวเช้าจากสถานีไซ่ง่อนสวนทางขึ้นมาจะไปกรุงฮานอย เสียดายที่ผมคว้ากล้องมาถ่ายรูปไม่ทัน

มาทันตอนเจอรถสินค้าเที่ยวล่องจากฮานอยนี่แหละ



เห็นสัญญลักษณ์แล้ว เป็นที่รู้กันว่า กำลังพ้นเขต จ.นิงบิ่งห์ (Ninh binh) ครับ และเข้าสู่ จ.แทงหัว (Thanh hua)



ไม่กล้าซิ่งมากครับ เพราะเจอตำรวจเวียตนามตั้งด่านด้วยสิ



คราวนี้ เส้นทางรถไฟที่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกนั้น กลับเข้ามาขนานกับถนนอีกครั้งหนึ่ง และข้ามไปอยู่ทางด้านซ้ายมือ



หลังจากเร่งเครื่องแซงแล้ว ก็ทิ้งขบวนรถไฟจนลับจากสายตา เพราะขบวนรถสินค้าวิ่งด้วยความเร็ว 50 กม./ชม.เท่านั้น



รถเมล์ (นอน) ไปกรุงฮานอย เริ่มปรากฎให้เห็นต่อสายตาอีกครั้งแล้วนะครับ



ขณะที่มองสองข้างทางเพลินๆ อยู่นั้น มีรถตู้คันหนี่ง ติดธงเต็มคัน และมีมอเตอร์ไซต์นับสิบขับตามรถตู้นั้น ออกมาจากเมือง

ได้สักพักหนึ่ง รถตู้ก็มาบรรจบกับถนนใหญ่ พอให้เห็นใกล้ๆ รถขนศพนั่นเอง กำลังจะเอาไปฝังยังฮวงซุ้ยนอกเมือง

ไม่ยักมีนางร้องไห้ข้างศพแฮะ หรือว่ายุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้



ป้ายนี้จะเขียนว่าอะไร ผมเดาไม่ออก ขอได้วิจารณ์ตามอัธยาศัย



และก็เช่นเคย เรากำลังออกจากเขต จ.แทงหัว (Thanh hoa) เข้าสู่เขต จ.เหง่ะอานห์ (Nghe Anh) แล้วครับ



เนื้อที่อาศัยอันมัธยัสถ์ของบ้านชาวเวียตนาม



เส้นทางรถไฟที่เริ่มขนานกับเส้นทางหลวงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากแยกห่างไปที่หมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากเส้นทางหลวงครับ



และผ่านตัวเมือง หากจะเรียกให้ถูกต้องคือ อำเภอของ จ.เหง่ะอานห์ (Nghe Anh) นั่นเอง

โชว์รูมมอเตอร์ไซต์ที่ว่า เป็นของยี่ห้อดังจนแทบผูกขาดตลาดของเวียตนาม



หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันที่โรงแรมเฟืองดง (Phong dong) ที่พักคืนแรกที่มาเยือนเวียตนามแล้ว ล้อก็เริ่มหมุนไปยัง จ.ฮาติ่งห์ (Ha tinh) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กม.ครับ



จากชุมชนเมือง รถจะผ่านสะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำลำ (Song Lam) และเป็นแม่น้ำประจำเมืองวิงห์ (Vinh) ด้วย

พอข้ามสะพานแล้ว จะเป็นเขต จ.ฮาติ่งห์ (Ha tinh)

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะทางการเวียตนามได้แยก จ.ฮาติ่งห์ ออกจาก จ.เหง่ะอานห์ เพื่อพัฒนาเมืองให้รับกับโครงการท่าเรือน้ำลึก ๒ แห่ง คือ ท่าเรือหวุงอาง (Vung ang Port) และท่าเรือเซินเยวือง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนอีก ๓ แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมหวุงอาง

และน่าสนใจมากกว่านั้น เป็นโครงการร่วมทุนของ สปป.ลาว เพื่อหาทางออกสู่ทะเล นอกเหนือจากท่าเรือแหลมฉบังของประเทศไทย



แม่น้ำลำ (Song lam) ซึ่งดูกว้างขวางมากนะครับ



ตอนนี้ แนวภูเขาได้ขยับไปทางตะวันตกซึ่งติดกับ สปป.ลาว มองดูผาดๆ เหมือนอยู่ในที่ราบ

รถรามีวิ่งขวักไขว่ ทั้งรถประจำทาง และรถบรรทุก เหมือนในบ้านเรา



แล้วคณะก็เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยฮาติ่งห์ (Ha tinh University) ในเวลาบ่ายสองโมงเย็น

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตั้งขึ้นโดยรวมวิทยาลัยฝึดหัดครูฮาติ่งห์ วิทยาลัยเทคนิค และวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งเข้าด้วยกัน และได้ก่อสร้างที่ทำการให้ใหม่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ที่เห็นเป็นที่ตั้งวิทยาเขตเดิม



ดังที่กล่าวตั้งแต่ต้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ด้วยการประชุมร่วมกัน ทางมหาวิทยาลัยฮาติ่งห์ (Ha tinh University) ได้สรุปข้อมูลเบื้องต้น และหารือด้านการสนับสนุนต่างๆ จาก มข. ซึ่งจะมีการพบปะกันเป็นทางการกับทาง มข.ต่อไป

การพูดคุยกันนั้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะมีล่ามพร้อมที่จะแปลภาษาอยู่แล้ว ทั้งทางมหาวิทยาลัยเองกับคณะทัวร์ที่ไป แถมยังเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยในประเทศไทยด้วย และท้ายสุด มีการนัดเลี้ยงอาหารมื้อเย็นที่โรงแรม โดยมหาวิทยาลัยฮาติ่งห์เป็นเจ้าภาพ

งานนี้เลยอิ่มท้องไปอีกหนึ่งมื้อ



ตัวเมืองฮาติ่งห์ (Ha tinh) มองจากห้องที่พักอยู่ของโรงแรม BMC ครับ โดยมีห้องอาหารอยู่ที่ขั้นดาดฟ้าของโรงแรม

และคืนนั้นมีการรับประทานอาหารสังสันท์กับทางคณาจารย์ของ มหาวิทยาลัยฮาติ่งห์ ซึ่งนั่งประกบอยู่ทุกโตีะทีเดียว แต่เป็นกันเอง สนุกสนานมากมาย

รุ่งขึ้น ก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2556
2 comments
Last Update : 18 สิงหาคม 2556 22:55:02 น.
Counter : 3004 Pageviews.

 

 

โดย: tuk-tuk@korat 22 สิงหาคม 2556 13:03:30 น.  

 

ขอบคุณที่มาแวะชมครับ

 

โดย: owl2 IP: 110.77.160.171 23 สิงหาคม 2556 8:40:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.